เมื่อตัดสินจากกิริยาท่าทางของชายคนนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นชายผู้มีประสบการณ์โชกโชน ลู่โจวลูบเคราของตัวเองในขณะที่จ้องมองไปยังชายคนนั้น
ชายวัยกลางคนยังพูดเสริมขึ้นมาอีกว่า “เหล่ายอดฝีมือจากสำนักอเวจีทั้งหลายต่างก็ปรากฏตัวในเมืองมณฑลเหลียงแห่งนี้…แต่ข้าก็ไม่เคยที่จะเกรงกลัวพวกเขาเลย เหตุใดกันที่ข้าจะต้องกลัวเจ้าด้วย สาวน้อย เจ้ากับอาจารย์ยังไงก็ต้องได้รับการตรวจสอบอยู่ดี” เมื่อพูดจบชายวัยกลางคนก็ได้ส่งอัญมณีที่มีให้
หยวนเอ๋อจ้องมองไปที่อัญมณี นางเองก็คิดว่าน่าสนใจเช่นกัน “ข้าเองก็อยากที่จะเข้ารับการทดสอบเหมือนกัน ข้าน่ะก็เป็นผู้ที่มีพลังวรยุทธสูงส่งเหมือนกันนะ!”
อัญมณีที่ได้รับมาเป็นของล้ำค่าอย่างไม่ต้องสงสัย มันเป็นอัญมณีระดับกลางที่จะหมดพลังหลงหลังจากที่ใช้ได้ 8-10 ครั้ง นอกจากนี้ผู้ฝึกยุทธยังไม่สามารถที่จะปลอมผลลัพธ์จากการทดสอบที่ผ่านอัญมณีชิ้นนี้ได้อีกด้วย
ชายวัยกลางคนได้พูดต่อ “เชิญท่านผู้อาวุโสก่อนเลย”
ลู่โจวโบกแขนของตัวเอง ในตอนนั้นอัญมณีก็ได้ลอยเข้ามาหามือเขา อัญมณีได้ส่งเสียงพร้อมกับแสงสว่างอันมันวาวออกมา
ชายวัยกลางคนที่เห็นผลการทดสอบก็ได้แต่ตื่นตกใจก่อนที่จะพูดออกมา “นี่มันขั้นศักดิ์สิทธิ์ ยกโทษให้ด้วยที่ข้ามองท่านผิดไป” การแสดงออกของตัวเขากลับมาสุภาพขึ้นนิดหน่อย
ไม่ว่าจะเป็นยังไงผู้ฝึกยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์ก็ยังคงไม่ใช่คนที่มองข้ามกันได้ง่ายๆ
ชายวัยกลางคนคนนั้นหยิบอัญมณีกลับไปก่อนที่จะมองไปทางหยวนเอ๋อที่อยู่ด้านข้าง
“เชิญทางนี้”
หยวนเอ๋อที่เห็นแบบนั้นสับสน
“แล้วข้าล่ะ? ข้ายังไม่ได้ทดสอบเลย?”
ชายวัยกลางคนคนเดิมดูไม่ได้สนใจหยวนเอ๋อสักเท่าไหร่ เมื่อส่งอัญมณีให้นางเสร็จ ตัวเขาก็ได้หันหลังก่อนที่จะเดินจากไป ชายคนนั้นได้เดินถอยไปที่มุมๆ หนึ่งก่อนที่จะยิ้มออกมา ‘ถ้าหากอาจารย์ของนางมีพลังอยู่ที่ขั้นศักดิ์สิทธิ์ พลังวรยุทธของนางผู้ที่เป็นลูกศิษย์จะไปลึกล้ำได้ขนาดไหนกัน? สาวน้อย เจ้าน่ะเป็นเด็กที่ดื้อด้านแถมยังเอาแต่ใจ เจ้าต้องการที่จะให้ข้าทดสอบตัวเจ้า แต่ข้าจะไม่ยอมทำตามคำขอของเจ้าซะหรอก คืนนี้ข้าจะแสดงให้เห็นเองว่าโลกอันโหดร้ายมันเป็นยังไง ยิ่งไปกว่านั้นการที่ไม่ทดสอบเจ้าก็ยังไม่เปลืองพลังงานของอัญมณีนั่นอีกด้วย’
หยวนเอ๋อกระทืบเท้าของตัวเองด้วยความโกรธก่อนที่จะพูดออกมา “ท่านอาจารย์ เจ้านั่นกำลังดูถูกพวกเราอยู่!”
