My Disciples Are All Villains – ตอนที่ 520

ตอนที่ 520 อธิบาย

 

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย

 

หลิวจือเหยียดหลังตรงก่อนที่จะลุกจากที่นั่ง ตัวเขาเอามือไขว้หลังก่อนที่จะพูดออกมา “ข้าในตอนนี้กําลังพยายามช่วยเสด็จพ่อ ข้าแน่ใจว่าท่านต้องเคยได้ยินเรื่องของสานักอเวจีที่พยายามพิชิตมณฑลทั้งเก้า การต่อสู้ที่มณฑลยู่กําลังจะเริ่มขึ้นทุกเมื่อ ข้าต้องการให้สถานศึกษาไท่ซูส่ง สาวกทั้งหมดไปยังสนามรบเพื่อสนับสนุนแม่ทัพจี้”

 

หลินซินไม่แปลกใจกับเงื่อนไขของหลิวจือเลย ตัวเขาเองก็คาดคิดเอาไว้แล้ว ถ้าหากเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ยอมช่วยเหลือพวกเขา พวกเขาเองก็ย่อมที่จะต้องช่วยเหลือเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน มันเป็นการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมนั่นเอง หลินซินพยักหน้ายอมรับเงื่อนไขแต่โดยดี “ตกลง ข้าขอสัญญาองค์ชาย”

 

หลิวจือเดินมาหยุดต่อหน้าหลินซินก่อนที่จะพูดต่อ “อย่าได้คิดเลยว่าท่านต้องลําบาก หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์นี้ได้ ข้าสัญญาว่าจะให้เม็ดยาแห่งการเบ่งบานเป็นของรางวัล อย่าลืมไปว่า… สถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่นั้นรับฟังคําสั่งของทางราชสํานักเท่านั้น”

 

“ขอบคุณองค์ชาย” หลินซินโค้งคํานับ

 

“การต่อสู้ที่มณฑลยู่สําคัญมาก เพราะแบบนั้นท่านก็ควรที่จะส่งสาวกของท่านไปที่นั่นให้เร็วที่สุด…ข้าเองยังมีอย่างอื่นที่จะทําให้ท่านสงบใจและหายกังวลได้” หลังจากที่พูดแบบนั้นหลิวจือก็ขยับเข้าไปใกล้หลินซินก่อนที่จะกระซิบอะไรบางอย่าง

 

ทุกๆคนที่อยู่ภายในห้องต่างก็ไม่ได้ยินสิ่งที่พูด สิ่งที่หลิวจือพูดทําให้ดวงตาของหลินซินเบิกกว้าง

 

หลินซินเป็นผู้ที่พยายามรักษาศักดิ์ศรีของผู้เป็นปรมาจารย์แห่งสถานศึกษาไท่ซูมาโดยตลอด แต่อย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้สําคัญอีกต่อไป หลินซินทําได้เพียงกล่าวขอบคุณด้วยความเคารพอย่างสูง “ขอบคุณสําหรับคําชี้แนะ องค์ชาย!”

 

“ข้าขอฝากท่านด้วย ข้าขอตัวก่อน” หลิวจือไม่คิดที่จะอยู่ที่นี่ให้เสียเวลา ตัวเขาหันหลังเดินออกจากห้องประชุมในทันที

 

หลินซินรีบพูด “โจวเหวินเหลียง ออกไปส่งองค์ชายเร็วเข้า”

 

“ข้าอย่างงั้นเหรอ?”

 

“ใช่ เจ้านั่นแหละ!”

