กงซุนได้แต่คิดใช้ความคิดอยู่กับตัวเอง ลำพังตัวเขาในตอนนี้ก็ไม่ได้รู้สึกถึงแรงกดดันอะไร ในขณะที่กงซุนใช้ฝ่ามือนับไม่ถ้วนโจมตีไปที่ลู่โจว ในตอนนั้นลู่โจวก็ไม่ได้รับอันตรายใดๆ สิ่งที่ทำให้ลู่โจวรอดมาได้ก็คือการ์ดการโจมตีของเพรชฆาตนั่นเอง แต่ถึงแบบนั้นทำไมกันล่ะ ทำไมชายคนนี้ถึงใช้เคล็ดวิชานิกายชาวพุทธ
กงซุนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็นเลย การโจมตีด้วยฝ่ามือเล็กๆ ของชายคนนั้นอันตรายเกินไป ฝ่ามือนั่นได้ไล่ตามตัวเขา กงซุนได้ถอยหลังก่อนที่จะถอยหนีไปในทันที สัญชาตญาณในตัวเขาได้บอกเอาไว้ว่าฝ่ามือเล็กๆ นี่มันอันตรายมาก
แท่นทำพิธีศักดิ์สิทธิ์กว้างและยาวกว่าหลายสิบไมล์ เมื่อกงซุนคิดว่าตัวเขาสามารถหลบหนีพลังฝ่ามือได้สำเร็จในตอนนั้นเองพลังฝ่ามือก็เริ่มขยายขนาดขึ้นมาในพริบตา เมื่อกงซุนถอยไปเขาก็ตระหนักได้แล้วว่ามีอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ เมื่อเวลาผ่านไปฝ่ามือที่ไล่ตามเขาก็ได้ขยายใหญ่ยิ่งขึ้น ในเวลาต่อมาพลังฝ่ามือของลู่โจวก็ได้ขยายใหญ่พอๆ กับคนหนึ่งคน ในตอนนั้นกงซุนรู้สึกได้ถึงความสิ้นหวัง สัญชาตญาณในการเอาตัวรอดของเขาเริ่มแสดงอาการออกมา
เมื่อฝ่ามืออยู่ห่างจากใบหน้าของกงซุนเพียงแค่เอื้อมมือ ในตอนนั้นมันก็ได้ขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่าตัว และด้วยเหตุนี้เองกงซุนถึงยากที่จะหลบการโจมตีนี้ พลังฝ่ามือของลู่โจวได้ซัดเข้าใส่กงซุนไปเต็มๆ
ขนาดของพลังฝ่ามือลู่โจวในปัจจุบันดูมีขนาดใหญ่มหึมามาก ขนาดของมันใหญ่ขึ้นจนไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้อีกต่อไป พลังฝ่ามือของลู่โจวเป็นเหมือนกับพลังฝ่ามือวัชระที่ดูใหญ่เป็นพิเศษ
ในตอนนั้นเองที่แท่นพิธีศักดิ์สิทธิ์ ในที่สุดจ้าวยู่ก็สามารถลืมตาขึ้นมาอีกครั้งได้แล้ว ในตอนนี้เสียงบทสวดทั้งหมดได้เงียบดับไป เมื่อเธอลืมตาตื่นขึ้นสิ่งที่เธอเห็นก็ทำให้จ้าวยู่รู้สึกตกใจจนเกือบเป็นลมอีกครั้ง “ทะ…ท่านอาจารย์อย่างงั้นหรอ? “
ตู๊ม!
