ยี่เทียนซินได้ก้มหน้าลง เนื่องจากเธออยู่ในถ้ำแห่งนี้เป็นเวลานานที่สุดดังนั้นอาการของเธอจึงดูไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก สภาพส่วนใหญ่ของยี่เทียนซินในตอนนี้ดูราวกับว่าเธอคนนี้เหมือนกับหมดสติ แม้ว่าวรยุทธของเธอจะถูกทำลายไปโดยฝีมือของลู่โจวแล้ว แต่ถึงแบบนั้นร่างกายของเธอก็ดีกว่าคนทั่วไปอยู่ดี ดังนั้นความเหน็บหนาวจากถ้ำแห่งนี้จึงไม่สามารถพรากชีวิตของเธอในตอนนี้ไปได้
ด้วยความอยากรู้อยากเห็นหมิงซี่หยินจึงเดินไปตรงหน้าของยี่เทียนซินก่อนที่จะช่วยพยุงตัวเธอขึ้น แต่เมื่อหมิงซี่หยินได้สัมผัสร่างของยี่เทียนซินเขาก็ได้ตกใจไปในทันที ตอนนี้หมิงซี่หยินสังเกตเห็นผิวของเธอที่ขาวราวกับหยกขาวอันบริสุทธิ์ ผมของเธอเองก็ขาวโพนมากกว่าแต่ก่อนมากเช่นกัน ถ้าหากเธอไม่มีพลังวรยุทธอยู่ ร่างกายของเธอก็คงจะต้องทรุดโทรมไปมากขึ้นเรื่อยๆ แต่มันก็ไม่ควรที่จะทรุดโทรมถึงขั้นนี้เลยนิ เมื่อเห็นแบบนั้นเขาก็ได้แต่ขมวดคิ้วก่อนที่จะพูดกับตัวเอง ‘นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน? มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้ไปได้นิ? ‘
จ้าวยู่ที่เห็นหมิงซี่หยินพยุงยี่เทียนซินขึ้นมาก็ได้แต่ถามออกไปอย่างเป็นห่วงเป็นใย “ศิษย์พี่ เกิดอะไรขึ้นกับศิษย์น้องยี่เทียนซินกัน? “
“ข้าเองก็ไม่แน่ใจ…ข้าน่ะไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลย ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร และสภาพของเธอในตอนนี้ก็คงจะไม่ได้รับผลค้างเคียงจากการสูญเสียพลังยุทธอีกด้วย เธอมองดูนี้สิ…” หมิงซี่หยินได้ชี้ไปยังผิวที่ขาวเผือกของยี่เทียนซิน ผิวของเธอในตอนนี้ไม่มีร่องรอยเหี่ยวย้นของผิวเลย มันเรียบ ราบรื่นราวกับหยกขาว
“ศิษย์น้องจ้าวยู่ เจ้าน่ะช่วยดูแลเธอหลังจากนี้ทีนะ ข้าจะพยายามขอร้องกับท่านอาจารย์เอง”
“ศิษย์พี่…ศิษย์น้องยี่เทียนซินได้ทำผิดร้ายแรง ถ้าหากท่านอาจารย์ไม่สนใจไยดีเธออีกต่อไปล่ะ? ” จ้าวยู่รู้สึกกังวลเล็กน้อย เธอรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นนอกเหนือจากการถูกทำลายวรยุทธ จ้าวยู่คิดว่าสิ่งนั้นจะต้องเป็นอันตรายต่อชีวิตของจ้าวยู่
หมิงซี่หยินไม่อยากที่จะเสียเวลาอีกต่อไป เขารีบมองออกไปยังถ้ำแห่งเงาสะท้อนในทันที เมื่อเขาสังเกตเห็นหนึ่งในชาวยุทธหญิงที่มาจากวังจันทราเขาก็รีบตะโกนขึ้น “รีบเตรียมเปลหามเร็วเข้า…”
“ท่านหมิงซี่หยิน! ทำไมท่านถึงต้องการเปลหามกัน? “
“แค่รีบไปซะ ทำไมเจ้าจะต้องคิดสงสัยอะไรแบบนี้? หมิงซี่หยินไม่อยากเสียเวลาในการอธิบายอีกต่อไป
คำพูดของหมิงซี่หยินทำให้เหล่าชาวยุทธหญิงทั้งหลายรู้สึกเป็นกังวล
