ตอนที่ 96 ฉันไม่ปกติ
ก่อนที่ทีมช่วยเหลือจะมาถึง วอร์เด็นและควินน์ต่างก็นั่งลงยังลานกว้างของสนามประลอง ทั้งสองคนไม่มีเรื่องอะไรจะพูดคุยกันเท่าไหร่ ดังนั้นพวกเขาจึงชวนคุยเกี่ยวกับชีวิตในโรงเรียนเดิม
ชีวิตของควินน์ฟังดูเลวร้ายมาก เขาอธิบายว่าเขาถูกเลี้ยงดูมายังไงโดยที่ไม่มีพ่อแม่ และเขาถูกรังแกมากแค่ไหนตั้งแต่เข้าศึกษาในโรงเรียนนั้น การทําร้ายร่างกายกันในตอนแรกไม่ได้รุนแรงขนาดนี้ จนกระทั่งมีสนธิสัญญาสงบศึก เมื่อไม่มีสงครามอีกต่อไป ผู้คนก็เริ่มบ้าคลั่ง ทะเลาะเบาะแว้งกันเอง
อย่างไรก็ตาม เมื่อไหร่ที่ควินน์ถามวอร์เด็นเกี่ยวกับชีวิตในโรงเรียนของเขา เขาก็จะให้คําตอบที่ค่อนข้างเรียบง่าย หลายคําถามจากควินน์ในช่วงแรก เขาไม่ได้สังเกตเห็นถึงความผิดปกติอะไร แต่แล้วควินน์ก็เริ่มถามคําถามที่ยากจะหลีกเลี่ยง
ทว่าเป็นอีกครั้งที่วอร์เด็นพยายามเลี่ยงไม่ตอบคําถามสุดท้าย ควินน์เลยตัดสินใจที่หยุดซักใช้เขา การเข้าหากันแบบนี้มันไม่เหมาะสม ถ้าวอร์เด็นมีอะไรบางอย่างที่เขาไม่อยากแบ่งปันให้รู้ มันก็ขึ้นอยู่กับตัวเขาเอง
“เฮ้ ฉันเพิ่งสังเกตเห็นเจ้านั่น” วอร์เด็นพูดขณะที่ชี้ไปที่ข้อมือของควินน์
ควินน์ยกมันขึ้นมาดูและเขาก็ประหลาดใจกับสิ่งที่เขาเห็น ตัวเลขบนนาฬิกาข้อมือของเขายังคงระบุว่าเขาคือเลเวล 1
“ฉันคิดว่านายบอกเอาไว้ซะอีก ว่าตัวเลขจะเปลี่ยนไปในตอนที่ถูกกระตุ้นเซลล์กลายพันธุ์”
“ก็ใช่ นั่นคือสิ่งที่ควรเกิดขึ้น” วอร์เด็นยกมือขึ้นมาอยู่ที่คาง ขณะที่เขากําลังครุ่นคิดเป็นเวลาสักพักหนึ่ง “นายคิดบ้างหรือเปล่า ว่าเป็นเพราะนายเป็นแวมไพร์ เหมือนกับตอนที่ฉันไม่สามารถก๊อบบี้ทักษะเงาของนายได้ นาฬิกาที่นายสวมอยู่อาจจะวัดค่า MC ประเภทนี้ไม่ได้นะ”
เมื่อได้ทราบเรื่องใหม่ ควินน์ก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ด้วยการเรียนรู้ทักษะพิเศษนี้และแผนการที่วางร่วมกับวอร์เด็นไว้ เขาเฝ้ารอที่จะใช้ทักษะของตัวเองได้อย่างอิสระ ในฐานะผู้ใช้พลังเลเวล 6 คนพวกนั้นจะได้ไม่กล้าหาเรื่องเขาอีกในเวลาที่เขาเดินไปเดินมาอยู่ในโรงเรียน
แต่ตอนนี้ ถ้าเขาโชว์ให้คนอื่นเห็นว่าเขามีทักษะแห่งเงาและตัวเลขบนนาฬิกาของเขายังปรากฏเป็นเลเวลหนึ่ง คนอื่นๆก็จะสงสัยในตัวควินน์ พวกทหารคงเข้าใจว่านาฬิกามันเสีย เลยเอาเรือนใหม่มาให้เขาใส่ แต่ผลลัพธ์ของมันก็ไม่ต่างกันอยู่ดี
“ฉันคิดว่า มันอาจจะดีที่สุด ถ้าตอนนี้นายซ่อนทักษะแห่งเงาของนายเอาไว้” วอร์เด็นพูด “นายซ่อนพลังแวมไพร์ของนายมาได้ตั้งนาน ทักษะที่ได้ใหม่ก็คงไม่ยากอะไรหรอกจริงไหม?”
