โจวจี้เฟิงตกใจกับพลังที่อยู่ตรงหน้า พลังที่ไหลเวียนภายในม่านพลังป้องกันเหมือนกับพลังที่ไหลเวียนอยู่อย่างไม่จำกัด ก่อนหน้านี้เมื่อเหล่าชาวยุทธ์ต่างพร้อมใจกำทำลายม่านพลังป้องกัน ในตอนนั้นตัวเขาเองก็ได้ใช้พลังทั้งหมดไปกับการโจมตีด้วย แต่ถึงจะร่วมแรงร่วมใจกันมากแค่ไหนม่านพลังนั้นก็ไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย ตัวเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจีเทียนเด๋าจะสามารถซ่อมแซมม่านพลังด้วยตัวคนเดียวแบบนี้ได้
ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ยังไม่ได้หยุดยั้ง ตัวเขายังคงเติมพลังของตัวเองลงไปในม่านพลังต่อไป ม่านพลังในตอนนี้ยังไม่ถูกซ่อมแซมจนเสร็จสมบูรณ์ ตัวเขาจะต้องเชื่อมต่อพลังกับต้นกำเนิดม่านพลังทุกที่ให้ได้ซะก่อน และเพื่อไม่ให้การซ่อมแซมจะต้องหยุดชะงัก ลู่โจวจะต้องใช้พลังงานอย่างต่อเนื่อง
ถ้าหากจะให้พูดความจริง ลู่โจวในตอนนี้เองก็ประหลาดใจเช่นกันกับบั๊กที่เกิดขึ้นของการ์ดระเบิดจุดสุดยอด ด้วยพลังของการ์ดใบนี้ทำให้ตัวเขามีพลังงานในการใช้อย่างไม่จำกัด ถ้าหากไม่ถึงเวลาที่กำหนดเอาไว้ ตราบใดที่อยู่ในผลของร่างสุดยอด ตัวของลู่โจวก็จะเป็นอมตะอย่างแท้จริง และถ้าหากตัวเขามีการ์ดระเบิดจุดสุดยอดใช้เรื่อยๆ ตัวเขาก็ไม่ต้องจำเป็นที่จะไปฝึกวรยุทธ์เหมือนกับคนอื่นๆ เลย
ลู่โจวในตอนนี้ไม่รู้เลยว่าได้ใช้พลังจากจุดตันเถียนหมดไปกี่ครั้งแล้ว ตัวเขาได้ใช้พลังจำนวนมากไปจนไม่สามารถที่จะนับได้อีกต่อไป และเมื่อใดก็ตามที่พลังจากจุดตันเถียนลดลง พลังทั้งหมดก็จะถูกเติมเต็มในทันที
ลู่โจวได้ใช้เวลา 25 นาทีที่เหลือไปกับการซ่อมแซมม่านพลัง ในที่สุดม่านพลังป้องกันก็กลับมาใช้งานได้อย่างเสถียร ในตอนที่เขาได้สัมผัสกับม่านพลัง ลู่โจวในตอนนั้นเห็นระลอกคลื่นอันใหญ่มหึมาจากท้องทะเล มันเป็นเหมือนกับคลื่นยักษ์ที่แสนน่ากลัวที่พร้อมจำทำลายทุกอย่างที่เข้าใกล้มัน
ลู่โจวได้สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะจ้องมองระบบที่ตัวเขามี ตอนนี้ตัวเขาเหลือเวลากว่า 3 นาทีด้วยกัน “หยวนเอ๋อจัดการพวกที่เหลือซะ” ลู่โจวได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สงบเยือกเย็น
ในตอนนี้เพียงแค่หยวนเอ๋อคนเดียวเท่านั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับจัดการกับเหล่าชาวยุทธ์ที่เหลือ
“ศิษย์เข้าใจแล้วค่ะท่านอาจารย์! “
