จากลักษณะกระดูกที่ได้เห็นดูเหมือนว่าพวกมันจะดูแตกต่างจากกระดูกที่เจอก่อนหน้านี้มาก กระดูกส่วนมากที่อยู่ที่นี่เป็นกระดูกธรรมดาๆ เท่านั้น
ในวันที่หมู่บ้านปลามังกรสวรรค์ถูกทำลาย ในตอนนั้นมีชาวบ้านทั้งหมด 354 ชีวิตอาศัยอยู่ แม้ว่าศพของพวกเขาทั้งหมดจะอยู่ที่นี่ก็ตาม แต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่ควรจะมีมากขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นตลอดช่วงสิบปีที่ผ่านมาเองก็มีการออกตามหาศพจากแม่น้ำจนถึงวันนี้ ถ้าหากคำนึงถึงกระดูกที่เจอรวมกับศพที่ถูกกระแสน้ำพัดไป แท้จริงแล้วในวันนั้นมีผู้เสียชีวิตกี่คนกันแน่? แน่นอนว่ามันจะต้องมีชนเผ่าอื่นอย่างมนุษย์เผือกรวมอยู่ด้วย
ฝานเชียวที่เห็นกระดูกจำนวนมากไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาเลย ดูเหมือนว่าเขาคนนี้จะคุ้นเคยกับคนตายเป็นอย่างดี เมื่อเขาเข้าไปในโกดัง สิ่งที่ฝานเชียวทำมีเพียงการใช้มือของตัวเองปิดปากและปิดจมูกเอาไว้เท่านั้น หลังจากนั้นเขาก็ได้สั่งสาวกทั้งหลายในทันที “ออกค้นหาซะ”
“รับทราบ! ” สาวกทั้งสามรีบได้แยกไปทำงานอย่างรวดเร็ว พวกเขาทั้งหมดได้ตรวจสอบกล่องที่อยู่ในโกดังแห่งนี้
ลู่โจวรู้สึกสงสัยมากขึ้นเมื่อได้เห็นแบบนี้ ‘เจ้าพวกนี้กำลังมองหาอะไรกัน? ‘
แต่ก่อนที่ลู่โจวจะได้ถามอะไรออกไป ในตอนนั้นเองฝานเชียวก็ได้พูดออกมาซะก่อน “กระดูกพวกนี้น่ะเป็นของชนเผ่าอื่น…”
“ชนเผ่าอื่นอย่างงั้นหรอ? “
“ไม่มีที่สำหรับชนเผ่าอื่นๆ ในโลกใบนี้หรอก…ในช่วงหลายพันปีหลังจากที่โลกใบนี้ถูกยึดครองไป ในช่วงเวลานั้นมักจะมีชนเผ่าอื่นๆ คอยก่อความวุ่นวายอยู่เสมอ จนกระทั่งวันหนึ่ง แม่น้ำสวรรค์สายนี้ได้อาบไปด้วยเลือดที่ไหลโชกแทน” ฝานเชียวได้พูดออกมาอย่างใจเย็น
ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้ถามออกไป “กระดูกพวกนี้เป็นของชนเผ่าอื่นอย่างงั้นหรอ? “
ฝานเชียวเหลือบมองไปที่ลู่โจวก่อนที่จะหัวเราะออกมาดังๆ “ใช่แล้วล่ะ นั่นเป็นสิ่งที่พวกพระราชวังได้พูดเอาไว้”
หยวนเอ๋อที่ได้ยินเช่นกันได้โผล่หัวออกมาก่อนที่จะถามอย่างสงสัย “แล้วพวกเจ้ากำลังมองหาอะไรกัน? “
“กระดูก…กระดูกพิเศษน่ะ…” ฝานเชียวตอบกลับ
“กระดูกพิเศษอะไรกัน? ” หยวนเอ๋อยังคงสงสัย ด้วยคำตอบเพียงแค่นั้นไม่อาจที่จะหยุดความอยากรู้อยากเห็นของเธอได้
ฝานเชียวไม่ได้คิดจะตอบคำถามของหยวนเอ๋อโดยตรง “สาวน้อย ถ้าเจ้ามาเป็นสาวกของข้า ข้าจะบอกทุกอย่างกับเจ้าเอง”
หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นได้ขมวดคิ้ว เธอจ้องไปที่ฝานเชียวอย่างไม่ละสายตา “เจ้าน่ะหรอ? “
“มีคนมากมายที่อยากจะเข้าร่วมศาลาปีศาจลอยฟ้าของข้า แน่นอนว่าคนพวกนั้นไม่มีโอกาส เจ้าน่ะควรจะคิดเรื่องนี้ให้รอบคอบซะนะ…ศิษย์สาวกของข้าทั้งเก้าล้วนแต่กลายเป็นยอดฝีมือผู้โด่งดังในโลกยุทธภพ ไม่ว่าพวกเขาจะไปไหนทุกคนล้วนแต่จะต้องรู้จักชื่อเสียงเรียงนาม”
