นักเรียนชั้นปีที่สองได้ล้อมหน้าล้อมหลังควินน์เอาไว้หมดแล้ว ขณะที่เขาพุ่งออกไปเพื่อพยายามทำลายวงล้อม พลังลมก็ได้พัดตรงเข้ามาหาเขา ควินน์ทำการยกแขนทั้งสองข้างขึ้นป้องกันการโจมตีนั้น แต่ในจังหวะเดียวกัน เขากลับถูกฟันจากศัตรูที่อยู่ด้านหลัง
[ HP : 12/20 ]
การโจมตีเหล่านั้นยังคงปะทะเข้ามาด้วยทักษะที่ไม่เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่คือทักษะพิเศษของธาตุพื้นฐานที่ยังอ่อนเเออยู่ เช่น ผู้ใช้ทักษะเลเวล 2 ธาตุลม หรือผู้ใช้ทักษะธาตุดิน อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาถูกโจมตีจากทุกด้าน แรงปะทะพวกนั้นก็มีความเร็วเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
ควินน์ยังคงบล็อคการโจมตีเบื้องหน้าตัวเอง แต่ก็ยังถูกแรงปะทะจากทั่วทุกทิศทาง
[ HP : 11/20 ]
[ HP : 10/20 ]
[ HP : 9/10 ]
นี่อาจจะเป็นการวนเวียนอย่างไม่จบไม่สิ้น เมื่อเขาได้รับบาดเจ็บจน HP ต่ำกว่า 5 สกิลกักเก็บโลหิตจะเปิดใช้งานอัตโนมัติและทำการฟื้นฟูรักษาร่างกายของเขา แต่ถึงแม้จะมีสกิลกักเก็บโลหิต ก็ไม่มีทางหนีออกไปจากตรงนี้ได้ ทว่าเขารู้ดีว่ามันจะเกิดเรื่องเช่นนี้ในระดับหนึ่ง เขาจึงไม่ได้คาดหวังที่จะเอาชนะตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
เขาเมินเฉยต่อความเจ็บปวดจากแรงปะทะที่ถาโถม และแทนที่จะพยายามหลีกเลี่ยงการโจมตีเหล่านั้น เขากลับก้าวเดินออกไปข้างหน้าเพื่อให้ถึงตัวของนักเรียนชั้นปีที่สองสักคน คราวนี้เขาได้รับแรงปะทะจากทางด้านข้าง เป็นการฟาดฟันขนาดใหญ่จำนวนสองครั้งที่ฝากรอยไว้บนร่างของเขา
[ HP : 8/20 ]
[ HP : 7/20 ]
แต่ควินน์ไม่สน เขามีค่าความเร็วที่รวดเร็วพร้อมกับใช้พละกำลังไปที่ขา นั่นทำให้เขาสามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าพลางจับตัวนักเรียนชั้นปีที่สองมาได้หนึ่งคน ควินน์รีบอ้อมไปข้างหลังของรุ่นพี่ก่อนที่จะล็อคคออีกฝ่ายเอาไว้ ในเวลาเดียวกัน ก็ใช้กงเล็บของตัวเองที่งอกออกมาจ่อไปยังคอของนักเรียนชั้นปีที่สองคนนี้เพื่อใช้เขาเป็นโล่
นักเรียนชั้นปีที่สองคนอื่นๆลังเลที่จะโจมตี เพราะกลัวว่ามันจะทำร้ายเพื่อนร่วมชั้น ควินน์ก้าวขาเดินไปกับรุ่นพี่คนนี้ จนกระทั่งหลังของเขาชนเข้ากับผนัง
“ฉันกับแกต่างก็รู้ดีว่าแกจะไม่ทำร้ายเขา ควินน์” โมโม่กล่าว “ถ้าแกแทงลึกเกินไปเขาก็จะตาย แล้วแกก็จะเดือดร้อน แต่ถ้าแกแทงตื้นเกินไป พวกฉันก็จะจับตัวแก และทำให้แกต้องร้องขอชีวิต”
ควินน์เกลียดที่จะยอมรับมัน แต่โมโม่พูดถูก เขาไม่สามารถฆ่านักเรียนชั้นปีที่สองคนนี้ได้ และในเวลาเดียวกันวินาทีที่เขาหันหลังให้กับพวกมัน เขาก็จะถูกจับตัวเอาไว้ ดังนั้นควินน์จึงเหลืออยู่เพียงวิธีเดียว
