ในเช้าวันต่อมา ควินน์มั่นใจว่าเก็บของไว้ในกระเป๋าจนครบแล้ว เขาใส่หลอดทดลองที่บรรจุเลือดของเรย์ร่าหนึ่งหลอด หลอดทดลองเปล่าอีกสี่หลอด และหน้ากากที่เขาซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อ
เขาไม่มีวันรู้ล่วงหน้าว่าเมื่อไหร่เขาต้องใช้สิ่งของพวกนี้ ดังนั้นเขาควรจะเตรียมพร้อมให้ดี ดีกว่าไม่เตรียมตัวอะไรเลย จากนั้นเด็กชายทั้งสามคนได้มุ่งหน้าไปทานอาหารเช้ากันเป็นกลุ่มตามปกติ ซึ่งคนอื่นๆก็มักจะมองมาที่ควินน์ วอร์เด็นและปีเตอร์
วอร์เด็นตัดสินใจแยกตัวออกมาจากควินน์และปีเตอร์ก่อนที่จะไปนั่งโต๊ะกับพวกเลเวลระดับสูง แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ดูเหมือนจะไม่มีใครนั่งลงข้างๆวอร์เด็น เห็นได้ชัดว่าด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง วอร์เด็นได้ตกเป็นเป้าหมายของนักเรียนชั้นปีที่สอง แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำตัวสนิทสนมกับควินน์และปีเตอร์แล้ว
“ฉันอยากให้นายช่วยหน่อย” ควินน์พูด “จับตาดูวอร์เด็นตอนเรียนในววิชาต่อสู้กับนายเอาไว้นะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นบอกให้ฉันรู้ด้วย”
“แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ ฉันก็ไม่แข็งแกร่งพอที่จะช่วยได้หรอกนะ นายเองก็ทำอะไรไม่ได้ด้วยเหมือนกัน” ปีเตอร์ตอบ
ปีเตอร์พูดถูก ควินน์ในตอนนี้แทบจะจัดการนักเรียนปีแรกเลเวล 2 ไม่ได้ กับนักเรียนชั้นปีที่สองนี่ไม่ต้องพูดถึง แต่ในเวลาเดียวกัน ควินน์เกลียดความจริงที่ว่าพวกนั้นพุ่งเป้าไปที่วอร์เด็นคนเดียว เพียงเพราะมาคลุกคลีกับพวกเขา
บางทีถ้าควินน์ไปหาคนที่อ่อนแอกว่าในกลุ่มและพุ่งเป้าไปในตอนกลางคืนเพื่อถาม กลุ่มคนเหล่านี้มักจะมีคนๆหนึ่งที่คอยถือของต่างๆให้พวกเขาหรือคอยไปซื้ออาหารสักอย่างให้
“ฉันไม่ได้ให้นายเข้าไปยุ่งหรอกนะ และฉันก็ไม่คิดว่าวอร์เด็นจะคาดหวังให้ช่วยเขาเช่นกัน แต่นายต้องบอกให้ฉันรู้ว่านายเห็นอะไร”
ปีเตอร์จึงหันไปมองรอบๆห้องอย่างรวดเร็ว เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครได้ยินเสียงพวกเขาทั้งสองก่อนที่จะพยักหน้า
ในที่สุด เมื่อทานอาหารเสร็จก็ถึงเวลาสำหรับคาบเรียนวิชาต่อสู้ หลังจากลงทะเบียนประเภทของวิชาที่คุณต้องการผ่านนาฬิกาข้อมือ มันจะแสดงห้องเรียนที่คุณต้องไปฝึกซ้อมในวันนั้น
ควินน์เลือกห้องเรียนอาวุธอสูรหลังจากที่คิดแล้วคิดอีก ควินน์เป็นที่รู้จักในฐานะผู้ใช้งานที่ไม่มีทักษะและความสามารถ ดังนั้นนี่จึงเป็นตัวเลือกเดียวสำหรับเขา ไม่เช่นนั้นแล้ว เขาจะต้องอยู่ด้านหลังของห้องเรียนอื่นโดยที่ไม่มีอะไรให้ทำ
คาบเรียนอาวุธได้รับความนิยมในหมู่ผู้มีทักษะที่มีความสามารถเสริม เช่น ผู้ที่สามารถมองอนาคตได้เล็กน้อยหรือคนที่ความสามารถด้านพลังจิตควบคุมสิ่งของต่างๆ อย่างเรย์ร่าที่เข้าร่วมคาบเรียนเหล่านี้ แต่ควินน์ต้องการอาวุธและสไตล์การต่อสู้ที่เหมาะสมกับตัวเองเท่านั้น
คลังอาวุธอยู่ห่างจากอาคารเรียนหลักและเป็นอาคารที่แยกออกไป มันเป็นอาคารห้องเดี่ยวขนาดใหญ่ที่ให้ความรู้สึกเหมือนพระราชวังในเอเชีย ซึ่งในการเข้าไปในอาคาร พวกนักเรียนจำเป็นต้องสแกนนาฬิกาข้อมือที่เครื่องสแกนและประตูบานใหญ่ทั้งสองบานจะเลื่อนเปิด
แม้ว่าภายนอกอาคารจะให้ความรู้สึกแบบตะวันออก แต่ด้านในนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง มันเป็นห้องขนาดใหญ่ที่มีเพดานสูงมากกว่ายี่สิบเมตร ทั้งห้องไม่มีการตกแต่งใดๆนอกเหนือจากอาวุธจำนวนมากกองเป็นภูเขา บ้างก็แขวนอยู่บนกำแพง
