เหล้าเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยทำให้ผู้ดื่มมีความสุขมากขึ้น หลังจากนั้นตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการจนไปถึงนักกวีต่างก็เลือกที่จะดื่มเหล้าเพื่อเพิ่มพูนความสุขและแรงบันดาลใจ แม้ว่าจะเป็นชายผู้บ้าการต่อสู้ก็ตาม แต่ถึงแบบนั้นเหล้าก็ยังเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนเชื่อมโยงกัน
ลู่โจวนั่งลงอย่างช้าๆ ตัวเขาได้โบกแขนมา เหล้าในขวดได้เติมเต็มบนจอกเหล้าอย่างแม่นยำ เหล้าทั้งสองถ้วยถูกเติมเต็มไม่มีหก กลิ่นของเหล้าได้ลอยอบอวลไปทั่วทั้งอากาศ
ตอนนี้ฝานลี่เทียนแทบที่จะน้ำลายไหล ถ้าหากตัวเขาไม่รู้ว่าผู้มาเยี่ยมเยียนมาที่นี่ด้วยเจตนาไม่ดีเท่าไหร่ตัวเขาก็คงจะเข้าไปร่วมดื่มกับลู่โจวและหยวนดู่ด้วยแล้ว
ลู่โจวได้ยกถ้วยเหล้าขึ้นมาก่อนที่จะค่อยๆ จิบอย่างนุ่มนวล
แค่ก! แค่ก! แค่ก!
ภายในโลงศพได้ส่งเสียงแปลกๆ ออกมา
ความหลงใหลในเหล้าที่หยวนดู่มีไม่ได้ด้อยไปกว่าฝานลี่เทียนเลย กลิ่นหอมของเหล้าได้แทรกซึมไปทั่วทั้งอากาศ เป็นไปไม่ได้เลยที่ชายคนนี้จะไม่อยากดื่มเหล้าที่อยู่ตรงหน้า
ลู่โจวไม่ได้กลืนเหล้าไปในทันที ตัวเขาเลือกที่จะถ่มเหล้าออกมาแทน
ถุ้ย!
เหล้าที่ถูกถ่มออกมาได้เปลี่ยนกลายเป็นดาบก่อนที่จะพุ่งเข้าหาโลงศพที่อยู่ไม่ไกล
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
ดาบพลังงานทั้งสามเล่มได้เสียบเข้าไปที่โลงศพ ฮั๊ววู่เด๋าที่ได้เห็นแบบนั้นก็ได้พูดยกย่องออกมา “ข้าเกือบที่จะลืมทักษะการใช้ดาบของท่านปรมาจารย์ไปแล้ว ข้าจำได้ว่าลั่วฉางชิงแห่งสำนักหยุนเคยยกย่องทักษะดาบของยู่ฉางตงว่าเป็นหนึ่งในใต้หล้า แต่ทักษะของผู้ที่เป็นลูกศิษย์มันจะไปดีกว่าทักษะของผู้เป็นอาจารย์ได้ยังไงกัน? ” ถ้าหากผู้เป็นลูกศิษย์มีทักษะที่น่ากลัวขนาดนั้น ผู้ที่เป็นอาจารย์เองก็คงจะไม่น้อยหน้าไปกว่านั้นแน่
หยวนดู่ได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันแหบแห้ง “ข้าประทับใจจริงๆ ยอดฝีมือผู้ใช้ดาบมักจะใช้พลังลมปราณควบแน่นจนกลายเป็นดาบพลังงานได้ แม้ว่าจะทำแบบนั้นได้แต่ก็มียอดฝีมือไม่มากนักที่จะเปลี่ยนอะไรก็ได้ให้กลายเป็นดาบได้แบบนี้”
ลู่โจวไม่ได้หวั่นไหวอะไรกับคำเยินยอพวกนี้ ตัวเขาได้ลูบเคราก่อนที่จะตอบกลับมาแทน “มันเป็นเพียงทักษะที่ไม่ได้สำคัญอะไร มันไม่ได้สำคัญมากพอที่จะให้พูดถึงด้วยซ้ำไป เจ้าเองคงจะสามารถป้องกันการโจมตีได้อย่างง่ายดาย”
