ในที่สุดคาบเรียนของวันก็ได้จบลง เนื่องจากเป็นวันแรกของการเรียนการสอน ส่วนใหญ่จึงเป็นเพียงการแนะนำเรื่องที่พวกเขาต้องศึกษาในช่วงเวลาที่อยู่ภายในโรงเรียน
ปีเตอร์และควินน์พยายามอย่างเต็มที่เพื่อหลีกเลี่ยงนักเรียนคนอื่นๆในวันนี้ ดูเหมือนหลังจากผ่านมาทั้งวัน พวกเขาจะไม่เจอปัญหาใดๆเพิ่มอีก
เมื่อเรียนเสร็จก็ถึงเวลาสำหรับอาหารเย็น ควินน์ยังคงปวดท้องและรู้สึกหิว ดังนั้นเขาจึงตั้งหน้าตั้งตารอมื้อเย็นมากกว่าปกติ คราวนี้ ควินน์และปีเตอร์ ทั้งคู่นั่งด้วยกันในพื้นที่ของผู้มีพลังเลเวลต่ำ จากนั้นปีเตอร์ก็เริ่มมองไปรอบๆห้องอาหาร ราวกับพยายามมองหาใครบางคน
“ฉันไม่เห็นวอร์เด็นเลย นายคิดว่าเขาจะโอเคไหม?”ปีเตอร์ถามขึ้น
ควินน์จึงมองหาไปทั่วห้อง และเขาก็ไม่สามารถเห็นวอร์เด็นในโรงอาหารได้เช่นกัน
“ฉันไม่ห่วงเรื่องนั้นมากนักหรอก เชื่อฉันสิ ถึงฉันจะพูดแบบนี้ แต่เขาก็ปลอดภัยมากกว่าเราในโรงเรียนแน่ๆ”
ทั้งสองคนทานอาหารต่อไปและเมื่อทานมื้อเย็นเสร็จก็ตัดสินใจมุ่งหน้ากลับมายังหอพัก น่าแปลกใจมาก วอร์เด็นอยู่ในห้องพักของพวกเขาและกำลังนอนอยู่บนเตียงของตัวเองอีกด้วย
จากนั้นทั้งสองก็ปิดประตูด้านหลังของพวกเขา วอร์เด็นจึงเงยหน้าขึ้นมาทันทีพร้อมรอยยิ้มให้กับปีเตอร์และควินน์
“เฮ้ ฉันรอพวกนายสองคนมาซักพักแล้ว” วอร์เด็นพูดขณะลุกขึ้นจากเตียง “ฉันอยากจะขอโทษเรื่องก่อนหน้านี้ ฉันไม่ได้โกรธพวกนายหรอก เพียงแต่สถานการณ์ทั้งหมดมันพาไปน่ะ”
เมื่อวอร์เด็นลุกขึ้นจากเตียง ควินน์สังเกตเห็นร่องรอยเล็กๆบนใบหน้าด้านข้างของวอร์เด็น มันเป็นสีแดงๆและบวมเล็กน้อย
“เกิดอะไรขึ้นกับหน้าของนาย?”ปีเตอร์ถามขึ้น
“โอ้ นี่เหรอ?” วอร์เด็นพูดขณะที่สัมผัสรอยนั้น “ฉันไปมีเรื่องคนเดียวมานิดหน่อย แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ฉันไม่ได้แพ้ นายไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับฉันเลย เพราะฉันเก่งมาก”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงโครกครากดังขึ้นในห้อง ปีเตอร์และวอร์เด็นมองไปที่ควินน์ทันทีขณะที่ใบหน้าของเขากลายเป็นสีแดงสด
“โทษที ฉันคิดว่าฉันยังหิวอยู่หลังจากมื้อเย็น” ควินน์พูดแล้วหัวเราะแบบเกร็งๆ
“ทำไมนายไม่หยิบอะไรมาเลยจากร้านสะดวกซื้อล่ะ อยู่ไม่ไกลหรอกนะ” วอร์เด็นพูด
ควินน์มองที่นาฬิกาของตัวเองแล้วนึกขึ้นได้ ถึงแม้ว่าเขาจะไปที่ร้านสะดวกซื้อและหยิบอะไรมาซักอย่าง เขาก็ไม่สามารถซื้ออะไรได้เลยตั้งแต่ในครั้งนั้นที่เขาเสียเครดิตไป แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรซักอย่าง วอร์เด็นก็เดินเข้ามาและเคาะนาฬิกาของเขาให้กับควินน์
“การโอน 10 เครดิตเสร็จสิ้น” การแจ้งเตือนดังขึ้น
“อย่าแม้แต่จะพูดอะไรซักอย่างเชียว แล้วก็ไปหยิบอะไรมาซะ”วอร์เด็นพูดพร้อมรอยยิ้ม
“..ขอบใจนะ”
หลังจากนั้นควินน์ก็ทิ้งวอร์เด็นและปีเตอร์ออกมาคนเดียว ขณะที่ควินน์วิ่งไปที่ร้านสะดวกซื้อ ซึ่งร้านสะดวกซื้อก็อยู่ไม่ไกลเลยจากโรงเรียนเตรียมทหาร ถ้าคุณเดินออกไป คงใช้เวลาเพียง 20 นาทีเท่านั้น
ที่ทางเข้าของโรงเรียน จะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนยืนอยู่ทางเข้าตลอดเวลา มีเพียงนักเรียน อาจารย์และทหารบางคนเท่านั้นที่ได้รับอนุญาติในพื้นที่ภายในโรงเรียน ดังนั้นถ้าคุณจะออกไป นักเรียนจะต้องแสดงนาฬิกาข้อมือของเขาให้กับเจ้าหน้าที่และทำซ้ำเช่นเดียวกันเมื่อกลับเข้ามา