ฟางเจียนฉานในตอนนี้ถูกระเบิดไม่เหลือชิ้นดี ในบรรดาเหล่าชาวยุทธ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือมีระดับวรยุทธ์แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในระดับขั้นปฐมแห่งเต๋าเท่านั้น
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นศักดิ์สิทธิ์จะถูกแบ่งออกเป็นสามระดับด้วยกัน: ระดับแรกระดับขั้นปฐมแห่งเต๋า, ระดับที่สองระดับขั้นการควบคุมแห่งเต๋า และระดับที่สามขั้นเต๋าผสมผสาน แต่ถึงแม้ว่าชาวยุทธ์ที่มารวมตัวกันนั้นจะฝึกฝนถึงระดับไหน แต่ยังไงพวกเขาทั้งหมดก็ไม่อาจที่จะต่อกรอะไรกับศิษย์วายร้ายที่อยู่บนภูเขาทองนี้ได้ แม้ว่าระดับวรยุทธ์ที่มีจะเท่ากันก็ตาม
ในที่สุดหยวนเอ๋อก็ได้โอกาสที่จะระบายความโกรธที่เก็บสะสมมาโดยตลอด เธอได้ หยวนเอ๋อได้ใช้เคล็ดวิชาตัวเบาเหยียบเวหาดวงดาวทั้งเจ็ด ด้วยเคล็ดวิชาที่หยวนเอ๋อใช้ได้สังหารหนึ่งในชาวยุทธ์ที่มีระดับอยู่ที่มหาราชครู ทุกย่างก้าวของเธอล้วนมีผู้ฝึกยุทธ์จะต้องถูกสังหารไป
ในตอนนี้ไม่มีเรื่องธรรมดาอีกต่อไป สิ่งที่สาวกวายร้ายทำได้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดา ชาวยุทธ์ทั้งหมดไม่อาจที่จะต้านทานการไล่ล่าของหยวนเอ๋อได้เลย ในตอนนี้ชาวยุทธ์ทั้งหมดล้วนแต่เป็นลูกไก่ที่อยู่ในกำมือ ความสิ้นหวังของเหล่าชาวยุทธ์ได้ปกคลุมไปทั่วทั้งอากาศ
ลู่โจวในตอนนี้ไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ด้วย ตัวเขาได้โบกมือของตัวเองก่อนที่จะบินกลับไปที่ศาลาปีศาจลอยฟ้า
“ท่านอาจารย์! ” ในตอนนั้นด้วนมู่เฉิงก็ได้กระอักเลือดออกมา ตัวเขาในตอนนี้ไม่สามารถทนความเจ็บปวดได้อีกต่อไป
ลู่โจวเหลือบมองไปที่ลูกศิษย์คนนี้ ค่าความจงรักภักดีของเขามีมากกว่า 80% ไปแล้ว และเพราะแบบนี้จึงทำให้ลู่โจวรู้สึกประหลาดใจมาก ตัวเขาเพียงแค่สอนเคล็ดวิชาให้เพียงเท่านั้น เพียงแค่การสอนเคล็ดวิชาก็ทำให้ตัวเขาได้ลูกศิษย์ที่จงรักภักดีเพิ่มมากอีกคน
อาการบาดเจ็บของด้วนมู่เฉิงในตอนนี้ส่วนมากจะมาจากตั๋วฟาง หนึ่งในผู้อาวุโสจากสำนักเที่ยงธรรม ด้วนมู่เฉิงที่สามารถทนมาได้ถึงขนาดนี้เป็นเรื่องที่ปาฏิหาริย์มากแล้ว แน่นอนว่าที่เขาสามารถอดทนมาได้ถึงขนาดนี้เป็นเพราะว่าในอดีตจีเทียนเด๋าได้สั่งสอน ลงโทษเขามาโดยตลอด ความยากลำบากที่ผ่านมาทำให้เขาแข็งแกร่งได้เหมือนกับทุกวันนี้ ถ้าหากเป็นชาวยุทธ์ทั่วๆ ไป คนคนนั้นคงจะทนพิษบาดแผลไม่ไหวแน่
“แล้วเจ้าสี่อยู่ไหนกันล่ะ? ” ลู่โจวได้ถามออกมาอย่างแผ่วเบา
