นักเรียนทุกคนที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์นั้น ถูกสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด แน่นอน นั่นรวมถึงควินน์และวอร์เด็น อย่างไรก็ตาม พวกทหารไม่ได้ถามคำถามอะไรมากมายเหมือนกับที่พวกเขาคิดไว้ แต่พวกเขาแค่ถูกถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้วเท่านั้น
หากพิจารณาตามที่เห็น คนในห้องสอบสวนไม่ได้รู้สึกประหลาดใจในสิ่งที่พวกเขาบอกกล่าว ดูเหมือนพวกทหารจะรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นจากนักเรียนคนอื่นๆแล้ว ซึ่งทำการถามไถ่พวกเขาพอเป็นพิธีเท่านั้น
วันถัดมา มันเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ของนักเรียนทุกๆคน เช่นเดียวกันกับโรงเรียนอื่นๆที่ไม่ต้องเข้าเรียน และมีอิสระที่จะทำสิ่งที่ต้องการได้ภายในเมือง
แต่ยังคงมีเคอร์ฟิวอยู่ ดังนั้น พวกเขาต้องกลับมาที่หอพักก่อนสี่ทุ่ม และจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากเมือง
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้นำระดับสูงทั้งหมดของโรงเรียน พวกเขาไม่ได้ว่างเหมือนกับพวกนักเรียน แต่กลับถูกเรียกตัวมาเข้าประชุม ภายในตึกอำนวยการชั้นบนสุด พวกผู้นำทั้งหมดในโรงเรียนเตรียมทหาร ได้มารวมตัวกันในห้องประชุมขนาดใหญ่
มีโต๊ะขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางของห้อง และโต๊ะจะแยกออกเป็นสองส่วน โดยที่หัวโต๊ะจะมีที่เก้าอี้อยู่สี่ที่นั่ง หนึ่งในเก้าอี้ตรงนั้นจะมีตัวหนึ่งที่มีขนาดใหญ่กว่าเก้าอี้อื่นๆอยู่เล็กน้อย นั่นคือที่นั่งของผู้บัญชาการสูงสุดในโรงเรียนเตรียมทหารแห่งนี้ ซึ่งปัจจุบัน ที่นั่งนั้นยังคงว่างเปล่าสำหรับการประชุม
ส่วนที่นั่งอื่นๆ โดยปกติแล้วข้างๆผู้บัญชาการสูงสุดจะเป็นนายพลอีกสามคนของโรงเรียนแห่งนี้ คนแรกคือหัวหน้านักเรียนชั้นปีที่สอง ดุ๊ก ผู้มีร่างกายอันแข็งแรงและกล้ามแขนขนาดใหญ่ทั้งสองข้าง
ถัดมาคือหัวหน้านักเรียนชั้นปีที่หนึ่ง นาธาน โดยบุคลิกลักษณะนั้นตรงข้ามกันกับดุ๊กอย่างสิ้นเชิง เขามีรูปร่างเล็กและส่วมแว่นตา เขามักจะแต่งตัวสบายๆเนื่องในโอกาสสำคัญอยู่บ่อยๆ ซึ่งเป็นที่น่ากวนใจสำหรับดุ๊ก
ทั้งสองคนไม่ลงรอยกัน
คนสุดท้าย นายพลคนที่สาม คือหัวหน้าเจ้าหน้าที่ทหารและยังเป็นอาจารย์สอนวิชาอื่นๆในโรงเรียนแห่งนี้ ปัจจุบัน ที่นั่งก็ว่างอยู่เช่นกัน
นายพลทั้งสองคนนั่งรอในที่นั่งของตัวเองจนกว่าคนอื่นๆจะมาถึง และเช่นเคย ท่ามกลางพวกเขาทั้งคู่ล้วนมีแต่ความเงียบ
จากนั้น ในที่สุดประตูก็เปิดออก พร้อมกับคนที่สวมเครื่องแบบทหารจำนวนแปดคน ซึ่งแต่ละคนมียศจ่า โดยจ่าทหารในจำนวนแปดคนนั้นก็คือลีโอ อาจารย์ผู้สอนวิชาอาวุธอสูร เฟย์ผู้ฝึกสอนหน่วยทหาร และเฮย์ลี่ย์หมอประจำโรงเรียน
จ่าทหารทั้งแปดคนนั่งในที่นั่งตรงข้ามกับเหล่านายพล แล้วการประชุมก็เริ่มต้นขึ้น