ที่ยืนอยู่ด้านในของห้องโถงเป็นชายศีรษะล้านสวมเกาะหนัง และมีดาบคาตานะอยู่ข้างตัว แต่ด้ามดาบคาตานะเป็นรอยหยักและขรุขระซึ่งด้านหลังของคมดาบก็เช่นกัน ดูเหมือนว่ามันถูกสรรค์สร้างมาจากสัตว์ที่ไม่ได้อยู่บนโลกนี้
ชายคนนั้นยังคงนิ่งเงียบและหลับตาอยู่ ควินน์เดาว่าเขาคงเป็นอาจารย์ที่อายุมากที่สุดในที่นี้
ทั้งห้องเริ่มเต็มไปด้วยนักเรียนคนอื่นๆและตอนนั้นเองเรย์ร่าก็เข้ามาแล้วสังเกตเห็นควินน์ เธอเดินเข้ามาหาเขาทันทีและเริ่มพูดคุย ซึ่งต่างจากตอนที่วอร์เด็นพูดคุยกับควินน์ นักเรียนคนอื่นๆไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย เพราะเรย์ร่าก็ถือว่าเป็นคนอ่อนแอเช่นกัน
“คาบเรียนนี้ได้รับความนิยมกว่าที่ฉันคิด” เรย์ร่าพูด
ทั้งห้องเต็มไปด้วยนักเรียนประมาณสามสิบคน วิชาอื่นๆคงจะสักประมาณห้าสิบ แต่ก็ยังมากกว่าที่พวกเขาคาดเอาไว้
“ใช่ ฉันกำลังสงสัยว่าฉันควรจะเลือกอาวุธอะไรดี” ควินน์พูดแล้วจ้องมองไปที่ผนัง
“ก็นะ ฉันมีของฉันอยู่แล้ว” เรย์ร่าเอ่ยแล้วชี้ไปที่ธนูบนหลังของเธอ
นักเรียนส่วนมากในห้องนี้มีอาวุธของตัวเองอยู่แล้ว ควินน์และอีกสองเป็นกลุ่มเดียวที่ไม่มีอะไรเลย ทันใดนั้นขณะที่ควินน์กำลังจ้องมองไปที่ผนัง นักเรียนคนอื่นๆก็เริ่มสงเสียงเอะอะโวยวายเมื่อใครบางคนเข้ามาในห้องโถง
“เธอมาทำอะไรที่นี่เนี่ย?”
“เธอไม่ใช่ผู้ใช้ทักษะพื้นฐานงั้นเหรอ ทำไมเธอถึงมาที่นี่กัน?”
“ใครสนกันล่ะ เราอาจจะละเว้นเธอไว้ถ้าเราเอาชนะเธอได้ เราก็จะขอเธอเดท”
ขณะที่ควินน์หันไปดูว่าผู้หญิงที่ทุกคนกำลังพูดถึงคือใคร กลับกลายเป็นว่าเขาเคยพบเธอมาก่อน ผู้หญิงคนนั้นคือ เอริน เฮลีย์ ที่ใช้ทักษะธาตุน้ำแข็ง
“ฉันสงสัยว่าทำไมเธอถึงตัดสินใจมาเข้าในคาบนี้ แทนที่จะเป็นคาบเรียนทักษะพื้นฐาน?” เรย์ร่าถาม
ทันใดนั้น ชายศีรษะล้านก็ลืมตาขึ้นและตะโกนเสียงดังใส่พวกเขา
“แถวตรง!”
ทุกคนตัวแข็งทื่อและหันมองไปที่ชายชรา
“ฉันชื่อลีโอ วันนี้ฉันจะเป็นครูฝึกของพวกเธอ” ลีโอดึงดาบคาตานะออกมาจากฝักแล้วและชี้มันไปเบื้องหน้าของเขา “สิ่งแรกที่พวกเธอต้องทำคือเลือกอาวุธของตัวเอง แล้วต้องไตร่ตรองให้ดี อาวุธของเธอก็คือทั้งหมดของช่วงเวลาชีวิตเมื่อทักษะของพวกเธอใช้งานไม่ได้ สิ่งเดียวที่เธอจะพึ่งพาได้ก็คือสกิลการใช้งานอาวุธต่างๆนี้ เอาล่ะตอนนี้ ไปเลือกมาหนึ่งชิ้นซะ”
ควินน์มองไปที่กำแพงและเห็นทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ขวาน มีดสั้น พลองตะปู แส้ เคียว โดยมีให้เลือกมากมายสำหรับควินน์ซึ่งยากลำบากจริงๆ
ควินน์มองเรย์ร่าและคันธนูของเธอ มันเข้ากันได้ดีมากกับความสามารถด้านพลังจิตนั่น ถ้าควินน์ต้องเลือกอาวุธระยะไกล เขาจะไม่สามารถทำได้ดีเท่ากับเรย์ร่า เขาต้องการบางสิ่งที่เหมาะกับทักษะของเขาในตอนนี้
จากนั้นควินน์ก็เดินไปสุ่มดาบเล่มหนึ่งบนกำแพง และใช้ทักษะตรวจสอบของเขา
[ ดาบ Korge ]
[ อาวุธสัตว์อสูรระดับทั่วไป ]
[ ความแข็งแกร่ง +3]
[ ความเร็ว -2 ]
[ ดาบนี้เข้ากันไม่ได้กับสกิล โลหินฟาดฟัน ]
ควินน์มองดูดาบที่มีขนาดใหญ่และหนักอึ้ง ควินน์จำเป็นต้องว่องไวดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเสียแต้มความเร็ว ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือสกิลในการตรวจสอบที่เขามี มันยังบอกได้อีกว่าสกิลโลหิตฟาดฟันของเขาเข้ากันกับอะไรไม่ได้บ้าง
บางทีมันอาจจะไม่ยากเลยถ้าเขาหยิบอาวุธขึ้นมา ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณสกิลตรวจสอบของควินน์