ลู่โจวได้ส่ายหัวตัวเองก่อนที่จะมองไปที่ระบบ
“การ์ดไร้ที่ติคืออะไรกัน? “
‘การ์ดไร้ที่ติ: สามารถป้องกันความเสียหายให้กับผู้ใช้ได้ 10 วินาที ใช้แต้มบุญ 500 แต้ม’
“การ์ดใบนี้ก็ไม่แย่ไปซะทีเดียว มันสามารถทำให้ตัวฉันอมตะได้เป็นเวลาสั้นๆ แต่ 10 วินาทีมันไม่ออกจะสั้นไปหน่อยอย่างงั้นหรอ…ตราบใดที่ไม่มีการโจมตีตอบโต้กลับไปหลังจากเวลาผ่านพ้นไปตัวฉันก็คงจะต้องโดนโจมตีอยู่ดี แต่ถ้าหากใช้การ์ดไร้ที่ติในการหนี บางทีมันอาจจะมีประโยชน์ก็เป็นได้ แต่ยังไงซะก็ต้องใช้ตามสถานการณ์จริงอยู่ดี”
ลู่โจวยังไม่ได้รีบร้อนที่จะซื้อการ์ดไร้ที่ติ ตัวเขาได้มองดูการ์ดใบอื่นๆ ต่อ
‘การ์ดการโจมตีของเพรชฆาต: สามารถมอบพลังที่ไม่สามารถอธิบายได้เพื่อทำโจมตีให้เป้าหมายถึงตายได้ ใช้แต้มบุญ 500 แต้ม’
ลู่โจวได้อ่านคำอธิบายการ์ดใบนี้อย่างถี่ถ้วน
ในฐานะที่ตัวเขาเป็นผู้ชื่นชอบในการเล่นเกมออนไลน์มาก่อนในชีวิตที่แล้ว ตัวเขารู้ดีว่าการโจมตีอันรุนแรงที่มาจากการ์ดใบนี้จะต้องทำให้เป้าหมายถึงตายได้แน่ โดยปกติแล้วการโจมตีถึงตายแบบนี้มักจะมีโอกาสสำเร็จที่ต่ำมาก แต่ถึงแบบนั้นในคำอธิบายของการ์ดใบนี้ก็ไม่ได้บอกถึงโอกาสสำเร็จเอาไว้
ตัวเขามองไปทางด้านขวาก่อนที่จะมองไปทางด้านซ้าย ลู่โจวไม่เจอข้อจำกัดหรือแม้แต่โอกาสในการใช้เลย
“พลังที่ไม่สามารถอธิบายได้…นั่นมันหมายความว่าอะไรกัน? ” ลู่โจวกำลังใช้ความคิดของเขา “ไม่ว่าจะเป็นพลังแบบไหนการ์ดใบนี้ก็คงจะต้องใช้งานได้แน่ ไว้ค่อยซื้อทีหลังก็แล้วกัน…”
‘การ์ดป้องกันขั้นสุดยอด ลดความเสียหายที่ได้รับ 90% เป็นระยะเวลานาน 30 วินาที ใช้แต้มบุญ 500’
‘การ์ดป้องกันความเสียหายขั้นสอง’ ลดความเสียหายที่ได้รับ 60% เป็นระยะเวลานาน 30 วินาที ใช้แต้มบุญ 300 แต้ม’
…
การ์ดที่มีมากกว่าสิบใบต่อมาเป็นการ์ดที่เกี่ยวกับการป้องกันทั้งหมด และเนื่องจากวรยุทธ์ของลู่โจวในตอนนี้ยังคงอยู่ในขั้นสังหรณ์หยั่งรู้เท่านั้น ทำให้การ์ดป้องกันที่มีขายกลายเป็นของไร้ประโยชน์ไปสำหรับเขา ท้ายที่สุดถึงแม้จะสามารถลดความเสียหายได้มากถึง 90% แต่ยังไงซะพลังที่เหลือกว่า 10% ก็เพียงพอแล้วที่จะจัดการตัวเขาได้
ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ส่ายหัว “การ์ดพวกนี้ยังมีประโยชน์น้อยไปถ้าหากเทียบกับการ์ดไร้ที่ติ แต่เดี๋ยวนะ! ทำไมการ์ดส่วนใหญ่ที่มีถึงเป็นการ์ดป้องกันไปได้ล่ะ? ระบบนี่แกคิดว่าฉันขี้ขลาดมากสินะ? มันคิดจะให้ฉันกลายเป็นเหยื่อล่อที่ไม่สามารถสู้กลับได้เลยอย่างงั้นหรอ? นี่มันไม่ใช่รูปแบบการต่อสู้ของปรมาจารย์มหาวายร้ายหรอก! “