ฝ่ามือขนาดใหญ่ได้ซัดเข้าใส่กงซุน กงซุนในตอนนี้ไม่สามารถหนีไปไหนได้ราวกับว่าเป็นแมลงตัวน้อยที่กำลังถูกฝ่ามืออันใหญ่ยักษ์เข้าตบ หลังจากนั้นไม่นานนักพลังฝ่ามือนั้นก็หายไป กงซุนที่ถูกโจมตีเข้าไปเต็มๆ แหลกสลายจนกลายเป็นฝุ่นไป
ทันทีที่กงซุนหายสาบสูญไป เสียงสวดมนตร์ทั้งหมดก็ถูกหยุดลงอย่างกะทันหัน นักบวชทั้งหลายที่อยู่บนแท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์ได้ล้มลงไป ในเวลาเดียวกันรถม้าวิหารแห่งความว่างเปล่าที่ลอยอยู่ก็ได้ตกลง เหล่านักบวชทั้งหลายที่พอมีแรงเหลืออยู่ได้ช่วยกันพยุงรถม้าเอาไว้
ความเงียบสงบได้เข้าปกคลุมแท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์ พลังกายาอรหันต์ทองคำที่สูงกว่า 100 ฟุตได้หายไปแล้ว
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเกิดใน 10 วินาทีเท่านั้น เวลาที่ว่าไม่สั้นไปไม่ยาวเกินไปสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับเหล่าผู้ฝึกยุทธทั้งหลายทั้งจากสำนักฝ่ายธรรมะและวิหารปีศาจสำหรับพวกนั้นแล้วทุกวินาทีที่เพิ่งจะผ่านพ้นไปเหมือนจะดูยาวนานเกือบปี
ในสถานการณ์ปัจจุบันเหล่าชาวยุทธทั้งหลายที่พอมีสติได้จ้องมองไปยังลู่โจวแต่เพียงผู้เดียว ชายชราคนนี้สามารถเอาชนะกงซุนได้ด้วยการโจมตีเพียงแค่หนึ่งกระบวนท่า ชายชราผู้ที่ยืนอยู่เหนือชัยชนะได้ใช้มือของเขาลูบเคราอย่างสบายๆ ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะไม่ได้รู้สึกลำบากอะไรกับการต่อสู้เลย เมื่อเห็นแบบนั้นในใจของทุกๆ คนก็เกิดคำถามขึ้น ‘เจ้านั่นเป็นใครกัน? เจ้านั่นสามารถใช้พลังสุดยอดฝ่ามือที่ทรงพลังกว่าฝ่ามือวัชระได้? หรือว่าเขาคนนั้นจะเป็นนักบวชอาวุโสจากนิกายพุทธกัน!? ‘
ในตอนนั้นเองลู่โจวก็คิดถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น และเพราะแบบนั้นตัวเขาจึงตัดสินใจที่จะดูแต้มบุญที่เพิ่มขึ้นในภายหลัง ในตอนนี้จะต้องตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบตัวซะก่อน เหล่าผู้ฝึกยุทธส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่ตัวเขาไม่อาจที่จะเอาชนะได้แน่
แผนการร้ายของกงซุนได้ถูกเปิดเผยต่อคนทุกคน ไม่มีใครเคยคิดมาก่อนว่ากงซุนจะใช้บทสวดเพื่อจัดการกับทุกคนที่มาร่วมชุมนุมแบบนี้