เหล่าชาวยุทธหญิงที่มาจากวังจันทราได้รับหน้าที่เป็นผู้ดูแลภูเขาทองเมื่อไม่นานมานี้ นอกเหนือจากหน้าที่ซ่อมแซมสิ่งก่อสร้างต่างๆ แล้ว พวกเธอทั้งหมดจะอยู่ที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าทางทิศตะวันตก แม้ว่าพวกเธอจะรู้ว่าปรมาจารย์มหาวายร้ายปีศาจจะเป็นคนที่แปลกประหลาดมากแค่ไหน แต่มันก็ยังดีกว่าพวกเธอเองที่ยังรักษาชีวิตเอาไว้ได้ โดยส่วนมากแล้วพวกเธอทั้งหลายจะคอยทำตามคำสั่งของหมิงซี่หยินนั่นเอง
…
หมิงซี่หยินใช้เวลาไม่นานมากนักก็สามารถกลับมายังห้องโถงใหญ่ของศาลาปีศาจลอยฟ้าได้ เมื่อเห็นหยวนเอ๋อและท่านอาจารย์กำลังอยู่ที่นี่ หมิงซี่หยินก็รีบเดินไปหาพวกเขาในทันที
ลู่โจวที่เห็นหมิงซี่หยินก็ได้แต่ขมวดคิ้วขึ้น ‘เจ้าสี่ไม่พอใจอย่างงั้นหรอ…’
หมิงซี่หยินไม่มีเวลาที่จะมัวคิดเรื่องอื่น เขาเดินตรงมาก่อนที่จะคุกเข่าลงไปบนพื้นในทันที “ท่านอาจารย์…ศิษย์น้องยี่เทียนซินกำลังจะตาย! ” หมิงซี่หยินพูดออกมาเพียงแค่นั้น ตัวเขาไม่ได้ก้มกราบขอร้องอ้อนวอนลู่โจวเลยแม้แต่น้อย เขาแค่อยากขอร้องตรงๆ ออกมาเพื่อที่จะรอฟังคำตอบของผู้เป็นอาจารย์เท่านั้น
หมิงซี่หยินไม่สามารถคาดเดาความคิดของผู้เป็นอาจารย์คนนี้ได้เลย เพราะอะไรกันทำไมอาจารย์ถึงได้ทำแบบนี้ เขาอยากที่จะทรมานยี่เทียนซินให้เหมือนอยู่ในนรกทั้งเป็นอย่างงั้นหรอ? หรือเขาแค่อยากจะลงโทษเธออย่างรุนแรงเท่านั้น? ถ้าหากเรื่องที่ผ่านมาศิษย์น้องคนนี้ไม่ดีความดีมากพอ หมิงซี่หยินในตอนนี้ก็ไม่ลังเลเลยที่จะก้มขอร้องอ้อนวอนแทนศิษย์น้องของเธอ แต่ก็เพราะว่าตัวเขาไม่สามารถคาดเดาความคิดของลู่โจวได้ ดังนั้นหมิงซี่หยินจึงไม่อยากที่จะทำอะไรแบบนั้นไป
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะเอ่ยปากขึ้น “เมื่อไม่นานมานี้เจ้านั่นคิดอะไรอยู่กัน? “
“เอ่อ…” หมิงซี่หยินรู้สึกลังเล เขาในตอนนี้อยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตัวเขาได้มีโอกาสที่จะเข้าไปเยี่ยมยี่เทียนซินในถ้ำแห่งเงาสะท้อนอยู่หลายครั้ง แต่ถึงแบบนั้นศิษย์น้องคนนี้ก็ยังฝืนดื้อรั้นต่อไป เธอไม่เคยคิดทบทวนถึงการกระทำที่แล้วๆ มาของเธอเลย
หยวนเอ๋อที่เฝ้าดูเหตุการณ์ทุกอย่างเองไม่กล้าแม้แต่จะพูดแทรก
ลู่โจวส่ายหัว เขาพยายามนึกถึงภาพความทรงจำทั้งหมดเกี่ยวกับยี่เทียนซิน แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ไม่พบอะไรอยู่เลย ดังนั้นลู่โจวจึงไม่กล้าตัดสินใจอะไรในทันที สิ่งที่ลู่โจวรู้คือการที่ลูกศิษย์คนนี้ได้หันหลังให้ศาลาปีศาจลอยฟ้าก่อนที่จะทอดทิ้งจีเทียนเด๋าไป
เมื่อหมิงซี่หยินเห็นแบบนั้นเขาดีใจเป็นอย่างมาก ตัวเขารีบลุกขึ้นก่อนที่จะเดินตามภูเขาไป
…
มี่บนภูเขา
ลู่โจวเห็นเหล่าผู้ฝึกยุทธหญิงทั้งหลายที่มาจากวังจันทรากำลังเตรียมเปลหามอยู่ พวกเธอทั้งหมดคุกเข่าลงทันทีที่ลู่โจวปรากฏตัว แต่ถึงแบบนั้นลู่โจวก็ไม่ได้สนใจอะไรพวกเธอ เขารีบมุ่งหน้าเดินไปยังถ้ำแห่งเงาสะท้อนต่อไป
