ฉินจาน, พ่อบ้านเก่าแก่หงฟู่, จ้าวยู่ และหยวนเอ๋อต่างก็จ้องมองไปที่ขันทีผู้ติดตามแทน
หลี่หยุนเฉาที่เห็นแบบนั้นก็ได้คุกเข่าก่อนที่จะคารวะในทันที “ข้าขอคารวะองค์ชายสี่”
‘องค์ชายสี่อย่างงั้นหรอ? ‘
ชายหนุ่มที่ดูหยาบคายคนนี้คือองค์ชายสี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้วอย่างงั้นหรอ?
ฉินจานรู้สึกประหลาดใจ ตัวเขาไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยว่าคนที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นองค์ชายที่ผู้ซึ่งกลับมาจากชายแดน ตัวเขารีบเดินไปก่อนที่จะทักทาย “คารวะองค์ชายสี่”
ขันทีอดีตผู้ติดตามได้หยุดปรบมือ ตัวเขาได้ถอดเสื้อคลุมก่อนที่จะโยนหมวกทรงสูงทิ้งไป ในตอนนี้การแต่งกายของเขาดูแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง ในเมื่อฐานะที่แท้จริงถูกเปิดเผยออกมาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องแต่งกายปลอมตัวอีกต่อไป ชายคนนี้ไม่ได้ดูเด็กอีกต่อไป ในความจริงแล้วเขาดูเป็นชายผู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่า นี่เป็นสิ่งที่ทำให้คนคนหนึ่งเปลี่ยนไปเมื่อใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสนามรบ คนๆ นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกซะจากหลิวปิง องค์ชายสี่หลิวปิงได้คารวะลู่โจว “วิธีของท่านทำให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ ท่านผู้อาวุโส…หลี่หยินเฉาถือเป็นผู้ฝึกยุทธผู้มีพลังร่างอวตารดอกบัว 6 กลีบ แต่ถึงแบบนั้นท่านก็กลับเอาชนะเขาได้อย่างง่ายดาย”
“เจ้าคือหลิวปิงองค์ชายสี่อย่างงั้นสินะ? ” ลู่โจวได้ถามออกมา
“ใช่แล้ว ข้าเอง”
“เจ้าวางแผนที่จะอยู่ข้างหลี่หยุนเฉาอย่างงั้นสินะ? ” ลู่โจวรู้สึกได้ว่าพลังรอบตัวขององค์ชายองค์นี้ไม่ได้ดูหนาแน่นอะไรเป็นพิเศษ ถ้าหากดูเพียงผิวเผินชายคนนี้ก็คงจะไม่มีได้ฝีมือที่แข็งแกร่งอะไร
“ข้ารู้สึกชื่นชมท่านมานานแล้วท่านผู้อาวุโส…” หลิวปิงได้ยิ้มออกมาก่อนที่จะพูดต่อ “ข้าไม่เคยมีความตั้งใจที่จะยืนหยัดอยู่ฝั่งขันทีหลี่เลย เขาสมควรที่จะได้รับโทษแล้ว แต่ถึงแบบนั้นท่านอาจจะต้องคิดพินิจให้ดี การจะตีสุนัขยังไงซะก็ควรที่จะดูที่เจ้าของมันก่อน หลี่หยุนเฉาถือเป็นสุนัขหลวง แม้ว่าจะเป็นข้าเองแต่ท้ายที่สุดแล้วข้าก็ยังทำอะไรไม่ได้”
“เจ้าพูดมีเหตุผล” ลู่โจวได้ลูบเคราตัวเองพลางพยักหน้าไปด้วย ‘ชายคนนี้อย่างน้อยก็เป็นคนมีไหวพริบอย่างงั้นสินะ…’
ชื่อเสียงของศาลาปีศาจลอยฟ้าได้โด่งดังไปทั่วทุกสารทิศ แม้ว่าหลิวปิงจะติดอยู่ในสนามรบมานานแต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็เคยได้ยินชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่เกี่ยวกับศาลาปีศาจลอยฟ้ามาอยู่ดี
