สิ่งที่ควินน์คาดเดาเกี่ยวกับทักษะของโมโม่นั้นถูกต้องแล้ว เพราะโมโม่นั้นสามารถมองเห็นอนาคตล่วงหน้าได้ 2 วินาที แม้แต่คนอื่นๆก็แทบดูไม่ออกเลยด้วยซ้ำ
ทักษะพิเศษของเขาใช้งานผ่านดวงตาทั้งสองข้าง เมื่อเขาเปิดใช้ความสามารถของทักษะ รูปแบบการมองเห็นใหม่ๆจะปรากฏขึ้น
ทุกสิ่งที่โมโม่เห็นก็คือนิมิตรของวัตถุหรือบุคคลที่กำลังจะทำอะไรต่อไป ในตอนที่โมโม่หันหลังและลูกบอลสีดำพุ่งเข้ามาใส่ เขารู้สึกได้ถึงภาพนิมิตของบอลอสูรที่กำลังพุ่งเข้ามาชน นั่นจึงทำให้เขาโยกศีรษะหลบได้ทันเวลา
สองวินาทีก่อนที่ควินน์จะพุ่งเข้าใส่โมโม่ ภาพนิมิตก็ปรากฏขึ้นมาให้เห็นว่าควินน์วางแผนคิดจะทำอะไรบ้าง
นี่เป็นทักษะที่แข็งแกร่งและโมโม่ใช้เวลาอยู่นานนับหลายปีเพื่อเรียนรู้มัน แต่เพียงเพราะเห็นอนาคตได้ก็คงไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่ พละกำลังของโมโม่ รวมไปถึงความเร็วในการตอบสนองทั้งหมดนั้น เป็นการฝึกฝนด้วยตัวของเขาเองทั้งสิ้น
แม้ว่าทักษะของโมโม่จะเป็นหนึ่งในความสามารถที่หายากแต่ก็มีขายอยู่ตามตลาดทั่วๆไป ทว่ามีน้อยคนนักที่เลือกใช้เพราะเหตุผลเหล่านั้น
แต่ควินน์ไม่ใช่คนเดียวที่เข้าใจทักษะพิเศษของโมโม่ ราเทนเองก็เช่นกัน
“ใครสนกันล่ะ ว่าแกรู้ว่าฉันกำลังจะทำอะไร!” ราเทนตะโกน “สิ่งที่ฉันต้องทำ ก็คือทำให้แกป้องกันการโจมตีของฉันไม่ได้” ราเทนเริ่มวิ่งเข้าใส่เขา
โมโม่เหวี่ยงแส้ออกไป ซึ่งในขณะนั้นราเทนก็โบกมือของเขาเช่นกัน เพื่อใช้ทักษะพลังจิตควบคุมไปที่แส้ ส่งผลให้แส้ถูกลดความเร็วพอที่เขาจะกระโดดหลบการโจมตี
จากนั้นมืออีกข้างของราเทนก็มีบางอย่างปรากฏออกมา ดูเหมือนมือของเขาจะมีน้ำจำนวนหนึ่งล้อมรอบอยู่
ราเทนตวัดมือออกไปอีกครั้ง พร้อมกับมีดน้ำที่พุ่งตามไป โมโม่รีบหลบไปด้านข้างสำหร้บการโจมตีแรก ทว่าสิ่งที่ตามมาอย่างรวดเร็วหลังจากนั้น คือการโจมตีของมีดน้ำที่ระดมมาอย่างไม่หยุด
ในเวลาเดียวกันจากทางด้านหลัง บอลอสูรสีดำอีกสองลูกก็ถูกยกลอยขึ้นแล้วพุ่งเข้าไปใส่เขา
โมโม่เห็นว่าบอลอสูรกำลังพุ่งเข้ามาหาใส่ ซึ่งเขารู้ว่าเขาคงทำอะไรไม่ได้นอกจากรับการโจมตีของบอลอสูรนั้น เขาเลือกที่จะหลีกเลี่ยงการถูกปะทะของทักษะธาตุน้ำที่มีพลังทำลายมากกว่า และเมื่อขยับตัว บอลอสูรกระแทกเข้าแผ่นหลังของเขา
