ณ แม่น้ำสวรรค์
ลู่โจวและคนอื่นๆ กำลังเดินเข้ามาใกล้หุบเขามากยิ่งขึ้น ระหว่างทางเดินที่ผ่านมาตัวเขาพบลานกว้างหลายแห่งที่ถูกทำลายจนเป็นหลุมลึกไป
ศิษย์สาวกทั้งสองของฝานเชียวต่างยกมือขึ้นมาเพื่อที่จะส่งพลังออกไปเพื่อเปิดประตูลานแห่งหนึ่ง
เมื่อเปิดประตูได้แล้วทั้งหมดก็เริ่มออกเดินอย่างช้าๆ อีกครั้ง
สาวกคนหนึ่งของฝานเชียวได้เริ่มพูดขึ้น “ท่านอาจารย์ ที่ตรงนี้คือจุดนัดพบ เจ้าพวกนั้นยังกล้าที่จะทำให้ท่านรออีกอย่างงั้นหรอ!”
ฝานซุยพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ศิษย์ทั้งสองรีบหาเก้าอีกธรรมดาๆ ในบ้านหลังหนึ่งก่อนที่จะวางให้ฝานเชียวได้นั่ง
เมื่อหยวนเอ๋อเห็นแบบนั้นเธอก็ได้พูดออกมา “ข้าจะไปหาเก้าอี้ดีๆ ให้กับคุณปู่”
หลังจากหยวนเอ๋อจากไป ฝานเชียวก็ได้ถามลู่โจวอย่างไม่ไยดี “เจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าไม่จัดการเจ้า? “
“โอ้? ” ลู่โจวลูบเคราของตัวเองแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา
ฝานเชียวพูดต่อไป “ถ้าหากข้าไม่เห็นแก่แม่หนูน้อยนั่นเจ้าก็คงไม่ได้มาเหิมเกริมกับข้าแบบนี้หรอก”
ตามที่คาดการณ์ไว้ ฝานเชียวอยากได้หยวนเอ๋อมาเป็นพรรคพวก ลู่โจวรู้เรื่องนี้ดี ตัวเขาสามารถเดาได้จากบทสนทนาก่อนหน้านี้ที่ฝานเชียวพูดคุยกับหยวนเอ๋อ แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ได้ทำเป็นเงียบต่อไป
เมื่อเห็นแบบนั้นฝานเชียวก็ได้หันกลับไป
ศิษย์สาวกของเขาคนอื่นๆ ต่างก็คิดว่าลู่โจวกำลังตื่นตกใจจนคิดไม่ออก พวกเขาจึงได้แต่ส่ายหัว
หลังจากที่หยวนเอ๋อหาเก้าอี้เจอแล้ว เธอก็เช็ดมันอย่างสะอาดก่อนที่จะวางเก้าอี้ตัวนั้นให้กับลู่โจว
หลังจากที่ลู่โจวได้นั่งไม่นานมากนัก ในตอนนั้นเองตัวเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินมาจากด้านนอก ดูเหมือนว่าเจ้าของเสียงฝีเท้าจะมีมากกว่าหนึ่งคนด้วยกัน
“เจ้าพวกนั้นอยู่นี่”
เมื่อประตูถูกเปิดออก ในตอนนั้นเองเจ้าหน้าที่ทหารก็ได้เดินเข้ามาในลานแห่งนี้ เจ้าหน้าที่ทั้งหลายต่างถือกล่องไว้คนละคู่ กล่องทั้งหมดมีประมาณ 6 กล่องด้วยกัน กล่องทั้งหลายต่างก็ส่งกลิ่นแปลกๆ ออกมา มันเป็นกลิ่นเหม็นเน่านั่นเอง
เจ้าหน้าที่ทั้งหมดได้วางกล่องทั้งหมดลงพื้นก่อนที่จะทำความเคารพและพูดขึ้น “นี่คือสิ่งที่พวกเราหาได้ในวันนี้…”
“มีแค่นี้อย่างงั้นหรอ? “
“ทางพระราชวังได้สั่งไม่ให้พวกเราเอาศพที่เจอจากแม่น้ำขนย้ายไปไหน ดังนั้นข้อตกลงของพวกเราคงจะต้องสิ้นสุดกันวันนี้” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งได้พูดออกมา
“มันสายไปแล้วที่จะจบ” ฝานเชียวพูดก่อนที่จะโบกมือปฏิเสธ
“เจ้ากล้าดียังไงกัน?! “
“ไม่มีอะไรที่พวกเราศาลาปีศาจลอยฟ้าจะต้องเกรงกลัวหรอกนะ! “
สาวกทั้งสามคนของฝานเชียวต่างก็ชักอาวุธออกมา พวกเขาทั้งสามได้พุ่งใส่พวกทหารอย่างรวดเร็ว
ลู่โจวได้ถอยหลังไปอย่างช้าๆ อย่างใจเย็น