 

ผู้อาวุโสคนที่สองอย่างโจวเหวินเหลียงพยักหน้าก่อนที่จะวิ่งออกไปในทันที

 

หลินซินที่ยังคงอยู่รีบสั่งการต่อไป “เซียวซาน พาสาวกหลัก 1,000 คนไปกับเจ้า ไปสนับสนุนกองทัพของแม่ทัพจี้ซะ”

 

“ทะ….ท่านปรมาจารย์ พวกเราจะเชื่อใจรัชทายาทได้อย่างงั้นเหรอ?” เสี่ยวซานดูกังวล

 

สีหน้าที่หลินซินมีไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป ตัวเขาได้พูดออกมาอย่างเคร่งขรึม “ทําตามที่ข้าสั่งซะ”

 

“ครับ”

 

นับตั้งแต่เหล่าผู้อาวุโสเสนอให้หลินซินขอโทษศาลาปีศาจลอยฟ้า ตัวเขาก็รู้สึกโกรธเหล่าผู้อาวุโสมาโดยตลอด ในตอนนี้หลินซินไม่มีอารมณ์ที่จะพูดคุยกับเหล่าผู้อาวุโส ตราบใดที่ตัวเขารอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ ตัวเขาก็จะกลายเป็นพันธมิตรกับเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ต่อไป มันอาจจะเป็นไปได้ก็ได้ที่ตัวเขาจะกลายเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบในอนาคต เมื่อถึงตอนนั้นเวลาของขีดจํากัดอันยิ่งใหญ่ก็จะหายไป

 

โจวเหวินเหลียงได้กลับมาไม่นานหลังจากที่เสี่ยวซานจากไป ตัวเขามองดูชุดเกราะที่อยู่ในกล่องก่อนที่จะถามออกมาอย่างลังเล “ผู้อาวุโส.ชุดเกราะนั่นมันทรงพลังจริงๆอย่างงั้นเหรอ? มันทรงพลังพอที่จะขับไล่ผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้เลยอย่างงั้นเหรอครับ?”

 

“มันไม่ใช่ของปลอมแน่” หลินซินเอามือไขว้หลังก่อนที่จะพูดต่อ “ข้าเคยไปเยี่ยมชมเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เมื่อหลายปีก่อน และโชคดีที่ข้าเคยมีโอกาสเข้าไปยังห้องเก็บสมบัติชั้นในที่นั่นเต็มไปด้วยสมบัติ อาวุธ หรือของหายากทั้งหมดจากทั่วทุกมุมโลก คนที่คอยดูแลคลังสมบัติชั้นในก็คือองค์หญิงหยุนจ้าว ในเวลานั้นองค์หญิงเป็นผู้ยืนยันว่าพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบมีอยู่จริง”

 

ผู้อาวุโสคนที่สองอย่างโจวเหวินเหลียงได้โค้งคํานับก่อนจะพูด “ท่านปรมาจารย์ ถ้าหากเป็นแบบนั้น สถานศึกษาไท่ซูของพวกเราจะต้องปลอดภัยเพราะท่านแน่!”

 

หลินซินเหลือบมองไปที่โจวเหวินเหลียงก่อนจะพูด “ข้าต้องการหาวิธีที่ดีที่สุดเพื่อจัดวางเขตแดนและคิดแผนการเอาชนะจีเทียนเด้าเอาชุดเกราะของข้าส่งไปที่ห้องข้าซะ”

 

“ครับ!”

 

เวลาเจ็ดวันได้ผ่านไปในพริบตา

 

ณ ศาลาปีศาจลอยฟ้า

 

ลู่โจวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ตัวเขาได้วัดพลังวิเศษที่ตัวเองมี หลังจากที่ยืนยันได้ว่าพลังวิเศษถูกเติมเต็มอย่างสมบูรณ์แบบ ลู่โจวก็ได้เรียกเมนูขึ้นมา

 

ตัวเขาตรวจสอบตรงเมนูคัมภีร์เปิดโลกา ดูเหมือนว่ามันยังไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไป

 

“การทําสมาธิเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ส่วนแรกใช้ไม่ได้ผลอย่างงั้นเหรอ?”