หลังจากที่ถูกบอลอสูรอัดกระแทก โมโม่ก็ถอยออกจากวอร์เด็นเพื่อรักษาระยะห่างระหว่างทั้งคู่
“ฉันต้องยอมรับ ว่าฉันไม่คาดคิดว่าแกจะใช้ทักษะได้ถึงสองทักษะ เพราะแกไม่ได้ทำแบบนั้นในครั้งล่าสุด ดูเหมือนว่าแกกำลังกุมไพ่ตายอยู่สินะ” โมโม่พูด “แต่แกไม่ใช่คนเดียวหรอกที่ซ่อนไพ่ตายเอาไว้”
ในขณะที่มือขวาของเขาถือแส้อยู่แล้ว มือซ้ายของโมโม่ก็มีพลังบางอย่างกำลังก่อตัว ในตอนแรก มันดูเหมือนอนุภาคแสงที่หล่อหลอมเป็นอะไรสักอย่าง ทว่าในที่สุดอาวุธแส้อีกชิ้นก็ปรากฏขึ้น และยังรู้สึกได้ถึงความแตกต่างราวกับว่ามันมีชีวิต
เพียงแค่ถือมันเอาไว้เฉยๆ อาวุธแส้ก็เคลื่อนไหวไปมาเหมือนกับงู
“ฉันจะแสดงความแตกต่างระหว่างชั้นปีที่สองกับชั้นปีที่หนึ่งให้แกได้เห็น” โมโม่พูด
แม้ว่าเอรินกำลังยุ่งอยู่กับการต่อสู้กับนักเรียนชั้นปีที่สองคนอื่นๆ เธอก็อดไม่ได้เลยที่จะสัมผัสถึงพลังระดับสูงขนาดนั้นภายในหอประชุม
“งั้นที่ผ่านมาเขาก็เป็นหนึ่งในผู้ใช้อาวุธวิญญานสินะ”
ในขณะที่ระยะห่างระหว่างโมโม่และคนอื่นๆอยู่ไกลกัน เรย์ร่าทำการหยุดพักและหลบหนีจากพวกนักเรียนชั้นปีที่สอง ซึ่งจริงๆแล้ว เอรินเป็นคนรับมือกับพวกนั้นทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว และเธอก็ไม่ได้ช่วยอะไรตั้งแต่แรก
เรย์ร่าจึงรีบเข้าไปหาควินน์ใกล้ๆและเห็นว่าเขากำลังบาดเจ็บสาหัส ถึงจะไม่มากจนขยับตัวไปไหนไม่ได้ แต่อย่างน้อยตอนนี้ มันก็เพียงพอแล้วที่จะบอกให้เขาถอนตัวออกจากการต่อสู้
“นายต้องการเลือดหรือเปล่า?” เรย์ร่ากระซิบ
“ไม่ ฉันไม่เป็นไร ฉันไม่ได้วิกฤตขนาดนั้นไม่ต้องกังวล ฉันไม่อยากเปิดเผยอะไรต่อหน้าคนพวกนี้”
“ฉันเข้าใจแล้ว” เรย์ร่าพูดขณะที่เธอจะหันไปมองวอร์เด็น “เพื่อนของนายน่ะ ฉันเกลียดที่จะยอมรับมันจริงๆ แต่เขาแข็งแกร่งมาก”
“ใช่” หลังจากมองไปที่วอร์เด็นในตอนนี้ ก็เห็นว่าเขาทำการต่อสู้ได้อย่างชำนาญราวกับมีประสบการณ์มาอย่างโชกโชน และเขาก็ใช้ความสามารถของพลังทั้งสองทักษะได้อย่างง่ายดาย ควินน์ตะหนักขึ้นมาทันทีว่าเขาไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับวอร์เด็นมากมาย ซึ่งวอร์เด็นก็อาจจะซ่อนความลับของตัวเองเอาไว้ ไม่ให้คนอื่นๆรู้ เหมือนกันกับเขา
