Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] – บทที่ 136 สีม่วง

สีหน้าของเซียวเฟิงไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับการกระทำของเธออยู่แล้ว ในขณะที่เซียวหลิงก็ได้แต่อ้าปากค้างมองตามหลังซือเย่จิ๋งไป แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ หลังจากมองเซียวเฟิงแล้วเจ้าตัวก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเหมือนคนแก่

หลังมื้ออาหารจบ เซียวหลิงเข้านอนอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เซียวเฟิงก็กลับไปออนไลน์ในเกมดังเดิมหลังจากทำความสะอาดถ้วยชามเสร็จแล้ว

ตอนนี้เขาได้หลุดออกจากอันดับไปแล้วเพราะตายไป 1 ครั้ง ดังนั้นตอนนี้ชายหนุ่มจึงต้องมุ่งเน้นไปที่การเก็บเลเวลก่อน

เซียวเฟิงไม่ได้มุ่งหน้าไปยังสาขาในเมืองเทียนหลงหรือตามหาตัวกัปตันโบลตันแต่อย่างใด นั่นเป็นเพราะภารกิจของเขามันมีมากมายจนนับไม่ถ้วน แต่กลับมีรางวัลเป็นเพียงค่าประสบการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น

หากเซียวเฟิงยังคงทำภารกิจหลักต่อไป…เขาคงก็ตามพวกที่ตั้งหน้าตั้งตาเก็บเลเวลอย่างบ้าคลั่งไม่ทันแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็จะเสียอันดับหนึ่งในอันดับเลเวลไป แถมตอนนี้ซีเหมินชุยเสวียก็ได้มาถึงเลเวล 16 แล้วด้วย

เซียวเฟิงมุ่งหน้าไปยังสุสานใต้พิภพ เขาตั้งใจจะไปจัดการพวกทหารโครงกระดูกที่ภูเขากระดูกก่อน เพราะมอนสเตอร์เหล่านี้ถือเป็นแหล่งฟาร์มค่าประสบการณ์กองใหญ่สำหรับเขาเลย ชายหนุ่มมั่นใจว่ามันจะสามารถทดแทนค่าประสบการณ์ที่สูญเสียไปได้อย่างแน่นอน

ทหารกระดูกที่เกิดขึ้นตามทางถูกล่อให้โจมตีเข้าหาเซียวเฟิง ทั้งนี้ก็เพื่อที่เขาจะได้รู้ว่ามันอยู่ตรงไหนกันบ้าง ห่าศรมากมายดิ่งลงมาจากฟากฟ้าจนเหมือนกำแพงศรเฉี่ยวหน้าเซียวเฟิงไปเพียงไม่กี่ก้าว เขาสามารถหลบการโจมตีเหล่านั้นได้และปลีกตัวออกจากพวกมันได้สำเร็จ

ภายในดันเจี้ยนสุสานใต้พิภพชั้น 1 นี้ยังมีพวกมันหลบซ่อนอยู่อีกจำนวนมากจริง ๆ ด้วย โชคดีที่เสี่ยวเสวี่ยมีความเร็วที่สูงพอตัว ไม่งั้นเขาคงได้ตายรอบที่ 2 ไปแล้ว!

เหล่ามอนสเตอร์ภายในดันเจี้ยนนั้นเกิดใหม่มากว่าครึ่งหนึ่งแล้ว แต่เพราะเซียวเฟิงชินกับตำแหน่งของพวกมัน ครั้งนี้เขาจึงไม่ได้ระวังตัวเต็มที่เหมือนดังคราวก่อน

อนึ่งก็เพราะจำนวนของพวกมันไม่ได้เยอะเหมือนครั้งที่แล้วด้วย เพียงแค่หนึ่งชั่วโมง มอนสเตอร์ที่ดูละลานตาก็ถูกเขากำจัดไปจนหมด

ค่าประสบการณ์จำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาในตัวเซียวเฟิง และมันทำให้เขาอัพเลเวลจาก 15 ไปเลเวล 16 อย่างไม่ยากเย็นนัก ซึ่งตอนนี้เลยกลายเป็นว่าเขามีพลังชีวิตสูงเกิน 400 ไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังอยู่ในลำดับที่สองของอันดับอยู่ดี ยังไม่สามารถเอาชนะซีเหมินชุยเสวียไปได้

นั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่เซียวเฟิงไม่สามารถยอมได้ สายตาของเขาเคลื่อนไปหยุดอยู่ที่ทางเข้าของดันเจี้ยนชั้นที่ 2

มอนสเตอร์ที่เลเวลสูงที่สุดของชั้นที่ 1 คือ 30 และเขาก็ไม่คิดว่าที่ดันเจี้ยนชั้นที่ 2 จะมีมอนสเตอร์ที่เลเวลสูงไปกว่านี้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงตั้งใจจะขึ้นไปดูด้วยตาตนเอง