ลู่โจวได้พยายามมองหาการ์ดใบต่อไป มีการ์ดจำนวนหนึ่งที่ยังไม่เปิดเผยคำอธิบายอะไรรวมไปถึงราคาแต้มบุญที่ใช้ออกมา ที่การ์ดมีเพียงเครื่องหมายคำถามเท่านั้น ลู่โจวได้คาดเดาเอาไว้ว่าระบบในตอนนี้ยังไม่ปลดล็อกให้กับตัวเขา เช่นเดียวกับพลังร่างอวตารที่อยู่สูงกว่าอย่างพลังกงจักรพันวิถี
ผู้ที่ชื่นชอบการเล่นเกมออนไลน์ต่างรู้ดี พลังที่ไม่สามารถปลดล็อกได้มันอยู่สูงเกินระดับไปแล้วนั่นเอง และหลังจากที่อ่านการ์ดทั้งหมดไป ลู่โจวจึงตัดสินใจที่จะซื้อการ์ดไร้ที่ติ 3 ใบ และการ์ดการโจมตีของเพรชฆาตอีก 3 ใบ ถ้าหากใช้การ์ดทั้งสองใบร่วมกันเท่ากับว่าตัวเขาในตอนนี้มีความสามารถทั้งในการรุกและการรับแล้วนั่นเอง
ทันใดนั้นเองตัวเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จะเกิดอะไรขึ้นกันล่ะถ้าหากตัวเขาได้ใช้การ์ดการโจมตีของเพรชฆาตโจมตีใส่ผู้ใช้การ์ดไร้ที่ติ มันจะเหมือนกับการใช้หอกที่แข็งแกร่งที่สุดฟาดฟันไปที่โล่ที่แข็งแกร่งที่สุดรึเปล่านะ? แล้วจะทดลองได้ยังไงกันล่ะ? ลู่โจวได้แต่รู้สึกเสียดาย ตัวเขาได้แต่เก็บความคิดนี้ไว้คนเดียวต่อไป
ลู่โจวได้การ์ดที่ใช้ป้องกันที่ดีที่สุดรวมไปถึงการ์ดที่สามารถโจมตีที่รุนแรงที่สุดมาแล้ว ในพริบตาเดียวตัวเขาก็ใช้แต้มบุญไปกว่า 3,000 แต้ม แต่ถึงแบบนั้นลู่โจวก็รู้สึกว่ามันคุ้มค่าอยู่ดี ตัวเขาที่คิดแบบนั้นจึงไม่ได้คิดมากอีกต่อไป
“แล้วฉันจะใช้แต้มบุญที่เหลือกว่า 4,500 แต้มกับอะไรดีล่ะ? หรือว่าฉันควรซื่อการ์ดพลังชีวิตเพื่อเพิ่มอายุขัยกัน? “
ร่างกายของตัวเขาเป็นกุญแจสำคัญที่จะฟื้นฟูพลังยุทธ์ที่เคยมี แต่แต้มบุญที่เหลือเพียงเท่านี้ทำให้ตัวเขาซื้อการ์ดพลังชีวิตได้เพียง 9 ใบเท่านั้น การ์ดพลังชีวิต 9 ใบทำให้ตัวเขาได้อายุขัยเพิ่มมากขึ้นประมาณ 2,700 วัน จำนวนวันเพียงเท่านี้ก็ยังถือว่าสั้นอยู่ดีถ้าหากจะนับอายุขัยที่จีเทียนเด๋ามีมาเกือบจะ 1,000 ปี
“แล้วการจับฉลากนำโชคล่ะ? ” ลู่โจวก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรที่ผิดปกติกับเขา อยู่ๆ ในหัวของเขาก็มีคำว่าจับฉลากนำโชคโผล่ขึ้นมา จากประสบการณ์การจับฉลากนำโชคครั้งก่อน ลู่โจวรู้ดีว่าการจับฉลากนี้จะต้องกลืนกินแต้มบุญของเขาขนหมดไป และบางทีตัวเขาก็อาจจะไม่ได้อะไรกลับมาเลยนอกซะจากค่าความโชคดี
“ฉันจะต้องใช้แต้มบุญไปกับการเพิ่มวรยุทธ์สิถึงจะถูก ยังไงซะพลังยุทธ์ก็เป็นเหมือนกับต้นตอของทุกสิ่งทุกอย่าง…”
ลู่โจวนึกถึงตอนที่ตัวเขาใช้พลังร่างอวตารดอกบัวทั้งเก้าแห่งร้อยวิถี กลีบดอกบัวที่อยู่ด้านหลังของตัวเขาได้งอกเงยขึ้นมาอีกกลีบแล้ว มันเป็นดอกบัวที่มีถึงเก้ากลีบแล้วนั่นเอง ลู่โจวเองก็เคยใช้การ์ดระเบิดจุดสุดยอดก่อนหน้านี้มาแล้วถึง 2 ใบ แล้วทำไมกันล่ะ ทำไมมันถึงมีความแตกต่างกัน?
