ตอนที่ 521 ตําแหน่งที่ได้มาอย่างง่ายดาย
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย
“ชุดเกราะที่สามารถใช้รับมือกับผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้?” จู่โจวที่ฟังแบบนั้นสับสน
โจวเหวินเหลียงพูดต่อ “ชุดเกราะตัวนี้ถูกรัชทายาทส่งมอบมา เขาได้บอกเอาไว้ว่ามันสามารถใช้พลังวิเศษที่มีในชุดเกราะรับมือกับผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้ ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่ข้าก็ไม่คิดที่จะเชื่อ ผู้อาวุโส ได้โปรดตรวจสอบชุดเกราะอย่างละเอียดด้วย” หลังจากที่พูดจบดวงตาของโจวเหวินเหลียงก็หลบไปยังด้านข้าง ตัวเขากําลังสงสัยว่าศิษย์สาวกวายร้ายคนอื่นๆ อยู่ที่ไหนกันแน่ ทําไมถึงได้มีชายหนุ่มผู้น่ารังเกียจเพียงแค่สองคนนอกเหนือจากปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้ากัน? แน่นอนว่าโจวเหวินเหลียงไม่กล้าที่จะถามคําถามนี้ออกไป
ฝานซงพูดเยาะเย้ยขึ้น “เจ้าไม่จําเป็นจะต้องบอกพวกเราหรอกว่าพวกเราต้องทําอะไร แต่พวกเจ้าก็คงจะเก่งในเรื่องการบอกต่อจริงๆ นั่นแหละ ไม่งั้นหลินซินก็คงจะมาขอโทษด้วยตัวเองไม่ต้องสั่งให้สาวกต้องมาแบบนี้แทน”
ใบหน้าของโจวเหวินเหลียงเปลี่ยนแปลงไปอย่างช่วยไม่ได้ “แม้แต่ผู้อาวุโสก็ยังเกลี้ยกล่อมท่านปรมาจารย์ไม่ได้ พวกเราจนปัญญาแล้วจริงๆ”
หวังเจียนรางที่กําลังคุกเข่าอยู่ทางด้านหลังพูดต่อ “ได้โปรดตรวจดูชุดเกราะอย่างละ เอียดด้วยเถอะพวกเราทั้งสามคนต้องการที่จะขอโทษท่านจากใจจริง ตาแก่หลินซินนั่นกําลังพยายามผลักดันสถานศึกษาไท่ซูให้ล่มสลาย และเพราะแบบนั้นจึงทําให้สถานศึกษาใกล้ที่จะถูกทําลายล้างเต็มที่ในฐานะที่พวกเราเป็นผู้อาวุโส พวกเราคงจะไม่อาจอยู่เฉยปล่อยให้สถานศึกษาไท่ซูถูกทําลายล้างได้!”
สู่โจวยังคงนิ่งเงียบ ตัวเขาลุกขึ้นก่อนที่จะเดินลงจากบัลลังก์ ลูโจวได้มาหยุดอยู่ที่หน้าโจวเหวิน เหลียงก่อนที่จะเฝ้ามองชุดเกราะอีกครั้ง เมื่อจู่โจวพลิกฝ่ามือของตัวเองชุดเกราะในกล่องก็ลอย นมา บนชุดเกราะเต็มไปด้วยลวดลายสีแดงละเอียดอ่อน ทุกอย่างล้วนถูกแกะสลักอย่างพิถีพิถัน
แม้ว่าโจวอี้เฟิงจะไม่เข้าใจว่าลวดลายบนเกราะมันหมายความว่าอะไร แต่ก่อนหน้านี้ตัวเขาเคยได้รับคําสั่งให้คัดลอกลวดลายบนโลงศพที่ได้รับมา ดังนั้นโจวอี้เฟิงยังพอจําลวดลายบนโลงศพได้อย่างคลุมเครือ ตเมื่อนึกออกโจวอี้เฟิงก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ “ทําไมมันถึงคล้ายลวดลายบนโลงศพได้ล่ะ?”
สู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะศึกษาชุดเกราะต่อไป
โจวเหวินเหลียงเงยหน้าขึ้นก่อนที่จะพูดออกมา “รัชทายาทหลิวจือได้ว่าเอาไว้ พลังของชุดเกราะตัวนี้จะตื่นขึ้นก็ต่อเมื่อได้เผชิญหน้ากับผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ มันก็เป็นแค่คําโป้ปดหลอกเด็กก็เท่านั้น หลิวจือต้องการที่จะใช้สถานศึกษาไท่ซูเพื่อตัดกําลังศาลาปีศาจลอยฟ้าและเพราะแบบนั้นหลิวจือถึงได้มอบสิ่งที่เรียกว่าชุดเกราะพิเศษตัวนี้เพื่อปลุกปั่นพวกเรา”
สู่โจวมองไปที่โจวเหวินเหลียงก่อนที่จะถามออกมา “ทําไมเจ้าถึงได้พูดแบบนั้นล่ะ?”
