ทันทีที่ควินน์รู้ว่าสกิลตรวจสอบจะบอกค่าสถานะต่างๆของอาวุธ เขาก็เริ่มมองไปรอบๆเพื่อหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ควินน์ตัดอะไรที่หนักเกินทิ้งไป แม้ว่าค่าสถานะแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นมานั้นค่อนข้างดี แต่ที่ควินน์ต้องการคือความเร็วและความว่องไวในตอนกลางคืน
อาวุธทั้งหมดที่ควินน์ได้ตรวจสอบไปแล้วอยู่ในระดับทั่วๆไป นอกนั้นคืออาวุธระดับต่ำ อาวุธพวกนี้ถูกแบ่งออกเป็น 8 ระดับที่แต่งต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่ามันทำมาจากสัตว์อสูรตัวไหนเป็นหลัก แน่นอน ว่าเป็นสัตว์อสูรทั่วไปที่ถูกค้นพบแล้วบนดาวเคราะห์
มั่นใจได้ว่ายังมีดาวเคราะห์ดวงอื่นที่มีสัตว์อสูรและทักษะต่างๆอีกมากมายที่พวกเขายังไม่ค้นพบ ในโลกมนุษย์ทุกวันนี้ มีอาวุธอยู่สองประเภทที่เป็นที่รู้จัก ซึ่งโลกเรียกแทนสิ่งเหล่านั้นว่าอาวุธปีศาจ
หลังจากที่ค้นหาทั่วห้องมาสักพัก ควินน์ก็พบอาวุธที่โดดเด่นมากกว่าอาวุธอื่นๆ
[ Black Horned gauntlets (ถุงมือเขาอสูร) ]
[ อาวุธระดับสัตว์อสูรระดับทั่วไป ]
[ ความแข็งแกร่ง +3 ]
[ ความเร็ว 0 ]
[ พลังงาน 0 ]
[ พลังป้องกัน +2 ]
[ อาวุธนี้เข้ากันได้ดีกับสกิล ‘โลหิตฟาดฟัน’ เมื่อใช้สกิลร่วมกับถุงมือจะเพิ่มพลังโจมตีขึ้นอีก 5% ]
ถุงมือนี้ลักษณะเป็นสีดำและมีเขาอสูรประดับเล็กน้อยที่บริเวณปลายแขน ปลายนิ้วแต่ละนิ้วนั้นแหลมคม ราวกับทำมาจากกรงเล็บของมังกรบางตัว
มีสองเหตุผลว่าทำไมอาวุธนี้ถึงน่าสนใจสำหรับควินน์ สิ่งแรก มันเป็นอาวุธชิ้นเดียวที่มีค่าสถานะ ‘ป้องกัน'(Defensive) ไม่ใช่แค่ค่าสถานะความแข็งแกร่ง แต่เหตุผลข้อสองที่น่าสนใจยิ่งกว่า นั่นคือความจริงที่อาวุธชิ้นนี้สามารถเพิ่มพลังโจมตีให้กับสกิลโลหิตฟาดฟันได้
5% ฟังดูเหมือนไม่เยอะอะไร แต่ในอนาคตถ้าควินน์มีพลังมากขึ้นไป ห้าเปอร์เซ็นต์นี้จะสร้างความแตกต่างอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีประโยชน์อื่นด้วย เช่นถุงมือนี้จะทำหน้าที่เป็นเกราะสำหรับมือของเขา และยังทำให้เขาถืออาวุธได้อีกตามที่ต้องการ
“ช่างเป็นการเลือกที่แปลกมาก ไอ้หนู” ลีโอพูด
ควินน์หันไปมองข้างๆเพื่อมองหาใครที่พูดกับเขา จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นอาจารย์ศีรษะล้าน
“มันมักไม่ใช่ตัวเลือกแรกๆของใครหลายๆคน ด้วยอาวุธเช่นนี้ เธอต้องไม่กลัวและกล้าเผชิญหน้ากับศัตรู แต่นั่นก็เป็นเหตุผล ที่มันมีความทนทานกว่าอาวุธส่วนมาก และยังสามารถใช้ในการป้องกันได้”
ควินน์มีประสบการณ์การต่อสู้มากกว่าเด็กส่วนใหญ่ เขาเคยชินกับการใช้หมัดของตัวเอง ด้วยสกิลโลหิตฟาดฟันของเขา เขาก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้ศัตรูเสมอไป