“หรือว่าจะเป็นเพราะเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์กัน? ” ลู่โจวว่าเคล็ดวิชานี้มันคืออะไรกันแน่ มันเป็นเคล็ดวิชาที่ไม่เหมือนกับเคล็ดวิชาไหนเลยในความทรงจำของเขา มันไม่มีแม้แต่กระบวนท่าการเคลื่อนไหว, ไม่มีวิธีการหายใจ และไม่มีแม้แต่วิธีการฝึกควบคุมพลังลมปราณ
“หรือว่าวรยุทธ์ที่ตัวฉันีจะเป็นเหมือนกับรางเหง้าของทุกอย่าง แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไง…ลองเสี่ยงโชคดูสักหน่อยดีกว่า”
…
ที่สำนักทางใต้ใหญ่ สำนักนี้ทั้งอยู่บนภูเขาผิงตู ที่แห่งนี้อยู่ทางทิศตะวันตกของโลกยุทธภพนั่นเอง
ภายในห้องโถงใหญ่ของสำนักทางใต้..
“นายท่าน ข้าได้ข่าวมาแล้ว ปรมาจารย์มหาวายร้ายคนนั้นได้จับตัวเจ้าของพระราชวังจันทราได้ด้วยตัวคนเดียว และแม้ว่าคนจากสำนักฝ่ายธรรมะทั้งหมดที่นำทัพโดยสำนักเที่ยงธรรม สำนักดาบสวรรค์ ทั้งสองหมดได้ร่วมมือกันเพื่อบุกภูเขาทอง แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีใครที่รอดออกมาจากที่นั่นได้สักคนเดียว”
ในตอนนั้นเองชายผู้ที่กำลังรายงานข่าวทั้งหมดกับกำลังพูดอยู่กับบัลลังก์แห่งหนึ่ง บัลลังก์แห่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยม่านหมากสีดำ
“ข้าเข้าใจแล้ว” เสียงที่แหบพร่าได้ดังออกมาจากหลังม่านหมอกนั้น
“นายท่าน ถึงแม้ว่าเจ้าของวังจันทราจะเคยเป็นศิษย์น้องของนายท่าน แต่การที่เธอยั่วยุให้พวกสำนักฝ่ายธรรมะทั้งหลายลงมือโจมตีล้มเหลวในครั้งนี้ได้ทำให้อีกหลายสำนักโกรธแค้นในตัวเธอ สำนักจากฝ่ายธรรมะได้สาบานออกมาว่าจะฆ่าทุกคนที่เป็นศิษย์จากวังจันทราเพื่อเป็นการแก้แค้นให้กับศิษย์สาวกที่ได้ตายไปบนภูเขาทอง นายท่านพวกเราควรจะช่วยพวกนั้นไหม? “
ในห้องโถงใหญ่แห่งนั้นได้เงียบลงไป หลังจากเงียบได้ครู่หนึ่งก็มีเสียงที่ดังออกมาจากด้านหลังม่านหมอกอีกครั้ง “เจ้านั่นน่ะสมควรได้รับโทษแล้ว พวกเราไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น”
“ข้าเข้าใจแล้วครับนายท่าน! ” ชายคนนั้นกำหมัดและโค้งคำนับให้กับผู้ที่อยู่บนบัลลังก์ “ยังมีอีกเรื่องหนึ่งครับ”
“พูดมาสิ”
“สายลับที่แทรกซึมอยู่ในเหล่าราชวงศ์ได้รายงานมาว่ามีท่านหญิงคนหนึ่งกำลังวางแผนที่จะกวาดล้างภูเขาทอง เธอได้พยายามโน้มน้าวจักรพรรดิให้รวบรวมกองทัพทั้งหมดของจักรวรรดิมา”
“แล้ว? “
“จักรพรรดิไม่เห็นด้วย เขาได้สั่งกักบริเวณเธอเป็นเวลากว่าสามเดือนด้วยกัน”
ในตอนนั้นเองที่ด้านหลังของม่านหมอกสีดำก็ได้เงียบไปพักหนึ่ง ราวกับว่าชายคนที่อยู่บนบัลลังก์กำลังใช้ความคิดอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นก็มีเสียงพูดดังขึ้น “ที่โลกแห่งยุทธภพน่ะกำลังเกิดสงครามอยู่ ยังไงซะกองทัพจักรวรรดิก็จะต้องอยู่ดูแลเมืองเหลวง แม้ว่าจักรพรรดิจะโง่งมมากสักแค่ไหน แต่การเคลื่อนย้ายกำลังพลกะทันหันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่ดี ท่านหญิงนั่นทำตัวเองจริงๆ แต่ว่านะ…” เสียงที่ได้ดังขึ้นได้หยุดลงไปชั่วขณะก่อนที่จะดังขึ้นมาใหม่อีกครั้ง “…ถึงแม้ว่าเธอคนนั้นจะมาจากดินแดนทางตะวันตกของเรา แต่ในตอนนี้น่ะเธอไม่ใช่คนของเราอีกต่อไปแล้ว จับตาดูเธอเอาไว้ก็แล้วกัน”
