My Vampire System ตอนที่ 108 โลแกนก็มีแอนดรอยด์
เด็กผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าควินน์ค่อนข้างเตี้ย เขามีความสูงอยู่ประมาณหน้าอกของควินน์พร้อมกับผมสีเขียวเข้มแสกกลางทั้งสองข้าง แต่สิ่งที่สังเกตเห็นได้ชัดที่สุดบนใบหน้าของเขา นั่นคือรอยคล้ําสีดําขนาดใหญ่ใต้ดวงตา
ทว่าเมื่อได้ยินคําพูดแบบนั้นจากปากของโลแกน ควินน์ใช้เวลาสักพักหนึ่งในการเรียบเรียงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เขามองไปรอบๆตัวว่ามีใครอยู่บริเวณนี้กับพวกเขาด้วยหรือเปล่า แต่ก็มีเพียงผู้เล่นไม่กี่คนที่ยังอยู่ภายในเครื่องเล่นเกม VR หรืออยู่ในแถวเครื่องเล่นที่อยู่ห่างออกไป
“แล้ว สรุปนายทําได้ยังไง หา?” โลแกนถามก่อนที่เขาจะรีบเดินแทรกควินน์โดยการผลักเขาไปด้านข้างและเริ่มเช็คความผิดปกติบนเครื่องเล่นเกม VR ที่ควินน์เพิ่งใช้
เขาวางมือลงบนเครื่องพร้อมกับหลับตา
“ดูเหมือนจะไม่มีการแทรกแซงอะไรกับแคปซูลเครื่องนี้เลย มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง?” โลแกนพึมพํา
และเมื่อมองไปที่นาฬิกาข้อมือของควินน์ เขาก็พบว่านาฬิกาของอีกฝ่ายมีหมายเลข 1 แสดงอยู่
“อะไรกัน? เป็นไปไม่ได้ การที่นายใช้ทักษะพิเศษที่มีพลังโจมตีมากขนาดนั้นภายในเกม อย่าง น้อยนายก็ควรจะเป็นผู้ใช้พลังเลเวลห้าสิ? ฉันสาบานได้ นายเป็นผู้มีทักษะโดยกําเนิดใช่หรือเปล่า?”
ในทางกลับกัน ควินน์ก็มองไปที่นาฬิกาของโลแกนและเห็นเลข 8 โชว์หราอยู่ นั่นคือเลเวลสูง สุดที่นาฬิกาของกองทัพสามารถโชว์ได้ในตอนนั้นเอง เพียงแค่ควินน์ได้เห็นตัวเลขดังกล่าว ก็ทําให้เขาเกิดความกลัวภายในจิตใจและมันทําให้เขาตัวแข็งทื่อ
“ฉันควรจะวิ่งหนีรึเปล่า? ถ้าฉันทําแบบนั้น เขาจะเล่นงานฉันที่นี่ ในตอนนี้เลยใช่ไหม? แค่เลเวลสี่ในเกมมันก็หนักหนาสาหัสแล้ว ฉันไม่มีทางที่จะสู้กับเลเวล 8 ได้หรอกและเขาก็อาจจะมีพลัง มากกว่าที่เห็นด้วยซ้ํา” ควินน์คิดในใจ
แม้ว่านาฬิกาจะแสดงถึงระดับพลังเลเวล 8 แต่ก็มีบางคนที่มีระดับพลังที่แข็งแกร่งมากกว่านั้น ระบบของนาฬิกาขึ้นอยู่กับทักษะที่ทางกองทัพสามารถระบุได้ หมายความว่าระดับพลังสูงสุดที่พวกเขากําหนดให้คือเลเวล 8