“มัน…มันเป็นความคิดเห็นของข้าเอง ถ้าหากมีวิธีจัดการกับผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบจริง องค์รัชทายาทก็คงจะใช้มันต่อสู้กับผู้อาวุโสในตอนที่เจ็ดสํานักใหญ่บุกภูเขาทองในตอนนั้นแล้วทําไมเขาถึงต้องซ่อนชุดเกราะเอาไว้และส่งมันให้กับสํานักใดสํานักหนึ่งเพื่อต่อสู้แทนตัวเองกัน?” โจวเหวินเหลียงตอบกลับมา
สู่โจวเองก็ไม่ได้คิดจะทิ้งความเห็นของโวเหวินเหลียงไปซะทีเดียว ท้ายที่สุดแล้วโจวเหวินเหลียงก็พูดมีเหตุผล ในตอนที่สํานักใหญ่ทั้งเจ็ดโอบล้อมภูเขาทองเอาไว้ ในตอนนั้นไม่มีใครเชื่อว่ามีผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบอยู่จริง ถ้าหากหลินซินสวมใส่ชุดเกราะและต่อสู้ด้วยความสามารถที่มีเขาจะต้องยืนหยัดสู้กับผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบได้แน่ ถ้าหากเป็นแบบนั้นก็คงจะมีเพียงผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบเท่านั้นที่จะล้มหลินซินลงได้
“ผู้อาวุโสจีช่วยตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย” โจวเหวินเหลียงพูดซ้ํา
“มีเพียงผู้ที่กล้าคิดกล้าลองเท่านั้นที่จะตามสถานการณ์ได้ทัน…” ลูโจวหันกลับมาก่อนจะพูดต่อ “สวมมันซะ”
“หะ?” โจวเหวินเหลียงตกตะลึง ตัวเขาไม่รู้มาก่อนว่าจะต้องทําอะไรแบบนั้น
ฝานซงรีบเร่งโจวเหวินเหลียงต่อ “เร็วเข้า สวมชุดเกราะที่เจ้าเอามาซะ!”
“ได้ ได้ ได้…”
โจวเหวินเหลียงไม่กล้าที่จะพูดจาหยาบคาย ตัวเขารีบสวมใส่ชุดเกราะที่หนาและหนักในทันทีหลังจากที่สวมชุดเกราะเสร็จแล้วตัวเขาก็ไม่กล้าที่จะขยับไปไหน
สู่โจวได้จ้องมองโจวเหวินเหลียงอยู่ครู่หนึ่ง ถ้าหากมองอย่างคร่าวๆ ลวดลายบนชุดเกราะที่ได้เห็นมันคล้ายกับลวดลายที่เป็นเขตแดนของโลงศพมาก “ลุกขึ้นได้แล้ว”
โจวเหวินเหลียงทําตามที่บอก ตัวเขายืนขึ้นในขณะที่สั่นไปทั้งตัว โจวเหวินเหลียงทั้งกังวลและกลัวอย่างไม่เคยเป็นมา ในขณะที่ยืนอยู่ตัวเขาก็เห็นจู่โจวยกฝ่ามือขึ้น เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้นลูโจวก็ได้ปล่อยพลังสีทองออกมาจากฝ่ามือ
“นั่นมัน!” โจวเหวินเหลียงไม่คิดว่าลูโจวจะโจมตีในทันที ตัวเขาไม่มีทางป้องกันตัวเองได้ทันอีกต่อไป
ตุ้ม!
หวังเจียนรางและจางกงต่างก็ขมวดคิ้วก่อนที่จะมองโจวเหวินเหลียงกระเด็นต่อไป
พลังฝ่ามือไม่ได้จางหายไปในทันที มันติดอยู่ที่ตัวของโจวเหวินเหลียงก่อนที่จะส่งตัวเขาให้กระเด็นออกจากห้องโถงใหญ่
ตุ๊บ!