“ข้าจะส่งคนไปจับตาดูเธอเองครับนายท่าน! “
“แล้วก็…” เสียงของชายที่อยู่บนบัลลังก์ดังขึ้นมาอีกครั้ง “เจ้าบ้าที่ชอบดวลดาบคนนั่นน่ะ ที่สำนักแห่งความบริสุทธิ์มียอดฝีมือมากมาย ส่งเจ้านั่นไปที่นั่นซะ…บอกเจ้านั่นว่าอย่าได้เข้าใกล้ดาบปีศาจซะล่ะ”
“ข้าน้อยจะทำตามทันที”
…
ในตอนนี้ด้วนมู่เฉิง หยวนเอ๋อ รวมไปถึงคนอื่นๆ กำลังใจจดใจจ่ออยู่กับการรอคอยที่ลานหน้าศาลา พระอาทิตย์ในตอนนี้กำลังจะตกดินแล้ว แต่ท่านอาจารย์ของพวกเขาก็ยังไม่แสดงตัวออกมา
“มันก็ปกติละนะที่ท่านอาจารย์จะต้องพักผ่อนหลังจากที่ต่อสู้อย่างดุเดือดไป ศิษย์น้องเล็ก เจ้าน่ะเลิกเดินไปเดินมาได้แล้ว ข้าเวียนหัวกับการเดินของเจ้า” ด้วนมู่เฉิงพูดออกมาก่อนที่จะใช้มือของตัวเองจับไปที่ขมับ
ในขณะเดียวกันโจวจี้เฟิงในตอนนั้นก็ได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเคารพ “ท่านผู้อาวุโสน่ะเป็นยอดฝีมือ ยังไงเขาก็คงจะไม่เป็นไรแน่นอน ดูที่ม่านพลังนี่สิ มันดูมีพลังมากเลยนะ! “
หยวนเอ๋อที่ได้ยินแบบนั้นได้จ้องมองไปยังโจวจี้เฟิงก่อนจะพูดขึ้น “เจ้าโง่! “
ยี่เทียนซินไม่ได้คิดเหมือนกับใคร เธอได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “ถ้าหากข้าเป็นเจ้า ข้าจะเดินเข้าไปดูแล้ว…ในตอนนี้อาจจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาก็เป็นได้…”
ในตอนนั้นเองเสียงของกลไกประตูลับก็ได้ดังขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่เสียงนั้นเงียบไป เสียงของชายที่คุ้นเคยก็ได้ดังขึ้นอีกครั้ง “พวกเจ้าทุกคนเข้ามาซะสิ”
ทุกคนรวมไปถึงยี่เทียนซินสั่นไปทั้งตัว ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะเหนื่อยล้ามามากแล้วแต่ความเหนื่อยล้าทั้งหมดก็หายไปเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้ยินเสียงของลู่โจว
หยวนเอ๋อได้เดินไปหายี่เทียนซินก่อนที่จะจับตัวเธอไว้พร้อมรอยยิ้ม “มาดูกันว่าท่านอาจารย์จะลงโทษเจ้ายังไง! “
ลู่โจวได้ออกมาจากห้องลับแล้ว ในตอนนี้ตัวเขากำลังยืนอยู่ที่ด้านในศาลาปีศาจลอยฟ้า ตัวเขาก็ยังคงประสานมือเอาไว้ที่ด้านหลังเช่นเคย
“ท่านอาจารย์! “
“ท่านผู้อาวุโส! “
ยี่เทียนซินถูกจับให้คุกเข่าลงไปบนพื้น เธอพยายามเงยหน้าขึ้นเพื่อมองหน้าชายชราที่อยู่ตรงหน้า แต่สิ่งที่เธอเห็นกลับมีเพียงแผ่นหลังของเขา
ลู่โจวไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาเดินจากทางด้านซ้ายไปที่ทางด้านขวาพร้อมกับใช้มือลูบไปที่เคราของตน
“ท่านอาจารย์? ” หยวนเอ๋อได้ส่งเสียงเรียกอีกครั้งอย่างจริงจัง
ในตอนนั้นเธอก็ได้ยินลู่โจวที่กำลังพึมพำอะไรบางอย่างออกมาเบาๆ “ทำไมฉันถึงจับฉลากไม่ได้อะไรเลยกัน…”
“ฮะ? “