เมื่อควินน์อาสาตัวเองเป็นรายต่อไป โมโม่อดคิดไม่ได้ว่าเขากำลังวางแผนการอะไรบางอย่างอยู่ เขารู้ว่าทั้งสองคนนั้นเป็นเพื่อนกัน แล้วทำไมควินน์ถึงต้องอาสามาทำเรื่องแบบนี้ด้วย?
วิธีการสาธิตที่เกิดขึ้นนั้น เป็นการแสดงให้นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งเห็น ว่าพวกเขาจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของพวกนักเรียนชั้นปีที่สอง
ในทุกๆปีสิ่งนี้เป็นเหมือนประเพณีในโรงเรียน เหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นกับชั้นปีที่สองแล้วในตอนที่พวกเขาเข้ามาเป็นเด็กใหม่ มันเป็นการประกาศว่ารุ่นพี่มีพลังอำนาจมากแค่ไหน แล้วพวกชั้นปีที่หนึ่งก็จะไม่กล้าอวดดี
ทั้งหมดก็เพื่อแสดงให้เด็กใหม่รู้ว่ามีบางสิ่งที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า และด้วยวิธีนี้ก็จะทำให้พวกเขาต้องการพลังมากขึ้น
นี่คือความพยายามอย่างหนักในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งไม่เคยคิดเลยว่ามันจะเลยเถิดมาไกลถึงขนาดนี้ ในตอนแรก พวกเขาจึงตักเตือนวอร์เด็นอย่างตรงไปตรงมา
แต่แล้ววอร์เด็นกลับเป็นคนแรกที่เริ่มโจมตีนักเรียนชั้นปีที่สอง ในตอนนั้นโมโม่และคนอื่นๆตัดสินใจประกาศจุดยืนให้เขาได้รู้ พวกเขาสั่งสอนวอร์เด็นเพื่อให้ตัวเขานั้นคิดได้ แต่วอร์เด็นก็ยังคงไม่เชื่อฟังคำสั่งและเล่นงานนักเรียนชั้นปีที่สองที่อ่อนแอกว่าไปทีละคนๆ
นั่นทำให้พวกรุ่นพี่ตัดสินใจเด็ดขาดที่จะลงโทษวอร์เด็นต่อหน้าสาธารณะ ด้วยวิธีนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาของคนที่จะก่อปัญหาแบบนี้อีกได้ในอนาคต และแสดงให้พวกชั้นปีที่หนึ่งตะหนักถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง
ควินน์มองไปรอบๆห้องขณะที่นักเรียนชั้นปีที่สองอยู่ในหอประชุม มีพวกเขาจำนวน 8 คนยืนอยู่มุมของหอประชุมทั้งสี่ด้าน ในแต่ละด้านจะล้อมรอบนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งอยู่ประมาณ 50 คน นอกนั้น ก็มีรุ่นพี่อีกสองคนที่ยืนอยู่กับ วอร์เด็น หนึ่งในนั้นยืนอยู่ข้างๆกระดานเขียน นักเรียนชั้นปีที่สองพวกนี้คงจะอ่อนแอที่สุดในกลุ่ม
พวกเขาแต่ละคนมีเลเวล 2 ปรากฏขึ้นบนนาฬิกา แม้ว่าจะเป็นนักเรียนชั้นปีที่สอง พวกเขาก็เป็นเพียงผู้ติดตาม ซึ่งหมายความว่าพวกเขาอ่อนแอกว่าโมโม่ อาจจะมีโอกาสที่พวกเขาจะได้เรียนรู้ถึงวิธีการใช้อาวุธวิญญาณอยู่บ้าง แต่มันไม่น่าจะเป็นไปได้