 

ถ้าหากพลังวิเศษทั้งสองอย่างเป็นพลังที่แตกต่างกัน แบบนั้นคงจะต้องลําบากเพิ่มขึ้นแน่ เท่ากับว่าลู่โจวจะต้องใช้เวลานั่งสมาธิเพิ่มเติม

 

เพื่อยืนยันความคิดนี้ลู่โจวจึงได้เปิดคัมภีร์เบิดโลกาก่อนที่จะพยายามทําสมาธิเพื่อทําความเข้าใจอักษรของคัมภีร์เปิดโลกา มันเหมือนกับตอนที่ลู่โจวพยายามทําความเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ส่วนแรก (ส่วนมนุษย์) แม้ว่าจะพยายามทําสมาธิไปที่มันมากแค่ไหน แต่ดูเหมือนว่าตัวอักษรที่มีก็ยังไม่ปรากฏออกมาอย่างที่ลู่โจวคาดหวังไว้ ลู่โจวถอนหายใจออกมาอย่างผิดหวัง “ดูเหมือนว่านี่จะไม่ง่ายอย่างที่คิดซะแล้ว”

 

ตัวเขาได้เลือกเปิดเมนูภารกิจที่มีแทน ภารกิจ: ตามหาชิ้นส่วนของคัมภีร์เปิดโลกา

 

ลู่โจวขมวดคิ้วเล็กน้อย “นี่มันจะมากเกินไปแล้ว! แม้แต่คัมภีร์ส่วนแรกก็ยังไม่เห็นเป็นแบบนี้!”

 

ในตอนนั้นเองเสียงของหมิงซี่หยินก็ได้ดังขึ้น “ท่านอาจารย์”

 

“มีอะไร?”

 

“สถานศึกษาไทชูขอเข้าพบ”

 

ลู่โจวใจจดใจจ่อกับเรื่องคัมภีร์เล่มใหม่จนลืมเรื่องของสถานศึกษาไท่ซูไปหมดแล้ว สถานที่ศึกษาไท่ซูเคยท้าทายศาลาปีศาจลอยฟ้าซ้ําแล้วซ้ําเล่า ถ้าหากพวกเขาไม่ยอมให้คําอธิบายที่น่าพึงพอใจได้ ลู่โจวจะไม่มีวันปล่อยพวกไก่ชูอยู่สุขสบายแน่

 

ลู่โจวได้เดินออกมาพร้อมกับมือที่ไขว้หลังทั้งสองข้าง เมื่อตัวเขาเห็นหมิงหยินกําลังทําความเคารพอยู่ลู่โจวก็ได้ถามออกมา “มีเจ้าอยู่คนเดียวอย่างงั้นเหรอ?”

 

ก่อนหน้านี้ก็มีเพียงหมิงซี่หยินคนเดียวที่ทักทายลู่โจว ลู่โจวไม่เห็นคนอื่นๆอยู่เลย

 

หมิงซูหยินเกาหัวก่อนจะตอบกลับไป “ศิษย์น้องห้ากับศิษย์น้องแปดกล้าหาญพอที่จะผ่าดอกบัวทองคําของตัวเองและทําการฝึกฝนตนใหม่ ส่วนคนอื่นๆ ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน”

 

ทันทีที่หมิงซี่หยินพูดจบ เสียงที่ฟังดูตื่นเต้นก็ได้ดังขึ้น “ศิษย์น้องสี่ ศิษย์น้องสี่ เจ้าอยู่ไหนกันแน่? ข้าน่ะใช้หอกราชันย์ได้ดีขึ้นไปอีกระดับแล้ว! เจ้าจะต้องไม่เชื่อข้าแน่!”

 

พรึบ!

