My Vampire System ตอนที่ 101 คําถามของอาจารย์ลีโอ
เมื่อคาบเรียนทั้งหมดในตอนเช้าจบลง ก็ถึงเวลาสําหรับคาบเรียนวิชาการต่อสู้ เรย์ร่าเดินมาพร้อมกับเอรินและควินน์ แต่สองสาวไม่ได้ตัวติดกันแล้ว เพราะทั้งสองคนไม่ได้คุยกันเลยตั้งแต่ตอนนั้น
จริงๆแล้ว เอรินไม่ได้สนิทกับใครสักเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาสําหรับการตามหาปีเตอร์ ทั้งคู่ก็เริ่มไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ พวกเธอเคยฝึกซ้อมเป็นทีมด้วยกันมาก่อนซึ่งเป็นครั้งแรกที่เอรินยอมเรียกชื่อเรย์ร่าด้วยชื่อของเธอจริงๆ
ทั้งหมดนี้เป็นก้าวเล็กๆที่ยิ่งใหญ่ของเรย์ร่า โดยก่อนที่ทั้งคู่จะทันรู้สึกตัว สองสาวก็อยู่ใกล้กันได้อย่างเป็นธรรมชาติแล้ว
พวกเขาทั้งสามคนมุ่งหน้าไปเรียนคาบเรียนวิชาต่อสู้ ในขณะที่วอร์เด็นแยกไปยังคาบเรียนวิชาทักษะธาตุพื้นฐาน
ปัจจุบัน ปีเตอร์นั่งอยู่ในห้องและจ้องมองไปยังกําแพงด้านหน้าที่ว่างเปล่าเพียงคนเดียว แม้แต่เพื่อนปลอมๆก็ไม่คุยกับเขาที่โรงอาหารอีก เอิร์ลและลิ่วล้อพวกนั้นไม่สนใจปีเตอร์แล้วนับตั้งแต่ที่เอรินข่มขู่ให้กลัว
พวกนั้นใช้ประโยชน์จากเขาแล้วก็ทิ้งและไม่ต้องการเขาอีกต่อไป
ปีเตอร์ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ก่อนจะนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องโง่ๆที่เขาได้ทํามัน ถ้าหากเขาแค่ทําในสิ่งที่แตกต่าง ทําไมเขาถึงไม่ขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ทําไมเขาถึงรับปากที่จะช่วยเหลือพวกมันในตอนนั้น? ช่วงเวลานั้นมันมีแต่ความเจ็บปวดทรมานและรู้สึกราวกับอยู่ในนรก แต่ตอนนี้เขาจําไม่ได้ด้วยซ้ําว่าความเจ็บปวดเป็นมันเป็นแบบไหน
เมื่อความคิดเหล่านี้วนอยู่ในหัวของเขา เขาก็เริ่มกระชากเส้นผมบนหนังศีรษะมาไว้ในมือ
ทุกครั้งที่ความทรงจําอันเลวร้ายผุดขึ้น เขาจะพยายามลืมมันด้วยการกระชากเส้นผมออกมา
“ทําไม!” ปีเตอร์ตะโกนแล้วกระชากเส้นผมออก
“ทําไม!” เขาพูดอีกครั้งและทําซ้ําเช่นเดิม
ในตอนนี้มือของปีเตอร์เต็มไปด้วยเส้นผมเป็นกระจุก เขารู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไหลออกมาจากศีรษะของเขา เขากระชากเส้นผมของตัวเองแรงมากจนกระทั่งเลือดเริ่มไหลหยดลงมา
ขณะนั้น ควินน์กําลังจะออกจากอาคารเรียนชั้นปีที่หนึ่ง เพื่อมุ่งหน้าไปยังคลังอาวุธ เขาหยุดชะงักที่ประตูสองบานตรงทางออก
ตลอดเวลาที่เขากลับมาที่นี่ เขาไม่เคยก้าวออกมาข้างนอกท่ามกลางแสงอาทิตย์ ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะทําเช่นนั้นในตอนนี้ เขาถามระบบ AI ซ้ําแล้วซ้ําอีก ว่ามันจะส่งผลเสียยังไง แต่หมอนี่ก็ไม่ยอมตอบ
‘ใจเย็นควินน์…นายรู้แล้วว่านายจะไม่ตาย แล้วอะไรจะแย่ไปกว่านั้นถ้ามันจะเกิดขึ้น?’ ควินน์ปลอบตัวเองในใจ
“นี่ควินน์ ทุกอย่างโอเคไหม?” เรย์ร่าเอ่ยถามเมื่อสังเกตเห็นว่าเขาหยุดอยู่ตรงทางออก
“ใช่ ฉันโอเค” ควินน์พูดก่อนจะก้าวเท้าไปข้างหน้า
ปึง!