“ศิษย์น้องสี่ได้ต่อสู้กับฟางเจียนฉานรวมไปถึงชาวยุทธ์คนอื่นๆ อย่างดุเดือด แต่เนื่องด้วยจำนวนศัตรูนั้นมีมากกว่ามากในที่สุดศิษย์น้องก็ได้หนีไป” ในตอนนั้นด้วนมู่เฉิงก็ได้พูดต่อไปอย่างรวดเร็ว “ศิษย์…ศิษย์เองก็ไม่รู้ว่าศิษย์น้องอยู่ที่ไหน”
ลู่โจวได้โบกมือขึ้น ตอนนั้นเองวิซซาร์ดที่ได้แบกยี่เทียนซินไว้ก็ได้ลอยมา ในตอนนี้ยี่เทียนซินได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากที่วางร่างของเธอลง ในตอนนั้นวิซซาร์ดก็ได้หายไปบนท้องฟ้า
“ศะ…ศิษย์น้องหก? ” ด้วนมู่เฉิงประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ยี่เทียนซินนั้นเป็นถึงกับเจ้าของห่วงแห่งรัก อาวุธระดับสรวงสวรรค์และยังเป็นวายร้ายที่ติดอยู่ในบัญชีดำลำดับที่เก้า แม้ว่าเธอจะแข็งแกร่งมากแต่สุดท้ายแล้วเธอก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสมา ด้วนมู่เฉิงที่รู้ถึงความแข็งแกร่งของเธอดีไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้เห็น
ตอนนี้เหล่าลูกศิษย์วายร้ายของลู่โจวล้วนแต่ได้รับบาดเจ็บกันหมดยกเว้นแต่หยวนเอ๋อเพียงคนเดียว หยวนเอ๋อในตอนนี้กำลังสังหารชาวยุทธ์ทั้งหลายอย่างไร้ความปรานี ระบบที่ลู่โจวมีเองก็ได้แจ้งเตือนตัวเขาตลอดเวลา การจัดการกับพวกที่บุกภูเขาทองมาทำให้ตัวเขาได้แต้มบุญอย่างต่อเนื่อง
ลู่โจวหันไปอย่างช้าๆ ในตอนนั้นโจวจี้เฟิงกำลังตัวสั่นไปทั้งตัวและอยู่ไม่ไกลมากนัก ตัวเขาได้ย่อเข่าลงก่อนที่จะพูดขึ้นมาในทันที “ให้ข้าได้เข้าร่วมกับภูเขาทองของท่านด้วยเถอะ! “
“ติ้ง! คุณได้รับโจวจี้เฟิง ผู้ใช้วรยุทธ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ คุณได้รับแต้มบุญ 100”
ลู่โจวได้เหลือบมองตัวเขาจากด้านข้าง เขาไม่แม้แต่พยักหน้าหรือส่ายหัวแต่อย่างใด ลู่โจวได้แต่ตอบกลับออกมาอย่างแผ่วเบาแทน “เก็บกวาดที่แห่งนี้ซะ”
ตัวเขาในตอนนี้ไม่มีเวลาฟังคำอธิบายของโจวจี้เฟิง และเขาเองก็ไม่ต้องการรู้เช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับโจวจี้เฟิงหลังจากที่ออกจากสำนักดาบสวรรค์แล้ว ดังนั้นลู่โจวจึงเลือกที่จะสั่งการเขาในทันที
“ได้เลยครับท่านผู้อาวุโส! ” โจวจี้เฟิงรู้สึกมีความสุขมาก ตัวเขาที่ได้ฟังคำสั่งก็ได้ชักดาบออกมา ในตอนนั้นเองดวงตาของเขาที่เต็มไปความสุขก็ได้เปลี่ยนไป ดวงตาของเขามีแต่ความโกรธเกรี้ยวเข้ามาแทน ตัวเขารีบกระโจนเข้าใส่ฝูงผู้ฝึกยุทธ์ในทันที ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นจึงรีบหันหลังก่อนที่จะเดินเข้าไปในศาลาปีศาจลอยฟ้า