แต่ถึงแบบนั้นเรื่องแบบนั้นก็ไม่ได้สำคัญกับลู่โจวในตอนนี้ การ์ดการโจมตีของเพรชฆาตและการ์ดป้องกันสุดยอดที่ลู่โจวมีมีพลังที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก ในตอนนี้ไม่มีใครกล้าคิดโจมตีเขา ลู่โจวเองก็ไม่ได้คาดคิดแบบนั้นเช่นกัน ตัวเขายังคงตรวจสอบรอบๆ ตัวก่อนที่จะเอามือลูบเคราอย่างช้าๆ ดวงตาของเขาในตอนนี้กำลังจับจ้องไปที่ยอดฝีมือลำดับที่ 3 ของวิหารปีศาจ ด้วนชิงคงจะเป็นคนเดียวที่จะพอลุกขึ้นสู้ไหว ลู่โจวกำลังสังเกตว่าด้วยชิงคนนี้จะคิดโจมตีตัวเขาหรือไม่
ภาพของยอดฝีมือปรากฏขึ้นในสายตาของด้วนชิง หลังจากเงียบไปนานเขาก็ค่อยๆ ยืนขึ้นก่อนที่จะเดินมาขอจับมือลู่โจว “ผู้เยาว์คนนี้มาจากวิหารปีศาจ ข้าด้วนชิงขอบท่านผู้อาวุโสที่ช่วยเหลือ! “
ใบหน้าของลู่โจวที่แก่เฒ่ายังคงไร้อารมณ์ ตัวเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าด้วนชิงจะมีท่าทีที่เคารพนับถือตัวเขาแบบนี้ พลังที่ตัวเขาปล่อยออกไปนับว่าเป็นพลังแขนงหนึ่งจากนิกายชาวพุทธ และการที่ลู่โจวใช้พลังได้ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ตัวเขาจะเป็นคนของนิกายพุทธ การที่คนนอกจะฝึกฝนเคล็ดวิชาของนิกายชาวพุทธได้เป็นอะไรที่เป็นไปได้ยากมาก แม้แต่ยอดฝีมืออย่างซูจินฉานเองยังใช้เวลาฝึกฝนตัวเองอยู่ในวิหารปีศาจเป็นเวลานานกว่าที่จะเบิกร่างพลังอวตารดอกบัวสี่กลีบแห่งร้อยวิถีได้ ความสำเร็จของซูจินฉานนับเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในรอบทศวรรษที่ผ่านมา ในตอนที่ซูจินฉานถูกฝ่ามือของลู่โจวไป เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าคนอย่างลู่โจวจะใช้เคล็ดวิชาที่อยู่ในขั้วตรงข้ามได้แบบนี้
ชาวยุทธทั้งหลายจากฝ่ายธรรมะเองต่างก็คุกเข่าให้ตัวเขาเช่นกัน “ขอบคุณมากท่านผู้อาวุโส! “
ในตอนนั้นเองลู่โจวก็นึกถึงใครบางคนได้ คนคนนั้นก็คือลู่เฉิง ลู่เฉิงเป็นนักบวชอาวุโสผู้รู้แจ้ง เขาคนนี้แยกตัวออกจากเรื่องทางโลกและใช้ชีวิตสันโดษมาโดยตลอด
ลู่โจวตัดสินใจที่จะแสดงละครตบตาผู้คนให้เข้าใจผิด ตัวเขายกมือขึ้นก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเสียงดัง “นิกายพุทธของพวกเราน่ะมักให้ความสำคัญกับความเมตตามากกว่าสิ่งอื่นใด อาตมาน่ะทุกข์ใจมากที่จะต้องจัดการกับนักบวชผู้ร่วมอุดมการณ์ไปแบบนี้ แต่ถึงแบบนั้นอาตมาก็ไม่มีทางเลือกอื่น”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเหล่าผู้ฝึกยุทธต่างก็ปรบมือแสดงความชมเชยแก่ตัวเขา เหล่าชาวยุทธในตอนนี้ต่างเห็นตรงกัน ลู่โจวที่อยู่ตรงหน้าของเขาเหมาะสมแล้วที่จะเป็นนักบวชผู้อาวุโส