ลู่โจวได้ตอบกลับมา “ไม่ว่าจะทดสอบหรือไม่ทดสอบมันก็ไม่ได้สำคัญอะไรกับพวกเราหรอก…”
“ค่ะ”
เฉินเหลียงชูเป็นชายผู้มีชื่ออยู่บนจุดที่สูงที่สุดของบัญชีขาว ชายคนนี้ได้ทำความดีทุกอย่างเท่าที่จะคิดได้ แต่ถึงแบบนั้นลู่โจวก็ยังประหลาดใจอยู่ดีที่เห็นชายคนนี้อยู่ที่มณฑลเหลียงอย่างกล้าหาญแบบนี้ ดูเหมือนว่าเฉินเหลียงชูจะไม่กลัวแม้แต่คนของสำนักอเวจี
…
ตกดึก
หยวนเอ๋อตัวน้อยกำลังประคองคางของนางเองด้วยมือทั้งสองค้าง นางกำลังนั่งเอามือพิงโต๊ะอยู่นั่นเอง สายตาของนางกำลังจับจ้องไปยังยุงที่บินไปบินมา นางได้ยกมือออกมาก่อนที่จะใช้เข็มพลังงานอันเล็กๆ เข้าจัดการไปที่ยุงตัวนั้น
พรึ๊บ!
ยุงที่บินไปบินมาถูกฉีกเป็นชิ้นๆ
หยวนเอ๋อที่ทำสำเร็จก็ได้หัวเราะออกมา “ท่านอาจารย์…ดูสิข้าฆ่ายุงได้ด้วยดาบพลังงานด้วยล่ะ!”
ลู่โจวลืมตาขึ้นเพื่อเหลือบมองดูนาง หลังจากนั้นตัวเขาก็ส่ายหัวออกมาอย่างช่วยไม่ได้ แม้ว่ามันจะเป็นการรบกวนตัวเขา แต่ท้ายที่สุดลู่โจวก็ไม่ได้ตำหนินาง ท้ายที่สุดแล้วนั่นก็เป็นหนึ่งในวิธีการฝึกฝนตัวเองรูปแบบหนึ่ง มันเป็นรูปแบบการฝึกฝนประจำตัวของหยวนเอ๋อนั่นเอง
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
มีใครบางคนเคาะประตู
“ศิษย์จะไปดูให้เองค่ะ” หยวนเอ๋อรีบวิ่งไปที่ประตูก่อนที่จะเปิดมันออกมา
ชายวัยกลางคนที่สวมชุดสีเทาได้เดินเข้ามาภายในห้อง ชายคนนั้นได้กวาดตามองไปทั่วห้องก่อนที่จะจ้องมองไปที่หยวนเอ๋อ ตัวเขาไม่ได้ทักทายสองคน ชายคนนั้นได้พึมพำกับตัวเองพร้อมกับพยักหน้าออกมา “ไม่เลว”
มีชายอีกคนอยู่ที่ด้านหลังเขา ชายคนนั้นเป็นคนที่ต้องการทดสอบพลังวรยุทธของทั้งสองคนในก่อนหน้านี้ ชายคนนั้นได้พูดต่อ “ถ้าหากคุณโจวเห็นดีด้วย พวกเจ้าก็คงจะดีจริงๆ นั่นแหละ”
“เจ้าเป็นใครกัน?” หยวนเอ๋อได้ถามออกมาอย่างสงสัย
“นี่ก็คือพ่อบ้านโจว เขาก็คือผู้ที่ดูแลงานทั้งหมดในหมู่บ้านแห่งนี้ ข้าเองขอตัวก่อน ขอให้สนทนากันอย่างมีความสุข” ชายคนนั้นที่ตอบคำถามเสร็จได้จากไปในทันที
พ่อบ้านโจวได้คารวะให้กับลู่โจว “ผู้อาวุโส”
ลู่โจวเหลือบมองไปที่พ่อบ้านโจวก่อนที่จะถามออกมา “เฉินเหลียงชูอยู่ไหนกัน?”
พ่อบ้านโจวขมวดคิ้ว ตัวเขาได้แต่รำพึงอยู่ภายในใจ ‘นายท่านเฉินผู้ที่มีชื่ออยู่บนอันดับสูงสุดของบัญชีขาว เป็นธรรมดาที่คนนอกจะรู้เรื่องเกี่ยวกับนายท่านเพราะชื่อเสียงได้’ แม้ว่าจะคิดแบบนั้นแต่พ่อบ้านคนนี้ก็ยังคิดว่าชายชราที่อยู่ตรงหน้าเป็นผู้ที่หยาบคายที่เรียกชื่อเจ้านายของตัวเขาออกมาตรงๆ แบบนี้ แต่พ่อบ้านโจวไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา ตัวเขาได้ตอบกลับไปอย่างใจเย็นแทน “ผู้อาวุโส พวกเรามาพูดกันอย่างตรงไปตรงมาเถอะ”
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะตอบกลับมา “เจ้าต้องการอะไรกัน”
“หลานสาวของท่านสะสวย นายท่านของข้ายินดีที่จะซื้อนางต่อในราคาที่คุ้มค่าแน่” เมื่อพ่อบ้านพูดจบ ในตอนนั้นเองก็มีเงาของใครบางคนปรากฏอยู่ที่ด้านนอกอย่างรางๆ
ตึ๊ก! ตึ๊ก! ตึ๊ก!