 

หมิงซูหยินได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

 

“ไม่น่าแปลกใจเลยที่หมิงหยินจะเดินอ้อยอิ่งอยู่ทางศาลาตะวันออก เขาคงรู้แน่ว่าไม่มีใครก ล้าเข้าใกล้ที่นี่โดยไม่มีธุระได้

 

ตัวนมู่เฉิงไม่ได้เดินเข้ามา ตัวเขาได้เดินผ่านศาลาตะวันออกก่อนที่จะหายตัวไปอย่างรวดเร็ว

 

ลู่โจวส่ายหัวก่อนที่จะเดินไปยังห้องโถงใหญ่ของศาลาปีศาจลอยฟ้า

 

ภายในห้องโถงใหญ่

 

ลู่โจวนั่งอย่างสง่างามอยู่บนที่นั่งสูงสุดของเขา

 

นอกจากฝานซงและโจวอี้เฟิงแล้ว ไม่มีใครคนอื่นอยู่ด้วย ในตอนนี้มันดูไม่เหมือนกับศาลาปีศาจลอยฟ้าในอย่างที่เคยเป็นเลย

 

สมาชิกสามคนจากสถานศึกษาไท่ซูได้เดินเข้าไปที่ห้องโถงใหญ่ด้วยการนําทางของเหล่าผู้ฝึกยุทธหญิง ทันทีที่พวกเขามาถึงทั้งสามคนก็คุกเข่าในทันที

 

“ผู้อาวุโสจี! ข้าเป็นผู้อาวุโสคนที่สองแห่งสถานศึกษาไทชูมีนามว่าโจวเหวินเหลียง”

 

“ผู้อาวุโสจี ข้าเป็นผู้อาวุโสคนที่สามแห่งสถานศึกษาไทชู ข้ามีชื่อว่าหวังเจียนราง”

 

“ผู้อาวุโสจี ส่วนข้าคือผู้อาวุโสคนที่ห้าของสถานศึกษาไท่ซู จางกง”

 

“เจ้าพวกนี้นี่มันอะไรกัน? ก่อนหน้านี้ก็ เหริน ยี่ หลี่ จือ มันเป็นคําจากชาวลัทธิขงจื้อที่ หมายถึงความกรุณา ความยุติธรรม ความอ่อนน้อม ความฉลาด และความจริงใจ ส่วนคําว่าเหวิน เหลียง กง เจียน ราง เจียน หมายถึงความเมตตา ความเคารพ ความประหยัด และความเอื้ออาทร เจ้าพวกนี้ช่างสรรหาตั้งชื่อซะจริง”

 

ทั้งสามคนเงยหน้าขึ้น ห้องโถงใหญ่ว่างเปล่า เมื่อได้เห็นแบบนั้นทุกคนก็สับสน ที่นี่คือศาลาปีศาจลอยฟ้าจริงๆ อย่างงั้นเหรอ? สภาพในตอนนี้มันดูรกร้างจนทําให้พวกเขาคิดว่าตัวเองมาผิดที่ ท้ายที่สุดแล้วก็ยังมีอีกหลายคนที่พยายามแอบอ้างเป็นจีเทียนเด๋าและสาวกทั้งเก้าของเขา นี่มันเกือบจะเป็นกระแสใหม่ของโลกใบนี้ไปแล้ว

ในที่สุดโจวอี้เฟิงก็ได้พูดออกมาด้วยน้ําเสียงอันหนักแน่น “พวกเจ้ากําลังมองอะไรกัน? พวกเจ้ากล้าดียังไงที่ทําแบบนั้นต่อหน้าท่านปรมาจารย์?”

 

“ได้โปรดยกโทษพวกเราด้วยผู้อาวุโสจี! พวกเรามาที่นี่ก็เพื่อที่จะขอโทษจากใจจริง” โจวเหวินเหลียงตอบกลับมา

 

“ขอโทษอย่างงั้นเหรอ?” ลู่โจวเหลือบมองทั้งสามคน “ถ้าหากพวกเจ้าจริงใจจริงก็ควรจะให้หลินซินเป็นคนมา”

 

พวกโง่เง่าเจ้าคิดว่าการ

 