เฟย์เป็นคนแรกที่ยืนขึ้นและเริ่มพูด
“เราอยู่ที่นี่ในวันนี้เพื่อทำการประชุมว่าจะทำอย่างไรกับนักเรียนชั้นปีที่สอง ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับนักเรียนรุ่นน้อง ที่ชื่อ วอร์เด็น แบรด ซึ่งเขาเป็นนักเรียนคนหนึ่งในห้องเรียนของเดล รวมไปถึงนักเรียนคนอื่นๆที่เป็นส่วนหนึ่งในคาบเรียนวิชาอาวุธอสูรของลีโอ”
เฟย์กดปุ่มเล็กๆ บนรีโมทคอนโทรลในมือของเธอ เพื่อฉายภาพรายงานผ่านโฮโลแกรม ปรากฏขึ้นเบื้องหน้านายพลและนายทหารคนอื่นๆ
“ฉันเชื่อว่าคุณได้อ่านรายงานทั้งหมดแล้ว แต่สิ่งนี้เป็นแค่การอ้างอิงเท่านั้น ฉันอยากจะถามความคิดเห็นของคุณเกี่ยวกับการลงโทษนักเรียนเหล่านี้ ท่านนายพลดุ๊ก”
“ลงโทษ?” ดุ๊กพูด “ฉันไม่เห็นว่ามีเหตุผลอะไรที่นักเรียนเหล่านี้จะถูกลงโทษ ถ้าหากเธออ่านรายงาน ดูเหมือนว่าวอร์เด็นจะฝ่ายเริ่มทำร้ายก่อน ส่วนคนอื่นก็เลยตอบโต้กลับ เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว”
“แต่ทำไมต้องเหมารวมนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งด้วยล่ะ?” นาธานเสริมคำถามขึ้นอย่างบังเอิญ “ในความคิดฉัน นักเรียนทุกคนมันก็เกี่ยวข้องกันหมดนั่นแหละ ฉันยอมรับนะ ว่าพวกเขาทะเลาะกันอยู่ตลอด และเราก็จงใจไม่ทำอะไรสักอย่างเลยเพื่อที่จะหยุดมัน แต่เรื่องนี้ดูเหมือนว่ามากเกินไปหน่อยไหม?”
“ก็ได้ งั้นก็เพิ่มกฏระเบียบเข้าไปอีกระหว่างชั้นปีที่สองกับชั้นปีแรก ให้พวกเขามาเจอกันเฉพาะที่จำเป็น ฉันจะรับผิดชอบในการลงโทษนักเรียนชั้นปีที่สองเอง พอใจแกหรือยัง นาธาน? ”
นาธานยักไหล่ราวกับไม่สนใจเรื่องนี้ตั้งแต่แรก เขาเพียงโต้แย้งกวนประสาทดุ๊กก็เท่านั้น
“ฉันขอให้จ่าคนอื่นๆระมัดระวังให้มากขึ้นค่ะ” เฟย์กล่าว “เมื่อไม่นานมานี้ มีนักเรียนคนหนึ่งเสียชีวิตไปแล้วในโรงเรียนของเรา แต่นี่มันไม่เหมือนกับแบรนดอนนะคะ วอร์เด็นคือ’ผู้มีทักษะโดยกำเนิด’ ถ้าหากครอบครัวของเด็กผู้ชายคนนี้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย คงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับโรงเรียนของเราแน่ๆค่ะ”
“ชิ พวกเศษสวะ” ดุ๊กสบถเสียงเบา
พวกทหารไม่ได้มีความประทับใจดีๆกับผู้ที่มีทักษะโดยกำเนิดเท่าไหร่ ในตอนที่สงครามเริ่มขึ้นพวกเขาคือทหารที่เสี่ยงชีวิตไปช่วยเหลือผู้คนบนโลก จนกระทั่งดูเหมือนมนุษย์กำลังจะพ้ายแพ้ต่อสงคราม เหล่าผู้มีทักษะโดยกำเนิดจึงออกโรงมายืนหยัดต่อสู้ และแบ่งปันทักษะพิเศษของพวกเขาให้กับใครหลายคน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ได้รับมัน
จากนั้นเฮย์ลี่ย์ก็ยืนขึ้น
“เรื่องที่ฉันอยากจะพูด มันเกี่ยวกับนักเรียนสองคนที่มีบาดแผลประหลาดบนร่างกายของพวกเขาค่ะ มีรายงานเกี่ยวกับสัตว์อสูรที่หลุดออกมาจากประตูมิติบ้างหรือเปล่าคะ?”
“พ่อของเธอ คนที่ไม่ได้เข้ามาประชุมในวันนี้ รายงานมาว่าไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้น ถึงแม้จะใช้เรดาร์ช่วย เราก็ตรวจจับอะไรไม่ได้” ดุ๊กตอบ
‘ถ้าไม่ใช่สัตว์อสูร แล้วรอยเเผลพวกนั้นเกิดจากอะไรกัน?’ เฮย์ลี่ย์คิดขณะที่เธอนั่งลง
“ทำการเตรียมพร้อมสำหรับนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งที่จะออกไปนอกประตูมิติแล้วใช่ไหมครับ?” ลีโอถาม
“ใช่ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว” นาธานกล่าว “เลือกเป็นประตูมิติสีเขียวเพื่อให้นักเรียนทั้งหมดผ่านเข้าไปได้ และฐานทัพก็เตรียมการอย่างดีแล้ว สำหรับการกลับมาของพวกเขา ทุกอย่างจะเป็นไปอย่างราบรื่นในสัปดาห์หน้า”
“คุณรู้รึเปล่า ว่าเป็นการสำรวจดาวเคราะห์ดวงไหน?” ลีโอถาม “ในตอนนั้นผมจะได้เตรียมพร้อมนักเรียนของผมให้ดีขึ้น”
“มันจะดีมากเลย ถ้าสั่งให้นักเรียนของคุณพกครีมกันแดดและแว่นตากันแดดไปด้วย เนื่องจากดาวเคราะห์ที่พวกเขาจะไป มันคือดาวเคราะห์ คาลาดี้” นาธานกล่าว
ดาวเคราะห์คาลาดี้ คือดาวเคราะห์ที่ถูกปกคลุมไปด้วยทะเลทรายเป็นส่วนมาก และมีสัตว์อสูรระดับต่ำ วงโคจรของดาวเคราะห์นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเมื่อเปรียบเทียบกับวงโคจรของดาวเคราะห์โลก แทนที่จะมี 24 ชั่วโมงและกลางวันกลางคืนเหมือนกันกับโลก คาลาดี้กลับมีวงโคจรทั้งหมด 72 ชั่วโมง ซึ่งมันคงวิเศษที่สุดสำหรับคนที่รักแสงแดดและความร้อน
แจ้งจากผู้แปล : ตำแหน่งของลีโอคอนเฟิร์มแล้วนะคะ ว่าเป็นแค่จ่าทหาร เพราะไม่มีการปรับเปลี่ยนทางต้นฉบับจากที่เคยเกริ่นเอาไว้ว่าลีโอเป็นนายพล (ในประโยคพูดของเอรินตอนที่ 28) ยังไงหากมีอะไรปรับเปลี่ยนหรืออัพเดท จะแจ้งท้ายตอนให้ทราบนะคะ