คนพวกนั้นเพิ่งจะกลายเป็นนักเรียนชั้นปีที่สอง จึงไม่มีโอกาสมากนักที่พวกเขาจะเรียนรู้อะไรเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่แท้จริงคือโมโม่และคนที่อยู่ข้างๆเขา โมโม่ยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับพลังเลเวล 6 ที่โชว์อยู่บนนาฬิกาข้อมือ และอีกสองคนที่อยู่ข้างเขาก็คือผู้ใช้พลังเลเวล 4
ไม่มีทางเป็นไปได้ว่าจะมีนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งคนไหนออกมาช่วยควินน์ แม้แต่คนที่มีความแข็งแกร่งที่สุดในชั้นปีเดียวกัน ที่มีพลังมากถึงเลเวลห้าอย่างเอรินก็ตาม ไม่ใช่เรื่องน่าแปลก ถึงแม้นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งจะมีจำนวนมากกว่า แต่พวกเขานั้นก็ยังหวาดกลัว
ขณะที่ควินน์ถือลูกบอลเอาไว้ในมือ ข้อความก็ปรากฏขึ้น
[ อาวุธสัตว์อสูรระดับทั่วไป : บอลผลึกอสูร ]
[ คุณต้องการเปิดใช้งานทักษะร่วมกับอาวุธหรือไม่? ]
[ ความแข็งแกร่งของอาวุธเพิ่มขึ้น 5% ]
ค่าเปอร์เซ็นต์ที่ปรากฏอยู่ เป็นตัวเลขเดียวกันกับตอนที่ควินน์สวมถุงมืออสูร บางทีควินน์คงไม่จำเป็นต้องรู้วิธีการใช้งานอาวุธชิ้นนี้อย่างที่โมโม่กล่าว ดูเหมือนระบบจะทำทุกอย่างให้เขาเสร็จสรรพ
[ เปิดใช้งานทักษะร่วมกับอาวุธแล้ว ]
บอลโลหะสีดำเริ่มเปล่งแสง มันส่องสว่างมากกว่าบอลลูกอื่นๆ ที่พวกนักเรียนชั้นปีหนึ่งในหอประชุมนั้นถือไปก่อนหน้า
‘เป็นไปได้ยังไง มันสามารถกระตุ้นการใช้งานอาวุธระดับกลางได้อย่างเต็มที่งั้นเหรอ?’ โมโม่คิดในใจ ‘นั่นหมายความว่ามันมีความเเข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 5% ถ้ามันมีอาวุธที่มีระดับสูงขึ้นไป ฉันสงสัยจริงๆว่ามันจะทำแบบนี้ได้เหมือนกันรึเปล่า มันไม่ใช่แค่ไอ้เลเวลหนึ่งไร้ที่ประโยชน์ใช่ไหม?’
จากนั้นควินน์ก็เดินไปอยู่ข้างหน้าวอร์เด็นที่ถูกมัดติดกับแผ่นไม้ ในตอนนี้ ระยะห่างระหว่างทั้งสองคนคือห้าเมตรพอดี
“ทำไมเราถึงมีพลังพวกนี้” ควินน์กล่าวออกมาเสียงดังลั่น “ไม่ใช่เพื่อปกป้องตัวเอง และต่อสู้กับคนที่ทำร้ายเพื่อนและครอบครัวของเรางั้นเหรอ”
วอร์เด็นได้ยินคำพูดของควินน์ จึงเริ่มเงยหน้าขึ้น เขามีความรู้สึกว่าเขารู้ว่าควินน์วางแผนจะทำอะไร
“ควินน์? ไม่นะ นายไม่รู้หรอกว่านายกำลังจะทำอะไรลงไป” วอร์เด็นพึมพำ ซึ่งควินน์ไม่มีทางได้ยิน
“ฉันถูกทำร้ายมาทั้งชีวิตและตอนนั้นฉันก็อ่อนแอ แต่ตอนนี้ฉันสนใจมันไปทำไมกันล่ะ ถ้าฉันจะถูกทำร้ายอีกครั้ง”
ควินน์ขว้างบอลอสูรออกไปโดยใช้พละกำลังทั้งหมดอย่างสุดความสามารถ ด้วยค่าความแข็งแกร่ง 16 และพลังที่เพิ่มมากขึ้นถึง 5% ลูกบอลถูกส่งออกจากปลายนิ้วมือของเขารวดเร็วราวกับสายฟ้า
แทนที่ลูกบอลนั้นจะปะทะเข้ากับร่างกายของวอร์เด็นดั่งที่ทุกคนคาดไว้ แต่แล้ว มันกลับพุ่งตรงเข้าใส่หน้าท้องของนักเรียนที่ยืนอยู่ข้างๆกระดานเขียน
