ลู่โจวเคยเห็นเคล็ดวิชานี้มาก่อนแล้ว มันเป็นเคล็ดวิชากระจกแห่งแสงนั่นเอง เป็นเคล็ดวิชาที่วู่เหนียน ปรมาจารย์แม่ชีใช้ที่แท่นประลองดอกบัว แต่เมื่อเห็นพลังกระจกแห่งแสงของกงหยวน ลู่โจวก็รู้ได้ทันทีว่ามันทรงพลังกว่าของวู่เหนียนมาก วงกลมแห่งแสงที่อยู่ใต้เท้าได้ขยายขนาดออกไป ทุกๆ คนที่อยู่ในระยะของกระจกแห่งแสงต่างก็ได้รับผลกระทบจากมัน
ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายต่างก็รู้สึกถึงพลังที่เอ่อร้นเข้าสู่ร่างกาย ทุกๆ คนต่างก็ตกใจกับพลังที่ได้รับมา
“โจมตี! “
พลังฝ่ามือจากทั่วทุกทิศทางได้จู่โจมถาโถมเข้าใส่ดาบลอยฟ้าที่บินเข้ามาหมายจะเอาชีวิตของเหล่าผู้บุกรุก
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
กงหยวนรู้สึกยินดีที่ได้เห็นแบบนี้ ผู้ฝึกยุทธจากสิบสุดยอดสำนักต่างก็มีพลังเหนือชั้นมากกว่าสำนักย่อย ผลลัพธ์ที่ได้จากพลังกระจกแห่งแสงเป็นอะไรที่เกิดความคาดหมายของตัวเขาไปนานแล้ว
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
การโจมตีอีกรอบได้ทำให้ดาบลอยฟ้าทั้งหมดถูกจัดการไป
ดาบทุกเล่มได้ร่วงหล่นลงมาจากบนอากาศ
และแล้วก็เหมือนกับก่อนหน้านี้ แสงสว่างทั้งเจ็ดแห่งก็ได้ส่องสว่างขึ้นมาอีกครั้ง
เจียงอาเฉียนที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ถามออกมาอย่างสับสน “ท่านผู้อาวุโส แสงสว่างทั้งเจ็ดแห่งที่ได้เห็นมันหมายความว่าอะไรกัน? “
ลู่โจวได้ตอบคำถามกลับไป “แสงสว่างแห่งแรกคือสวรรค์เวียนว่าย, แสงสว่างที่สองนั่นก็คือหยกผันแปร, แสงแห่งที่สามคือมุกส่องสว่าง, แสงสว่างที่สี่คืออัญมณีสมดุล, แสงสว่างที่ห้าคือหยกแห่งการมองเห็น, แสงสว่างที่หกคืออัญมณีร้อนแรง และแสงสว่างที่เจ็ดก็คือประกายสว่างไสว หนึ่งในสี่แสงแรกเป็นเหมือนกับร่างกาย ส่วนแสงที่ห้าถึงเจ็ดเป็นเหมือนกับแขนและขา ทุกสิ่งทุกอย่างได้หลอมรวมกันจนกลายเป็นม่านพลังแห่งดาบทั้งเจ็ด”
“ข้าเข้าใจแล้ว” เจียงอาเฉียนทำเหมือนกับเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง
หยวนเอ๋อที่คิดสงสัยจึงได้เหลือบมองไปยังเขาก่อนที่จะถามออกมา “มันคืออะไรกัน? “
“อย่าถามข้าเลย…ข้าก็แค่ทำเป็นเข้าใจไปก็เท่านั้น” หลังจากพูดจบเจียงอาเฉียนก็จ้องมองไปยังแสงสว่างที่อยู่บนพื้น
ฉินจานได้อธิบายออกมา “พลังดาบทั้งเจ็ดประกอบไปด้วยส่วนที่สำคัญทั้งหมดเจ็ดส่วนด้วยกัน การที่ทุกส่วนหลอมรวมกันจะทำให้ม่านพลังแห่งดาบทั้งเจ็ดแสดงพลังที่แท้จริงออกมาได้ มันเป็นพลังที่น่ากลัวจริงๆ ” ดาบทั้งหมดที่ร่วงหล่นสู่พื้นได้กลับมาเรืองแสงก่อนที่จะเริ่มโจมตีผู้ฝึกยุทธทั้งหลายใหม่
แคล๊ง! แคล๊ง! แคล๊ง! แคล๊ง!
