ควินน์ยืนอยู่บนบันไดชั้นแรก เขามองเห็นเจ้าหนูยักษ์พวกนั้นได้อย่างชัดเจน เขาทำการเล็งอย่างระมัดระวัง ในจังหวะที่พวกมันขึ้นบันไดมาได้ครึ่งทาง เขาก็เปิดใช้งานสกิล
“โลหิตสาดกระเซ็น!”
แขนของเขากระตุกเล็กน้อยขณะที่สกิลทำงาน เลือดของเขาสาดกระจายออกจากฝ่ามืออย่างหนักหน่วง หนูห้าตัวที่อยู่ข้างหน้าถูกโจมตีจนล้มระเนระนาดและตกจากบันได อย่างไรก็ตาม สกิลนี้โดนแต่พวกที่อยู่ข้างหน้าเท่านั้น ส่วนพวกหนูที่อยู่ข้างหลังก็โถมขึ้นมาด้วยการเหยียบร่างเพื่อนๆของมันเอง
ควินน์ตัดสินใจวิ่งขึ้นบันไดให้สูงขึ้นไปอีก เพื่อสร้างระยะห่างระหว่างเขากับฝูงหนูจอมตะปบให้มากกว่านี้ แต่แล้วเขาก็พบว่ามีปัญหาใหญ่อยู่ตรงหน้า ส่วนหนึ่งของเพดานชั้นบนได้พังถล่มลงมาและขวางทางเขาเอาไว้
ไม่มีทางใดให้ควินน์ไปต่อ เขาจึงหันกลับไปมอง โดยที่หนูกลุ่มหลังก็เริ่มกรูขึ้นมา พวกหนูที่ถูกโจมตีไปก่อนหน้า ก็ทำการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและตามหลังกันมาติดๆ
คราวนี้ ควินน์ยื่นมือทั้งสองข้างออกไปและกางฝ่ามือกว้างๆ
[ โลหิตสาดกระเซ็น ]
การใช้สกิลใหม่ออกไป ทำให้พวกหนูจอมตะปบที่อยู่ใกล้เขาที่สุดล้มเทกระจาด จากนั้น พวกหนูที่กำลังตามขึ้นมา เขาก็ใช้มืออีกข้างเปิดใช้งานสกิลโลหิตสาดกระเซ็น
[ HP 20/30 ]
[ HP 15/30 ]
ฝูงหนูจอมตะปบถูกโจมตีตกบันไดกันไม่หยุดหย่อน และยังได้รับบาดเจ็บ แต่พวกมันรู้ดีว่าจะฟื้นฟูบาดแผลได้ในไม่ช้า มีรูเล็กๆตามตัวของพวกมันพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมา ทว่ามันไม่ลึกพอที่จะสร้างความเสียหายขนาดนั้น
เขาต้องแน่ใจว่าอยู่ห่างจากพวกมันมากพอ และควรอยู่บนบันได แม้ว่าสกิลโลหิตสาดกระเซ็นจะสามารถโจมตีศัตรูหลายๆเป้าหมายได้ดี แต่ไม่ได้ทรงพลังเท่ากับสกิลโลหิตฟาดฟัน มีเพียงแรงกระแทกที่ผลักศัตรูออกไปเท่านั้นที่รุนแรง
ถ้าควินน์เข้าไปใกล้พวกมัน เขากลัวว่าพวกหนูยักษ์จะทำการฟื้นฟูตัวเองแล้วล้อมเขาเอาไว้ ดังนั้น อย่างเดียวที่เขาทำได้ เขาเริ่มเหวี่ยงมือออกไปอย่างรวดเร็วโดยเล็งไปที่หนูแต่ละตัวอย่างระมัดระวัง
[ โลหิตฟาดฟัน ]
[ โลหิตฟาดฟัน ]
[ โลหิตฟาดฟัน ]
…..
ในขณะที่เส้นพลังงานสีแดงถูกปล่อยออกจากมือของเขา ในเวลาเดียวกัน เขาก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนของข้อความดังขึ้นมาในหัว
[ หนูจอมตะปบพ่ายแพ้ ได้รับ 100 Exp ]
[ HP : 14/30 ]
[ หนูจอมตะปบพ่ายได้ ได้รับ 100 Exp ]
[ HP : 13/30 ]
…..