การโจมตีทั้งสองครั้งของลู่โจวสามารถเอาชนะหลี่หยุนเฉาได้อย่างสมบูรณ์แบบ หลิวปิงที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ประหลาดใจ สมแล้วที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าอยู่รอดจนมาถึงทุกวันนี้ได้ ตัวเขาไม่ได้รู้สึกแปลกใจในเรื่องนี้เลย
“ท่านมีแผนที่จะลงโทษเจ้านั่นยังไงกันท่านผู้อาวุโส? ” หลิวปิงได้ถามออกมาอย่างเคารพ
หลี่หยุนเฉาก้มหน้าลง ในตอนนี้ที่ใบหน้าของเขามันเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ตัวเขาไม่ได้รู้สึกแย่เพียงเพราะถูกลู่โจวโจมตี แต่ในตอนนี้ยังมีองค์ชายกำลังอยู่ด้วย ตัวเขารู้ดีว่าคงจะเอาตัวรอดไปไหนไม่ได้แน่ตราบใดที่มีองค์ชายอยู่ ใครจะไปรู้ว่าองค์ชายสี่จะมาอยู่ในที่แบบนี้กัน
ลู่โจวมองไปที่หลี่หยุนเฉาก่อนที่จะพูดออกมา “แล้วทำไมข้าจะต้องบอกสิ่งที่ข้าคิดกับเจ้าด้วยล่ะ? “
“…” หลิวปิงที่ได้ฟังแบบนั้นรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย “ท่านผู้อาวุโส…ท่านช่างเป็นคนอย่างที่เขาลือกันจริงๆ ไม่เพียงพลัววรยุทธของท่านจะลึกล้ำเท่านั้น แต่อารมณ์ของท่านก็ยังลึกล้ำเช่นกัน! “
ในท้ายที่สุดหลิวปิงก็ได้พูดต่อ “ในตอนนี้เรื่องมันก็มาไกลเกินกว่าจะย้อนกลับแล้วท่านผู้อาวุโส…ท่านจะทำอะไรกับหลี่หยุนเฉาก็ได้ตามต้องการ ข้าเองก็จะไม่ห้ามท่าน” หลิวปิงได้ถอยห่างออกมา เห็นได้ชัดว่าตัวเขาไม่ได้มีเจตนาจะก้าวก่ายกับเรื่องนี้
หลี่หยินเฉาได้ขมวดคิ้วก่อนที่จะพูดออกมา “องค์ชาย…”
หลิวปิงมองไปที่หลี่หยุนเฉาก่อนที่จะพูดออกมา “อง์คชายแห่งเฉินซีกับข้าเคยเดินทางไปที่ดินแดนทางตะวันตกด้วยกันมาก่อน แม้ว่าพวกเราจะไม่ใช่สหายที่ดีที่สุด แต่ถึงแบบนั้นพวกเราก็ยังเป็นสหายกันอยู่ดี แต่ข้าผู้เป็นสหายไม่อาจที่จะปกป้องครอบครัวของเพื่อนคนนี้ได้ ข้ารู้สึกละอายแก่ใจจริงๆ ” หลังจากพูดจบตัวเขาก็ได้ก้มหน้าลง
หลี่หยุนเฉาโค้งคำนับก่อนที่จะพูดกับลู่โจว “พลังวรยุทธที่ท่านผู้อาวุโสมีล้ำลึกจนไม่อาจที่จะหยั่งรู้ได้ ท่านผู้อาวุโสข้าเต็มใจยอมรับผิดและยอมรับโทษแต่โดยดี…”
เมื่อลู๋โจวได้ยินแบบนั้นตัวเขาก็ได้ลูบเคราก่อนที่จะพยักหน้า ‘เจ้านี่เองก็เป็นคนมีไหวพริบเหมือนกันสินะ’ ถ้าหากหลี่หยุนเฉายังไม่ยอมแพ้ ตัวเขาก็ตั้งใจที่จะใช้การ์ดพลังคลื่นสายฟ้าโจมตีเข้าใส่กว่าที่ขันนี้คนนี้จะยอมแพ้
“ดีมาก” ลู่โจวได้พูดต่อไป “เจ้าเต็มใจไหมล่ะถ้าหากจะให้ข้าทำลายพลังวรยุทธทั้งหมดที่เจ้ามี? ” ในครั้งนี้ลู่โจวก็เตรียมใช้การ์ดคลื่นพลังสายฟ้าอีกครั้ง ตัวเขาได้แต่รอคำตอบของหลี่หยุนเฉาอย่างเงียบๆ
สีหน้าของหลี่หยุนเฉาเต็มไปด้วยความลำบากใจ การทำลายพลังวรยุทธที่เคยมีไม่ต่างอะไรกับการพรากชีวิตของตัวเขา ตัวเขาไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าคนนี้จะไร้ความเมตตาเช่นนี้ ถ้าหากเป็นแบบนี้หลี่หยุนเฉาจะยอมรับได้ไหม?