ทันใดนั้น แสงแดดอันร้อนแรงก็กระทบลงบนร่างกายของเขา รังสีส่งผลกระทบต่อผิวหนังมากกว่าที่เคย รวมไปถึงความรู้สึกต่างๆกําลังแปรปรวนอยู่ภายในหัว เขาออกอาการงุนงง แต่ในไม่ช้าเขาก็รู้สึกตัวขึ้นมาได้
เขาใช้เวลาอยู่สักพัก จนกระทั่งในที่สุดเขาก็ปรับตัวเข้ากับความรู้สึกเช่นนี้ได้อย่างรวดเร็ว
[คุณกําลังโดนแสงอาทิตย์โดยตรง ]
[ค่าสถานะทั้งหมดจะลดลง 70%]
‘70 เปอร์เซ็น? นี่ล้อฉันเล่นหรือเปล่าเนี่ย!’ ควินน์ตะโกนอยู่ภายในความคิด
[ เอาล่ะ ใจเย็นๆลงก่อน ]ระบบตอบ [ ผมรู้ว่าคุณจะเป็นแบบนี้ไง ผมก็เลยไม่อยากพูดอะไร
‘อย่างน้อย ฉันก็เคยมีโอกาสต่อสู้กลางแสงอาทิตย์มาแล้ว ฉันคิดว่าถ้าฉันเพิ่มค่าสถานะ ต่างๆอย่างต่ําสัก 20 และดูดเลือดคนอื่นอีกไม่กี่คน เมื่อถึงตอนนั้นฉันอาจจะกลับมาเป็นมนุษย์เหมือนเดิมได้ แล้วตอนนี้ฉันควรต้องทํายังไง?!’
[ บอกตามตรงนะครับ ผมไม่เคยมีปัญหาเช่นนี้มาก่อนเลย กลับกันแล้วที่อาณาจักรของเรามีไอเท็มมากมายที่สามารถหยุดผลกระทบจากแสงอาทิตย์ได้ เพียงแค่ดูในช่องเก็บของๆคุณ ซึ่งแหวนที่คุณได้เห็นนั้นมอบให้กับเด็กหนุ่มที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเราเลยนะ ]
ระบบได้เปิดเผยข้อมูลบางอย่างขึ้นมาทันทีเนื่องจากการระเบิดอารมณ์ เมื่อไหร่ก็ตามที่ควินน์ ถามว่าระบบของเขาคือใคร หรือมีแวมไพร์ตนอื่นอยู่ที่ไหนหรือเปล่า อีกฝ่ายจะแกล้งทําเป็นไม่สนใจและแสร้งไม่ได้ยิน
อย่างไรก็ตามม ควินน์จําเป็นต้องแก้ปัญหาไปทีละปัญหา ซึ่งตอนนี้ดวงอาทิตย์คือปัญหาที่เร่งด่วน
[ฟังนะ ผมเห็นว่าคุณหดหูจนดูพิลึก ]ระบบพูด [แล้วนี้ละเป็นยังไง?]
จากนั้น อีกฝ่ายก็เปิดหน้าเมนูของควินน์ขึ้นมาและโชว์แท็บสกิลแห่งเงามืดทั้งหมดให้เขาเห็น จาก 10 สกิล ได้ปลดล็อคไปแล้ว 3 สกิล แต่อีก 7 สกิลยังเป็นสีเทาอยู่
[คุณแค่อยากจะสู้กลางแดดได้ใช่ไหม? คุณเห็นสกิลที่มีชื่อว่า ‘เงามืดไร้ตัวตน ’ (Shadow void) หรือเปล่า มันใช้แต้มทั้งหมดในการปลดล็อค 20 แต้มสกิล ผมแนะนําให้คุณปลดล็อคมันเป็นสกิลต่อไป เพราะสกิลนี้จะช่วยให้คุณสร้างร่มเงาของตัวเองได้ ไม่ใช่แค่ป้องกันแสงอาทิตย์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงป้องกันไม่ให้คนอื่นเห็นคุณได้อีกด้วย ]
แม้ว่ามันจะไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาของควินน์อย่างถาวร แต่มันก็ยังถือว่าเป็นการแก้ปัญหา ในขณะ ที่ควินน์พยายามเดินไปข้างหน้าด้วยความทุลักทุเล เรย์ร่าก็รีบเข้ามาหาและกางร่มขึ้นเหนือหัวเธอเก็บมันไว้กับตัวตลอดเวลา สําหรับสถานการณ์แบบนี้
‘หึๆ วอร์เด็น ดูเหมือนว่าฉันจะจําเป็นสําหรับเขามากกว่านายนะยะ’ เรย์ร่าคิดในใจ
ฉับพลัน ควินน์ก็รู้สึกดีขึ้นเป็นเท่าตัว
[ ป้องกันแสงอาทิตย์แล้ว ค่าสถานะทั้งหมดกลับมาเป็นปกติ ]
“พวกเธอสองคนจะสวีทกันต่อหน้าฉันงั้นเหรอ?” เอรินพูดขณะที่เธอเห็นทั้งสองคนอยู่ใต้ร่มคันเดียวกัน
“เราไม่ใช่คู่รักกันสักหน่อย เขาแค่รู้สึกไม่ค่อยดี แสงยูวีทําให้เขาเป็นโรคลมแดดได้ง่ายๆ” เรย์ร่าตอบ