ข้อความยังคงแจ้งเตือนต่อไปจนกระทั่งในที่สุดหนูยักษ์ทั้งหมดก็ถูกกำจัด ควินน์ทรุดลงไปกับพื้นด้วยความอึดอัด เขาใช้สกิลโลหิตฟาดฟันติดต่อกัน พร้อมๆกับสกิลใหม่ของเขา โลหิตสาดกระเซ็น มันทำให้เขาเหนื่อยมากๆ
[ HP : 5/30 ]
[ สกิลกักเก็บโลหิตถูกใช้งานอัตโนมัติ ]
[ HP : 30/30 ]
[ สกิลกักเก็บโลหิตที่เหลืออยู่คือ 50 มิลลิลิตร ]
[ Exp : 1040/1600 ]
[ ขอแสดงความยินดี สกิลโลหิตฟาดฟัน อัพเป็น เลเวล 2]
หลังจากที่นั่งพักไปชั่วขณะและฟื้นเรี่ยวแรงกลับมาอีกครั้ง ควินน์ก็ลุกขึ้นยืนได้ในที่สุด เขาใช้เวลาอยู่สักครู่เพื่อรับข้อความที่แจ้งเตือนมากมาย
สกิลกักเก็บโลหิตของเขาในตอนนี้ เหลือเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น ตราบใดที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ เขาแค่ต้องดื่มเลือด 10 มิลลิลิตรในทุกๆสองวัน ซึ่งก็หมายความว่าเลือดที่เหลืออยู่ในสกิลกักเก็บโลหิตจะทำให้เขาอยู่ได้ทั้งหมดสิบวัน เขาไม่รู้ว่าจะติดอยู่บนดาวเคราะห์ดวงนี้นานแค่ไหน แต่เขาต้องคิดทวนทวนให้ดีถึงการใช้สกิลทั้งหมด
หากเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็นต้องต่อสู้ เขาจำเป็นต้องใช้หมัดทั้งสองข้างในการต่อสู้และพึ่งพาสกิลเลือดทั้งหมดในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น เช่น ในสถานการ์ณที่เพิ่งจะผ่านไป
ใครจะรู้ ว่ามีมนุษย์สักคนอยู่บนโลกนี้หรือเปล่า?
มีเพียงสองเรื่องที่คิดว่าดีจากสถานการณ์ที่เพิ่งเผชิญ ความจริงที่ว่าสกิลโลหิตฟาดฟันของเขาพัฒนาเป็นเลเวลสองแล้ว คำอธิบายเกี่ยวกับวิธีการใช้งานไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป แต่ถ้าคาดเดาจากการเลเวลอัพ เขาเชื่อว่าการโจมตีของมันจะรุนแรงขึ้น
ถ้าหากระบบที่เขามีอยู่เหมือนกับในเกม หมายความว่ายิ่งเขาใช้สกิลบ่อยๆ เลเวลของสกิลนั้นก็จะอัพเร็วยิ่งขึ้น ทว่าอย่างเดียวที่ทำให้ควินน์ไม่แน่ใจ คือการใช้สกิลโลหิตฟาดฟันในเกม VR จะช่วยให้สกิลต่างๆเลเวลอัพขึ้นด้วยหรือเปล่า มันไม่มีทางที่เขาจะรู้ได้เลย เพราะไม่มีแถบแสดงจำนวน Exp สกิลให้กับเขา
เรื่องดีเรื่องที่สองที่ได้จากการเผชิญหน้ากับฝูงหนูจอมตะปบ คือจำนวน Exp ที่เป็นรางวัล เพื่อให้ได้ Exp เท่ากันนี้ในปัจจุบัน เขาต้องใช้เวลานานหลายวันในการเล่นเกม VR
ควินน์จึงเดินไปที่ซากของสัตว์อสูรทั้งหมดที่อยู่บนพื้น ก่อนหน้านี้ที่ เขาสังหารหนูจอมตะปบตัวแรกไป เขาไม่มีเวลาที่จะดึงคริสตัลออกมาจากร่างกายของมันเลย แต่เมื่ออยู่ภายในอาคาร ดูเหมือนจะปลอดภัยจากสิ่งมีชีวิตที่น่าพิศวงอื่นๆแล้ว