ภายในศาลาปีศาจลอยฟ้า สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่อันเงียบสงบที่ถูกสร้างขึ้นอย่างเป็นพิเศษด้วยฝีมือของจีเทียนเด๋า แม้แต่ชาวยุทธ์ที่มีวรยุทธ์ระดับมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์เองคงจะต้องใช้เวลานานสักพักกว่าที่จะทำลายศาลาแห่งนี้ด้วยพลังของตนได้
ลู่โจวได้หาปุ่มลับที่อยู่ในศาลาปีศาจ ในตอนนั้นเองเสียงประตูกลไกก็ได้ทำงานขึ้น ตัวเขาได้ก้าวข้ามผ่านประตูแห่งนั้นไป ในตอนนั้นเองประตูก็ปิดลงในทันที
หลังจากที่ประตูกลปิดตัวลง ในตอนนั้นลู่โจวก็ไม่ได้ยินเสียงโลกภายนอกอีกต่อไป ในเวลานี้เองเป็นเวลาที่พลังร่างสุดยอดของเขาหมดลงอีกด้วย พลังจำนวนมหาศาลที่ลู่โจวเคยมีอยู่ในจุดตันเถียนได้จางหายไปในทันที มันเหมือนกับกระแสน้ำที่ลดลงโดยฉับพลัน
แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้ตัวของลู่โจวก็สงบมากอยู่ดี
ภายในห้องลับของศาลาปีศาจลอยฟ้ามีเพียงแสงสลัวจางๆ แสงนั้นส่องมาจากเพดาน สถานที่แห่งนี้เหมาะสำหรับฝึกยุทธ์มาก
ลู่โจวไม่จำเป็นจะต้องสนใจสิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอกอีกต่อไป ตัวเขาจำเป็นจะต้องใช้ความคิดเกี่ยวกับไพ่ตายที่ตัวเขามี
ชื่อ: ลู่โจว
เผ่า: มนุษย์
วรยุทธ์: ขั้นตอนการรวบรวมพลังลมปราณจากระดับจิตวิญญาณของขั้นสังหรณ์หยั่งรู้
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย
แต้มบุญ: 6,674
ร่างอวตาร: ตรีบุปผา
Remaining life: 5,506 days
อายุขัย: 5,506 วัน
ของที่มี: การ์ดประกันชีวิต x7
เคล็ดวิชา: เคล็ดวิชาอักษรสวรรค์
อาวุธ: ห่วงแห่งรัก (เจ้าของ: ยี่เทียนซิน อาวุธชิ้นนี้จะต้องได้รับการขัดเกลาก่อนที่จะใช้งานได้อีกครั้ง)
การ์ดระเบิดจุดสุดยอดของลู่โจวได้หายไปหมดแล้ว ตัวเขาในตอนนี้เหลือเพียงการ์ดประกันชีวิต 7 ใบเท่านั้น ศัตรูที่ทรงพลังยังไงซะก็จะสามารถโจมตีตัวเขาอย่างรุนแรงเป็นสิบเป็นร้อยครั้งได้ภายในช่วงเวลาเพียงอึดเดียว ดังนั้นการ์ดประกันชีวิตทั้ง 7 ใบจึงไม่ได้มีความหมายอะไรเลย
ตอนนี้ตัวเขาไม่มีไพ่ตายอีกต่อไปแล้ว ในฐานะที่เป็นปรมาจารย์มหาวายร้ายจากภูเขาทอง ยังไงซะตัวเขาก็จะตกเป็นเป้าหมายของเหล่าชาวยุทธ์มากมายนับไม่ถ้วนอยู่ได้
ลู่โจวในตอนนั้นได้นั่งขัดสมาธิขึ้น ในตอนนั้นเองแสงสว่างทั้งหมดก็หายไป ตัวเขาในตอนนี้กำลังใช้ความคิดอยู่นั่นเอง