ฝานซงคิดว่าคําพูดของลู่โจวสมเหตุสมผล ตัวเขาที่ได้ฟังแบบนั้นจึงได้พูดต่อว่าออกมา “เจ้าพวกโง่เง่า เจ้าคิดว่าศาลาปีศาจลอยฟ้าจะถูกหลอกง่ายๆสินะ?” อารมณ์แห่งความไม่พึงพอใจได้ ผุดขึ้นในใจของโจวอี้เฟิง ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อสาวกคนอื่นๆไม่อยู่ ความกดดันที่ตัวเขาได้รับจึงลดลงเป็นอย่างมาก โจวอี้เฟิงรู้สึกดีมาก! คราวนี้ตัวเขาจะต้องคว้าโอกาสที่จะสร้างความประทับใจอันดีให้กับปรมาจารย์อย่างสู่โจว

 

กว่านั้นเมื่อสาวกคนอื่นๆ ไม่อยู่

 

ราสที่จะสร้างความประทับใจ

 

โจวเหวินเหลียงสั่นไปทั้งตัว “ผู้อาวุโสจี ข้าอธิบายได้” หลังจากพูดจบตัวเขาก็ได้ส่งหีบห่อที่ทั้งสองคนถืออยู่ให้กับลู่โจว ตัวเขาเปิดมันก่อนจะพูดต่อ “ผู้อาวุโสจีดูนี้สิ!”

 

ทุกๆคนต่างก็งุนงง เมื่อเปิดหีบของออกมา ภายในนั้นมันเต็มไปด้วยชุดเกราะสีแดงเข้ม ลวดลายสีแดงที่อยู่ในนั้นดูอัดแน่นและละเอียดอ่อนมาก

 

มันเป็นเรื่องปกติที่โจวอี้เฟิงและฝานซงจะไม่เห็นความพิเศษของมัน

 

แต่สําหรับลู่โจว ชุดเกราะที่ตัวเขาได้เห็นมันส่งผลกับตัวเขาเป็นอย่างดี ลวดลายที่อยู่ในนั้นมัน คล้ายกับลวดลายเขตแดนพลังจากโลงศพของชาวรั่วหลานมาก!

 

“ผู้อาวุโสจี หลินชินกําลังสมรู้ร่วมคิดกับรัชทายาทวางแผนที่จะทําร้ายท่าน องค์ชายได้บอก เอาไว้ว่าชุดเกราะตัวนี้สามารถรับมือกับผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้”

 

My Disciples Are All Villains

My Disciples Are All Villains

My Disciples Are All Villains
Score 4.0
Status: Ongoing Released: 2019 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง My Disciples Are All Villains ลู่โจวตื่นขึ้นมาเพื่อเป็นผู้เฒ่าผู้ชั่วร้ายที่ทรงพลังและเก่าแก่ที่สุดในโลก และพบว่าเขามีสาวกเก้าคนที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย ศิษย์คนโตของเขาเป็นผู้นำนิกาย Nether ที่มีลูกน้องนับพัน และศิษย์คนที่สองของเขาคือ Sword Devil มักจะเข่นฆ่าผู้อื่นด้วยความขัดแย้งเพียงเล็กน้อย…หากไม่มีฐานการฝึกฝนของเขา เขาจะจัดการกับสาวกที่ชั่วร้ายเหล่านี้ได้อย่างไร ศิษย์คนโตของเขา Yu Zhenghai เล่าว่า “ชีวิตข้าไม่เคยมีคู่แข่ง และไม่มีใครนอกจากอาจารย์ที่สามารถทำให้ข้าก้มหัวได้” ศิษย์คนที่เจ็ดของเขา Si Wuya กล่าวว่า “เราจะกินหรือนอนอย่างสงบสุขไม่ได้ตราบเท่าที่ อาจารย์ยังไม่ตาย!”…หยวนเอ๋อศิษย์ที่เก้าของเขากล่าวว่า “ฉันจะจำสิ่งที่อาจารย์พูดและเป็นคนดี”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset