ขณะที่ควินน์เดินขึ้นไปบนเวทีประลอง เขาก็สังเกตเห็นว่าแบรนดอน คู่ต่อสู้ของเขา เป็นผู้ใช้พลังเลเวล 3 หากนี่เป็นการต่อสู้อยู่โลกภายนอก และทั้งคู่สามารถใช้ทักษะพิเศษต่างๆได้เหมือนกัน ควินน์รู้สึกว่าเขาไม่มีโอกาสชนะเลย
แต่ที่นี่คือเวทีประลอง สถานที่ๆไม่ได้รับอนุญาติให้ใช้ทักษะพิเศษใดๆ ควินน์มีทั้งร่างกายที่แข็งแกร่งกว่า ความเร็วก็มีมากกว่า ในนิยายที่อ่านมา ความแข็งแกร่งของพวกแวมไพร์นั้นเหนือชั้นกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ ก่อนที่ทักษะพิเศษเหล่านี้จะถือกำเนิดขึ้นมาเสียอีก ถ้าพวกเขาต้องการ พวกเขาก็สามารถจะปกครองโลกได้
แบรนดอนถือหอกขนาดใหญ่อยู่ในมือซึ่งเข้ากันได้ดี มีปลายหอกอันแหลมคม ลักษณะโค้งดุจเคียวจนสุดปลาย
[ ศัตรูคือเลเวล 3 ]
[ จะได้รับโบนัสเป็น Exp ]
ดูเหมือนว่าวันของควินน์มันจะดีขึ้นไปเรื่อยๆ
“เริ่มได้!” ลีโอตะโกนขึ้น
แบรนดอนรีบพุ่งเข้าใส่ด้วยหอก ในขณะที่ควินน์ยืนอยู่กับที่และตั้งท่าต่อสู้ด้วยการ์ดทั้งสองข้างตรงหน้าตัวเอง เมื่อแบรนดอนอยู่ในระยะการโจมตี เขาก็แทงหอกออกไปข้างหน้าทันที มันดูรวดเร็วและน่าประทับใจมากต่อคนอื่นๆที่กำลังดูอยู่รอบๆ
แต่สำหรับความเร็วของควินน์ที่มีอยู่ถึง 12 แต้ม แค่หลบให้ทันมันเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับเขา ควินน์หลบหลีกการโจมตีจากหอกและก้มลง จากนั้นเมื่อแบรนดอนทำการดึงหอกกลับ ควินนก็พุ่งตรงไปจับหอกนั้นด้วยมือของเขา
“อะไรกันเนี่ย!” แบรนดอนกล่าวขณะที่เขาพยายามดึงหอกกลับมาที่ตัว “ปล่อยสิวะ!”
ขณะที่จับหอกด้วยมืออยู่หนึ่งข้าง ควินน์ก็เงื้อมืออีกข้างและเหวี่ยงหมัดที่มีลักษณะเหมือนกรงเล็บนั้นให้แรงที่สุดไปที่ตัวหอก และเพียงชั่วครู่ หอกยาวก็แตกออกจากกันเป็นสองส่วน
“อะไรกัน อาวุธของฉัน นี่มันไม่สมบูรณ์!” แบรนดอนแสดงความไม่พอใจ แต่ลีโอไม่ได้ทำอะไรหรือก้าวออกมา
ควินน์รีบวิ่งออกไปข้างหน้าก่อนที่แบรนดอนจะทำอะไรสักอย่าง ควินน์อัดเข้าไปที่ท้องของเขาสุดแรงที่มี จนเท้าของแบรนดอนลอยขึ้นจากพื้นและดูเหมือนร่างกายของเขากำลังจะกระเด็นออกไป
“ตรวจสอบ”
[ Name (ชื่อ) : แบรนดอน ริชาร์ดสัน ]
[ Ability (ทักษะและความสามารถ) : ทักษะธาตุพื้นฐาน]
[ HP : 5/15 ]
[ Blood type (กรุ๊ปเลือด) : O+ ]
ควินน์รู้ดีว่าถ้าหากแบรนดอนกระเด็นออกไปจากลานประลองก็จะถือว่าเขาเป็นผู้ชนะ แต่ระบบนั้นไม่ยินยอมให้เขาเอาชนะในรูปแบบเช่นนี้ เขาต้องเอาชนะคู่ต่อสู้ให้เหลืออย่างน้อย 1 HP ดังนั้นก่อนที่แบรนดอนจะกระเด็นออกไป ควินน์ก็จับตัวเขาแล้วดึงลงมา ในจังหวะนั้นเขาก็แทงเข่าใส่ใบหน้าของแบรนดอน จนทำให้จมูกของแบรนดอนเลือดไหลอาบ และใบหน้าของอีกฝ่ายสะบัดขึ้นไป
ในที่สุด แบรนดอนก็ล้มลงไปนอนกองกับพื้น
“ผู้ชนะ ควินน์ ทาเลนท์” ลีโอกล่าว
[ ศัตรูพ่ายแพ้ คุณจะได้รับรางวัล 50 Exp ]
[ โบนัสสำหรับเลเวลอัพ 50 Exp ]
[ 220/200 Exp ]
[ ขอแสดงความยินดีตอนนี้คุณคือเลเวล 3 ]
[ 20/400 Exp ]
[ คะแนนอัพคุณสมบัติ 1 แต้ม]
[ ปลดล็อคสกิลใหม่ Blood Bank (กักเก็บโลหิต) ]
หลังจากเอาชนะแบรนดอนแล้ว ควินน์ก็ได้รับข้อความมากมายรวมไปถึงเลเวลอัพ โดยรางวัลโบนัสที่เอาชนะผู้ใช้งานเลเวล 3 นั้นมากกว่าผู้ใช้งานเลเวล 2 อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องน่าเสียดายที่เขาได้รับโบนัสเพียงครั้งเดียว
ด้วยข้อความทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีสกิลใหม่ที่ถูกปลดล็อค แม้ว่าตอนนี้ควินน์จะไม่มีเวลาได้มองมัน เนื่องจากเขาต้องลงจากเวทีแล้วค่อยเปิดระบบดูทีหลัง ก่อนที่เดินลงมา ควินน์หันไปมองแบรนดอนที่กำลังนอนนิ่งอยู่ เลือดที่ไหลหยดออกจากจมูกของอีกฝ่าย ทำให้เขาคิดเพียงอย่างเดียว
“น่าเสียดาย”
เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ควินน์ไม่สามารถเก็บหรือดื่มเลือดของแบรนดอนได้ หลังจากที่ทุกคนกำลังจ้องมองอยู่ แต่ถ้าเขาทำได้ เขาก็จะได้รู้ว่าเลือดกรุ๊ปโอมันเป็นยังไง
ทหารสองคนปรากฏตัวออกมาอีกครั้งในอากาศ และพาแบรนดอนไปที่สถานพยาบาล แต่ก่อนที่ควินน์จะเดินออกมาจากเวทีประลอง เด็กผู้ชายสองคนก็ได้ตะโกนขึ้นท่ามกลางนักเรียนทั้งหมด
“นั่นมันไม่ยุติธรรม” เด็กผู้ชายพูด “เห็นได้ชัดเลยว่าแบรนดอนใช้อาวุธที่ไม่สมบูรณ์”
“ใช่ อะไรที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นล่ะ เจ้าบ้านั่นตัดสินใจโจมตีเขาต่อ ทั้งๆที่อาวุธของเขาพังไปแล้ว มันสมควรจะถูกทำโทษ”
ทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทของแบรนดอน หนึ่งคนนั้นคือผู้ใช้งานเลเวล 2.5 ชื่อว่า เฟย ส่วนอีกคนคือผู้ใช้งานเลเวล 3 ชื่อว่า ลูป
ลีโอก้าวขึ้นไปบนเวทีประลองแล้วหยิบหอกที่หักจากพื้นขึ้นมา ก่อนเริ่มตรวจสอบมัน
“ฉันรับประกันให้พวกเธอได้ว่า อาวุธทั้งหมดในห้องโถงนี้ ไม่มีชิ้นไหนไม่สมบูรณ์ แต่ละชิ้นจะได้รับการดูแลเช่นเดียวกันเรื่อยมา”
“แล้วคุณจะอธิบายอาวุธที่มันพังแบบนั้นยังไง” เฟยพยายามอธิบาย ”เว้นเสียแต่ว่า เจ้านั่นมันจะโกงเพราะใช้ทักษะพิเศษ”
ทันทีที่กระแสของสถานการณ์ถูกสร้างขึ้น เหล่านักเรียนก็เริ่มพึมพำกันเอง พวกเขาได้เห็นเลเวลของควินน์แล้ว แต่ไม่ค่อยมีใครรู้เกี่ยวกับควินน์ว่าเขาไม่มีทักษะพิเศษอะไร บางทีเขาอาจจะมีทักษะที่เพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองก็ได้ พวกเขาคิดแบบนั้น