ม่านพลังในตอนนี้ได้รับการซ่อมแซมแล้ว และตัวเขาก็ยังสามารถหยุดศัตรูที่น่ากลัวทั้งหลายที่พยายามท้าทายตัวเขาในครึ่งเดือนมานี้ ยิ่งไปกว่านั้นการใช้การ์ดระเบิดจุดสุดยอดถึง 2 ใบติดต่อกันทำให้ลู่โจวได้ฝังความกลัวไปให้เหล่าชาวยุทธ์ได้แล้ว ไม่ว่าพวกชาวยุทธ์ทั้งหลายจะโง่งมมากซะขนาดไหน ยังไงซะพวกเขาก็คงจะไม่กล้าที่จะบุกภูเขาทองแบบนี้อีกต่อไป
การเดินทางไปที่เมืองอันยางในครั้งนี้ทำให้ลู่โจวได้รับแต้มบุญมามากกว่า 6,000 ระหว่างที่ได้ยินการแจ้งเตือนจากระบบอย่างนับไม่ถ้วน ลู่โจวก็รู้ได้ทันทีว่าแต้มบุญที่ได้มาจะต้องเยอะมหาศาลอย่างแน่นอน การลักพาตัวคนของตระกูลซี การทำให้ฝางซงยอมจำนน หรือแม้แต่การจับกุมยี่เทียนซินเองทั้งหมดนี้ล้วนแต่ทำให้ตัวเขาได้รับแต้มบุญมา สำหรับคนที่ตัวเขาได้สังหารไปนั้นลู่โจวไม่ได้มีอารมณ์ที่ดีพอที่จะมานับแต้มบุญที่ได้มาจากคนพวกนั้น
และเมื่อพูดถึงอาวุธลู่โจวก็ไม่ได้คาดหวังมาก่อนเลยว่าตัวเขาจะได้รับอาวุธระดับสรวงสวรรค์มา อาวุธชิ้นนี้ได้รับมาจากลูกศิษย์ของเขานั่นเอง แน่นอนว่าตัวเขาสามารถที่จะใช้งานอาวุธชิ้นนี้ได้ แต่ไม่ว่าจะยังไงการที่จะใช้อาวุธระดับสรวงสวรรค์ได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย การเปลี่ยนเจ้าของของอาวุธมันยากซะยิ่งกว่าการเปลี่ยนใจของคนคนหนึ่งซะอีก
“ติ้ง! ชาวยุทธ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ถูกสังหาร คุณได้รับแต้มบุญ 100 แต้ม”
“ติ้ง! ชาวยุทธ์ระดับมหาราชครูถูกสังหาร คุณได้รับแต้มบุญ 10 แต้ม”
ลู่โจวได้ส่ายหัว ชาวยุทธ์ทั้งสองแบบแตกต่างกันเพียงวรยุทธ์ระดับเดียวเท่านั้น แต่รางวัลที่เป็นแต้มบุญที่ได้แตกต่างกันถึงสิบเท่า
ตอนนี้ตัวเขามีแต้มบุญจำนวนมาก ลู่โจวกำลังคิดหาวิธีที่จะใช้แต้มบุญที่ได้มา หรือว่าฉันควรจะจับฉลากนำโชค? สำหรับลู่โจวการจับฉลากนำโชคไม่ต่างอะไรจากการเล่นพนัน แม้ว่าตัวเขาจะสามารถสะสมค่าความโชคดีได้
ลู่โจวในตอนนี้อยากที่จะรออีกสักหน่อย เขาอยากที่จะได้แต้มบุญจากการสังหารเหล่าชาวยุทธ์ให้มากกว่านี้ เมื่อคิดแบบนั้นแล้วลู่โจวจึงลุกขึ้นยืนก่อนที่จะเหลือบมองไปรอบๆ
ดูเหมือนว่าตัวเขาจะไม่ได้เข้ามาในห้องลับมาเป็นเวลานานมากแล้ว ดังนั้นจึงมีของหลายอย่างด้วยกันที่ถูกลืมเอาไว้ที่นี่ แม้ว่าห้องลับจะมีแสงสลัว แต่ลู่โจวก็ยังคงมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างชัดเจน