เขาใช้กงเล็บปลายถุงมือเขาอสูร ฉีกร่างของพวกมันและค้นหาภายในจนทั่วทั้งตัวเพื่อมองหาคริสตัลที่ส่องแสงเป็นประกาย ซึ่งปกติแล้ว สำหรับมนุษย์ที่ลงมือทำเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก มักจะทำให้พวกเขามีปฏิกิริยาต่อต้าน บางทีคนพวกนั้นอาจจะอาเจียนออกมาสักสองสามครั้ง ก่อนที่จะทำการค้นหาคริสตัลในอวัยวะต่อไป
ทว่า ด้วยเหตุผลบางอย่าง ควินน์รู้สึกว่าเขาไม่ได้มีปฏิกิริยาที่ขยะแขยงอะไรและมันไม่ได้กวนใจเขาเลย เขาอดคิดไม่ได้ว่าตั้งแต่เขากลายเป็นครึ่งมนุษย์ มุมมองที่เขามองอยู่มันก็ดูปกติและไม่มีอะไรผิดเพี้ยนไป
หลังจากที่ค้นหาไปสักพัก ควินน์ก็พบกับคริสตัล มันเป็นลูกแก้วกลมๆเล็กๆ ที่มีลักษณะขรุขระนิดหน่อยทั่วทั้งเม็ด ซึ่งมีขนาดเท่ากันกับกำปั้นผู้ใหญ่
[ ได้รับคริสตัลของสัตว์อสูรระดับทั่วไป ]
[ คุณต้องการเก็บเอาไว้ใน ‘ช่องเก็บของ’ ของคุณหรือไม่? ]
จากนั้น ข้อความอื่นๆก็ปรากฏขึ้น
‘ช่องเก็บของ?’ ควินน์คิดในใจ ‘คุณหมายความว่า ผมมีมันมาตั้งแต่แรกงั้นเหรอ?’
ควินน์เลือกตัวเลือก ’ใช่’ และทันใดนั้น คริสตัลในมือของเขาก็ค่อยๆจางหาย และหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เขาจึงเปิดหน้าจอสถานะขึ้นมาดู ซึ่งตอนนี้มีแท็บสำหรับ ‘ช่องเก็บของ’ปรากฏขึ้นมา เมื่อเขาเลือกไปที่แท็บนั้น เขาก็เห็นคริสตัลของสัตว์อสูรตัวเดียวกันถูกเก็บอยู่ภายใน
‘ฉันสงสัยว่ามันจะใส่อะไรลงไปได้อีก’
จากนั้นควินน์ลองใช้ความคิดที่นึกได้ เพื่อเก็บถุงมือเขาอสูรของตัวเองเอาไว้ในช่องเก็บของ ถ้าเขาสามารถเก็บอาวุธและสิ่งของอื่นๆได้ มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการเดินทางสำหรับเขาในอนาคต เขาลองแล้ว ลองอีก แต่กลับไม่มีอะไรในระบบปรากฏขึ้นมาเสียอย่างนั้น
เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาอยากจะลองทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับระบบในช่วงอดีตที่ผ่านมา ทั้งหมดที่เขาต้องทำคือคิดเกี่ยวกับมัน แล้วมันจะได้ผล แต่ถึงแม้จะถอดถุงมือออกและถืออาวุธชิ้นนี้ไว้ หรือนึกถึง’ช่องเก็บของ’ขณะที่สวมถุงมืออยู่ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยสักนิด
แม้ว่าเขาจะนำคริสตัลที่เก็บเอาไว้มาปรากฏอยู่ในมือและนำเก็บกลับเข้าได้ก็ตาม
จากนั้น ควินน์ก็ไปขุดคุ้ยผนึกคริสตัลจากหนูยักษ์อีกเก้าตัว ครั้งต่อๆไปที่เขาลงมือทำ เขาพบว่ามันง่ายดายกว่าในครั้งล่าสุด และตลอดเวลาที่เขาถือคริสตัลเอาไว้ในมือ ข้อความจากระบบก็จะปรากฏขึ้น
[ คริสตัลของสัตว์อสูรระดับทั่วไป (10) ]