เขาไม่ได้เลื่อนกงเล็บของตัวเองออกไป แต่ทำให้อีกฝ่ายหายใจไม่ออกด้วยการใช้แขนล็อครอบคอ เขาใช้แรงเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งรุ่นพี่คนนี้สลบ
[ ได้รับ 50 Exp ]
[ 275/400 Exp ]
“ฉันไม่ยอมเสีย exp ดีๆแบบนี้ไปหรอก” ควินน์พูด
ทันทีที่รุ่นพี่คนนี้สลบ การโจมตีต่างๆก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วด้วยความโกธนแค้นจากนักเรียนชั้นปีที่สองคนอื่นๆ ควินน์สามารถป้องกันการโจมตีส่วนใหญ่ของพวกเขาได้เมื่อใช้ผู้ชายคนนี้เป็นโล่ เขาทำการหลบหลีกการโจมตีมากมายที่ทำให้เขาหวนนึกกลับไปเมื่อครั้งอยู่ในสนามทดสอบ
สถานการณ์นี้คล้ายกับการทดสอบทักษะความเร็วกับหุ่นโฮโลแกรมที่ฉายลำแสงใส่เขา อย่างไรก็ตาม การโจมตีพวกนี้มีพลังมากขึ้นและมีจำนวนมากกว่า ทว่าท้ายที่สุด ควินน์ก็ถูกโจมตีจนได้
[ HP : 6/20 ]
ทันใดนั้นการโจมตีก็หยุดลง และโมโม่ก็ยืนอยู่ข้างหน้าพร้อมกับแส้ในมือ เมื่อเห็นแส้ชิ้นนั้น ควินน์ก็นึกขึ้นได้ทันทีว่าการโจมตีของมันเพียงครั้งเดียวทำให้ HP ของเขาลดลงไปถึง 7 แต้ม ถ้าคราวนี้เขาถูกโจมตีจากอาวุธนั่นอีกครั้ง เขาจะเหลือพลังชีวิตเท่ากับ 0
ควินน์ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้า HP ของเขาเหลือ 0 แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะค้นหาคำตอบ เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เขาต้องใช้สกิลกักเก็บโลหิตรักษาตัวเอง แม้คนอื่นๆจะเห็นว่าเขาใช้สกิลนี้ มันก็จะไม่มีทางเปิดเผยว่าเขาเป็นแวมไพร์ แต่พวกเขาก็คงคิดว่ามันอาจจะเป็นสกิลการรักษาตัวเองบางประเภท
แต่ปัญหาก็คือควินน์แสดงพละกำลังที่มากผิดปกติออกไปแล้ว ถ้าทำการรักษาตัวเองที่ดูไม่ปกติให้เห็นอีก มันก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ นักเรียนหนึ่งคนไม่สามารถมีทักษะพิเศษได้ถึงสองทักษะนอกจากเป็นกรณีที่หายาก ซึ่งหมายความว่ามันจะทำให้ควินน์ถูกตั้งคำถามมากมาย
ขณะที่ควินน์กำลังตัดสินใจว่าจะต้องทำอะไรต่อ โมโม่ก็สัมผัสได้ถึงบางอย่างและโยกศีรษะหลบภายในเสี้ยววินาที เขาปล่อยให้บอลอสูรลอยผ่านศีรษะของเขาไปได้ แต่แล้วบอลลูกนั้นก็หยุดอยู่กลางอากาศและพุ่งกลับมาใส่โมโม่อีกครั้ง
โมโม่หวดบอลอสูรด้วยแส้ของเขาจนมันแยกออกเป็นสองส่วน ขณะที่เขาหันกลับไป เขาก็เห็นว่าวอร์เด็นกำลังยืนอยู่ตรงนั้น เมื่อโมโม่จ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นกับนักเรียนชั้นปีที่สองที่เหลือ เขาก็ได้เห็นว่าบางคนถูกทำให้หมดสภาพ ทั้งที่ไม่ใช่คนที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ของเรย์ร่าและเอริน