แม้แต่บนหลังคาเองก็ยังมีคนเคลื่อนไหวอยู่
เห็นได้ชัดว่าลู่โจวกำลังถูกจับตามอง เมื่อหยวนเอ๋อได้ยินแบบนั้นนางก็เตรียมรีบกระโจนเข้าหาพ่อบ้าน แต่ลู่โจวก็ได้ยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้นางใจเย็นลงซะก่อน
หยวนเอ๋อไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากยอมถอยกลับไปอย่างไม่พอใจ
“เฉินเหลียงชูเป็นผู้ที่มีชื่ออยู่ในบัญชีขาวอันดับสูงสุด…การจะทำแบบนั้นได้เขาจะต้องทำความดีมานับไม่ถ้วน เฉินเหลียงชูเลยเป็นชายที่มีชื่อเสียงโด่งดังในโลกยุทธภพไป ทำไมเจ้านั่นถึงมีส่วนร่วมในการซื้อขายมนุษย์แบบนี้กันล่ะ?” ลู่โจวได้ถามกลับไป
พ่อบ้านโจวหัวเราะก่อนที่จะตอบกลับ “ผู้อาวุโส ข้ามั่นใจว่าท่านน่ะต้องผ่านชีวิตมาเยอะแล้ว ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องเสแสร้งเช่นนั้น ในโลกใบนี้ไม่มีอะไรที่เรียบง่าย ท่านคิดว่าพวกเราจะปล่อยให้พวกเจ้าอยู่ที่นี่ฟรีๆ อย่างงั้นหรอไงกัน?”
พ่อบ้านพูดถูก ถ้าหากงานที่ทำอยู่เป็นการเพื่อการกุศลจริง มันจะเป็นไปได้ยังไงกันที่เฉินเหลียงชูจะเป็นชายผู้มั่งคั่งแบบนี้ได้
“เจ้าพูดถูก”
“ชีวิตของท่านก็เหมือนเส้นฟางนั่นแหละผู้อาวุโส…ท่านน่ะมีพลังวรยุทธอยู่ที่ขั้นศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ท่านอาจจะตายวันตายพรุ่งด้วยฝีมือของชนเผ่าอื่นในมณฑลเหลียงแห่งนี้ ทำไมท่านไม่ยอมยกศิษย์ของตัวเองให้กับคนที่ดีกว่าท่านล่ะ? ท่านเองก็จะมีชีวิตบ้านปลายที่สุขสบายได้เช่นกัน แบบนั้นมันไม่ฟังดูดีกว่าหรอไงกัน?” พ่อบ้านโจวพยายามที่จะโน้มน้าวลู่โจวอย่างสุดพลัง
ลู่โจวได้ถอนหายใจออกมาพลางส่ายหัวไปด้วย “บัญชีขาวแท้จริงแล้วก็เหมือนกับบัญชีดำ ข้ารู้สึกประหลาดใจจริงๆ ว่านี่คือเรื่องจริง”
พ่อบ้านโจวได้หัวเราะเบาๆ ก่อนที่จะพูดออกมา “เมื่อเทียบกับศาลาปีศาจลอยฟ้าแล้ว นายท่านเฉินก็แค่เลือกเส้นทางที่แตกต่างออกไปก็เท่านั้น สัตว์ใช้ชีวิตอยู่ก็เพื่อหาอาหาร ส่วนมนุษย์เองก็ใช้ชีวิตอยู่เพื่อความมั่งคั่ง โดยพื้นฐานแล้วสิ่งเหล่านี้มันก็เหมือนกันนั่นแหละ”
ลู่โจวหัวเราะออกมาเช่นกัน “เจ้าพูดว่าเฉินเหลียงชูก็เหมือนกับปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าอย่างงั้นสินะ? เจ้าคิดว่าเขาจะคู่ควรแล้วหรอที่ถูกเปรียบเทียบแบบนี้น่ะ?”
