My Vampire System ตอนที่ 116 จากสี่ตระกูลใหญ่
การเดินทางไปยังเรดโซน ใช้เวลานานกว่ากรีนโซนบนแผนที่ มันอยู่ห่างจากศูนย์อยู่ พักพิงพอพอสมควร แต่บริเวณนั้นมีอาณาเขตขนาดใหญ่ จึงต้องใช้เวลาเดินทางไปสองชั่วโมง และ กลับอีกสองชั่วโมง
เมื่อหยุดพัก นั่นหมายความว่าพวกเขามีเวลาเหลือเพียงหกชั่วโมงในการล่าคริสตัล แม้ที่ผ่านมา พวกเขาสามารถใช้ทักษะได้ไม่จํากัดก็จริง แต่ในที่สุดร่างกายจะใช้เซลล์ MC ที่มีอยู่จนหมดเกลี้ยง และพวกเขาต้องใช้เวลาพักใหญ่เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวกลับมา
ในตอนเช้าที่ออกเดินทางมา ดูเหมือนว่ากลุ่มของควินน์จะไม่ใช่กลุ่มแรกที่มุ่งหน้าไปยังเรดโซน ยังมีกลุ่มอื่น ๆ อีกสี่กลุ่มมุ่งหน้าไปที่นั่นด้วยเช่นกัน
“พวกนั้นคือคู่แข่งของเรา” เอรินพูดพร้อมกับมองไปยังกลุ่มหนึ่งที่อยู่ด้านหน้า
“ทีมไหน?” เรย์ร่าถาม
“เธอเห็นผู้ชายที่มีผมสีแดงนั่นไหม นั่นเป็นลักษณะเฉพาะของผู้มีทักษะโดยกําเนิดใน ตระกูลเรดชิลด์ ทุกคนที่เรียนรู้เวทมนตร์ของตระกูลนั้น จะได้รับพลังแห่งไฟ”
“เธอหมายความว่า เขามาจากหนึ่งในสี่ของตระกูลใหญ่งั้นเหรอ? ฉันไม่รู้เลย ว่ามีใครในโรงเรียนเรามีความสามารถแบบนั้น” เรย์ร่าตอบ
“แม้ว่าในตระกูล เขาจะไม่ได้พิเศษอะไรมากมาย แต่เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของสี่ทีมลําดับต้นๆ บนสกอร์บอร์ดของเมื่อวาน นั่นก็พิสูจน์ถึงความสามารถของเขาได้อย่างเพียงพอแล้ว”
“ทักษะไฟงั้นเหรอ?” วอร์เด็นมองไปยังนักเรียนผมแดงคนนั้น ก่อนพยายามคิดหาวิธี
ทว่า คนที่ควินน์สนใจไม่ใช่ผู้ใช้พลังไฟ แต่กลับเป็นโลแกนที่อยู่นอกเหนือกลุ่มที่กําลังมุ่งหน้าไปยังเรดโซน
ในตอนนั้น เพื่อนร่วมทีมของโลแกนกําลังเดินเท้าอยู่ท่ามกลางทะเลทราย แต่ตัวของโลแกนกลับนั่งอยู่บนอุปกรณ์ที่แปลกประหลาด
ดูเหมือนจะเป็นเก้าอี้เดินได้ จักรกลส่วนตัวที่เขาสร้างมันขึ้นมาเองกับมือ ขาของมันเคลื่อนที่ไปข้างหน้าราวกับสุนัข ในขณะที่ด้านบนเป็นเพียงที่นั่งธรรมดา ซึ่งบนเก้าอี้นั้น เขากําลังนั่งหลับอ
“ฉันสงสัยจริงๆว่าทักษะพิเศษของเขาคืออะไรกันแน่?” ควินน์คิด มันจะต้องเป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก ๆ ถึงได้อันดับที่สอง แม้ว่าพวกเขาสองคนจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันตลอด ควินน์ก็ยังคิดไม่ออก