ที่แห่งนี้มีเคล็ดวิชาจากสำนักฝ่ายธรรมะมากมายถูกเก็บเอาไว้ ที่นี่มีทั้งเคล็ดวิชาดาบโบราณเดียวดาย, มนตราแห่งความเงียบงัน, หัวใจเต๋าแห่งรุ่งอรุณ และยังมีเคล็ดวิชาอื่นๆ อีกมากมายที่ถูกเก็บเอาไว้ แต่จากสิ่งที่ตัวของลู่โจวรู้ เคล็ดวิชาทั้งหมดนี้ลูกศิษย์ของเขาไม่ต้องการที่จะฝึกฝนมัน
แต่ตัวเขาก็พอที่จะเข้าใจเหตุผลได้ ในตอนนี้คงจะไม่มีเคล็ดวิชาที่ดีไปกว่าที่ระบบได้กำหนดมาให้กับตัวเขา
นอกจากจะมีเคล็ดวิชาล้ำค่ามากมาย ในที่แห่งนี้ก็ยังมีอาวุธถูกเก็บเอาไว้เช่นกัน ส่วนมากอาวุธทั้งหลายเป็นเพียงอาวุธระดับมิธริกและระดับสีเหลืองเท่านั้น อาวุธส่วนมากล้วนแต่ถูกมองว่าด้อยค่าเมื่ออยู่ต่อหน้าชาวยุทธ์ที่มีระดับวรยุทธ์อยู่ที่มหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ ลู่โจวเองก็คิดเช่นเดียวกัน ตัวเขาไม่ได้รู้สึกสนใจอะไรเป็นพิเศษหลังจากที่เหลือบมองทุกอย่าง อาวุธทั้งหมดนั้นล้วนแต่ถูกฝุ่นหนาทึบปกคลุมเอาไว้ และนั่นก็หมายความว่าไม่มีใครสัมผัสอาวุธพวกนี้มาเป็นเวลานานแล้วนั่นเอง และด้วยอายุที่ยืนยาวของจีเทียนเด๋า ทำให้ลู่โจวเองจำไม่ได้เช่นกันว่าได้ของเหล่านี้มาจากที่ไหน
ในขณะเดียวกันนั้นเองที่หน้าศาลาปีศาจลอยฟ้า…
ยี่เทียนซินกำลังลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเจ็บปวดที่มีอยู่ทั่วท้องของเธอ เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบากก่อนที่จะเหลือบมองไปที่รอบตัวของเธอ
“ที่นี่…ศาลาปีศาจลอยฟ้าอย่างงั้นหรอ? ” สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ทำให้ตัวเธอได้กลายเป็นศิษย์ของจีเทียนเด๋าเหมือนหลายปีก่อน เธอจำสถานที่แห่งนี้ได้ดี ทุกอย่างในที่แห่งนี้ดูคุ้นตาเธอเป็นอย่างดี ทั้งต้นไม้ ใบหญ้า กำแพง หรือแม้แต่ผนัง…
ในตอนนั้นเองเสียงของใครบางคนที่อ่อนล้าก็ได้ดังขึ้นข้างๆ “ศิษย์…น้องหก? “
ยี่เทียนซินถึงกับผงะ ตัวเธอรีบหันไปยังต้นเสียงที่ดังขึ้น ในตอนนั้นเองเธอเห็นหมิงซี่หยินโดนโซเซเข้ามาใกล้ตัวเธอ ผมของเขากระเซิง ใบหน้าเองก็เปื้อนไปด้วยฝุ่น ที่หน้าอกของเขาเปื้อนเลือดอยู่
“ศิษย์พี่สี่? “
หมิงซี่หยินได้ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ กับเธอ ในตอนนั้นเองเขาก็ยิ้มให้ก่อนที่จะพูดขึ้น “ศิษย์น้องหก ข้ากลับมาแล้ว…”
“อะไรกัน? ” ยี่เทียนซินขมวดคิ้วของตัวเอง เธอไม่เข้าใจความหมายนั้นเลย
“ข้าเพิ่งจะชินกับ…แค่ก! แค่ก! ” ระหว่างที่หมิงซี่หยินกำลังพูดอยู่ ที่มุมปากของเขาก็มีเลือดไหลออกมา ตัวเขารีบใช้หลังมือเช็ดเลือดทั้งหมดไปในทันที