‘แล้วทำไมเขาไม่ป้องกันการโจมตีซะล่ะ? ‘
ฝาโลงได้เหวี่ยงออก ในตอนนั้นเองมีพลังกระเพื่อมออกมาโดยรอบ ใครคนหนึ่งได้โผล่ออกมาจากโลงศพ
ในไม่ช้าหยวนดู่ก็ได้ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน หยวนดู่เป็นชายผู้สูงวัย ผมเฒ่าของเขาดูไม่เป็นทรง ใบหน้าของเขาดูบูดบึ้ง หนวดเคราได้ปกคลุมใบหน้าของเขาไปทั่ว เสื้อผ้าที่สวมใส่ดูคล้ายกับเศษผ้า แขนและขาของเขาถูกปกคลุมไปด้วยสิ่งสกปรกจนทำให้ไม่มีใครมองเห็นผิวหนังที่แท้จริงของเขาอีกต่อไป นี่คือยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่จากเมืองหลวงทางตอนเหนือ รูปลักษณ์ที่แท้จริงของหยวนดู่ได้ปรากฏออกมาแล้ว ตัวเขาดูเหมือนกับมัมมี่ไม่มีผิด
คนอื่นๆ ต่างก็ถอยหลังไปเมื่อได้เห็นแบบนี้ นี่เป็นผลมาจากการอยู่ในโลงศพนานเกินไป
ผู้ฝึกยุทธที่สามารถฝึกฝนตัวเองไปจนถึงขั้นมหาราชครูได้คนคนนั้นก็จะสามารถอดอาหารได้นานมากยิ่งขึ้น ในขั้นมหาราชครู ผู้ฝึกยุทธคนนั้นจะสามารถอดอาหารได้ 3-5 วันด้วยกัน ส่วนผู้ฝึกยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์จะสามารถอดอาหารได้ 10-14 วัน และผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์จะสามารถดำรงชีวิตอยู่ในโลกต่อไปได้โดยอาศัยเพียงแค่การโคจรพลังเท่านั้น แต่ถึงแบบนั้นการผู้ฝึกยุทธยอดฝีมือก็จะต้องกินอาหารที่แท้จริงในนานๆ ครั้งอยู่ดี เป็นเรื่องที่ยากมากที่จะจินตนาการถึงความยากลำบากที่หยวนดู่ต้องเอาชีวิตรอดในโลงศพอย่างยาวนานแบบนี้ หรือว่าหยวนดู่เองจะแอบจับแมลงรวมไปถึงหนูในสุสานใต้ดินกินเป็นอาหารกัน?
ในบรรดาเหล่าผู้คนที่พยายามนึกภาพหยวนดู่ที่จะต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากภายในโลงศพ ทุกๆ คนก็ได้แต่สั่นไปด้วยความขยะแขยง โชคยังดีที่กลิ่นเหม็นของหยวนดู่ถูกป้องกันด้วยพลังลมปราณที่ทุกคนมีได้ ทุกคนในตอนนี้จ้องมองไปที่หยวนดู่อย่างไม่ละสายตา
หยวนดู่ลืมตาขึ้นมา ดูเหมือนว่าดวงตาของเขายังปรับเข้ากับแสงสว่างจ้าไม่ได้ ตัวเขาต้องใช้เวลาครู่หนึ่งก่อนที่จะปรับตัวได้อีกครั้ง เมื่อปรับตัวได้หยวนดู่จึงมองไปที่โต๊ะที่อยู่ไม่ไกลจากตัวเขา หลังจากนั้นเขาก็ได้เหลือบมองไปยังลู่โจว ในขณะที่นั่งลงอย่างช้าๆ ตัวเขาก็ได้พูดออกมา “ท่านเปลี่ยนไปจริงๆ พี่จี”
“หืม? “
“ข้าน่ะวางมือกับของสิ่งนี้ไม่ได้เลย” หยวนดู่ได้ยกแขนขวาขึ้นมาช้าๆ ตัวเขาได้ยกขวดเหล้าขึ้นมาก่อนที่จะเทเหล้าใส่ไปในปากทันที
อึก! อึก! อึก! อึก!