เขารวบรวมทั้งสิบเม็ดจนครบ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกพึงพอใจในตัวเอง คริสตัลของสัตว์อสูรเหล่านี้ สามารถนำไปสร้างเป็นอาวุธอสูรมากมาย หรือชุดเกราะสัตว์อสูรต่างๆได้ ทว่า เมื่อมองไปยังสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะคล้ายหนูเช่นนั้น เขาก็ไม่รู้จริงๆว่ามันจะใช้สร้างอะไรได้บ้าง
คริสตัลของสัตว์อสูรทุกตัว ขึ้นอยู่กับว่ามันได้มาจากสัตว์อสูรชนิดไหน เพราะการใช้งานนั้นแตกต่างกัน ซึ่งพวกเขาสามารถคาดเดาได้ว่าสัตว์อสูรแบบไหนจะสร้างอะไรได้บ้าง
ตัวอย่างเช่น หากได้รับคริสตัลของสัตว์อสูรที่มีลักษณะคล้ายกับเต่ายักษ์ ก็น่าจะเอาไว้สร้างอุปกรณ์สำหรับการป้องกัน บางที มันอาจจะกลายเป็นโล่ หรือแม้แต่ชุดเกราะดีๆสักชุดก็ได้
แต่ไม่ว่ายังไง ถ้าหากอุปกรณ์ที่ควินน์สร้างนั้นไม่มีประโยชน์ อย่างน้อยๆ สิ่งที่เขาทำได้ก็คือการขายคริสตัลสัตว์อสูรระดับกลางพวกนี้ คริสตัลในแต่ละเม็ดสามารถขายได้ทั้งหมดสิบเครดิต นั่นก็หมายความว่าเขาสามารถใช้เงินในการซื้ออาวุธอสูรด้วยตัวเอง หรือใช้จ่ายสำหรับช่วงเวลาในเกม VR ให้นานขึ้น
หลังจากจัดแจงระบบของเขา และค่าพลังงานก็ฟื้นตัวเต็มที่แล้ว ควินน์จึงตัดสินใจพยายามที่จะปีนขึ้นไปบนดาดฟ้าของตึกนี้ แม้ว่าสิ่งปลูกสร้างที่เขาอยู่ปลอดภัยดี แต่เขาก็อยู่ในช่วงเวลาที่เร่งรัดและต้องหาทางกลับไปให้ได้โดยเร็ว
เขาสำรวจให้ทั่ว และมองหารอยแตกหรือช่องว่างจากเศษซากที่เห็นในบันได จนในที่สุด หลังจากผ่านไปไม่กี่เส้นทาง เขาก็มาถึงจุดสูงสุดของตึก
ตึกนี้สูงประมาณ 3 ชั้นและไม่ได้ใหญ่ที่สุด แต่อย่างน้อย ในตอนนี้ เขาก็เห็นทิวทัศน์ที่ดีเพื่อจะได้รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน เมื่อเขามองไปรอบๆ ทั้งหมดที่เขาได้เห็นคือตึกมากมาย ที่มีลักษณะคล้ายกับมนุษย์สร้างขึ้น
ในตอนนั้นเอง เขาเห็นบางสิ่งบางอย่างที่น่าสงสัยเอามากๆ เมื่อมีตึกหลังหนึ่งมียอดตึกที่คล้ายกับโรงเรียนเตรียมทหารของเขา
“งั้น..ที่นี่ก็มีที่อยู่อาศัยจริงๆ แต่ทำไมมันถึงพังพินาศยับเยินแบบนี้”
มีอาคารขนาดใหญ่อยู่ที่หนึ่งและมีลักษณะคล้ายสี่เหลี่ยมจัตุรัส แต่มีความสูงเพียงสองชั้น ต่างจากตึกที่อยู่รอบๆ อาคารนั้นมีภาพลักษณ์ที่ดีกว่าตึกทั้งหมด
ควินน์จำอาคารนั้นขึ้นมาได้ เนื่องจากอาคารนั้นอยู่ในเมืองที่เขาอาศัยอยู่ในปัจจุบัน มันคือคลังเก็บของๆกองทัพ เป็นที่เก็บอุปกรณ์ระดับ high-end (ระดับสูง) ตำราแห่งทักษะต่างๆ ตำราสกิลต่างๆ รวมไปถึงอาวุธอสูรมากมาย
“มีโอกาสดีที่ประตูมิติอาจจะอยู่ที่นั่น?” ควินน์จึงเริ่มยิ้มออกมา “ถ้าหากที่นั่นไม่ใช่ ฉันก็ไม่มีอะไรจะต้องเสียเหมือนกัน”