“ท่านปรมาจารย์ ท่านจะไม่คิดทำอะไรสักหน่อยหรอ? ” มีใครบางคนถามออกมาอย่างร้อนใจ
กงหยวนได้ปล่อยพลังฝ่ามือลอยไปบนอากาศ ในเวลาเดียวกันตัวเขาก็ได้หันกลับมาสั่งการผู้ฝึกยุทธที่เหลือ “พวกเจ้ากำลังรออะไรกันอยู่ล่ะ? รีบมองหาช่องว่างและหยุดการทำงานของม่านพลังซะ! “
ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายรีบมองดาบที่กำลังเปล่งแสงอยู่บนพื้นดิน
ในตอนนี้กงหยวนและคนอื่นๆ ที่เหลือต่างก็รับมือกับกลุ่มดาบจำนวนมากที่กำลังโจมตีเข้ามาอย่างไม่หยุดพัก
ม่านพลังแห่งดาบทั้งเจ็ดได้แสดงพลังที่แท้จริงออกมาแล้ว
มีผู้ฝึกยุทธกว่าหลายคนได้วิ่งไปตรงหน้า พวกเขากำลังจ้องมองดาบที่มีก่อนที่จะประเมินมันตามสัญชาตญาณ
“นี่มันดาบระดับโลก! ระดับโลก…มันคือดาบระดับโลกไม่ผิดแน่! ” มีใครบางคนหัวเราะออกมาอย่างเริงร่า
ผู้ฝึกยุทธกว่าหลายคนได้หยิบดาบระดับโลกขึ้นมา ทุกๆ คนต่างก็ตื่นเต้นที่ได้จับอาวุธระดับโลกเหล่านี้ ทุกๆ คนต่างก็ลืมไปแล้วว่าตอนนี้พวกเขากำลังเจอกับอันตรายอยู่
กงหยวนได้ตะคอกขึ้น “วางมันลง! ” ในตอนนั้นเองกงหยวนก็ได้หยุดใช้พลังฝ่ามือ พลังกระจกแห่งแสงเองก็หายไปเช่นกัน พลังการโจมตีของทุกคนล้วนแต่ถูกลดลงเป็นอย่างมาก
ดาบลอยฟ้าชุดใหม่ได้พุ่งผ่านร่างกายของผู้ฝึกยุทธพวกนั้นไปอย่างไร้ปรานี เพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้นสุสานแห่งนี้ก็ถูกย้อมไปด้วยเลือด
กลุ่มผู้ฝึกยุทธที่อยู่นอกเหนืออาณาเขตต่างก็ตกตะลึงเมื่อได้เห็นแบบนั้น ผู้ที่อยู่ในเขตพลังของม่านพลังแห่งดาบทั้งเจ็ดต่างก็ถูกดาบจำนวนมากเสียบแทงเข้าไปที่ร่างกาย
หยวนเอ๋อรบปิดตาก่อนที่จะหันหน้าหนีไป
ในทางกลับกันสีหน้าของลู่โจวในตอนนี้ยังคงไร้ซึ่งอารมณ์ บางทีนี่อาจจะเป็นเพราะความทรงจำของจีเทียนเด๋าที่เจอแต่เรื่องโหดร้ายมาโดยตลอด เพราะแบบนั้นลู่โจวจึงไม่ได้รู้สึกสยดสยองเท่าไหร่นัก ภาพที่ได้เห็นข้างหน้าไม่ใช่เรื่องอะไรที่แปลกประหลาดเลย
ในตอนนี้ผู้ฝึกยุทธกว่า 30 คนได้ถูกจัดการไป มีผู้ฝึกยุทธบางคนรอดพ้นมาจากการโจมตีได้
“กงหยวน! เจ้ากำลังจะทำอะไรกัน?! ” มีใครบางคนตะโกนถามออกมาก่อนที่จะจ้องมองไปยังปรมาจารย์นักบวชคนนี้
กงหยวนได้พนมมือขึ้นมาก่อนที่จะพูดขึ้น “อมิตาพุทธ ม่านพลังแห่งดาบทั้งเจ็ดนี้ทรงพลังเกินไป การที่จะรับดาบมารมาได้…จะต้องมีใครบางคนยอมเสียสละเป็นเรื่องธรรมดา ข้าขอชมเชยในความกล้าหาญของพวกเขาทุกคน เมื่อข้ากลับไปที่วิหารแห่งความว่างเปล่าได้ข้าจะช่วยจัดพิธีให้ทุกคนได้จากไปอย่างสงบเอง”