ผู้ฝึกยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามเป็นเหมือนกับฝูงหมาป่าที่กำลังไล่ล่าฝูงลูกแกะอยู่ในตอนนี้ ดาบของพวกเขาส่องแสงออกมาก่อนที่จะเชือดเฉือนเจ้าหน้าที่แต่ละคนจนล้มลงกับพื้น ไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนที่สามารถเอาชีวิตรอดไปได้
หลังจากที่สังหารเจ้าหน้าที่ทั้งหมดไป ฝานเชียวก็ได้ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ก่อนที่จะเอามือไขว้หลัง เขาสังเกตเห็นสีหน้าของลู่โจวก่อนที่จะพูดขึ้น “เจ้านี่ช่างกล้าหาญซะจริงนะ ดูเหมือนว่าข้าจะตัดสินใจเจ้าผิดไป”
ลู่โจวลูบเคราก่อนที่จะจ้องมองไปยังซากศพอย่างไม่สนใจไยดี
หยวนเอ๋อที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดได้ถามออกมาอย่างสงสัย “นั่นมันกล่องอะไรกัน? “
“กระดูก…กระดูกมนุษย์น่ะ”
หยวนเอ๋อได้ถอยห่างกล่องพวกนั้นไป สีหน้าของเธอตอนนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกขยะแขยง หยวนเอ๋อไม่เคยเกรงกลัวซากศพของคนที่ตาย แต่ซากศพพวกนี้เป็นซากศพที่อยู่ในแม่น้ำก่อนที่จะถูกเก็บลงไปในกล่อง และเพราะแบบนั้นตัวเธอจึงรู้สึกขยะแขยงมันนั่นเอง
ฝานเชียวเดินตรงไปที่กล่องใบหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็โบกมือเบาๆ เพื่อใช้พลังเปิดฝากล่องขึ้นมา
ลู่โจวเองก็ใช้สายตามองไปในกล่องเช่นกัน ‘ทำไมกระดูกพวกนี้ดูแปลกไป มันดูโปร่งแสง กระดูกพวกนี้มันดูเหมือนกับแก้วไม่ก็หยกขาวบริสุทธิ์ที่มีสีโคนผสมอยู่…’ ไม่นานมากนักลู่โจวก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ‘หรือว่ามันจะเป็นศพของมนุษย์เผือก? ‘ หลังจากที่นึกขึ้นได้ ลู่โจวก็รู้แล้วว่าชาวหมูบ้านมังกรสวรรค์หายไปใน พวกเขาถูกสังหารตายก่อนที่จะทิ้งศพลงแม่น้ำนั่นเอง ซากศพทั้งหมดล้วนแต่เป็นคนที่ยี่เทียนซินตามหา ‘แล้วทำไมเจ้าหน้าที่ถึงต้องงมหาซากศพพวกนี้ด้วยล่ะ? ‘
ฝานเชียวและคนอื่นๆ ต่างก็ค้นหาโครงกระดูกที่อยู่ในกล่อง แต่หลังจากที่ค้นหาทั้งหมดพวกเขาก็ได้แต่ส่ายหัวออกมาเท่านั้น ดูเหมือนว่าคนพวกนี้จะไม่พบสิ่งที่ต้องการ เห็นได้ชัดว่ากระดูกของพวกมนุษย์เผือกทั้งหลายในตอนนี้ไม่ได้มีประโยชน์อะไรสำหรับพวกเขาเลย
ลู่โจวได้ถามออกไปอย่างไร้อารมณ์ “กระดูกพวกนี้มีเอาไว้ทำอะไรกัน? “
“ตาแก่ บางครั้งการไม่รู้อะไรเลยก็ดีกว่ารู้นะ” ศิษย์สาวกคนหนึ่งของฝานเชียวพูดออกมา
ลู่โจวเอามือลูบเคราอย่างใจเย็น “แม้แต่ศาลาปีศาจลอยฟ้าถึงต้องกังวลกับเรื่องนี้เลยอย่างงั้นหรอ? “
“นี่คือวิถีที่พวกเรายึดถือปฏิบัติมาโดยตลอด”
เมื่อหยวนเอ๋อได้ยินแบบนั้นเธอก็ได้พึมพำออกมา “ข้าไม่รู้หรอกนะมันเป็นวิถีบ้าบออะไรกัน นี่มันเรียกว่ากระจอกชัดๆ “
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นเหล่าสาวกทั้งหลายต่างก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที
ฝานเชียวโบกมือก่อนจะตะโกนเตือนสติศิษย์สาวกทั้งสาม “พวกเจ้า พอได้แล้ว! “
หลังจากนั้นเหล่าสาวกทั้งหมดก็ไม่กล้าที่จะมองหน้าหยวนเอ๋ออีกต่อไป พวกเขาสับสนว่าทำไมฝานเชียวถึงจะต้องเข้าข้างเธอคนนี้ด้วย
ฝางเชียวได้พูดสั่งการขึ้นมาอีกครั้ง “เก็บกวาดของพวกนี้และเตรียมตัวซะ”
“เข้าใจแล้วท่านอาจารย์! “
เมื่อลู่โจวเห็นสถานที่เกิดเหตุเต็มไปด้วยหลักฐาน ตัวเขาจึงได้ลูบหนวดอย่างใจเย็นก่อนที่จะพูดออกมา “ข้าคิดว่าข้าควรจะไปเดินสำรวจด้วยตัวเองจะดีกว่า”
“ท่านปู่ ข้าเองจะไปกับท่านด้วย…” หยวนเอ๋อพูดออกมาอย่างตื่นเต้น ในตอนนี้เธอก็เริ่มรู้สึกสนใจเรื่องนีแล้วเช่นกัน
เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่ลู่โจวจะขอแยกตัวไปกับหยวนเอ๋อ ถึงแม้ว่าหยวนเอ๋อจะมีฝีมือที่เก่งกาจและสามารถรับมือกับผู้ฝึกยุทธระดับศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่ถึงแบบนั้นถ้าหากต้องสู้กับผู้ฝึกยุทธระดับมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ ลำพังหยวนเอ๋อก็คงจะไม่สามารถรับมือได้
ฝานเชียวมองไปที่ลู่โจวก่อนที่จะพูดขึ้น “ที่นี่น่ะมีกับดักเวทมนตร์คาถามากมายหลายที่ เจ้าไม่เกรงกลัวเลยอย่างงั้นหรอ? “
เห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้ไม่ได้มาที่นี่เป็นครั้งแรก พวกเขาคุ้นเคยกับพื้นที่แห่งนี้เป็นอย่างดี
“ไม่มีอะไรที่อยู่ภายใต้ฟ้าผืนนี้ที่ท่านปู่ของข้าจะกลัวไปได้หรอก” หยวนเอ๋ฮพูดออกมาอย่างมั่นใจ
ฝานเชียวรู้สึกยกย่องหยวนเอ๋อจากใจจริง ‘นี่สิคือสิ่งที่ข้าชื่นชอบ ถ้าหากมีนางคนนี้อยู่ด้วยคงจะไม่มีใครกล้าตำหนิอะไรข้าได้แน่ ถ้าหากเป็นแบบนั้นก็คงจะดี’
เหล่าสาวกของฝานเชียวได้เอาหลักฐานทุกอย่างไปทำลายจนสิ้นซาก หลังจากนั้นสาวกชายทั้งสองคนของเขาก็ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนที่จะเดินออกจากลานแห่งนั้นเพื่อที่จะเดินไปยังท่าเรือแห่งหนึ่ง ท่าเรือแห่งนั้นเป็นท่าเรือที่ใช้สำหรับหาซากศพจากแม่น้ำนั่นเอง
…
หลังจากที่เดินมาได้ 15 นาที
ในที่สุดพวกเขาก็เดินมาถึงท่าเรือ นอกจากเรือที่ใช้เพื่อหาซากศพแล้วดูเหมือนว่าจะไม่มีเรือชนิดอื่นอยู่เลย เจ้าหน้าที่และทหารทั้งหลายต่างลาดตระเวนกันอย่างเข้มงวด
ฝานเชียวได้เดินทางไปด้วยความคุ้นเคย ตัวเขาได้เดินลัดเลาะไปตามเส้นทางปลอดภัยอย่างใจเย็น
เมื่อเดินไปถึงทางเข้า ทหารยามทั้งสองคนก็ได้ใช้หอก 2 เล่มขวางทางฝานเชียวเอาไว้
“ที่นี่คนที่เกี่ยวข้องเท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปได้”
ลูกศิษย์ของฝานเชียวได้แสดงตราสัญลักษณ์ไป
“แล้วเจ้าพวกที่อยู่ด้านหลังล่ะ…” ทหารคนหนึ่งได้พูดแย้งขึ้นมา
“ให้พวกเขาเข้าไปซะ”
ตราบใดที่มีสิ่งที่เรียกว่าเงิน ข้อตกลงทุกอย่างก็สำเร็จลุล่วงได้ด้วยดี