พลังนั้นรุนแรงมาก จนกระทั่งนักเรียนคนนั้นลอยกระเด็นออกไป พร้อมกับสลบในทันทีจากการกระแทกเพียงครั้งเดียว
[ ได้รับ 50 Exp ]
[ 175/400 Exp ]
“ยืนทำบ้าอะไรของพวกแก จัดการมันสิวะ!” โมโม่ตะโกน
ควินน์รู้ดีว่าเขาทำอะไรกับศัตรูที่เป็นพวกนักเรียนชั้นปีที่สองได้ไม่มากนัก ดังนั้น เขาจึงต้องการสร้างความเสียหายให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ นักเรียนชั้นปีที่สองเลเวลสี่ ที่ยืนอยู่ข้างโมโม่กำลังพุ่งตรงเข้ามาหาเขา แต่แทนที่ควินน์จะวิ่งเข้าใส่คนพวกนั้น ควินน์รีบหันหลังกลับอย่างฉับพลัน ก่อนวิ่งเข้าไปกลุ่มนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งข้างหลังของเขา
ควินน์ก้มลงหยิบบอลอสูรอีกสองลูกจากพื้น และเริ่มมุ่งหน้าค้นหานักเรียนชั้นปีที่สองที่อ่อนแออยู่รอบข้างของหอประชุม ขณะที่หลบหลีกอยู่ท่ามกลางนักเรียนชั้นปีที่หนึ่ง เขาก็พบเป้าหมายเมื่อเขาอยู่ในระยะ
คนที่อ่อนแอมีเลเวลสองทั้งคู่และกำลังยืนอยู่ข้างกัน
เขาขว้างบอลอสูรสีดำอีกสองลูกออกไปอีกครั้งด้วยกำลังเต็มสูบ นักเรียนชั้นปีที่สองคนหนึ่งหลบลูกบอลได้ แต่อีกคนไม่ได้โชคดีขนาดนั้นจึงถูกกระแทกแล้วสลบไป
[ ได้รับ 50 Exp ]
[ 225/400 Exp ]
นี่เป็นแผนการของควินน์ อีกไม่นานเลเวลเขาจะอัพ แล้วควินน์จะได้รับทักษะตามเลเวลที่ตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะได้รับทักษะอะไร แต่ควินน์ก็หวังว่ามันจะช่วยให้เขาเอาชนะการต่อสู้ได้ ซึ่งที่นี่มีนักเรียนชั้นปีที่สองเพียงพอสำหรับเขาที่จะอัพเลเวล
จากนั้นเขาก็วิ่งกลับเข้าไปในกลุ่มนักเรียนชั้นปีเดียวกันเพื่อหยิบบอลผลึกอสูรให้มากขึ้น ขณะที่มั่นใจแล้วว่าสามารถใช้คนอื่นๆเป็นที่กำบังได้
“พวกคุณทำอะไรกันอยู่ ใครก็ตามที่อัดมันหรือจับผู้ชายคนนั้นได้ พวกคุณจะเป็นอิสระจากการถูกทำโทษทั้งหมด!” โมโม่กล่าว
นักเรียนชั้นปีที่หนึ่งเริ่มมองหน้ากัน พวกเขาไม่อยากมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ตั้งแต่แรก และไม่มั่นใจว่าจะต้องทำยังไง
“แล้วทำไมเราต้องฟังนายด้วย” เรย์ร่าพูดขึ้น “เมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา นายจัดการเราคนหนึ่งที่ถามแค่เพียงคำถาม ใครจะรู้ว่าเราเชื่อใจนายได้หรือเปล่า”
“ก็ได้ ถ้าคุณไม่อยากช่วยล่ะก็.. จัดการพวกมันทั้งหมดซะ”
ทันใดนั้น นักเรียนรุ่นพี่เลเวลสี่ สองคนที่กำลังไล่ล่าควินน์ ก็ไม่สนใจว่านักเรียนชั้นปีที่หนึ่งจะบาดเจ็บอีกต่อไป พวกเขาทั้งสองคนเริ่มตั้งสมาธิรวบรวมทักษะของตัวเอง และหนึ่งในพวกเขาก็เหวี่ยงแขนออกไปพร้อมกับคลื่นน้ำขนาดใหญ่