แม้แต่คนที่อยู่ในระดับเดียวกับผู้ใช้ทักษะโดยกําเนิดเอง ก็มีพลังบางอย่างที่เหนือกว่า ดังนั้น ตั้งแต่แรกเริ่ม หากเซลล์กลายพันธุ์ของผู้ใช้พลังมีจํานวนมากเกิน มันก็จะแสดงหมายเลข 8 บนนาฬิกา
“นายคงไม่คิดจะวิ่งหนีหรอกใช่ไหม? เพราะฉันยังมีคําถามที่ยังถามนายไม่หมด ฉันอยากรู้จ ริงๆ ว่านายแฮ็กเกมของฉันได้ยังไง!” โลแกนตะโกนเสียงแข็ง แล้วเขาก็เริ่มโวยวาย “ฉันคงจะ เข้าใจได้ง่ายกว่านี้ ถ้านายทําการเจาะระบบ แต่นี่มัน…พอเป็นแบบนี้ ฉันไม่เข้าใจเลยสักนิด” โลแกนค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ควินน์มากขึ้น พร้อมกับเดินไปเดินมาด้วยความกระวนกระวายใจ
“ทําไมฉันถึงดึงดูดแต่คนแปลกๆเข้ามากันนะ” ควินน์คิดในใจ
“ถ้านายไม่อยากจะตอบฉันที่นี่ นายมามาที่ห้องพักของฉันก็ได้ ฉันมีเวลาเหลือเฟือและจะไม่มีใครเห็นเราด้วย” ตอนนั้นเองที่โลแกนจับมือของควินน์เพื่อลากเขาไป แต่แล้วก็มีบางอย่างประ หลาดๆเกิดขึ้น
[ ตรวจพบทักษะพิเศษ ]
[ กําลังพยายามแทรกแซงระบบดังกล่าว]
[การแทรกแซงถูกบล็อคไว้]
ทว่าสิ่งที่แปลกที่สุด คือควินน์ไม่ใช่คนเดียวที่เห็นข้อความนี้ โลแกนก็เช่นกัน
เขาปล่อยมือด้วยความตื่นตะหนกและลูบมือของตัวเองราวกับมีอะไรขีดข่วน
“นาย…นายเป็น…”
อย่างที่คิดไว้ ควินน์ต้องลงมือทําอะไรสักอย่างก่อนที่ความลับจะถูกเปิดเผย เรย์ร่า และวอร์เด็นอาจจะเข้าใจ แต่ไม่มีทางที่คนแปลกหน้าจะรู้สึกแบบนั้น เขาจะต้องต่อสู้จนตัวตาย เพื่อรักษาตัวตนของเขาให้เป็นความลับใช่ไหม? หรือเขาจะใช้ทักษะเสื้อคลุมเงาซ่อนตัวและวิ่งหนีไปดี?
บางทีเขาอาจจะวิ่งเข้าไปในประตูมิติสักบานและใช้ชีวิตอยู่บนดาวเคราะห์ดวงนั้นเอาเสียเลย
“นายเป็นหุ่นยนต์งั้นเหรอ!?” โลแกนเอ่ยถามออกมาเสียงดัง
“หะ?” ควินน์ตอบด้วยความสงสัย
“นาย นายมีระบบงั้นเหรอ ทักษะของฉันมันยืนยันว่าใช่ เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันถูกคอมพิวเตอร์ปฏิเสธ นายจะต้องเป็นหุ่นยนต์ที่ฉลาดและมีความสามารถต่างๆมากกว่าฉัน ริชารด์ อีโน่สร้า งนายขึ้นมาใช่ไหม? นอกจากนั้น มันก็อธิบายเกี่ยวกับเรื่องในเกมได้ด้วย ไม่ว่าจะระบบของฉันและเลเวลหนึ่งบนนาฬิกานั่น หุ่นยนต์ไม่สามารถมีแต้ม MC ได้และรูปแบบการต่อสู้ ทั้งหมดก็ถูกติดตั้งไว้ในสมองเทียมของนายสินะ!”