“นี่เจ้า…”
การกระทำของกงหยวนได้ทำให้ทุกคนรู้สึกโกรธแค้น
แม้จะทำเรื่องที่ผิดแต่ดวงตาของกงหยวนก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ตัวเขาได้พูดต่อ “ข้าได้ให้โอกาสพวกเจ้าแล้ว แต่พวกเจ้าก็ยังทำให้ข้าผิดหวังเอง พวกเจ้าไม่ควรที่จะมาตำหนิอะไรข้านะ”
ม่านพลังแห่งดาบทั้งเจ็ดได้ส่องสว่างมากขึ้นภายใต้เลือดสดๆ ที่ไหลอาบพื้น พลังของมันได้ขยายขอบเขตไป เลือดของผู้ฝึกยุทธได้ไหลอาบไปตามทางเดิน…มันเป็นเหมือนกับเส้นเลือดที่มีอยู่ในร่างกาย ท้ายที่สุดแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็ได้มาบรรจบกันอีกครั้ง
เมื่อทุกอย่างได้เชื่อมต่อกัน ม่านพลังแห่งดาบทั้งเจ็ดก็ถูกใช้งานอย่างเต็มรูปแบบขึ้นมาจนได้ ฉินจานที่เห็นแบบนั้นก็ได้พูดออกมาอย่างไม่เต็มใจ “ม่านพลังแห่งดาบทั้งเจ็ดถูกเปิดใช้งานอย่างเต็มรูปแบบแล้ว…พวกเราคงจะทำอะไรไม่ได้แล้ว ท่านผู้อาวุโสพวกเราจะทำยังไงดี? ” เห็นได้ชัดว่าทุกๆ คนได้ฝากความหวังทั้งหมดเอาไว้กับลู่โจว ลู่โจวในตอนนี้ได้จ้องมองไปยังกลุ่มของผู้ฝึกยุทธที่เหลือ
พลังรอบตัวของกงหยวนเองเปลี่ยนไปเช่นกัน ตัวเขามองไปยังแสงสว่างทั้งเจ็ดที่อยู่บนพื้นและดาบทั้งหลายที่กำลังลอยอยู่บนอากาศอย่างเกรี้ยวกราด “อมิตาพุทธ…” เสียงของเขาได้ดังกังวานจนคล้ายกับพลังคลื่นเสียง
‘ช่างทรงพลังอะไรแบบนี้? ‘
ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายต่างก็มีพลังที่อ่อนแอ พวกเขารู้สึกได้ว่าเลือดทั้งหมดในตัวกำลังเดือดพล่าน
ลู่โจวที่ได้รับพลังคลื่นเสียงไปไม่ได้รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย
พลังการยับยั้งที่เป็นพลังพิเศษของเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ช่วยต้านพลังคลื่นเสียงที่กงหยวนปล่อยออกมาได้
ผู้ฝึกยุทธหลายคนไม่อาจที่จะยืนได้อีกต่อไป พวกเขาได้ล้มลงก่อนที่จะตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “กงหยวน! เจ้ากำลังวางแผนอะไรกันแน่!? “
“พวกเจ้าจะต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของสุสานแห่งดาบ…” กงหยวนได้พูดออกมา สีหน้าเขามันช่างดูมืดมน
ไม่มีใครคาดคิดเลยว่านักบวชผู้สูงส่งคนนี้จะมีเจตนาแฝงที่ชั่วร้ายถึงเพียงนี้
ดาบลอยฟ้าได้พุ่งผ่านผู้ฝึกยุทธที่เหลือไป
พลังร่างอวตารรวมไปถึงพลังป้องกันมากมายหลายประเภทถูกใช้ออกมา ภาพที่ได้เห็นน่ามันช่างดูน่าทึ่งอย่างแท้จริง
พรึ๊บ! พรึ๊บ! พรึ๊บ!