วอร์เด็นเห็นว่าควินน์มีท่าทางไม่สบายใจกับเรื่องที่ตนพูดไป หลังจากที่รู้ว่าควินน์เคยผ่านอะไรในโรงเรียนมาบ้าง ในที่สุด เขาเองก็เข้าใจวอร์เด็นคิดเขากําลังเหลือช่วยควินน์ด้วยการทําร้ายชั้นปีที่สองเพื่อแก้แค้นให้ แต่มันกลับทําให้ควินน์และปีเตอร์กลายเป็นเป้าหมายที่ใหญ่กว่าเดิม
‘ฉันเห็นแก่ตัวชะมัด’ วอร์เด็นคิดในใจ
“อย่าซึมแบบนั้นสิ” วอร์เด็นพูด “ถ้าเราเจอใครสักคนที่เก่งด้านเทคโนโลยี เราให้พวกเขาดัดแปลงนาฬิกาของนายก็ได้ เพราะพวกเขาไม่จําเป็นต้องหาเซลล์กลายพันธ์ของนายด้วยซ้ํา แค่แฮ็กให้ตัวเลขมันแสดงหมายเลขหกก็พอ ยิ่งกว่านั้น พอนึกถึง ไบรท์ไซด์ (Brightside) การแข่งขันทางกองทัพที่กําลังจะจัดขึ้น มันคงจะดีที่สุดถ้านายเก็บความลับเอาไว้จนกว่าจะถึงตอนนั้น แล้วก็แสดงบนเวทีให้ทุกคนรู้ซะ ว่าตอนนี้นายกลับมาจากนรกพร้อมกับเลเวลหก พวกเขาจะต้องตกใจสุดๆ ที่นายเรียนรู้พลังได้รวดเร็วแบบนี้ เพราะงั้นมันต้องเวิร์คแน่”
การที่ได้ยินคําพูดทั้งหมด นั่นทําให้ควินน์ร่าเริงขึ้นมาเล็กน้อย ในโรงเรียนมีคนที่เก่งเรื่องเทค โนโลยีอยู่แล้ว ปัญหาเดียวก็คือการที่จะเข้าถึงตัวบุคคลดังกล่าว บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งที่เรย์ร่า ทําได้ดีกว่าเขา
ในตอนนั้นเอง จ่าทหารหญิงและอาจารย์ท่านอื่นๆก็เข้ามาในสนามประลอง น่าประหลาดใจมาก คนแรกที่ดิ่งเข้ามาหาพวกเขาทั้งคู่คืออาจารย์เดล ครูประจําชั้นของพวกเขา อาจารย์หนุ่มวิ่งเข้ามาหาและโผกอดนักเรียนทั้งสองทันที
“ผมดีใจมากเลยที่พวกเธอทั้งสองคนปลอดภัย” เขากล่าวพร้อมกับน้ําตาที่อาบแก้ม
ควินน์และวอร์เด็นคิดว่ามันช่างน่าเอ็นดู เนื่องจากไม่ได้รับรู้ว่าครูประจําชั้นของพวกเขาจะเป็นห่วงทั้งคู่มากขนาดนี้
แต่ความจริงก็คือ เดลไม่ได้สนใจเด็กๆทั้งสองคนเลยสักนิด เขาเต็มไปด้วยน้ําตาแห่งความปิติที่พวกเขาไม่จําเป็นต้องอยู่บนดาวเคราะห์ที่น่ากลัวแบบนี้อีกต่อไป เขารู้สึกราวกับว่ายิ่งอยู่ในสถานที่เช่นนี้นานเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมีโอกาสตายมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะที่ได้เห็นฉากศพของเอียนบนพื้น
เฮย์ลี่ย์เดินเข้ามาหาพวกเขาทั้งคู่และทําการตรวจสุขภาพทั่วๆไป เพื่อเช็คดูว่าพวกเขาสบายดีหรือเปล่า “เธอดูแตกต่างจากครั้งล่าสุดที่เราเจอกันนิดหน่อยนะ?” เฮย์ลี่ย์พูดกับควินน์
“คุณจําผมได้เหรอครับ?”