“ข้าว่านางน่ะไม่ใช่หรอกนะ…” หยวนเอ๋อได้ชี้ไปยังสาวกหญิงที่กำลังค้นหากล่อง สาวกหญิงคนนั้นยังเด็กเกินไป
“…”
ฝานเชียวถึงกับพูดไม่ออก ตัวเขาไม่สามารถตอบโต้อะไรกลับมาได้
ฝานเชียวในตอนนี้กำลังเผยหางให้กับลู่โจวได้เห็น ลู่โจวไม่ได้แปลกใจอะไร ในตอนนั้นเองเขาก็ได้ตอบกลับไปเช่นกัน “ข้ากลัวว่าเจ้าคงจะไม่สามารถสั่งสอนอะไรนางได้หรอกนะ”
ฝานเชียวที่ได้ฟังแบบนั้นรู้สึกไม่พอใจคำพูดของลู่โจวมาก แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังหักห้ามใจของตัวเองเอาไว้ได้ “ไม่มีใครที่อยู่ในผืนฟ้านี้ที่ข้าสั่งสอนไม่ได้หรอกนะ”
ลู่โจวไม่ต้องการที่จะเสียพลังไปกับการทะเลาะกับฝานเชียว เหตุผลที่ตัวเขาได้เดินทางมาถึงที่นี่มีเพียงการสืบหาความจริงของหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์เท่านั้น ‘ให้เจ้านี่แสดงละครต่อไปจะดีกว่า ยังไงซะเจ้านี่ก็ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง’
เมื่อคิดแบบนั้นลู่โจวเองก็ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี ทำไมฝานเชียวและสาวกทั้งสามถึงต้องจัดฉากแสดงละครในที่แบบนี้ด้วย? ดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งหมดได้ทำแบบนี้มากันนานแล้ว เป้าหมายของฝานเชียวคืออะไรกัน? แล้วใครกันที่เป็นผู้สนับสนุนฝานเชียว?
หลังจากที่ค้นหาอยู่นานร สาวกทั้งสามของฝานเชียวก็เดินกลับมาอีกครั้ง
ในตอนนี้โกดังอยู่ในสภาพที่ไม่น่าดูเท่าไหร่ กล่องส่วนใหญ่ถูกคว่ำลง สภาพแวดล้อมที่นี่ดูแย่มาก กลิ่นของซากศพได้ลอยฟุ้งไปทั่วอากาศ
สาวกคนหนึ่งได้พูดขึ้น “ท่านอาจารย์ พวกเราไม่พบอะไรเลย”
สาวกอีกสองคนเองก็ส่ายหัวเช่นกัน
ฝานเชียวที่เห็นแบบนั้นได้ขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากนั้นเขาก็ได้ถามออกมาอย่างใจเย็น “มีโกดังที่อื่นอีกไหม? “
สาวกทั้งสามส่ายหัวปฏิเสธอีกครั้ง
โกดังแห่งนี้มีขนาดใหญ่พอที่จะเก็บกล่องทั้งหมดที่มีเอาไว้ในนี้
ลู่โจวเงยหน้าขึ้นมองดวงอาทิตย์ ในตอนนี้ดวงอาทิตย์กำลังจะตกดินแล้ว ในตอนนั้นเองลู่โจวพยายามที่จะเหลือบมองเมนูภารกิจที่มีอยู่ในระบบ
เมื่อทุกคนกำลังจะออกไป ในตอนนั้นเองเสียงฝีเท้าที่มีมากมายนับไม่ถ้วนก็ได้ดังออกมาจากด้านนอก เสียงฝีเท้าที่มีดังขึ้น และดังขึ้นเรื่อยๆ
“ซุ่มโจมตี” ฝานเชียวไม่ได้เกรงกลัวผู้มาเยือนเลยแม้แต่น้อย “ฆ่าพวกมันซะ”
“รับทราบ” สาวกทั้งสามได้พุ่งตรงออกจากโกดังไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะสังหารคนอย่างสนุกสนาน
ผู้มาเยือนทั้งหลายเป็นกลุ่มทหารเจ้าหน้าที่นั่นเอง แน่นอนว่าทหารเหล่านั้นไม่ใช่คู่มืออะไรของผู้ฝึกยุทธเลย
ในตอนนั้นลู่โจวก็นึกออกกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหมิงซี่หยิน เขาจำได้ว่าหมิงซี่หยินได้ถูกกับดักจากที่แห่งนี้มา สถานที่ที่สำคัญแบบนี้จะต้องมีการรักษาความปลอดภัยที่มากกว่านี้ถึงจะถูก?