แต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็ถูกดาบจำนวนมากจัดการไปจนได้
แสงสว่างทั้งเจ็ดได้ส่องสว่างขึ้นมาจนทำให้หลุมศพแห่งนี้สว่างจ้าขึ้น ดาบลอยฟ้าไม่ได้โคจรรอบหลุมศพอีกต่อไป ตอนนี้ดาบทุกเล่มตั้งใจที่จะพรากชีวิตของทุกคนที่อยู่ที่นี่ไป
เจียงอาเฉียนได้ยกมือก่อนที่จะกางม่านพลังป้องกันออกมา “ท่านผู้อาวุโส ข้าจะรับมือกับพลังนี้เอง”
“ท่านอาจารย์ไม่จำเป็นจะต้องรับการป้องกันจากเจ้านั่นหรอก! น่ารำคาญซะจริง…” หยวนเอ๋อวางแผนที่จะปกป้องลู่โจวด้วยตัวเอง
พลังของหยวนเอ๋อได้กลายมาเป็นม่านพลัง มันเป็นม่านพลังที่ทำหน้าที่ป้องกันอยู่ที่ด้านหน้าของนางเอง
เจียงอาเฉียนหัวเราะออกมาเบาๆ เขาไม่อยากที่จะทะเลาะกับนาง
ลู่โจวไม่ได้รู้สึกแย่อะไร ที่ไม่ไกลมากนักมีดาบลอยฟ้าจำนวนมากกำลังลอยตรงมา ในทางกลับกันผู้ฝึกยุทธจากสำนักใหญ่ต่างก็พบกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก ดาบลอยฟ้าจำนวนมากกำลังโจมตีพวกเขาอย่างไม่หยุดพัก
พรึ๊บ! พรึ๊บ! พรึ๊บ!
หลุมฝังศพที่ตั้งอยู่ใจกลางห้องถึงกับสั่นสะท้าน
เมื่อเห็นแบบนั้นกงหยวนก็ได้เงยหน้าขึ้นมาก่อนที่จะหัวเราะอย่างเต็มที่ “ในที่สุดช่วงเวลาของข้าก็มาถึงแล้ว! ” ตัวเขาได้บินขึ้นไปจากพื้นดินก่อนที่จะมีพลังงานสีดำไหลออกมาจากร่างกาย เพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้นตัวเขาก็ยืนอยู่บนหลุมฝังศพได้แล้ว กงหยวนได้ซัดพลังฝ่ามือลงบนด้านล่าง
ตู๊ม!
พลังสีดำได้กระแทกเข้าใส่หลุมศพขนาดยักษ์ เป็นเพราะพลังโจมตีอันทรงพลังทำให้หลุมศพเริ่มมีรอยแตกร้าว!