“ไม่จำเป็นจะต้องห่วงเรื่องนี้ไปหรอกท่านผู้อาวุโส กงซุนน่ะทั้งน่ารังเกียจและไร้ยางอาย เจ้านั่นตั้งใจที่จะฆ่าพวกเราทุกคนด้วยบทสวดมนตร์อะไรนั่น เจ้านั่นต้องการที่จะพาตัวธิดาศักดิ์สิทธิ์ไป! ตอนนี้เจ้านั่นน่ะพบกับจุดจบที่สมควรแล้ว! “
“คนอย่างกงซุนน่ะไม่สมควรที่จะนับถือนิกายชาวพุทธ ท่านผู้อาวุโส ท่านน่ะได้แสดงให้เห็นถึงความยุติธรรมและความเมตตาแล้ว ท่านผู้อาวุโสน่ะเป็นนักบวชผู้รู้แจ้งที่แท้จริง! เมื่อเทียบกับนักบวชหัวโล้นนั่นท่านน่ะดีกว่าเจ้าพวกนั้นหลายหมื่นเท่า! ” ผู้ฝึกยุทธฝ่ายธรรมะที่ถูกลูกหลงการโจมตีไปด้วยได้พูดถึงนักบวชทั้งหลาย
แต่ถึงลู่โจวได้ยินคำชมเชยมากแค่ไหนตัวเขาก็ไม่ได้รู้สึกสนใจไยดี ดูเหมือนว่าตัวเขาจะไม่ได้รังเกียจอะไรนักบวชคนอื่นๆ ที่อยู่ร่วมพิธีด้วย
ในตอนนั้นเองเหล่าผู้ฝึกยุทธจากสำนักบริสุทธิ์ต่างพร้องใจกันพูดออกมาอย่างพร้อมเพรียง “ถ้าหากไม่ได้ท่านผู้อาวุโสพวกเราก็คงจะต้องตายกันทั้งหมดแล้ว! ท่านผู้อาวุโส ท่านช่างมีวรยุทธ์ที่ลึกล้ำจริงๆ ข้าสงสัยเหลือเกินว่าสาเหตุใดกันที่ทำให้ท่านต้องมาพิธีศักดิ์สิทธิ์ในวันนี้? “
ลู่โจวเหลือบมองคนอื่นๆ ก่อนที่จะตอบกลับมา “ข้าก็แค่เดินผ่านทางมาน่ะ”
“ข้ารู้แล้ว ข้าเคยได้ยินมาว่านักบวชผู้รู้แจ้งมักจะฝึกฝนตัวเองโดยการเดินทางไปทั่วทุกมุมโลก ข้ารู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ ที่พบกับท่านผู้อาวุโสในวันนี้! “
ผู้ฝึกยุทธ์แต่ละคนต่างพูดเยินยอต่อลู่โจว
ในตอนนี้เหล่าผู้ฝึกยุทธทั้งหลายเริ่มที่จะลุกขึ้นมาอย่างช้าๆ
ในทางกลับกัน เหล่านักบวชที่หลงเหลืออยู่รู้สึกถึงแรงกดดันอันไม่พึงพอใจของเหล่าชาวยุทธได้ และเพราะว่าการสวดมนตร์ถูกขัดจังหวะเข้ากลางคัน พวกนักบวชทั้งหลายจึงได้แต่นั่งหอบลงบนพื้น ในตอนนี้มียอดฝีมือที่มีระดับวรยุทธมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์แค่คนเดียวเท่านั้น เขาคนนั้นก็คือด้วยชิงนั่นเอง และเพราะแบบนั้นนักบวชที่เหลือทั้งหลายจึงรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก
ลู่โจวรู้ดีว่าตัวเขาไม่สมควรที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป เขาเหลือบมองไปหาหยวนเอ๋อ หยวนเอ๋อในตอนนี้…กำลังหลับอยู่อย่างงั้นหรอ? ‘เด็กคนนี้หลับไปทั้งๆ ที่รอบตัววุ่นวายแบบนี้ได้ยังไงกัน? เห็นทีจะต้องสั่งสอนสักหน่อยแล้ว! ‘
ในตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาอบรมสั่งสอนหยวนเอ๋อ ดังนั้นลู่โจวไม่มีทางเลือกอื่นจึงต้องปล่อยมันไปก่อน ตัวเขาได้เรียกหยวนเอ๋อเบาๆ “หยวนเอ๋อ! ” หยวนเอ๋อที่ได้ยินเสียงอันคุ้นเคยได้สะดุ้งตื่นขึ้น เธอลุกขึ้นยืนในทันที “ทะ…ท่านอาจารย์? “