เมื่อมองไปที่หนุ่มน้อยโลแกน ตอนนี้เขาคล้ายกับเด็กที่มีท่าทีตื่นเต้นมากๆ ดูเหมือนจะไม่ได้ถูกเขาคุกคามแล้ว แต่สิ่งที่ทําให้ควินน์ตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจ โลแกนรู้ว่าเขามีระบบ อะไรบางอย่างและอีกฝ่ายก็ได้พิสูจน์มันด้วยตัวเองแล้ว
มันจะดีกว่าไหม ถ้าหากพูดทุกอย่างด้วยความจริงกับเขาหรือคิดว่าจะโกหกต่อไปด้วยเรื่องไหนดี
ควินน์คิดแล้วคิดอีก แต่ก็เขาก็คิดอะไรไม่ออกว่าจะอธิบายยังไง ทําไมเขาถึงใช้ทักษะบางอย่างในเกมได้ โดยไม่ต้องเปิดเผยสิ่งที่มีทั้งหมด
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ
“ฉันไม่ใช่หุ่นยนต์ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง วันหนึ่งฉันก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับระบบพิเศษนี้ บางทีมันอาจจะเป็นของขวัญจากพระเจ้าก็ได้ใครจะรู้ สกิลที่นายเห็นมันเป็นบางสิ่งที่ฉันสามารถทําได้” ควินน์ตอบ
“มันเป็นทักษะที่คล้ายกันกับฉันงั้นเหรอ? สงสัยจังว่าใครมันทําแบบนี้กับนาย บางทีพวกเขาอาจจะเปลี่ยนนายเป็นแอนดรอยด์ก็ได้ เทคโนโลยีแอนดรอยด์นั้นก้าวหน้ามาไกลแล้ว แต่การนํา ระบบ AI เข้ามาในสมองมนุษย์ยังถูกสั่งห้ามอยู่ เพราะพวกเขากลัวว่าจะมีผู้ใช้พลังพิเศษสักคนทํา การยึดมั่นและเข้ามาควบคุมพวกเขาได้ทั้งหมด เพื่อใช้มันต่อต้านกับกองทัพทหาร แต่นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นแอนดรอยด์ที่ทรงพลังแบบนายจริงๆ”
ควินน์มองโลแกนที่ตอนนี้ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจ้องเขา จากนั้นความคิดบางอย่างก็แล่นเข้ามาในหัว เขากําลังมองหาคนที่จะช่วยเขาเรื่องนาฬิกาข้อมืออยู่พอดี ซึ่งเห็นได้ชัดว่าโลแกนมีความรู้เกี่ยวกับเครื่องจักรกล รวมไปถึงอะไรสักอย่าง เช่นการเปลี่ยนหมายเลขที่แสดงบนนาฬิกาข้อมือ ก็ฟังดูอาจจะเป็นเรื่องง่ายสําหรับเขา
“นายช่วยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับได้ไหม?” ควินน์เอ่ย “บางที่เราสองคนอาจจะทํางานร่วมกันได้ ฉันจะตามหาให้เจอว่าใครกันที่ทําแบบนี้กับฉัน และฉันก็มีบางอย่างที่อยากให้ช่วย”
โลแกนหลงใหลกับทักษะนี้จริงๆ เขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนและความอยากรู้อยากเห็นก็ทําให้เขาบ้าคลั่งไปแล้ว บางทีอาจจะเป็นผู้ใช้ทักษะโดยกําเนิดก็ได้ ที่ถ่ายทอดความสามารถ พิเศษนี้ให้กับเขา เช่น ระบบคอมพิวเตอร์แทนที่จะเป็นการฝึกสอนบุคคล
แต่แล้วทําไมนาฬิกาถึงไม่แสดงระดับของเขา นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทําไมโลแกนถึงคิดว่าควินน์เป็นแอนดรอยด์ เขาไม่มีแต้ม MC และยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ํา
“แน่นอน มันทําให้ฉันมีโอกาสศึกษาในตัวนายด้วย” โลแกนยืนมือออกมา “ฉันชื่อโลแกน”
“ควินน์” เขาตอบ หลังจากนั้นทั้งสองก็จับมือกัน
[ ตรวจพบทักษะพิเศษ ]
[ กําลังพยายามแทรกแซงระบบดังกล่าว ]
[การแทรกแซงถูกบล็อคไว้ ]
โลแกนชักมือของเขากลับ แทบจะทันที
“มันรู้สึกไม่ดีเลยแฮะ บางทีเราควรจะหลีกเลี่ยงการแตะเนื้อต้องตัวกันในตอนนี้
“ฉันเห็นด้วย” ควินน์หัวเราะแห้งๆ
ระบบแบบนี้มันคืออะไรกันแน่? และใครกันที่เป็นคนสร้างมัน? ที่ควินน์คิดเอาไว้ก็คือคนเดียวที่คิดออก นั่นคือชายในวิดีโอคนนั้น ดูเหมือนว่าควินน์จะจําที่ชายผมบลอนด์ในวิดีโอพูดไว้ได้ เขาบอกว่าการทดลองของเขาประสบความสําเร็จ ซึ่งอาจจะชี้ให้เห็นว่าแวมไพร์ตนอื่นๆ ไม่มีระบบเหมือนกับเขาใช่หรือไม่?
แล้วทําไมชายผมบลอนด์ถึงต้องทําแบบนั้นด้วย ทําไมพ่อกับแม่ของเขาถึงมีตําราเล่มนั้นตั้งแต่แรก?