และด้วยเหตุผลบางอย่าง ควินน์รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องหยาบคายที่จะเอ่ยถามออกไปตรงๆ คนเลเวลสูงส่วนมาก มักจะเก็บพลังพิเศษของตัวเองไว้เป็นความลับ ถ้าคนสองคนต่อสู้กัน โดยที่ใครสักคนรู้ถึงทักษะของอีกฝ่ายก่อน นั่นถือว่าเป็นข้อได้เปรียบ
ในขณะที่กลุ่มอื่นๆยังคงมุ่งหน้ากันต่อไป แต่กลุ่มของเอรินกลับตัดสินใจ เปลี่ยนเส้นทางและไปทางซ้ายเล็กน้อย
“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าเราเสียเวลาทั้งสองคนนี้ไว้ที่นี่!” เอรินเอ่ยอย่างหงุดหงิด
“เธอไม่จําเป็นต้องมาดูแลพวกเราหรอก” ควินน์ตอบ “ถ้าเธออยากจะเป็นที่หนึ่งมากกว่าจะปกป้องคนอ่อนแออย่างพวกฉัน ก็รีบไปซะสิ”
หลังจากจบคําพูดของควินน์ เอรินก็ทําแบบนั้นจริงๆ และเธอก็ตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังเขตแดนของเรดโซน
“แน่ใจนะ ว่าไม่เป็นไร?” วอร์เด็นถาม
“ไม่ต้องห่วงน่า ถ้ามีปัญหาอะไรเข้ามา ฉันมีวิธีต่อสู้กับพวกมัน” ควินน์ตอบ “นายเห็นสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ข้างหน้านั่นไหม ดูเหมือนมันจะเป็นบ่อน้ําร้าง เราจะรอนายอยู่ตรงนั้น เพราะงั้นกลับมารับเราด้วยล่ะ”
ก่อนออกเดินทาง ปีเตอร์ยื่นยาเม็ดเสริมอาหารจํานวนหนึ่ง และน้ําเปล่าประมาณสองสามสองขวดออกจากกระเป๋าเป้ใบใหญ่ ส่งให้กับเรย์ร่าเพื่อให้เธอนําใส่กระเป๋าใบเล็กของเธอ มันเพียงพอสําหรับพวกเขาในการเดินทางออกไปล่าสัตว์อสูร ซึ่งถ้าหากพวกเขาต้องการเสบียงมากกว่านั้น ใครสักคนในทีมก็ย้อนกลับมาหาพวกเขาได้ตลอดเวลา
“หัวหน้า ดูเหมือนว่าทีมนั้นจะแบ่งกันออกเป็นสองทีมนะ บางที คนที่เก่งกว่าอาจจะกําลังมุ่งหน้าไปยังเรดโซนก็ได้ เราควรจะตามใครดี?” ชายคนหนึ่งพูดกับเบน
“เราจะใช้แผนเดิม” เบนเอ่ย “ทีมเราไปแข่งกับระดับทีมบิกๆทั้งหมดในโรงเรียนไม่ได้หรอก และเราก็ไม่ได้ตั้งใจมาเรดโซนตั้งแต่แรกอยู่แล้วด้วย ฉันได้ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขามาเมื่อวาน ปรากฏว่าทีมนั้นมีคนที่มีทักษะเลเวลห้าอยู่สองคนและที่รออยู่ตรงนั้นก็เลเวลสองคนเดียว แกเชื่อฉันได้เลย”
“จริงเหรอเนี่ย!? นึกว่าพวกเขาเลเวลเดียวกันทั้งทีมซะอีก”
“งั้นตอนนี้มันก็สมเหตุสมผลแล้ว ว่าทําไมพวกเขาถึงแยกทีมกันไป เจ้าพวกนั้นคงจะขัดแข้งขัดขากันเอง ถ้าเราเอาคริสตัลที่เมื่อวานพวกมันหามาได้ละก็ เราจะไต่จากท้ายแถวขึ้นไปอยู่บนกระดานผู้นํา ซึ่งเราน่าจะจบการทดสอบนี้ได้ด้วยตําแหน่งที่เหมาะสม