“มานี่ซะ! ” ลู่โจวพูดขึ้นก่อนที่จะจ้องมองไปยังเธอ
หยวนเอ๋อที่ได้ยินแบบนั้นรีบเดินไปหาหยวนเอ๋อ ใบหน้าของเธอในตอนนี้นั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้า เธอรู้แล้วว่าท่านอาจารย์ของเธอกำลังตำหนิเธออยู่นั่นเอง
เมื่อเห็นแบบนั้นก็มีใครบางคนเอ่ยปากถามขึ้น “ท่านผู้อาวุโส ท่านมีลูกศิษย์หญิงด้วย…นิกายพุทธที่ท่านนับถือช่างอิสระแบบนั้นเลยสินะ? “
ลู่โจวเริ่มรู้สึกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ได้ยินคำถาม ตัวเขากลัวว่าจะเกิดปัญหาได้ถ้าหากฝืนตอบคำถามอะไรไปหรืออยู่ที่นี่นานเกินไป จะเกิดอะไรขึ้นกันถ้าหากมีคนรู้ว่าตัวเขาใช้การ์ดพลังพิเศษเพื่อโจมตีไป? ถ้าหากมีคนรู้จริงๆ ลู่โจวก็จะสูญเสียไพ่ตายไป ในระหว่างที่คนอื่นยังดูงุนงงในตอนนั้นเองลู่โจวก็มองไปที่จ้าวยู่ที่ยังหมดสติอยู่ “ไปพาเธอมาซะ”
“…”
“ค่ะ” หยวนเอ๋อรีบกระโดดพุ่งตรงไปยังจ้าวยู่ในทันที
เมื่อเห็นแบบนั้นเหล่าผู้ฝึกยุทธที่คอยดูเหตุการณ์อยู่ก็รู้สึกตื่นตกใจ
“ท่านผู้อาวุโสจะทำอะไรกัน…? “
“ท่านผู้อาวุโสท่านน่ะพาตัวเธอไปไม่ได้! “
‘พวกนี้พยายามที่จะหยุดฉันอย่างงั้นหรอ? ‘ สายตาของลู่โจวเหลือบมองไปที่เหล่าผู้ฝึกยุทธทั้งหลาย ในตอนนั้นทุกคนก็เงียบลงอีกครั้ง
“พวกเจ้าคิดว่าทำไมกันล่ะกงซุนถึงจะต้องบุกโจมตีทุกคนในที่พบปะแบบนี้? “
ทุกคนรู้สึกตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดของลู่โจว เขาพูดถูกต้อง แม้ว่ากงซุนจะเป็นนักบวชที่มีฝีมือลึกล้ำ แต่ถึงแบบนั้นเขาก็คงจะไม่ตัดสินใจทำแบบนี้ด้วยตัวของตัวเอง วิหารแห่งความว่างเปล่ามีกงหยวนคอยดูแลอยู่ ทุกเรื่องที่จะต้องทำจะต้องได้รับการอนุมัติมาจากกงหยวน
“เจ้าขยะนั่นน่ะสร้างความอับอายให้กับนิกายพุทธ”
“เจ้าอาวาสกงหยวนน่ะเก็บตัวฝึกฝนตัวเองเป็นสิบปี แต่ถึงแบบนั้นเจ้านี่ก็หลงเดินทางผิด! ” เหล่าผู้ฝึกยุทธพูดขึ้น หลังจากนั้นเขาก็พูดเสริมขึ้นมาอีกว่า “ถ้าหากกงหยวนเดินทางมาที่นี่พวกเราขอให้ท่านผู้อาวุโสช่วยปกป้องพวกเราด้วย”
ทุกคนที่กลัวกงหยวนรีบโค้งคำนับให้กับลู่โจว
ลู่โจวส่ายหัวก่อนที่จะลูบเคราของตัวเอง ในตอนนั้นตัวเขายิ่งคงนิ่งเงียบอยู่ สีหน้าของเขาก็ยังคงดูไร้อารมณ์เช่นเคย ลู่โจวได้แต่คิดคนเดียวอยู่ในใจ ‘ถ้าหากกงหยวนไปแก้แค้นทุกคนแล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับตัวฉันอีกล่ะ? น่าตลกสิ้นดี ถ้าหากไม่มีฉันอยู่ที่นี่วันนี้เจ้าพวกนี้ก็จะต้องตายอยู่ดี! ‘