“ไม่แน่นอน นายท่านเฉินมองว่าปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าเป็นเป้าหมายในชีวิตมาโดยตลอด…” พ่อบ้านตอบกลับมา
ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นพูดไม่ออกเล็กน้อย ‘นี่ฉันเป็นไอดอลกับเขาด้วยอย่างงั้นหรอ? ถึงจะมีแฟนคลับแบบนี้ฉันก็ไม่ดีใจซะหรอก’
พ่อบ้านโจวพูดต่อ “อย่างที่ข้าได้บอกไป ท่านมีพลังวรยุทธอยู่ที่ขั้นศักดิ์สิทธิ์เพียงเท่านั้น ในมณฑลเหลียงตอนนี้กำลังเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวาย ผู้คนจากสำนักอเวจีและผู้คนจากลั่วหลาน, รั่วหลี่กำลังรอคอยอยู่ที่นั่น ด้วยพลังวรยุทธที่ท่านมีในตอนนี้แค่รักษาชีวิตตัวเองได้มันก็เต็มกลืนแล้ว”
ลู่โจวพยักหน้า “แล้วถ้าหากข้าปฏิเสธล่ะ?”
ทันที่ที่ลู่โจวพูดแบบนั้น…
ปั๊ง!
ประตูห้องได้ถูกเปิดขึ้น ในตอนนั้นเองผู้ฝึกยุทธกว่าหลายคนก็ได้เดินเข้ามา ผู้ฝึกยุทธสองคนที่กำลังอุ้มศพเองก็บินมาด้วยเช่นกัน
ลู่โจวเหลือบมองพวกเขา ตัวเขารู้ดีว่าผู้ฝึกยุทธเหล่านี้ไม่ใช่พวกอ่อนแอเลย อย่างน้อยๆ พวกเขาก็มีพลังวรยุทธอยู่ที่ขั้นมหาราชครู
พ่อบ้านโจวที่กำลังยืนอยู่ต่อหน้าเขาก็มีพลังอยู่ในขั้นศักดิ์สิทธิ์ พลังของเขาดูสมบูรณ์แบบ ดูเหมือนว่าเขาจะมีพลังอยู่ในขั้นศักดิ์สิทธิ์สูงสุดแล้วนั่นเอง
นอกเหนือจากผู้คนทั้งหมดที่เห็นก็ยังมียอดฝีมือผู้ที่มีพลังวรยุทธอยู่ในขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ด้านนอกเช่นกัน
พ่อบ้านโจวได้มองลู่โจวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าหากท่านปฏิเสธ เห็นทีพวกเราจะต้องทำให้นางกลัวโดยการใช้กำลังซะแล้วล่ะ”
ลู่โจวส่ายหัว ตัวเขาได้โบกมือออกมาอย่างช่วยไม่ได้ไปที่หยวนเอ๋อ…
“ข้าขอชื่นชมความกล้าหาญของเจ้าจริงๆ”
“หืม?”
พ่อบ้านโจวเป็นผู้ที่มีพลังวรยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์ในระดับที่สูงที่สุด แต่เมื่อตัวเขาสัมผัสได้ถึงพลังออร่าที่ออกมาจากเด็กสาวได้ มันเป็นพลังออร่าที่งดงามที่แม้แต่อาจารย์ของนางก็ยังไม่มี พ่อบ้านโจวได้ถอยกลับไปข้างหลังก่อนที่จะเริ่มเดินพลังลมปราณ ในตอนที่พ่อบ้านโจวจะเคลื่อนไหว หยวนเอ๋อก็ได้ดักรอตัวเขาอยู่ก่อนแล้ว
นางกำลังยิ้ม ดูเหมือนว่าหยวนเอ๋อจะไม่ได้ใช้พลังลมปราณออกมาซะด้วยซ้ำไป
“พวกเราผิดไปแล้ว นี่มันพลังของขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์!” พ่อบ้านโจวได้อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
ผั๊วะ
ก่อนที่พ่อบ้านโจวจะสังเกตเห็น ในตอนนั้นลูกเตะของหยวนเอ๋อก็ได้กระแทกเข้ากับหน้าอกของตัวเขาซะแล้ว ลูกเตะของหยวนเอ๋อรุนแรงเหมือนกับกระสุนปืนใหญ่ พ่อบ้านโจวที่ถูกการโจมตีได้กระเด็นลอยหายไปบนเพดาน พ่อบ้านโจวได้พุ่งเข้าชนผู้ฝึกยุทธที่จับตาดูอยู่ที่ด้านบน ผู้ฝึกยุทธที่เสียหลักได้ตกลงสู่รูที่พ่อบ้านโจวเป็นคนเปิดไว้
ปั๊ง!
ผู้ฝึกยุทธผู้โชคร้ายได้ล้มลงต่อหน้าหยวนเอ๋อ ตัวเขาไม่สามารถขยับไปไหนได้อีก
หยวนเอ๋อที่เห็นแบบนั้นได้ทำหน้าที่รู้สึกเบื่อหน่ายออกมา “ช่างอ่อนแอซะจริง”