แต่ก่อนที่คลื่นนั้นจะถาโถมเข้าใส่นักเรียนคนใดคนหนึ่ง บอลน้ำแข็งได้พุ่งตรงออกไปปะทะและทำให้การโจมตีของคลื่นน้ำถูกแช่แข็งเอาไว้ ก่อนที่มันจะแตกร้าวร่วงกราวลงสู่พื้น
ผู้รับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าวก้าวออกมาข้างหน้า พร้อมกับดึงดาบของเธอออกมา
“ฉันก็ไม่อยากยุ่งหรอกนะ แต่พวกนายโจมตีฉันก่อน” เอรินพูด
“เหอะ! แม้ว่าเธอจะมีเลเวลสูงมากกว่าเรา เธอคิดจริงๆเหรอว่าจะรับมือเลเวลสี่ถึงสองคนได้”
ในตอนนั้นเอง มีลูกธนูยิงออกไปแล้วเล็งใส่นักเรียนชั้นปีที่สองอีกคน แต่ก่อนที่มันจะถึงตัวเขา กำแพงดินก็ถูกยกขึ้นมาป้องกันไว้ได้
“ไม่ใช่เธอแค่คนเดียว” เรย์ร่าพูด
บอกตามตรง เรย์ร่าไม่ได้มีแผนจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน แต่ถ้าหากควินน์อยากจะต่อสู้ ก็ไม่มีเหตุผลที่เธอจะไม่เอาด้วย เพราะเธอก็มีประสบการณ์การถูกทำร้ายในโรงเรียนมาเหมือนกัน
เรย์ร่าไม่รู้จริงๆว่าควินน์แข็งแกร่งมากแค่ไหน แต่รู้สึกได้ว่าเขาต้องมีแผนการบางอย่างที่จะตอบโต้กลับ และตอนนี้ดูเหมือนนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งคนอื่นๆจะได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว
เนื่องจากเรย์ร่าและเอรินกำลังเบี่ยงเบนความสนใจของผู้ใช้พลังเลเวลสูงคนอื่นๆอยู่ ควินน์จึงสบโอกาสที่จะจัดการกับนักเรียนชั้นปีที่สองเลเวลสองที่เหลือ อย่างไรก็ตาม มันกลับไม่ง่ายอย่างที่เขาคิดไว้
มีวัตถุลักษณะบางและยาว พุ่งตรงเข้ามาหาเขาจากด้านข้างของลำตัว
มันรวดเร็วเกินกว่าที่ควินน์จะตอบสนองได้ทัน ทำให้เขาถูกแทงทะลุผ่านร่างกายทันที การโจมตีนี้ไม่ใช่แค่ทะลุหน้าอกของเขาอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้เขาทรุดลงไปกับพื้นอีกด้วย
[ HP : 13/20 ]
‘ลดลงไป 7 HP กับการโจมตีแค่ครั้งเดียว นี่มันอะไรกัน?’ ควินน์คิดในใจและจ้องมองสิ่งที่เพิ่งแทงเขา
ชายที่กำลังเดินเข้ามาใกล้คือ โมโม่ และเขากำลังถืออาวุธอสูรไว้ข้างกาย
“แกก่อเรื่องเยอะจริงๆเลยนะ” โมโม่พูด “ฉันไม่รู้ว่าแกเปิดใช้งานบอลอสูรนั่นได้ยังไง ซึ่งน่าแปลกใจที่การโจมตีของแกมันได้ผลด้วย แต่คนอย่างแกก็ยังเป็นพวกอ่อนแอเลเวลต่ำๆอยู่ดี”
ก่อนควินน์จะพยายามลุกขึ้น เขาก็ถูกล้อมรอบไปด้วยนักเรียนชั้นปีที่สองถึงหกคน
วอร์เด็นมองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดขณะที่ติดอยู่กับไม้กระดาน เขารู้สึกไร้ค่า
“ฉันต้องไปช่วยเขา เขาเจ็บแบบนั้นก็เป็นเพราะฉัน นี่เป็นความผิดของฉันทั้งหมด” วอร์เด็นพูด
‘ถ้าอยากจะช่วยเขา ปล่อยให้ฉันจัดการเอง’ เสียงภายในหัวของวอร์เด็นเอื้อนเอ่ย