ลู่โจวสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปของขันทีคนนี้ “เจ้าไม่เต็มใจอย่างงั้นสินะ? “
“ข้าน้อยไม่กล้า ข้าแค่มีอะไรบางอย่างที่อยากจะพูด ข้าแน่ใจว่าท่านคงไม่อาจเปลี่ยนใจหลังจากที่ฟังข้าพูดแน่” หลี่หยุนเฉาได้พูดออกมา
‘หืม? ‘ องค์ชายสี่รู้สึกสงสัย ตัวหันกลับมาจ้องมองขันทีเฒ่าด้วยความอยากรู้ ตัวเขาไม่ได้รู้สึกประทับใจอะไรในตัวของหลี่หยุนเฉา ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นเพียงชายผู้ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่สนามรบเท่านั้น ในตอนแรกตัวเขาตั้งใจที่จะตีสนิทกับขันทีคนนี้ก็เพื่อที่จะเข้าใกล้กับอัครมเหสีมากขึ้น แต่น่าเสียดาย ใครจะไปรู้ว่าหลี่หยุนเฉาจะเคยทำเรื่องแบบนี้มากัน?
“ตอบมาซะ! “
“ข้ารับใช้อัครมเหสีมานานกว่า 50 ปีแล้ว ไม่ว่าอัครมเหสีอยากจะทำเรื่องอะไรก็แล้วแต่ก็มีคนที่นางสามารถไว้ใจได้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น แน่นอนว่าข้าเองก็เป็นหนึ่งในนั้น อัครมเหสีได้ครอบครองของอะไรบางอย่างอยู่ ของชิ้นนั้นเป็นของที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับศาลาปีศาจลอยฟ้าแน่”
‘หืม? ‘ หัวใจของลู่โจวเต้นไม่เป็นจังหวะ ตัวเขาจำได้ว่าข้อมูลในภาพวาดเก่าแก่นั้นพูดถึงที่ไหน มันพูดถึงพระราชวังนั่นเอง ‘เป็นไปได้ไหมของที่ตามหาจะอยู่ที่พระราชวังจริงๆ? ถ้าหากมันเป็นความจริงนี้ก็คงจะเป็นเรื่องประหลาดมากแน่! ‘
“พูดต่อไปซะ” ลู่โจวได้พูดออกมา
หลี่หยุนเฉาพยักหน้าก่อนที่จะพูดต่อไป “ของชิ้นนั้นเป็นหนังสือที่ไม่มีคำบรรยาย…ของชิ้นนั้นมันถูกทิ้งเอาไว้แทนที่เหรียญตราจักรวรรดิที่ถูกขโมยไป…ข้าเคยเห็นของชิ้นนั้นมาก่อน” หลี่หยุนเฉาได้พูดออกมาอย่างรวดเร็ว
หงฟู่รู้สึกโกรธแค้นแทนอัครมเหสีมาก การที่อัครมเหสีจะต้องไว้ใจขันทีเฒ๋าปลิ้นปล้อนแบบนี้ ฟ้าดินคงมืดบอด ที่พระราชวังคงจะไม่สามารถเชื่อใจใครได้อีกต่อไป
ในตอนนั้นเองหลิวปิงก็ได้พูดแทรกขึ้น “เจ้ากล้าทรยศอัครมเหสีอย่างงั้นหรอ? ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงก็คงจะมีแต่ความตายเท่านั้นแหละที่รอเจ้าอยู่”
หลี่หยุนเฉาส่ายหัวก่อนที่จะพูดออกมา “มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ท่านไม่เข้าใจ องค์ชายสี่ ท่านน่ะเพิ่งจะกลับมาจากสนามรบมาเมื่อไม่นานมานี้ ข้าจะอธิบายให้ท่านฟังเอง ในตอนที่เหรียญตราจักรวรรดิได้สูญหายไป ในตอนนั้นทุกคนต่างก็หาของสิ่งนี้ อัครมเหสีเป็นเพียงคนเดียวที่รู้ว่ามันอยู่ในมือของศาลาปีศาจลอยฟ้า แต่เดิมองค์จักรพรรดิจะเป็นผู้เก็บเหรียญตรานี้เอาไว้ แต่ท้ายที่สุดของชิ้นนี้กลับตกอยู่ในมือของอัครมเหสีไป ในตอนที่องค์จักรพรรดิได้ทรงพักฟื้นฟูร่างกายอยู่ ตอนนั้นเหรียญตราจักรวรรดิหายไป อัครมเหสีก็รู้สึกกังวลมาโดยตลอด ท้ายที่สุดแล้วนางก็ได้ส่งคนไปที่ศาลาปีศาจลอยฟ้า…”