เมื่อโจวเหวินเหลียงตกลงสู่พื้น ตัวเขาก็เฝ้ามองท้องฟ้า โจวเหวินเหลียงรู้สึกราวกับข้อต่อของตัวเขาแทบจะหลุดออกจากร่างกาย มันเป็นความรู้สึกที่แยกมาก
เห็นได้ชัดว่า “พลังวิเศษ” ที่ว่าเอาไว้ไม่ได้ทํางานเลย
หวังเจียนรางเป็นคนแรกที่ตอบสนองขึ้น “ดูนั่นสิ ชุดเกราะนั่นเป็นของปลอมจริงๆ ด้วย!”
จางจงพูดแทรก “เจ้าหลินซินนั่น! เจ้านั่นไม่ได้คํานึงถึงสิ่งที่สถานศึกษาไท่ซูจะได้เจอเลยพวกเราเกือบโดนหลิวจือหลอกซะแล้ว”
พลังฝ่ามือที่ลูโจวได้ปล่อยออกไปเป็นพลังฝ่ามือที่มีระดับพลังของผู้ที่มีอวตารดอกบัวสองกลีบเท่านั้น มันไม่ใช่การโจมตีของผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบแต่อย่างใด
สู่โจวเองก็รู้สึกหมดหนทางเช่นกัน ไม่ว่าจะอยากใช้แค่ไหน ฉันก็ไม่สามารถใช้การโจมตีของพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้
ฝานซงที่ยืนมองอยู่ได้พูดแทรก “ท่านปรมาจารย์ควบคุมพลังฝ่ามือได้น่าอัศจรรย์จริงๆ ”
นอกห้องโถงใหญ่ โจวเหวินเหลียงกําลังลุกขึ้นมาด้วยความยากลําบาก ตัวเขาได้โค้งคํานับสู่ โจวจากด้านนอกก่อนที่จะพูดออกมา “นับว่าเป็นการโจมตีที่ทรงพลังจริงๆ ผู้อาวุโสจีเกราะตัวนี้เป็นของที่ไร้ประโยชน์อย่างไม่ต้องสงสัย” มือข้างหนึ่งของโจวเหวินเหลียงกดไปที่หน้าอกของตัวเอง ตัวเขากําลังอดทนต่อความเจ็บปวดอยู่
สู่โจวเฝ้ามองชุดเกราะอีกครั้ง ไม่มีอะไรถูกกระตุ้นแต่อย่างใด แต่ถึงแบบนั้นลูโจวก็รู้สึกสังหรณ์ใจว่าชุดเกราะตัวนี้มันเหมือนกับโลงศพ มันไม่ใช่ชุดเกราะของปลอม
คงจะต้องใช้พลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบในการโจมตีเท่านั้นสินะ?”
สู่โจวยังคงใช้ความคิดต่อไป ในตอนนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้นมาจากนอกห้องโถง
“ท่านอาจารย์ พลังฝ่ามือของท่านมันช่างดูเจิดจ้าจริงๆ ข้าน่ะมองเห็นมันตั้งแต่ไกลโพ้น”ซูฮ่องกงได้เดินเข้ามาในห้องโถงในขณะที่งอหลัง
“ท่านศิษย์คนที่แปด” ฝานซงและโจวอี้เฟิงต่างก็ทักทายซูฮ่องกงอย่างพร้อมเพรียงกัน
ผู้อาวุโสทั้งสามจากสถานศึกษาไทชูหันกลับมามอง ตัวเขาเห็นซ่ฮ่องกงกําลังเดินเข้าห้องโถงในขณะที่งอหลัง ทุกคนที่เห็นชายผู้อ้วนท่วม ใบหูใหญ่เดินเข้ามาในห้องโถง เมื่อเห็นแบบนั้นทุกคนก็เกิดความสงสัย “ชายคนนี้น่ะหรอซูฮ่องกง? ราชาปีศาจ?”