“ให้ผมลองได้ไหมครับ?” ควินน์ถาม
“เอาเลย” ลีโอตอบขณะเดินไปตรวจเช็คนักเรียนคนอื่นๆที่กำลังเลือกอาวุธ
[ ถุงมือเขาอสูรถูกติดตั้งแล้ว ]
[ ความแข็งแกร่ง 12 (3) ]
[ ความเร็ว 12 ]
[ พลังงาน 11 ]
[ ป้องกัน (2)]
จากนั้นเมื่อควินน์ตรวจเช็คค่าสถานะบนหน้าจอ ก็มีตัวเลขขนาดเล็กถัดจากค่าสถานะของเขา ซึ่งแสดงถึงระดับของอุปกรณ์ที่สวมใส่ โดยควินน์ในตอนนี้มีค่าความแข็งแกร่ง 15 แต้ม เขารู้สึกถึงความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าเมื่อเทียบกับก่อนหน้าที่เขาจะค้นพบระบบ และพร้อมแล้วที่จะทดสอบความแข็งแรงที่เพิ่งได้ค้นพบนี้
เมื่อทุกคนเลือกอาวุธของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ลีโอก็เรียกทั้งหมดมารวมตัวกันตรงกลาง
“ในเวลานี้ฉันจะไม่อ้างว่าตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอาวุธทุกชนิด” ลีโอกล่าว “พวกเธอบางคนอาจใช้อาวุธนั้นได้ดีกว่าฉัน แต่สิ่งที่ฉันเป็น คือผู้ชำนาญในการต่อสู้ด้วยอาวุธเพียงคนเดียว การต่อสู้นั้นก็ถือว่าเป็นเกม พวกเธอต้องพยายามคาดเดาท่าทางของคู่ต่อสู้ และต้องวัดทักษะและความสามารถของอีกฝ่ายให้ได้ สำหรับบทเรียนแรก ฉันต้องการเห็นสิ่งที่พวกเธอมี เราจะจับคู่ฝึกซ้อมสองคนภายในเวลาจำกัด พวกเราทุกคนจะดูการประลองนี้และแสดงความคิดเห็นในสิ่งที่ปรับปรุงได้ เอาล่ะ มีใครจะอาสาบ้างไหม?”
ทันใดนั้น เอรินเป็นคนแรกที่ยกมือขึ้น โดยไม่ต้องรอให้ลีโอพูดอะไรต่อเธอก็เดินขึ้นไปยืนอยู่กลางลานประลองแล้ว เธอถือดาบยาวสีเงินอันเปล่งประกาย มันไม่ใช่หนึ่งในอาวุธที่ควินน์เห็นบนผนัง ดังนั้นเขาจึงเดาได้เพียงอย่างเดียวว่าเธอเป็นเจ้าของมันอยู่แล้ว
ในตอนแรก นักเรียนหลายคนลังเลที่จะเผชิญหน้ากับเอริน เพราะชื่อเสียงของเธอในการเป็นพวกที่มีเลเวลระดับสูง ได้ยินไปถึงหูใครต่อใคร
“โอ้ ลืมไปเลยว่าเพิ่มอะไร ทักษะพิเศษทั้งหมดในวันนี้จะถูกห้ามไม่ให้ใช้ระหว่างการฝึกซ้อม” ลีโอกล่าวต่อ “มันเป็นเรื่องสำคัญที่พวกเธอจะต้องเรียนรู้การใช้อาวุธก่อน แล้วเธอจะสามารถดึงศักยภาพที่แท้จริงของอาวุธออกมาได้อย่างเต็มที่”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น นักเรียนหลายคนยกมือขึ้นราวกับจรวด พวกเขาทั้งหมดต้องการโอกาสที่จะเอาชนะราชินีน้ำแข็งผู้โด่งดัง ซึ่งตอนนี้เธอไม่สามารถใช้ทักษะต่างๆได้ นี่เป็นโอกาสของพวกเขาแล้ว
ในที่สุด ชายร่างใหญ่โตที่ใช้ขวานสองมือก็ได้รับคัดเลือกท่ามกลางคนอื่นๆ เขามีขนาดตัวประมาณสองเท่าของเอรินในด้านของกล้ามเนื้อ