ทหารพวกนี้มีหน้าที่หาซากศพจากแม่น้ำไปวันๆ เท่านั้น เพราะงั้นแล้วพวกเขาจึงไม่สามารถหาเงินทองอะไรได้มากมายนัก พวกทหารนั้นได้ทำแบบนี้มากว่าหลายทศวรรษ พวกเขาไม่รู้จุดหมายปลายทางของการหาซากศพจากแม่น้ำอีกต่อไป และเพราะแบบนั้นเจ้าหน้าที่และทหารทั้งหมดจึงไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับการทำงานนี้อีก ก้อนหิน, ปลาตาย, ทุกสิ่งทุกอย่างได้ถูกเก็บแยกออกจากกัน พวกเขาทั้งหลายทำงานแบบนี้มาซ้ำๆ กว่าสิบปีแล้ว
หยวนเอ๋อที่ผ่านมาได้ ได้พึมพำออกมา “ทำไมพวกเราไม่ฆ่าเจ้าพวกนั้นซะเลยล่ะ? ทำแบบนี้ไม่มีแต่จะยุ่งยากขึ้นหรอกหรอ? “
หญิงสาวที่ได้พ่ายแพ้ให้กับหยวนเอ๋อได้หันมามองเธอก่อนที่จะพูดขึ้น “แถวนี้มีกับดักเวทมนตร์คาถาอันทรงพลังอยู่ ของพวกนี้ถูกใครบางคนกำลังควบคุมเอาไว้”
“อ๋อ” หยวนเอ๋อตอบกลับ “แต่ถึงแบบนั้นข้าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี”
ฝานเชียวและพรรคพวกของเขาได้เดินผ่านสถานที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดเจนว่าคนพวกนี้ไม่ได้มาที่นี่เป็นครั้งแรก
“โกดังอยู่ข้างหน้าแล้ว…”
การเดินทางครั้งนี้สามารถหลีกเลี่ยงเจ้าหน้าที่ผู้คุมได้อย่างง่ายดาย พวกเขาทั้งหมดเดินผ่านสิ่งก่อสร้างต่างๆ มาจนถึงทางเข้าโกดังหลังหนึ่ง
ฝานเชียวได้ยกมือขึ้นมาซะก่อน เสียงของเขาในตอนนี้ฟังดูทุ้มและนุ่มลึกมากกว่าเดิม “หยุดก่อน” ดูเหมือนว่าเขาจะพบอะไรบางอย่างเข้า ฝานเชียวได้นั่งลงกับพื้นเพื่อวิเคราะห์อะไรบางอย่าง “มีผู้ฝึกเวทมนตร์คาถาอยู่แถวนี้”
ลู่โจวมองดูลวดลายที่อยู่บนพื้นเช่นกัน สิ่งที่เห็นแท้จริงเป็นเพียงดินสดใหม่ ดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนพยายามที่จะวางกับดักที่นี่
การจะใช้เวทมนตร์คาถาให้สำเร็จได้ ช่วงเวลา, สถานที่ รวมไปถึงผู้คนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่มีผลด้วยกันทั้งนั้น ผู้ที่ร่ายมนตร์คาถาจะสามารถทั้งเพิ่มพลังรวมไปถึงร่ายมนตร์สาปแช่งให้เป้าหมายผู้ตกเป็นเหยื่ออ่อนแอลงได้
ฝานเชียวที่เห็นแบบนั้นก็ได้หันมาหาลู่โจวก่อนที่จะพูดกับเขา “เจ้าน่ะดูแลตัวเองไปก็แล้วกัน” หลังจากนั้นเขาก็หันไปหาหยวนเอ๋อก่อนที่จะพูดออกมาเช่นกัน “สาวน้อย ถ้าหากเจ้ากลัวแล้วละก็มาใกล้ๆ กับข้าซะสิ”
หยวนเอ๋อได้กอดแขนของลู่โจวเอาไว้ก่อนที่จะพูดตอบกลับไป “ข้าไม่กลัวหรอก! “
“พวกเราไปกันได้แล้ว”
เมื่อเดินอ้อมกับดักไปได้ พวกเขาทุกคนก็เดินเข้ามาใกล้กับประตูของโกดัง ประตูของโกดังไม่ได้แข็งแกร่งอะไรเลย สำหรับผู้ฝึกยุทธแล้วการจะเปิดประตูพวกนี้ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
ด้วยการสะบัดมือเพียงเล็กน้อย ล็อกของประตูก็ถูกคลายออก
ในตอนนั้นเองประตูโกดังก็ได้ถูกเปิดขึ้น
ลู่โจวได้แต่ขมวดคิ้ว
โกดังแห่งนี้กว้างกว่าหลายสิบเมตรด้วยกัน ภายในโกดังมีกล่องจำนวนมากถูกจัดเรียงเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ กล่องแต่ละใบถูกซ้อนกันและกันจนสูงเสียดโกดัง ถ้าหากจะบอกว่ากล่องพวกนี้เป็นกองภูเขากระดูกก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่ผิดแปลกอะไรเลย