ลู่โจวนึกคิดย้อนไป ตัวเขาจำเรื่องนี้ไม่ได้เลย ความทรงจำอันนี้คงจะเป็นความทรงจำที่ขาดหายไป ดังนั้นลู่โจวจึงเลือกที่จะไม่ได้ตอบกลับอะไร ถ้าหากพูดออกไปบางทีมันอาจจะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง สีหน้าของเขายังคงดูไร้อารมณ์เช่นเคย
หลี่หยุนเฉาได้พูดออกมาอีกครั้ง “ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น ในตอนนั้นท่านผู้อาวุโสก็ไม่คิดที่จะยอมแพ้ ท่านได้ส่งคัมภีร์อันว่างเปล่าอันหนึ่งกลับมาแทน”
ในตอนนั้นลู่โจวก็เริ่มนึกออก คัมภีร์ที่ว่างเปล่านั้นจะต้องเป็นชิ้นส่วนของเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์แน่ ลู่โจวไม่ได้สนใจว่ามันจะเป็นอะไร ตัวเขาได้เลือกที่จะถามหาที่อยู่ของมันแทน “คัมภีร์นั้นอยู่ไหนกัน? “
หลี่หยุนเฉาตอบกลับมา “มันยังอยู่ในพระราชสำนัก”
ในช่วงเวลาสำคัญนี้ลู่โจวก็เข้าใจแล้วว่าหลี่หยุนเฉาคนนี้กำลังต้องการแลกเปลี่ยนเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์กับพลังวรยุทธของตัวเขาเอาไว้ บังเอิญว่าลู่โจวได้มอบเหรียญตราจักรวรรดิให้กับเจียงอาเฉียนไปแล้ว เจียงอาเฉียนได้ใช้มันเพื่อเปิดคลังแสงไป ท้ายที่สุดแล้วของชิ้นนี้ก็กลับมาอยู่ในมือของราชวงศ์ มันดูเหมือนเป็นชะตาที่ไม่อาจเลี่ยงจริงๆ
ลู่โจวไม่ได้หันกลับมา ตัวเขาได้พูดขึ้น “จ้าวยู่…”
“ท่านอาจารย์”
“เจ้าถือว่าเป็นเหยื่อในเรื่องครั้งนี้…เจ้าเองก็ตัดสินชะตาของเจ้านั่นซะเถอะ”
เนื่องจากลู่โจวอยากรู้แล้วว่าชิ้นส่วนเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์อยู่ที่พระราชสำนัก การที่จะหาเคล็ดวิชากลับมาได้มีหลากหลายทางอยู่ดี ตัวเขาไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งพาหลี่หยุนเฉาเลย ด้วยเหตุนี้เองตัวเขาจึงอนุญาตให้จ้าวยู่เป็นผู้ตัดสินใจชะตากรรมของหลี่หยุนเฉาแทน
จ้าวยู่ได้โค้งคำนับก่อนที่จะพูดออกมา “ในตอนนี้ข้าได้ชีวิตตัวเองกลับคืนมาแล้วท่านอาจารย์…แม้ว่าเขาจะทำร้ายข้าแต่เขาก็เป็นผู้ช่วยชีวิตข้าเช่นกัน ถ้าหากเขาโกหกเรื่องที่พูดมา พวกเราก็จะกลับไปจัดการกับขันทีเฒ่าได้ทุกเมื่อ”
“ถูกต้องแล้ว” หยวนเอ๋อพยักหน้าเห็นด้วย
เมื่อลู่โจวได้ยินแบบนั้น ตัวเขาก็รู้สึกดีใจมากที่ศิษย์ของเขาได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ในที่สุดจ้าวยู่ก็คิดถึงผู้อื่นมากยิ่งขึ้น ส่วนหยวนเอ๋อเองก็ยังคงไม่ได้เป็นเช่นนั้น แต่ถึงแบบนั้นนางก็มีพัฒนาการที่ดีมากขึ้นแล้ว
“หลี่หยุนเฉา…เจ้าได้ยินแล้วสินะ? ” ลู่โจวได้ถามออกมา
“ข้าเข้าใจแล้ว…เวลานี้ของวันพรุ่งนี้ข้าจะนำของชิ้นนั้นมาให้ท่านเองท่านผู้อาวุโส” หลี่หยุนเฉาได้พูดออกมา
ในตอนนี้ตึกที่อยู่ตรงข้ามกับคฤหาสน์แห่งพลังก็ได้มีอาวุธสีทองถูกยิงขึ้นฟ้าไป เป้าหมายของอาวุธชิ้นนั้นก็คือหลี่หยุนเฉา
มือสังหารได้หายไปในทันทีหลังจากที่ปลดปล่อยอาวุธออกมา
สีหน้าของหลี่หยุนเฉาเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าดู ตัวเขาได้หันไปที่ด้านข้างก่อนที่จะปลดปล่อยพลังออกมาจากตัว
องค์ชายสี่หลิวปิงขมวดคิ้วก่อนที่จะพูดออกมา “หลี่หยุนเฉาดูเหมือนเจ้าจะไว้ใจได้สินะ! “
ตู๊ม!