กลับมายังเรดโซน ในที่สุด วอร์เด็นและคนอื่นๆก็มาถึงที่หมาย ส่วนใหญ่ แต่ละกลุ่มก็จะกระจายกันออกไป เพื่อไม่ให้ขัดขวางการล่าสัตว์อสูรของกันและกัน
เรดโซนนั้นเต็มไปด้วยกิ้งก่าบิน แต่บริเวณนี้ แตกต่างอยู่นิดหน่อยเมื่อเทียบกับบริเวณทะเลทรายอื่น ๆ ที่พวกเขาเคยผ่านมา ที่นี่มีโขดหินขนาดใหญ่อยู่หลายก้อนที่มีรูขนาดกว้างๆอยู่ภายใน
ในรูนั้น เป็นรังที่กิ้งก่าจํานวนมากอาศัยอยู่ แต่ก็มีหลายตัวพักผ่อนอยู่บนโขดหินเช่นกัน มันมีขนาดตัวค่อนข้างใหญ่ ซึ่งใหญ่กว่าหนอนที่เจอก่อนหน้านี้ประมาณสองเท่า
ก่อนที่จะลงมือสังหารสัตว์อสูรตัวใดตัวหนึ่ง ทั้งทีมจะต้องอยู่นิ่งๆและเฝ้ารออย่างอดทนเพื่อให้อีกทีมทําการโจมตีก่อน ต้องมีคนหนึ่งๆ เดินเข้าไปหากิ้งก่าและทําการโจมตีออกไป เพื่อดึงดูดความสนใจจากมันสักตัว?
จากนั้น คน ๆ เดิมจะต้องล่อกิ้งก่าตัวนั้นให้ไปอยู่รวมกับกลุ่มของมัน และพวกเขาทั้งทีมบุกโจมตีพวกมันทั้งหมดพร้อมๆกัน พวกเขาจําเป็นต้องระมัดระวังเพื่อไม่ให้ดึงดูดความสนใจจากกิ่งก่าหมดทั้งฝูง ในตอนที่ต่อสู้กับเหล่ากิ้งก่าบิน ดูเหมือนว่ามันจะเป็นศัตรูที่จัดการได้ยากกว่า เมื่อเทียบกับเหล่าหนอนเขี้ยว
กิ้งก่าบิน จะพยายามป้องกันการโจมตีของอาวุธอสูรทั้งหมดและทักษะพิเศษบางอย่างด้วยปีกที่ติดอยู่กับแขนของมัน ในที่สุด เหล่านักเรียนก็จัดการกับมันและเอาชนะมันได้อยู่ดี
ทว่า ในขณะที่ที่มอื่นๆกําลังพยายามต่อสู้กับมันอยู่ ที่มๆหนึ่งกลับพบว่ามันเป็นเรื่องง่ายแสนง่าย นั่นคือทีมของผู้ใช้พลังธาตุไฟ เขาชื่อว่า เบิร์ก
เปลวเพลิงของเบิร์ก ทรงพลังยิ่งกว่าปีกของสัตว์อสูรตัวนี้ ไม่สําคัญเลยว่ามันจะทําอะไร ร่างของมันจะถูกเผาด้วยเพลิงที่ลุกโชน ไม่ช้าก็เร็วมันก็ตาย
เมื่อเห็นแบบนั้น วอร์เด็นก็เผยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเขา “เอาล่ะ ขอแค่มีผู้ใช้พลังธาตุไฟในทีมของเราก็พอสินะ”
แจ้งจากผู้แปล : ขอโทษที่ห่างหายไปนานนะคะ เนื่องด้วยสถานการณ์โควิดในตอนนี้ ทําให้การปรับเปลี่ยนชีวิตในการทํางานของเราเปลี่ยนไปมากพอสมควร จึงหยุดแปลไปค่ะ นักอ่านท่านใดที่ยังติดตามเรื่องนี้อยู่ ขอให้ทุกคนรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