“ข้าสงสัยอะไรบางอย่าง…” ลู่โจวได้ชิงพูดออกมาอย่างกะทันหัน
“ฮืม? “
“กระดูกพิเศษที่เจ้าพูดถึงก่อนหน้านี้คืออะไรกันแน่? ” ลู่โจวถามออกไปตรงๆ
ฝานเชียวได้พูดตอบกลับไป “ตาแก่ ข้าขอเตือนเจ้าอีกครั้ง การที่เจ้ายิ่งรู้มากไปก็ยิ่งทำให้ตัวเจ้าอันตรายมากขึ้นเท่านั้น”
“อายุปูนนี้แบบข้า จะอยู่หรือจะตายก็ไม่ได้สำคัญอะไรหรอกนะ” ลู่โจวได้ลูบเคราของตัวเองอย่างไม่แยแส ตัวเขาไม่ได้พูดโกหกอะไรเลย หลังจากที่ได้ตายไปครั้งหนึ่งจนข้ามมิติมาได้แบบนี้ ความตายสำหรับลู่โจวก็ไม่ได้น่ากลัวอีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องในครั้งนี้ไม่ได้ยิ่งใหญ่ไปกว่าเรื่องที่สิบยอดฝีมือมาบุกโจมตีภูเขาทองพร้อมกันเหมือนกับเรื่องในอดีต
“เยี่ยมมาก…” ฝานเชียวส่ายหัว
เสียงการต่อสู้เริ่มฟังดูรุนแรงมากขึ้น จำนวนศัตรูเองก็เพิ่มขึ้นมาเช่นกัน หลังจากนั้นไม่นานกลุ่มผู้ฝึกยุทธก็ได้ปรากฏตัวขึ้นตาม ดูเหมือนว่าพวกเขาจะรีบมาที่นี่หลังจากที่ได้ข่าว จำนวนผู้ฝึกยุทธเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้นมาจากทางท่าเรือ “พวกเจ้าน่ะเดินเข้ามาในกับดักเรียบร้อยแล้ว ประหารผู้บุกรุกซะ! ” ถึงแม้ว่าเสียงนั้นจะไม่ได้ดัง แต่ทุกคนก็สามารถได้ยินมันอย่างชัดเจน
ดูเหมือนว่าเรื่องในครั้งนี้จะยุ่งยากมากขึ้น
ลู่โจวไม่ได้กังวลอะไรเลยแม้แต่น้อย ถ้าหากตัวเขาต้องการที่จะหนีไปจากที่นี่ เมื่อถึงตอนนั้นก็ไม่มีใครหน้าไหนที่สามารถหยุดตัวเขาเอาไว้ได้
ฝานเชียวได้เหลือบมองไปที่ลู่โจวก่อนที่จะเดินออกไป
ด้านนอกโกดัง เหล่าทหารได้มารวมตัวกันมากยิ่งขึ้น พวกทหารทั้งหลายควงหอกก่อนที่จะใช้หอกพวกนั้นปิดเส้นทางเอาไว้ ผู้ฝึกยุทธจำนวนมากเองก็บินมาสมทบเช่นกัน
สาวกทั้งสามได้กลับมาหาฝานเชียวอีกครั้งหลังจากที่สังหารทหารทั้งหมดที่อยู่หน้าประตูเสร็จ
“พวกเราถูกล้อม นี่มันกับดัก! “
ฝานเชียวได้ชูหลังมือขึ้นมาอย่างใจเย็น ดูเหมือนว่าตัวเขาจะไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรมากนัก เขาคนนี้เป็นยอดฝีมือผู้ที่มีวรยุทธระดับมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ และเพราะแบบนั้น ด้วยพลังที่ตัวเขามีฝานเชียวจึงไม่ต้องรู้สึกกลัวอะไร
แม้ว่าทหารจะมีมากขนาดไหนก็ไม่สามารถหยุดยอดฝีมือผู้ที่มีพลังยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ที่บินไปมากลางอากาศได้