“ไม่เอาไหนจริงๆ” เอรินเอ่ยก่อนจะเดินนําไปข้างหน้า
ควินน์ไม่รู้เหมือนกันว่าทําไม แต่คําพูดของเอริน ดูเหมือนจะแสบสันเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับตอนที่คนอื่นๆพูดกับเขา
ในที่สุด พวกเขาทั้งสามคนก็มาถึงหอคลังอาวุธและไม่ต้องการร่มอีกแล้ว เมื่อเขาก้าวเข้ามา หัวใจของเขาค่อยๆเต้นเร็วขึ้นอีกครั้ง เขารู้สึกประหม่าเหตุผลนั้นง่ายมาก มันเป็นเพราะอาจารย์ลีโอ
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ดีโอสั่งไว้ว่าครั้งต่อไปที่ทั้งสองคนเจอกัน เขามีเรื่องจะคุยด้วย ถึงดีโอจะบอกว่าเขาจะไม่ทําร้ายควินน์ แต่คําพูดเหล่านั้นไม่ได้ทําให้ควินน์มั่นใจ
การเรียนการสอนเริ่มต้นขึ้นตามปกติ โดยลีโอสั่งให้นักเรียนทุกคนอุ่นเครื่องด้วยการฝึกซ้อมด้วยกัน แต่นี่ก็เป็นอีกครั้งที่ลีโอขอให้เรย์ร่าแยกไป เพราะดีโอต้องการจะเป็นคู่ซ้อมให้กับควินน์
ลีโอพาควินนี้ไปที่มุมหนึ่งของอาคารห่างจากคนอื่นๆ เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่
“ขอบคุณที่ช่วยผมในดาวหลังประตูมิตินะครับ” ควินน์ชิงพูดก่อน เพื่อหวังว่าจะได้รับคําพูด ดีๆจากเขาโดยการพยายามเข้าหาเขา
“ฉันก็แค่ทํางานของฉัน เกิดอะไรขึ้นกับถุงมืองั้นเหรอ ไม่มีพลังงานอะไรเปล่งออกมา จากมือของเธอเลย”
“มันพังตอนอยู่บนดาวเคราะห์ดวงนั้นครับ ผมขอโทษด้วย แล้วผมจะชดใช้ให้คุณ”
ลีโอยกมือขึ้นปรามเป็นการบอกกับควินน์ว่าให้หยุดพูด
“ไอ้หนู นั่นไม่จําเป็นหรอก ของแบบนั้นมันไม่ได้มีราคาแพงมากมาตั้งแต่แรก แต่สําหรับตัวอะไรสักอย่างที่ทําลายอาวุธสัตว์อสูรได้ นายต้องสู้กับสัตว์อสูรสักตัวในตอนนั้นใช่หรือเปล่า?”
ควินน์เริ่มหัวเราะออกมาอย่างประหม่า เขาไม่ได้เตรียมพร้อมสําหรับคําถามแบบนี้และไม่รู้จะตอบยังไงดี
“โอ้ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ มีหนูยักษ์ตัวหนึ่งกระโจนเข้ามาใส่ผม แล้วสิ่งที่ผมทําคือพยายามยกมือขึ้นเพื่อป้องกันตัวเองเอาไว้ แต่เจ้าสัตว์อสูรตัวนั้นมันไม่ยอมปล่อยเลย ผมไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากถอดถุงมือทั้งสองข้างทิ้งแล้ววิ่งหนีไป”
“ฉันเข้าใจ” ลีโอพูดขณะที่เขายืนเงียบอยู่ตรงนั้นสักพัก “ควินน์ เธอรู้ไหมว่าพวกเขาพูดถึงคนตาบอดว่ายังไง นั่นก็คือประสาทสัมผัสในการได้ยินของพวกเราจะดีกว่าเป็นสองเท่า ซึ่งตอนนี้ ฉันเป็นคนแรกที่กําลังจะบอกเธอว่าเรื่องมันเป็นแค่เรื่องเล่าทั้งหมด ถึงจะเป็นแบบนั้น ทักษะของฉันช่วยให้ประสาทสัมผัสในการรับรู้ของฉันดีขึ้นและฉันก็ได้ยินเสียงหัวใจของนายเต้นดังมาก”
ควินน์กลืนน้ําลายขณะที่กลัวว่าชายวัยกลางคนจะพูดอะไรต่อไป
“แล้วเธอรู้หรือเปล่า ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่มีคนโกหก จังหวะการเต้นหัวใจของคนพวกนั้น จะเปลี่ยนไปนิดหน่อยและเหงื่อของพวกเขาก็จะออกมามากขึ้น เอาล่ะ ความจริงก็คือฉันไม่สนหรอกนะว่าเธอจะทําอะไรยังไง แต่ฉันมีแค่คําถามเดียวเท่านั้นที่จะถามกับเธอ”
“เธออยู่ข้างมนุษย์หรือเปล่า?”