“ใจเย็นไว้พวกเธอทุกคน ฉันรับประกันได้ว่าไม่มีการใช้ทักษะพิเศษใดๆ”
“แล้วคุณแน่ใจได้ยังไง?” เฟยแย้ง
จากนั้นคนที่ไม่คาดคิดก็ขัดจังหวะการสนทนาขึ้น
“นายโง่รึไง หยุดพูดจาดูถูกอาจารย์สักที” เอรินพูดต่อ “นายไม่รู้งั้นเหรอว่าเขาเป็นใคร บางทีถ้าฉันบอกชื่อเขาในสงคราม นายอาจจะรู้ก็ได้นะ ผู้ชายคนนี้คือนายพลลีโอ หรือที่รู้จักกันในฉายา นักดาบตาบอด”
การพูดคุยกันระหว่างนักเรียนส่งเสียงดังขึ้น นักดาบตาบอด ชื่อนี้เป็นที่รู้จักอย่างดีท่ามกลางเหล่าประชาชนทั่วไป เขาช่วยได้มากมายในการต่อสู้กับเผ่าพันธุ์ดัลกิ
“เขาตาบอดเหรอ?” ลูปพูดอย่างไม่แน่ใจว่านั่นคือเรื่องจริงหรือหลอก “ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถบอกได้ ว่าเจ้านั่นมันใช้ทักษะหรือเปล่า”
ทันใดนั้น ลีโอก็ขว้างหอกที่หักไปในทิศทางของลูป ซึ่งหอกนั่นพลาดเป้าจากลูปและปะทะเข้ากับกำแพงข้างหลัง
จากนั้นลูปเริ่มรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แก้ม ขณะที่ยกมือขึ้นแตะแก้ม เขาก็ได้สังเกตว่ามีรอยแผลจากหอกที่พึ่งถูกขว้างไป
“ฉันมองเห็น และได้ยินเป็นอย่างดี มากกว่าพวกเธอส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ ทักษะของฉันทำให้ฉันเห็นออร่าของผู้คนและเมื่อผู้คนเริ่มใช้ทักษะของพวกเขา ออร่าเหล่านั้นก็จะเปลี่ยนแปลงไป โดยขึ้นอยู่กับทักษะที่พวกเขาได้ใช้ และฉันกำลังบอกเธออยู่ ว่าควินน์ไม่ได้ใช้ทักษะอะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว”
ด้วยเหตุนั้น นักเรียนทั้งหมดก็เริ่มอยู่ในความสงบ มันเป็นวันแรกที่น่าจดจำสำหรับนักเรียนทุกคนในวิชาอาวุธ ด้วยเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นมากมาย ทว่าในที่สุดคาบเรียนก็จบลง และถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะต้องมุ่งหน้ากลับหอพัก
อย่างไรก็ตาม ลีโอไม่สามารถหยุดคิด ถึงนักเรียนที่รู้จักกันในชื่อว่า ควินน์ เขาทำการตรวจสอบที่หอกนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ อย่างไรเสีย สิ่งที่ลีโอยังปิดเป็นความลับอยู่ คือตั้งแต่แรก เมื่อควินน์ก้าวเข้ามายังห้องโถง เขาก็ได้สังเกตว่าออร่าของควินน์แตกต่างจากคนอื่นเล็กน้อย
มันไม่เหมือนกับคนที่ใช้ทักษะพิเศษเลย แต่มันทำให้เขานึกถึงออร่าของสัตว์อสูรหรือดัลกิ อะไรสักอย่างที่ไม่ใช่มนุษย์
“ขอไฟล์ข้อมูลของควินน์ ทาเลนท์ให้กับฉัน”
“พบไฟล์” นาฬิกาของลีโอตอบ
“ทักษะที่มี?”
“ไม่มีทักษะพิเศษ พลังเลเวล 1 ” นาฬิกาตอบอีกครั้ง
“หืม… เธอซ่อนอะไรไว้กันแน่นะควินน์?”