ชาวยุทธทั้งหมดเองจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากจะเดินตามลู่โจวต่อไป
เมื่อเหล่าชาวยุทธหญิงที่มาจากวังจันทราได้เดินตามลู่โจวไปถึงถ้ำแห่งเงาสะท้อน พวกเธอทั้งหมดก็ก้มคุกเข่าลงอีกครั้งเพื่อขอร้องอ้อนวอนถึงความเมตตา
หมิงซี่หยินที่เห็นแบบนั้นไม่รอให้ลู่โจวตำหนิพวกเธอ เขาในตอนนั้นได้ใช้น้ำเสียงทุ้มต่ำพูดขึ้นมาซะก่อน “อย่ามาสร้างปัญหา! พวกเธอส่วนหนึ่งถอยกลับไปซะ พวกคนอื่นๆ ให้ทำงานต่อไป อย่าได้ห่วง! ” หมิงซี่หยินรู้ถึงสถานการณ์ในตอนนี้ดี เขาไม่อยากให้ชาวยุทธพวกนี้ทำให้ท่านอาจารย์ของเขารู้สึกหงุดหงิดใจ
…
ลู่โจวได้เดินต่อไปจนเข้าไปภายในถ้ำแห่งเงาสะท้อน ในตอนนี้หยวนเอ๋อเองก็ตามตัวเขามาติดๆ เช่นกัน
“ท่านอาจารย์” จ้าวยู่พยายามฝืนทนต่อความเหน็บหนาวก่อนที่จะก้มคุกเข่าเพื่อเป็นการทักทายอาจารย์ของเธอ
ลู่โจวโบกมือตอบรับไปก่อนที่จะเดินไปยังอีกมุมหนึ่งของถ้ำ เขาเห็นยี่เทียนซินกำลังยืนพิงกำแพงน้ำแข็งอยู่ หัวของเธอได้เอนพิงกำแพงอย่างไร้เรี่ยวแรง ผมที่ยุ่งเหยิงของเธอนั้นได้ปิดบังใบหน้าของเธอเอาไว้
เพียงแค่มองไหล่ของยี่เทียนซินลู่โจวก็รู้สิ่งที่เกิดขึ้นได้ทันที ผิวของเธอในตอนนี้ขาวราวกับหยกเนื้อเนียน ลู่โจวได้ปัดผมของยี่เทียนซินไปข้างๆ เพื่อที่จะจ้องมองใบหน้าของเธอตรงๆ
หยวนเอ๋อที่เห็นสภาพของผู้เป็นศิษย์พี่ตกใจจนเดินถอยหลังไป เธอไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน และเพราะแบบนั้นเองหยวนเอ๋อจึงเอ่ยปากถามขึ้นมาด้วยความสับสน “เกิดอะไรขึ้นกับศิษย์พี่หญิงกัน? “
ลู่โจวได้แต่ขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้แปลกใจอะไรเท่าไหร่ ตัวเขายังสงบนิ่งไร้อารมณ์เช่นเดิม
ในความจริงลู่โจวรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นสภาพของยี่เทียนซินในตอนแรก แต่ถึงแบบนั้นเนื่องจากสถานการณ์ก่อนหน้านี้ ตัวเขาเองจึงไม่มีเวลาไตร่ตรองเกี่ยวกับการลงโทษศิษย์คนนี้เลย ในตอนแรกที่ลู่โจวได้พบกับยี่เทียนซิน เขาก็รู้ได้ทันทีว่าศิษย์คนนี้นั้นจงรักภักดีกับตัวเขามากแค่ไหน ถึงแม้ว่าศิษย์คนนี้จะเติบโตมาจากโคลน แต่ถึงแบบนั้นเธอก็ยังมีหลักการและอุดมการณ์ที่หนักแน่นอยู่เสมอ ลู่โจวไม่คิดว่าตัวเขาจะสามารถทำลายอุดมการณ์อันกล้าแกร่งแบบนั้นได้ และเมื่อเขามองไปที่ยี่เทียนซินในครั้งนี้ ระบบก็ได้แสดงข้อมูลของเธอออกมา
ชื่อ: ยี่เทียนซิน
เผ่าพันธุ์: มนุษย์เผือก
วรยุทธ: ขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ (ถูกผนึกเอาไว้)
ค่าความเกลียดชัง: 40%
‘ระดับความเกลียดชังของเธอลดลงสินะ’ ลู่โจวคิดขึ้นมาในใจ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรมาสนใจตอนนี้ สิ่งที่เขาสนใจก็คือเผ่าพันธุ์ของเธอที่เปลี่ยนแปลงไป