เมื่อผ่านประตู ควินน์ตัดสินใจที่จะทดสอบ 10 ‘พลังงาน'(stamina) ของเขาว่ามันมากแค่ไหน เขาจึงเริ่มวิ่งเหยาะๆไปที่ร้านสะดวกซื้อ หลังจากวิ่งไปประมาณ 5 นาที เขาก็รับรู้ขึ้นมาได้ ว่าเขาไม่ได้หอบหายใจติดขัดหรืออะไรซักอย่างที่ปกติเขามักจะเป็น
เขาตัดสินใจที่จะวิ่งเร็วขึ้น จนในที่สุดก็ถึงร้านสะดวกซื้อภายใน 7 นาที
“ฉันคิดว่า ฉันวิ่งได้ 1 กิโลเมตรภายใน 5 นาทีแล้วฉันจะไม่เหนื่อยหอบ”ควินน์คิด
ค่าสถานะที่มอบให้กับเขานั้น เป็นร่างกายของนักกีฬา ไม่ใช่ร่างกายที่อ่อนแอเหมือนกับที่เขาเคยเป็นมาก่อน แต่ในเวลาเดียวกันมันก็ไม่ใช่ร่างกายเหนือธรรมชาติที่เกินขีดจำกัดของมนุษย์
เรื่องอื่นที่เขาสังเกตได้ขณะที่วิ่งในตอนกลางคืน เขาสามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง ได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งแม้ว่าจะไม่มีไฟบนถนนเลย ราวกับแสงของพระจันทร์ได้ทำให้ทุกอย่างสว่างขึ้นเอง เป็นรูปแบบการมองเห็นในตอนกลางคืนที่น่าประหลาดใจอย่างมาก
[ ความหิวของคุณเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ]
“รู้แล้ว ฉันไม่ต้องการให้ระบบบอกฉันอีกเมื่อฉันหิว”
จากนั้นควินน์ได้เข้ามาที่ร้านสะดวกซื้อ เขาเดินไปหยิบขนมขบเคี้ยวทั้งหมดที่เขาโปรดปราน ซึ่งก็คือไอศกรีมและมันฝรั่งทอดยามดึก จากนั้นจู่ๆ เขาก็เห็นไรย์ลี่และเพื่อนของเขาอยู่ในร้านสะดวกซื้อเช่นกัน และกำลังเดินอยู่ช่องทางอื่น
ควินน์ก้มลงเงียบๆและรอให้พวกเขาซื้อของให้เสร็จ ก่อนที่เขาจะทำอะไรซักอย่างต่อ
“โชคดีอะไรแบบนี้ ฉันคิดว่าจะต้องตามติดแก แต่ดูเหมือนแกจะมาหาฉันซะเอง”
ในขณะที่ควินน์ซ่อนตัวอยู่ เขาก็ได้สังเกตว่าเขาอยู่ตรงกลางแผนกขายหน้ากาก ซึ่งมีหนึ่งหน้ากากที่น่าสนใจมากสำหรับเขา มันเป็นหน้ากากสีดำทั้งหมดที่ปกปิดครึ่งบนของใบหน้าและเผยให้เห็นปาก ทั่วทั้งหน้ากากถูกสาดกระเซ็นไปด้วยเลือด
“ดูค่อนข้างหน้ากลัว”
เมื่อไรย์ลี่และคนอื่นๆออกจากร้านค้า ควินน์ตัดสินใจคว้าหน้ากากอันนั้นและของว่างวางไว้ที่เคาน์เตอร์
เรย์ร่าก็อยู่ในร้านสะดวกซื้อด้วยเช่นกัน และสังเกตเห็นหน้ากากที่ควินน์ซื้อมา
“อะไรน่ะ? ยังไม่ถึงฮาโลวีนนี่นา แล้วทำไมเขาถึงซื้อหน้ากากแบบนั้น?”เธอคิดในใจ
เรย์ร่าตัดสินใจตามควินน์ต่อไป ในขณะที่ควินน์ก็กำลังยุ่งอยู่กับการตามติดไรย์ลี่และเพื่อนของเขา
“เฮ้ พวกเราจะไปเล่นบาสที่สวนสาธารณะ นายจะไปด้วยกันไหม?” เด็กผู้ชายคนหนึ่งถามขึ้น
“ไม่ล่ะ นายก็รู้ว่าทักษะของฉันไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับเกม” ไรย์ลี่ตอบ “ฉันคิดว่า..ฉันควรกลับไปรออยู่ประตูโรงเรียน เพื่อดูว่ามีไองั่งคนไหนอีก ที่ฉันจะรีดเครดิตมาได้”
เด็กผู้ชายอีกสองคนมองหน้ากัน พวกเขารู้ว่าสิ่งที่พวกเขาทำนั้นมันผิด แค่เพียงเพราะพวกเขา ไม่ได้อยากถูกทำร้ายโดยคนที่มีพลังเลเวลสูงกว่า ซึ่งดูเหมือนว่าไรย์ลี่ก็เริ่มรู้สึกพึงพอใจขึ้นมากับการรังแกคนที่อ่อนแอกว่าตัวเอง
ไรย์ลี่เริ่มเดินหน้ากลับไปที่โรงเรียน ในที่สุดเขาก็ถึงสวนสาธารณะเล็กๆระหว่างทางกลับ แล้วบริเวณนี้เป็นสถานที่ที่ไม่มีใครอยู่และมีแสงไฟเพียงน้อยนิดเท่านั้น รวมไปถึงมีต้นไม้จำนวนมากสำหรับให้ควินน์ได้ทำการซ่อนตัว
“ได้เวลาออกโรงแล้ว” ควินน์พูดขณะที่เขาสวมหน้ากากบนใบหน้า