“แน่นอน ฉันจําได้แม่นเลยล่ะ เธอพาเด็กผู้หญิงคนนั้นไปที่ทํางานของฉันตอนนั้นไง”
ไม่ค่อยมีใครจําควินน์ได้ ว่าเขามีหน้าตาเป็นยังไงหลังจากที่เคยเห็นเขาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทําให้อาจารย์คนอื่นๆ ไม่มีปฏิกิริยาใดๆเมื่อเห็นเขา ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างแปลกใจ
“เด็กผู้ชายก็มักจะโตเร็วอยู่แล้ว เธอดูหนุ่มขึ้นนะ” หญิงสาวพูดพลางยิ้มๆ
เธอไม่รู้เหมือนกันว่าทําไม แต่เมื่อเธอสัมผัสควินน์ไปทั่ว เธอรู้สึกได้ถึงกล้ามเนื้อที่เป็นมัดๆ ร่างกายของเขาดูฟิตขึ้นตามอายุ และบรรยากาศอะไรบางอย่างก็ได้เข้ามาครอบงําเธอเล็กน้อย
[ ดูเหมือนว่าเอฟเฟกต์ “เสน่ห์” (Charm) จะทํางานนะครับ ] ระบบกล่าว [ น่าเสียดาย ที่คุณไม่ได้อัพค่าสถานะดังกล่าวทั้งหมด ไม่งั้น เธอคงสารภาพรักกับคุณตอนนี้ ที่นี่เลยด้วยซ้ํา ]
ตอนแรก ควินน์คิดว่าระบบคงพูดเล่น แต่พอมองไปที่ใบหน้าของเฮย์ลี่ย์ เธอใช้เวลาตรวจร่างกายของเขานานกว่าเมื่อเทียบกับวอร์เด็น จังหวะนั้นเอง เธอสะดุ้งสุดตัวและเอามือออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่เช็คส่วนสําคัญและพบว่าทุกอย่างปกติ หญิงสาวก็ส่งเม็ดยาอาหารเสริมให้กับพวกเขาทั้งคู่ วอร์เด็นกลืนเม็ดยาลงไปทันที ในขณะที่ควินน์ก็ทําเช่นเดียวกัน
แม้ว่าควินน์จะอิ่มอยู่แล้ว แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะกินยาเม็ดนั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อควินน์นํายาเข้าไปในปากและกลืนมันลงคอ เขาก็เริ่มไอออกมาอย่างหนักหน่วงราวกับสําลักเม็ดยา
“เขาสําลักงั้นเหรอ?” เดลถาม
“ฉันก็สงสัยเหมือนกัน ยาเม็ดนั้นมีขนาดเทียบเท่ากับเมล็ดถั่วและมันก็ละลายแทบจะทันทีที่กลืนนะ”
เควินน์ยังคงไอไม่หยุด โดยใช้มือทั้งสองข้างไปที่หัวเข่า ก่อนจะอาเจียนออกมา
เฟย์ ที่ยืนอยู่ใกล้กับเฮย์ลี่ย์ หันไปมองหน้าเธอด้วยความเป็นกังวล “เฮย์ลี่ย์ รีบเช็คร่างกายของเขาทีค่ะ มีเลือดปนอยู่ในอาเจียนของเขา”