เจียงอาเฉียนขมวดคิ้ว “ดาบมารอยู่ในหลุมฝังศพอย่างงั้นสินะ! “
ลู่โจวเองก็ไม่คาดคิดเช่นกัน
ในตอนนั้นเองกงหยวนที่ยืนอยู่บนหลุมฝังศพขนาดยักษ์ ตัวเขาได้หันไปมองคนอื่นๆ ราวกับว่าตัวเองได้เป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ก่อนที่ท้ายที่สุดแล้วเขาจะเหลือบมองไปที่เจียงอาเฉียน
กลุ่มดาบทั้งหลายยังคงโจมตีผู้ฝึกยุทธทั้งหลายอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่กงหยวนยังคงปลอดภัยดี
ลู่โจวเหลือบเห็นพลังอันมืดมิดที่อยู่บนร่างกายของกงหยวนดี ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นก็ได้แผ่พูดออกมา “วิถีพุทธปีศาจอย่างงั้นสินะ? “
กงหยวนที่ได้ยินแบบนั้นได้หันไปมองชายชราที่อยู่ข้างๆ เจียงอาเฉียนไปแทน การแผ่เสียงในลักษณะเช่นนี้ไม่ใช่วิธีการที่คนธรรมดาทั่วไปจะสามารถทำได้
กงหยวนไม่เคยพบกับลู่โจวมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นพลังอันมืดมิดนี้ยังเป็นพลังที่ตัวเขาไม่เคยแสดงที่ไหนมาก่อน “ท่านมีสายตาที่เฉียบคมดีประสก”
“คนสุดท้ายที่ข้าได้เจอเป็นผู้ฝึกยุทธที่ใช้วิชานี้ คนคนนั้นมาจากวิหารปีศาจ เขาคนนั้นเป็นยอดฝีมือลำดับที่สอง ชื่อของเขาก็คือซู่จินฉาน เขาเป็นเพียงคนเดียวในวิหารปีศาจที่เลือกฝึกพลังวิถีพุทธปีศาจจนไปถึงขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้” เสียงของลู่โจวยังคงแผ่ออกไป เสียงของเขาได้ดังไปถึงหูของทุกๆ คน ดูเหมือนว่าลู่โจวจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากม่านพลังแห่งดาบทั้งเจ็ดเลย
กงหยวนส่ายหัว “ซู่จินฉานอ่อนแอเกินไป เขาคนนั้นไม่อาจเทียบเคียงข้าได้ ข้าเป็นผู้ฝึกยุทธวิถีพุทธทั้งสองสาย ข้าคือผู้ฝึกยุทธวิถีพุทธปีศาจที่เก่งกาจที่สุดแล้ว”
คนอื่นๆ ต่างก็ตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ลู่โจวลูบเคราก่อนที่จะพูดออกมา “ข้าอยากจะเห็นจริงๆ ว่าเจ้าจะทำลายม่านพลังแห่งดาบทั้งเจ็ดได้ยังไงกัน”
ลูกประคำของกงหยวนได้ลอยอยู่บนฝ่ามือของตัวเขา กงหยวนได้กางแขนออกมา หลังจากนั้นตัวเขาก็ได้กวาดสายตาไปรอบๆ เจียงอาเฉียน, ลู่โจว และคนอื่นๆ ก่อนที่จะพูดออกมาอีกครั้ง “ม่านพลังแห่งดาบทั้งเจ็ดได้ถูกอัญเชิญมาแล้ว ประสกทั้งหลาย ท่านจงไปตามทางของท่านเถอะ อมิตาพุทธ…”
หัวใจของกงหยวนเต้นไม่เป็นจังหวะ ถ้าหากมีแค่เจียงอาเฉียนตัวเขาจะไม่ได้รู้สึกกังวลเลย แต่การปรากฏตัวของยอดฝีมือที่อยู่ด้านข้าง เพียงแค่เสียงเท่านั้นก็ทำให้ตัวของกงหยวนรู้สึกถึงฝีมือของชายชราที่อยู่ตรงหน้าได้ “ท่านกำลังรอเก็บเกี่ยวสิ่งที่ข้าได้หว่านเอาไว้สินะ? “
กงหยวนได้ประกบฝ่ามือของตัวเองอีกครั้ง ลูกประคำของเขาได้แยกออกจากกันก่อนที่จะลอยไปหาฝูงคน