ทว่านี่เป็นอีกครั้ง แทนที่เขาจะหนีไปเมื่อถูกปล่อยตัวให้เป็นอิสระแล้ว เขากลับตัดสินใจที่จะมาช่วยควินน์ แม้ว่าควินน์จะไม่แข็งแกร่งมากพอที่จะช่วยอะไรเขาได้ในปัจจุบัน อนาคตข้างหน้าควินน์จะตอบแทนความปรารถนาดีนั้นอย่างแน่นอน
ในตอนนี้ ด้วยอาวุธวิญญานของโมโม่ เขามีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น เขาหวดแส้วิญญานและมันพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูง ราเทนจึงตอบสนองโดยการสร้างกำแพงน้ำขึ้นมาป้องกันด้วยมือข้างเดียว พร้อมกับชะลอแส้นั้นด้วยมืออีกข้าง แต่ทักษะพลังจิตควบคุมกลับไร้ซึ่งประประโยชน์ เพราะดูเหมือนจะทำให้แส้วิญญานช้าลงไม่ได้เลย
เมื่อแส้พุ่งมาถึงกำแพงน้ำ ทันใดนั้นความยาวของมันก็เพิ่มมากขึ้นและรัดแขนของวอร์เด็นเอาไว้ โมโม่กระชากแส้เข้าหาตัวเองแล้วลากวอร์เด็นไถลมากับพื้น จากนั้นเขาก็เหวี่ยงแส้อีกข้างฟาดไปที่แผ่นหลังของอีกฝ่าย
ราเทนพยายามกลิ้งตัวไปมาเพื่อหลบการถูกฟาด แต่ดูเหมือนว่ามันจะฟาดถูกตัวเขาไม่ว่าเขาจะกลิ้งหลบไปทางใดก็ตาม ราเทนถูกแส้หวดอยู่หลายต่อหลายครั้งจนกระทั่งแผ่นหลังของเขาเต็มไปด้วยเลือด
และแล้ว ด้วยมือข้างที่เหลือของราแทน เขาได้สร้างมีดน้ำขนาดเล็กขึ้นมา เขารู้ดีว่าแส้นั้นแข็งแกร่งเกินกว่าที่จะตัดมันได้ ดังนั้น ราเทนจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปที่แขนของตัวเอง แล้วตัดให้มันขาดไปจากร่างกายทันที
แส้ไม่ได้ผูกมัดร่างกายของเขาอีกแล้ว และในเวลาเดียวกัน มือของราแทนก็ไม่ได้มีเลือดพุ่งกระฉูดออกไปทั่วทิศทุกทางอย่างกับที่ใครคาดเดา ราเทนใช้พลังจนเกินตัวแล้วเพ่งสมาธิไปที่การห้ามเลือดของเขา เพื่อไม่ให้มันพุ่งออกจากบาดเเผลด้วยทักษะด้านพลังจิตควบคุม
ซึ่งเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะยื้อเวลารักษาแบบนี้ได้นานเท่าไหร่
“ไอ้เวรเอ้ย!” ราเทนตะโกน “ถ้าไม่ใช่เพราะร่างนี้บาดเจ็บตั้งแต่แรก ตอนนี้แกคงเสร็จฉันไปแล้ว! แกคิดเหรอว่าอาวุธวิญญานของแกจะเอาชนะพวกเราได้? ถึงทีเจ้าตัวเล็กแล้ว ได้เวลาที่คนอย่างมันจะต้องลงนรก!”
ทันใดนั้น ประตูของหอประชุมก็ถูกเปิดเข้ามา พร้อมกับร่างของหญิงสาวสูงเพรียว ผมสีเงิน และที่ยืนอยู่ข้างหลังของเธอก็คือ ปีเตอร์
“ฉันขอสั่งให้ทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้” เธอกล่าว “หากใครไม่เชื่อฟังคำสั่งก็เตรียมรับบทลงโทษได้เลย”