“ฉันคิดว่าเธอเข้ามาร่วมวิชานี้มันไม่ถูกต้อง ทักษะธาตุน้ำแข็งของเธอจะไร้ประโยชน์ที่นี่” ชายคนนั้นกล่าว
เอรินไม่ตอบอะไรและตั้งท่าของเธอไว้ เพื่อรอคู่ต่อสู้ของเธอก้าวออกมาข้างหน้า
ชายคนนั้นเงื้อขวานเหนือศีรษะแล้วพุ่งเข้าใส่ เมื่อเขาเหวี่ยงมันลง เอรินก็หมุนตัวไปด้านข้างเพื่อหลบแรงปะทะ ในจังหวะเดียวกันเธอก็ฟันไปที่ขาของชายเบื้องหน้าจนเขาชะงัก
จากนั้นเธอก็จ่อคมดาบไปที่คอของชายร่างยักษ์ ซึ่งห่างดาบนั้นห่างเพียงไม่กี่นิ้ว
“ฉันยอมแพ้” ชายคนนั้นกล่าว
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างฉับพลันและทั้งห้องก็เงียบงันไปในทันที พวกเขาทุกคนรู้ว่าเอรินแข็งแกร่ง แต่คาดไม่ถึงว่าเธอจะเชี่ยวชาญสกิลการใช้ดาบด้วย ผู้ใช้งานทักษะพิเศษส่วนใหญ่ หากพวกเขามีทักษะเหมือนกับเอริน ก็มักจะพึ่งพาพลังพวกนั้นโดยที่ไม่เรียนรู้การใช้อาวุธ แต่มันชัดเจนแล้วสำหรับทุกคนว่าเธอฝึกฝนมัน
หลังจากการต่อสู้จบลง ก็ดูเหมือนจะมีชายสองคนปรากฏตัวออกมาจากอากาศโดยสวมเครื่องแบบทหารสีดำ จากนั้นพวกเขาก็จับแขนทั้งสองข้างของนักเรียนที่บาดเจ็บแล้วพาไปพบเเพทย์เพื่อรักษาต่อไป
ทั้งกลุ่มยังคงเฝ้าดูการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการต่อสู้ที่เหลือใช้เวลานานกว่าคู่ของเอรินมาก เนื่องจากนักเรียนส่วนใหญ่มีความสามารถเท่าๆกันในการใช้อาวุธต่างๆ แม้ในขณะนั้นจะเป็นผู้ใช้งานเลเวล 4 ที่กำลังต่อสู้อยู่กับเลเวล 2 เมื่อพวกเขาไม่สามารถใช้ทักษะพิเศษอะไรได้ ทั้งหมดมันก็ลงเอยที่ศักยภาพของร่างกายแทน
การต่อสู้ครั้งต่อมาที่ดึงดูดความสนใจของลีโอ คือการต่อสู้ของเรย์ร่า แม้ว่าเรย์ร่าจะไม่สามารถใช้พลังจิตควบคุมของเธอได้ ด้วยธนูของเธอ เธอสามารถยิงไปข้างหน้าและคาดเดาได้ว่าคู่ต่อสู้ของเธอจะขยับไปทางไหน
ซึ่งฝ่ายตรงข้ามติดกับของเธอหลายต่อหลายครั้งและเธอก็ขอให้เขายอมแพ้ไป แต่คู่ต่อสู้ของเธอคือผู้ใช้งานเลเวล 3 และเขามีศักดิ์ศรีเหลือล้น เขาไม่อยากยอมรับความพ่ายแพ้จากผู้ใช้งานเลเวล 2 แม้ว่าเขาจะไม่ได้ใช้ทักษะพิเศษที่เขามีก็ตาม
แล้วเขาก็ตัดสินใจพุ่งออกไปข้างหน้าโดยไม่ระมัดระวัง แต่ลูกธนูสามดอกที่ปักขาของเด็กผู้ชายคนนั้นทำให้เขาหยุดชะงักแล้วขยับไม่ได้ ก่อนที่ลีโอจะตัดสินการประลองในครั้งนี้
“คู่ต่อไป ควินน์ ทาเลนท์ และ แบรนดอน ริชาร์ดสัน ขึ้นไปบนลานประลอง”
ตอนนี้เป็นตาของควินน์แล้ว
เพราะคลังอาวุธนี้อยู่ในอาคาร ควินน์จึงสามารถใช้ค่าสถานะได้อย่างเต็มที่ และฝ่ายตรงข้ามของเขาก็ไม่สามารถใช้ทักษะพิเศษใดๆได้เช่นกัน ในที่สุด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาอยู่ในสถานการณ์ที่ตัวเองไม่ได้อ่อนแอกว่าคู่ต่อสู้