“วิเศษ! “
ลู่โจวในตอนนี้ยังคงนั่งจิบเหล้าจากถ้วยของตัวเองอย่างพิถีพิถัน เมื่อเทียบกันแล้วทั้งสองคนดูแตกต่างกันมากจริงๆ
ขวดเหล้าที่ถูกยกดื่มว่างเปล่า ขวดเหล้าได้ถูกพลังลมปราณของหยวนดู่ยกกลับไปตั้งบนโต๊ะอย่างช้าๆ “พี่จี…พลังวรยุทธของท่านไม่เหมือนกับแต่ก่อน ถ้าหากพวกเราต่อสู้กันด้วยอาวุธจริงๆ ข้าก็คงจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน” เมื่อหยวนดู่ขยับปากพูด สิ่งสกปรกที่ติดอยู่บนใบหน้าของเขาก็ร่วงหล่นลงมาด้วยเช่นกัน
ลู่โจวได้ถอนหายใจก่อนที่จะพูดออกมา “เจ้าเองก็รู้ขีดจำกัดของตัวเองดี แล้วทำไมถึงต้องดื้อด้านมาหาข้าถึงที่นี่ด้วย? “
หยวนดู่ถอนหายใจยาวก่อนที่จะพูดออกมาอีกครั้ง “พี่จี ท่านไม่เหมือนกับข้า”
“หืม? “
“ท่านไม่ได้ไร้ปรานี, เด็ดขาด หรือเลือดเย็นเหมือนกับที่ข้าเป็น การที่จะเมตตาใจดีกับศัตรูมักจะส่งผลเสียต่อตนเองเสมอ เมื่อย้อนกลับไปท่านเลือกที่จะฆ่าข้าได้ต้องหลายครั้งในยามที่ข้าได้พ่ายแพ้ให้กับท่าน…ถ้าหากท่านเลือกจบชีวิตข้าตั้งแต่วันนั้น เรื่องในวันนี้คงจะเกิดขึ้นไม่ได้แน่”
ลู่โจวยกเหล้าดื่มก่อนที่จะพูดออกมาอย่างช้าๆ “เจ้าน่ะไม่เข้าใจ”
หยวนดู่ที่ได้ฟังแบบนั้นดูสับสน
ลู่โจวได้พูดต่อ “ถ้าหากเจ้าตายไป ข้าเองก็คงจะไม่มีคู่ปรับอีกต่อไป ข้าที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดอย่างโดดเดี่ยวเป็นธรรมดาที่จะต้องรู้สึกเบื่อ”
“ท่านใจดีเกินไปต่างหากพี่จี” หยวนดู่รู้สึกภูมิใจมากที่ถูกนับเป็นคู่ปรับของปรมาจารย์มหาวายร้ายผู้ยิ่งใหญ่คนนี้
ไม่ว่าจะยังไงสิ่งสกปรกที่เกาะอยู่บนใบหน้าของเขาก็ดูหนาเป็นอย่างมาก และด้วยสิ่งสกปรกที่ติดอยู่นี้จึงไม่มีใครสังเกตเห็นสีหน้าความรู้สึกที่แท้จริงของหยวนดู่ได้เลย ตัวเขาได้โบกมือขึ้นมาก่อนที่จะพูดขึ้นอีก “เอาเหล้ามาให้ข้าอีก”
ผู้ฝึกยุทธหญิงที่อยู่ใกล้ๆ ได้หยิบเหล้าศตวรรษกว่าสิบขวดออกมาอย่างรวดเร็ว
ฝานลี่เทียนที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้แต่รู้สึกอิจฉา ตัวเขาไม่คิดว่าที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าจะมีเหล้าศตวรรษมากพอที่จะต้อนรับแขกได้แบบนี้
เป็นธรรมดาที่หยวนดู่จะไม่ได้สนใจความรู้สึกของฝานลี่เทียน ตัวเขาได้ดื่มเหล้าไปอีกขวดโดยใช้เวลาอย่างรวดเร็ว เมื่อดื่มเสร็จตัวเขาก็ได้คารวะก่อนที่จะพูดออกมา “พี่จี ท่านจะช่วยเติมเต็มความปรารถนาของชายผู้ที่ใกล้ตายคนนี้ได้ไหม? “
“ถ้าหากเป็นแบบนั้น ข้าก็จะทำ…” ลู่โจวได้ตอบกลับมาอย่างเยือกเย็น
“ถ้าหากเป็นแบบนั้นพวกเราก็มาพูดคุยกันด้วยดาบเถอะ” หยวนดูจ้องมองไปที่เล้งลั่ว, ฝานลี่เทียน และฮั๊ววู่เด๋าก่อนที่จะพูดออกมา ฮั๊ววู่เด๋าที่เห็นแบบนั้นได้ก้าวมาข้างหน้าก่อนที่จะเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ให้กับลู่โจวได้รับรู้
แม้ว่าจะไม่ต้องฟังคำอธิบายของฮั๊ววู่เด๋าแต่ถึงแบบนั้นลู่โจวก็รู้ดีว่าหยวนดู่หมายความว่าอะไร เขารู้ดีว่าพลังวรยุทธที่หยวนดู่มีถดถอยลงจากเมื่อก่อน มันถดถอยมากขึ้นจากที่เพิ่งจะพบกันที่สุสานแห่งดาบด้วยซ้ำไป หยวนดู่ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญในการใช้พลังทำลายล้างอะไร เพราะแบบนั้นการพูดคุยกันด้วยดาบ การต่อสู้ด้วยวิธีนี้จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับตัวเขาแล้ว
ตุ๊บ!
หยวนดู่ได้หมุนวนฝ่ามือของตัวเองไปรอบๆ ในตอนนั้นเองขวดเหล้าทั้งหลายก็เริ่มลอยไปบนอากาศ เหล้าที่หลั่งออกมาได้ถูกแปรเปลี่ยนไปด้วยพลังลมปราณ ตราหยินหยางที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากนั้นใบมีดพลังงานทั้งสองก็ปรากฏขึ้นมาเช่นกัน เมื่อตราหยินหยางถูกใช้ออกมาพร้อมกับดาบพลังงาน พลังจากปรากฏการณ์ทั้งสี่ก็ถูกใช้ขึ้น มันเป็นเคล็ดวิชาก่อนหน้านี้ที่หยวนดู่เคยใช้นั่นเอง
มหาวายร้ายผู้ที่ชั่วร้ายที่สุดในใต้หล้าจะจัดการกับวิชานี่ได้ยังไงกัน?
ฝานลี่เทียนที่ได้พ่ายแพ้ให้กับวิชานี้เบิกตากว้าง ตัวเขาต้องการที่จะเห็นวิธีการรับมือทั้งหมดของลู่โจว แต่ถึงแบบนั้นลู่โจวกลับไม่ได้ทำอะไร ตัวเขาได้ยกถ้วยเหล้าขึ้นมาโดยที่ไม่คิดที่จะขยับไปไหน แม้ว่าจะไม่ได้ขยับแต่ฝานลี่เทียนก็สังเกตเห็นความมั่นใจที่มีอยู่ภายในสายตาของลู่โจวได้ดี
พรึ๊บ! พรึ๊บ! พรึ๊บ!
ใบมีดพลังงานของหยวนดู่ได้พุ่งตรงมาหาลู่โจว
ลู่โจวได้เหวี่ยงด้วยเหล้าที่ถืออยู่ไปในทันที ถ้วยเหล้าที่หมุนวนได้ทำให้ตราหยินหยางปรากฏขึ้น
ฝานลี่เทียนขมวดคิ้วเมื่อได้เห็นแบบนั้น “ข้าตัดสินใจถูกแล้วสินะ…”
ตู๊ม!
เมื่อตราพลังหยินหยางสามารถป้องกันการโจมตีเอาไว้ได้ ลู่โจวก็ได้กระแทกฝ่ามือของเขาออกไป
พรึ๊บ!
พลังที่หยวนดู่ใช้ถูกทำลายไป ตราประทับหยินหยางได้หายไปแล้ว พลังที่ช่วยเพิ่มพลังดาบอย่างปรากฏการณ์ทั้งสี่เองก็หายไปเช่นกัน คราวนี้หยวนดู่ไม่เหลือดาบพลังงานเหลืออีกต่อไป
เล้งลั่วที่ยืนอยู่ข้างหลังได้พูดออกมา “แม้ว่าจะเป็นเทคนิคเดียวกัน แต่พลังที่ทั้งคู่ได้ใช้ออกมาแตกต่างกันเป็นอย่างมาก”
ฝานลี่เทียนที่ได้ฟังแบบนั้นใบหน้าแดงระเรื่อ “อย่ามาเทียบกับข้าเลย…”
เล้งลั่วจะไม่ยอมปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปแน่ ฝานลี่เทียนเองก็เคยดูแคลนเขาก่อนหน้านี้
“นี้ถือเป็นการใช้พลังในขั้นสังหรณ์การหยั่งรู้ขั้นสูงสุดแล้ว…เสมอกันอย่างงั้นสินะ”
หยวนดู่ส่ายหัว “ครั้งนี้มันเป็นการพ่ายแพ้ของข้า” ตัวเขาได้มองไปที่เล้งลั่วและคนอื่นๆ ก่อนที่จะพูดออกมาอย่างช้าๆ “ด้วยพลังปรากฏการณ์ทั้งสี่ที่ข้าได้ใช้ออกมาใช้พลังมากไปกว่าพลังตราหยินหยางถึงสี่เท่า แม้ว่าพี่จีจะใช้ฝ่ามือโจมตีมาด้วย แต่ถึงแบบนั้นโดยรวมพลังการโจมตีของพี่จีก็ยังใช้พลังน้อยกว่าพลังที่ข้าได้ใช้ไปอยู่ดี พี่จีสามารถใช้พลังอันยิ่งใหญ่ทั้งๆ ที่ใช้พลังเพียงเล็กน้อยเท่านั้น…ข้าเต็มใจยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี…”
ลู่โจวดูเหมือนจะไม่ได้สนใจอะไรคำเยินยอของหยวนดู่เลย นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งจากประสบการณ์อันยาวนานที่จีเทียนเด๋าเคยมีมา สิ่งเดียวที่ลู่โจวไม่ได้คาดคิดคือมันจะมีความหมายและสามารถใช้ได้จริงในสถานการณ์เช่นนี้
หยวนดู่ยกขวดเหล้าขึ้นมาก่อนที่จะโยนขึ้นไปบนอากาศ…
พรึ๊บ!
เหล้าได้ทะลักออกมาจากขวด
“อีกครั้ง! “
ขวดเหล้าได้ถูกทำลายไป เหล้าที่มีได้ถูกแปรเปลี่ยนจนกลายเป็นดาบพลังงานไป