ฝานเชียวมองไปที่ผู้ฝึกยุทธที่กำลังลอยอยู่ท่ามกลางกลุ่มทหาร ‘ขั้นสังหรณ์หยั่งรู้, มหาราชครู, แล้วก็ขั้นศักดิ์สิทธิ์ ผู้ฝึกยุทธเพียงแค่นี้หยุดข้าไม่ได้หรอก’ “สาวน้อย…เจ้าอย่าละสายตาจากข้าล่ะ…” แม้ว่าฝานเชียวจะไม่ได้หันกลับมาพูด แต่ลู่โจวก็รู้ดีว่าเขากำลังพูดกับหยวนเอ๋ออยู่
ลู่โจวยังคงลูบเคราก่อนที่จะจ้องมองทุกอย่างต่อไป เรื่องในครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตัวเขาเลย
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง พลังอันทรงพลังก็ได้เอ่อล้นออกมาจากร่างกายของฝานเชียว ฝานเชียวได้ออกจากโกดังไปอย่างมั่นใจ
พลังร่างอวตารที่สูงกว่า 50 ฟุตได้ตั้งตระหง่านอยู่กลางอากาศ มันเป็นพลังร่างอวตารที่มีสีน้ำเงินจางๆ และเพราะสีน้ำเงินนี้เองจึงทำให้มันดูน่ากลัวมากขึ้น พลังร่างอวตารถูกล้อมไปด้วยพลัง ที่ด้านหลังของพลังมีดอกบัวที่กำลังผลิบานอยู่ กลีบของมันมี 4 กลีบนั่นเอง
เหล่าทหารและผู้ฝึกยุทธทั้งหลายต่างก็เห็นสิ่งนี้ชัดเจน ท่าทีของพวกเขาทั้งหมดได้เปลี่ยนไปทันที พวกทหารเลือกที่จะก้าวถอยกลับไป แต่ถึงแบบนั้นพวกเขาก็หนีไปไหนไม่ได้ ทหารทั้งหมดทำได้เพียงรักษาระยะห่างได้เพียงเท่านั้น
หยวนเอ๋อที่เห็นแบบนั้นได้พึมพำออกมา “สี่กลีบเองหรอ…”
สาวกหญิงฝานเชียวได้กลอกตาก่อนจะพูดขึ้นมา “อย่างเจ้าจะไปรู้อะไรกัน? ท่านอาจารย์ของเราน่ะแข็งแกร่งเกินกว่าที่ใครจะเทียบเคียงได้ ท่านอาจารย์น่ะยังไม่ได้เอาจริงด้วยซ้ำไป พลังร่างอวตารทั้งสี่ก็เพียงพอแล้วที่จะจัดการกับคนเหล่านี้ ผู้ฝึกยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์น่ะไม่สามารถที่จะใช้พลังแบบนี้ได้ด้วยซ้ำไป พลังนี้มีเพียงผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่สามารถใช้งานมันได้! “
ในตอนนั้นเองคลื่นพลังจำนวนมากก็ได้ไหลออกมาจากพลังร่างอวตารของฝานเชียว
กึ๊ก! กึ๊ก! กึ๊ก! กึ๊ก!
สิ่งก่อสร้างรวมไปถึงท่าเรือต่างก็สั่นสะเทือนเพราะผลข้างเคียงจากพลัง
กลุ่มทหารได้ถอยห่างออกไปมากขึ้น ในตอนนั้นเหล่าผู้ฝึกยุทธทำได้เพียงเฝ้ามองเท่านั้น
ผู้ฝึกยุทธคนหนึ่งในตะโกนออกมา “ทุกคน สงบสติอารมณ์ไว้ซะ…พวกเราค่อยๆ ถอยมา จากข่าวที่ส่งมาจากพระราชสำนักส่งมา เจ้านี่มันไม่ใช่จีเทียนเด๋าตัวจริง! “
“เวทมนตร์คาถาได้เตรียมพร้อมที่จะใช้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว…พวกเราถอยไปตั้งขบวนกันก่อน ไม่ว่าผู้บุกรุกจะเป็นใครก็แล้วแต่ พวกเรามีแต่จะต้องประหารมันเท่านั้น! “
“ประหารผู้บุกรุก! “
“ประหารผู้บุกรุก! “
เสียงผสานของเหล่าทหารดังขึ้นเรื่อยๆ