“งั้น แกเป็นก็อิสระแล้วใช่ไหม หืม?” ” โมโม่พูด “แกจำไม่ได้รึไงว่าเกิดอะไรขึ้นในครั้งล่าสุดที่แกกับฉันสู้กัน?” โมโม่เย้ยหยัน
“ครั้งนั้นคนที่สู้กับแกมันอ่อนไง ตอนนี้คู่ต่อสู้ของแกก็คือฉัน” ราเทนกล่าว “ฉันไม่ได้ใจดีเหมือนวอร์เด็นหรอก”
ราเทนยกมือทั้งสองข้างขึ้นมา พร้อมกับบอลอสูรสีดำอีกสองลูกที่ถูกยกลอยขึ้นจากพื้น ราเทนโบกมือของเขาไปในอากาศและลูกบอลอสูรก็พุ่งออกไปในทิศทางเดียวกัน
มันไม่จำเป็นเท่าไหร่ที่ราเทนจะใช้มือพร้อมกับทักษะด้านพลังจิตควบคุมของเขา แต่มันช่วยให้เขาจดจ่ออยู่กับสมาธิของตัวเองได้ดีขึ้น การทำเช่นนี้จะส่งผลให้บอลอสูรเคลื่อนที่ได้รวดเร็วและแม่นยำมากกว่าเดิม ทว่าท้ายที่สุด เขาก็ไม่สามารถใช้มันได้ดีเช่นเดียวกับเรย์ร่า เพราะเธอมีทักษะพิเศษนี้มาตลอดทั้งชีวิต
บอลอสูรเคลื่อนที่ตามการเคลื่อนไหวของมือทั้งสองข้างและโจมตีเข้าไปในทิศทางต่างๆ อย่างไรก็ตาม โมโม่ก้าวออกไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ขยับถอยหลังหรือหันลำตัวเล็กน้อยเท่านั้นเพื่อหลบบอลอสูรแต่ละลูก จนสุดท้าย เขาก็เริ่มเหนื่อยและคว้าบอลอสูรเอาไว้หนึ่งลูก ซึ่งกำลังลอยอยู่ในอากาศพุ่งเข้ามาใส่ใบหน้าของเขา
“ดูเหมือนแกจะจำไม่ได้จริงๆว่าในครั้งล่าสุดนั้นมันเกิดอะไรขึ้น?” โมโม่กำมือของเขาด้วยแรงมหาศาลก่อนที่บอลอสูรสีดำจะถูกทำลายจนแหลกคามือ จากนั้นเขาก็หวดแส้ทำลายบอลอสูรทิ้งไปอีกหนึ่งลูก โดยที่ไม่แม้แต่จะมองด้วยซ้ำ
ควินน์ต้องการที่จะช่วยวอร์เด็น ในขณะที่โมโม่หันหลังอยู่ เขาก็พยายามจะลอบโจมตี แต่ก่อนที่ควินน์จะได้ก้าวขยับไปไหน อาวุธแส้ชิ้นนั้นก็ถูกหวดมาและฟาดลงเบื้องหน้าของเขา
“อย่าแม้แต่จะคิด” โมโม่กล่าว
ก่อนที่ควินน์จะก้าวขาออกไปได้สักก้าว โมโม่กลับตอบสนองได้อย่างทันควัน จากนั้นควินน์จึงรออีกครั้งในช่วงเวลาที่เหมาะสม และในจังหวะที่เขาคิดว่าเหมาะสม เขาก็พยายามที่จะประชิดตัวโมโม่ให้ได้อีกครั้ง แต่มันก็เหมือนเดิม โมโม่หวดแส้มาดักก่อนที่เขาจะขยับตัว
‘เป็นไปได้ยังไง?’ ควินน์คิดในใจ ที่ผ่านมาโมโม่ได้แสดงอะไรสักอย่างที่เปิดเผยทักษะของเขา แต่ตอนนี้ กับวิธีการที่เขามีปฏิกิริยาตอบโต้ได้ก่อนเช่นนั้น ดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งในทักษะพิเศษที่เขามีอยู่
มีอยู่สองสิ่งที่ควินน์คาดเดาได้ นั่นคือ ทักษะพิเศษในการอ่านใจ หรือ ทักษะพิเศษในการมองเห็นอนาคต
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ การต่อสู้ข้างหน้าจะเป็นการต่อสู้ที่ยากลำบากมากแน่ๆ