เมื่อซูฮ่องกงเดินผ่านพวกเขา ในตอนนั้นเองรอยยิ้มที่เคยมีก็ได้หายจางไป แต่เมื่อซูฮ่องกงเดินผ่านเหล่าผู้อาวุโสไปได้ รอยยิ้มของเขาก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าชายคนนี้อารมณ์แปรปรวนง่าย
ฝานซงยังคงจําความพยายามในการพูดเยินยอในก่อนหน้านี้ได้ แต่เมื่อเทียบกับซูฮ่องกงในตอนนี้แล้ว ดูเหมือนว่ามันจะยังห่างชั้นกันมาก
“มีอะไรกัน?” ลูโจวมองไปที่ซูฮ่องกง
ซูฮ่องกงตอบกลับมา “ศิษย์พี่สี่ต้องการส่งข้อความมาถึงท่าน เขาบอกเอาไว้ว่าสถานศึกษาไทชูมีความเกี่ยวข้องกับราชสํานักมาอย่างช้านานแล้ว”
“ได้โปรดคิดให้ถี่ถ้วนด้วย ผู้อาวุโสจี นั่นมันก็เป็นเพียงความคิดของตาแก่หลินซินเท่านั้นพวกเราทั้งสามคนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
ลูโจวมองดูทั้งสามคนอย่างใจเย็น ไม่มีใครบอกได้ว่าแท้จริงแล้วพวกเขากําลังคิดอะไรกันในที่สุดลูโจวก็พูดออกมาอย่างไร้อารมณ์ “ข้ารู้สึกได้ถึงความจริงใจของพวกเจ้าทั้งสามดีพวกเจ้าทิ้งเกราะเอาไว้ที่นี่ซะ”
โจวเหวินเหลียงมีความสุขมากที่ได้ยินแบบนั้น ตัวเขารีบถอดชุดเกราะออกมาในทันที
ผู้อาวุโสทั้งสามจากสถานศึกษาไทชูกล่าวขอบคุณลูโจวอย่างพร้อมเพรียงกัน “ขอบคุณผู้อาวุโสจี”
“ตั้ง! ได้รับการสรรเสริญจากทั้ง 3 คน ได้รับแต้มบุญ: 3”
“แต่.. ”
“หะ?” ทั้งสามคนที่เพิ่งจะโล่งใจกลับมากังวลอีกครั้ง
“เมื่อข้าแน่ใจแล้วว่าหลินซินเป็นเพียงคนเดียวที่ก่อปัญหา เมื่อถึงตอนนั้นข้าก็จะไว้ชีวิตพวกเจ้าทั้งสามคน ยังพวกเขาไว้ซะ”
ฝานซงและโจวจี้เพิ่งรีบรับคําสั่ง “ครับ ท่านปรมาจารย์”
“ได้โปรดคิดให้ถี่ถ้วนด้วย ผู้อาวุโสจี! ผู้อาวุโสจีข้าพูดความจริง! ” ไม่ทันได้พูดจบผู้อาวุโสทั้งสามก็ถูกลากตัวออกไป ตัวเขาได้แต่สงสัยว่าตัวเองพูดอะไรผิด
ท้ายที่สุดแล้วผู้อาวุโสทั้งสามคนก็ถูกขังอยู่ในศาลาทางตอนเหนือ มันเป็นที่ที่ทําให้พวกเขาไม่เห็นเดือนเห็นตะวันอีก
ห้องเก็บของ ณ ศาลาทางเหนือ
หวังเจียนรานได้ถามออกมา “ผู้อาวุโสโจว แผนการได้ผลไหม?”
“ไม่ต้องห่วงมันจะต้องได้ผลแน่”
โจวเหวินเหลียงเอามือไขว้หลังก่อนจะพูดออกมา อย่างน้อยที่สุดเจ้ามหาวายร้ายก็ไม่ได้ฆ่าพวกเราในทันทีใช่ไหมล่ะ?
“ปัญหาในตอนนี้ก็คือชุดเกราะเป็นของปลอม แล้วหลินซินจะจัดการกับมหาวายร้ายนั่นได้ยังไงกัน?” หวังเจียนรางถามออกมา
โจวเหวินเหลียงที่ได้ฟังแบบนั้นขมวดคิ้ว “มันไม่สําคัญหรอกว่ามันจะเป็นของจริงหรือเปล่า ตราบใดที่มหาวายร้ายเชื่อว่าหลินซินร่วมมือกับองค์รัชทายาท แค่นั้นมันก็เพียงพอแล้วเมื่อหลินซินถูกขับออกจากตําแหน่ง และเซียวซานในมณฑลยู่ถูกกําจัด สถานศึกษาไท่ซูก็จะเป็นของพวกเราทั้งสามคน มหาวายร้ายจีเทียนเด้เป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบเขาไม่แพ้ง่ายๆแน่”
หวังเจียนรางพยักหน้า “พี่โจว ท่านคิดแผนการมาดีจริงๆ”
โจวเหวินเหลียงถอนหายใจออกมา “ไม่เข้าถ้ําเสือ ไม่ได้ลูกเสือ พวกเราจะได้ของที่ต้องการได้ไงถ้าหากไม่ยอมเสี่ยง”
เมื่อพูดถึงถ้ําเสือ จางกงก็ได้พูดออกมา “แต่ข้าว่าศาลาปีศาจลอยฟ้าไม่ได้ดูน่ากลัวอย่างที่ข้าคาดไว้เลย”