ลู่โจวสังเกตเห็นอะไรบางอย่างจากที่ได้พบกันครั้งแรก เขารู้ได้ว่าพวกมนุษย์เผือกจะมีผิวและเส้นผมที่ขาวโพน สีขาวแบบนั้นดูคล้ายราวกับหยกขาวบริสุทธิ์ แต่ถึงแบบนั้นนั่นก็เป็นเพียงเรื่องทั้งหมดที่ลู่โจวพอจะรู้เกี่ยวกับลูกศิษย์คนนี้ ความจริงความทรงจำอื่นๆ เกี่ยวกับยี่เทียนซินล้วนว่างเปล่า ดังนั้นในตอนแรกเขาจึงเลือกที่จะขังเธอเอาไว้ในถ้ำแห่งเงาสะท้อนอย่างไม่มีทางเลือก
“ท่านอาจารย์…” หมิงซี่หยินได้คารวะลู่โจวอีกครั้ง
ลู่โจวในตอนนี้ยังคงดูไร้อารมณ์เช่นเคย “ไม่ต้องกังวลไป เธอน่ะยังไม่ตายหรอก พาเธอไปที่ศาลาปีศาจทางใต้ซะ ข้ามีอะไรที่อยากจะถามเธอ”
หมิงซี่หยินพยักหน้าตอบรับ หลังจากที่ได้รับคำสั่งมาเขาก็สั่งให้ผู้ฝึกยุทธหญิงที่มาจากวังจันทราทั้งสองคนหามยี่เทียนซินออกไป
จ้าวยู่เป็นเพียงคนเดียวที่ถูกทิ้งอยู่ภายในถ้ำแห่งนี้
ลู่โจวเหลือบมองไปที่จ้าวยู่ หน้าผากของเธอยังมีสัญลักษณ์รูปดอกบัวอยู่เช่นเคย “จ้าวยู่”
“ค่ะ ท่านอาจารย์”
“ที่นี่คือศาลาปีศาจลอยฟ้า มันเป็นสถานที่เดียวที่เจ้าจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ ถ้าหากไม่ได้เป็นเพราะศาลาปีศาจลอยฟ้า การคลายเวทมนตร์คาถาที่เจ้าโดนมาก็คงจะเผยเบาะแสของเจ้าออกมา” ลู่โจวพูดขึ้น
“ท่านอาจารย์ได้โปรดเมตตาช่วยกำจัดเวทมนตร์คาถานี้ให้ศิษย์ด้วย” จ้าวยู่ได้พูดขอร้องออกมาก่อนที่จะคุกเข่าลงไปในทันที
“เจ้าคิดว่าข้าจะยกเลิกเวทมนตร์คาถาที่เจ้าโดนมาได้ไหม? ” ลู่โจวถามออกไป
จ้าวยู่หยุดคิดไปพักหนึ่งก่อนที่จะตอบกลับมา “ศิษย์ไม่ทราบ”
“ถ้าหากเจ้าไตร่ตรองสิ่งที่เจ้าทำได้แล้ว พวกเราค่อยมาคุยเกี่ยวกับเวทมนตร์คาถาอีกครั้ง” ลู่โจวพูดก่อนที่จะเดินจากไป ตัวเขาเห็นค่าความจงรักภักดีของจ้าวยู่มีเพียง 30% เท่านั้น ด้วยระดับค่าความจงรักภักดีที่มีในตอนนี้คงไม่มากพอที่จะทำให้ตัวเขารู้สึกไว้วางใจเธอคนนี้ได้
ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นครั้งแรกที่ลู่โจวจะต้องรับมือกับสิ่งที่เรียกว่าเวทมนตร์คาถา บางทีการรับมือกับสิ่งนี้อาจจะยากกว่าการที่ลู่โจวจะต้องสังหารใครสักคน ยิ่งไปกว่านั้นการ์ดยกเลิกผลเวทมนตร์คาถาเองก็ยังไม่มีอีกด้วย และตัวเขาเองก็ยังไม่ไว้ใจจ้าวยู่มากพอ และเพราะแบบนั้นลู่โจวจึงตัดสินใจที่จะขังจ้าวยู่ต่อไป
หลังจากที่ออกจากศาลาปีศาจลอยฟ้า ตัวเขาก็เดินไปยังทิศใต้ของศาลาปีศาจลอยฟ้า สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ศิษย์ทั้งเก้าของเขาอาศัยอยู่
หยวนเอ๋อและหมิงซี่หยินรีบเดินตามลู่โจวไปอย่างใกล้ชิด
หยวนเอ๋อที่เดินตามมาทันได้เอ่ยปากถามออกไป “ท่านอาจารย์ ทำไมศิษย์พี่หญิงถึงอยู่ในสภาพนั้นได้คะ? “