[ท่านไม่สามารถผ่านไปยังชั้น 2 ได้จนกว่ามอนสเตอร์ในชั้นที่ 1 จะถูกกำจัดจนหมด]

เสียงเตือนของระบบดังขึ้นทำให้เซียวเฟิงต้องชะงัก เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าต้องจัดการมอนสเตอร์ที่ชั้น 1 ให้หมดก่อนถึงจะไปยังชั้นที่ 2 ได้ นั่นหมายความว่าเขาต้องตามไปไล่กำจัดเหล่ามอนสเตอร์ที่ยังเล็ดลอดอยู่จากการกวาดล้างก่อนหน้านี้ ซึ่งงานนี้ไม่ใช่ว่าจะทำแปป ๆ แล้วก็เสร็จได้ เพราะพวกมันล้วนแต่พากันไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหนบ้างก็ไม่รู้

ช่วงเวลากว่า 2 ชั่วโมงที่ใช้ไล่ล่ามอนสเตอร์พวกนี้ เซียวเฟิงก็แบ่งเวลาส่วนหนึ่งไปอ่านฟอรั่มเพื่อตามข่าวสารด้วย ภายในฟอรั่มเองก็ไม่มีข่าวอะไรน่าสนใจนอกเสียจากประกาศหาคนงานเพิ่มของมิดซัมเมอร์ที่เห็นมาพักหนึ่งแล้ว ดูเหมือนว่ามิดซัมเมอร์เองก็จะพยายามเร่งมือและก่อสร้างแคมป์ของตนด้วยความระมัดระวังเพื่อรอรับศึกป้องกันแคมป์ที่จะเกิดในอีกไม่นานนี้ ทว่าใครบางคนเได้ปิดเผยข้อมูลไว้ว่าแคมป์ของมิดซัมเมอร์นั้นตั้งอยู่บนพื้นที่โล่งที่ด้านนอกของเมืองเทียนหลง เพราะเห็นสมาชิกกิลด์วุ่นวายอยู่บริเวณนั้นราวกับมดงานที่กำลังงานล้นมือเลย

ครืน!

หลังจากที่มอนสเตอร์ตนสุดท้ายถูกกำจัดลง ดันเจี้ยนชั้นที่ 1 ก็เกิดการสั่นสะเทือนไปทั่วราวกับมีแผ่นดินไหว ฝุ่นที่เกาะอยู่ตามกำแพงมันฟุ้งกระจายออกมาเต็มไปหมด ซึ่งในขณะเดียวกัน มันก็ดูจะมีปริมาณฝุ่นเพิ่มขึ้นด้วยภายในดันเจี้ยนใต้พิภพนี้

“เกิดอะไรขึ้นน่ะ?”

เซียวเฟิงระแวงรอบตัวอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มรู้สึกว่านี่ไม่ใช่แผ่นดินไหวปกติ มันน่าจะเป็นอะไรบางอย่างที่มีขนาดใหญ่โตกำลังย่างกรายเข้ามามากกว่า มันจะต้องเป็นบอสแน่ๆ!

[เพราะท่านได้ทำการกำจัดมอนสเตอร์บนชั้นที่ 1 หมดแล้ว ผู้คุ้มกันจึงถูกปลุกให้ตื่นขึ้น ขอท่านจงระวังตัว!]

ยึดเอาตามที่ระบบประกาศเมื่อครู่ เซียวเฟิงคิดว่าเขาน่าจะเดาถูกแล้ว ที่บริเวณส่วนกลางของชั้นที่ 1 จิตวิญญาณของเหล่าอันเดธต่างเข้ามารวมตัวกันและก่อตัวขึ้นเป็นอัศวินวิญญาณอันเดธ เขาไม่รอช้าที่จะใช้ทักษะการตรวจสอบขั้นสูงสอดส่องมันทันที และทันใดนั้นสีหน้าของชายหนุ่มก็ต้องแสดงความตกใจออกมา

ผู้คุ้มกันชั้นที่ 1 แห่งปราสาทใต้พิภพ

เลเวล : 30

ระดับ : บอสเทพเจ้า

ธาตุ : อันเดธ

พลังชีวิต : 175,000/175,000 หน่วย

พลังโจมตี : 3,050-3,100 หน่วย

พลังเวท : 1,900-2,000 หน่วย

พลังป้องกันกายภาพ : 2,700-2,800 หน่วย

พลังป้องกันเวทมนตร์ : 2,700-2,800 หน่วย

สกิล : ระเบิดแรงสูง, สัมผัสแห่งความตาย, จู่โจม, ออกล่า, วจนแห่งความตาย, เกราะอันเดธ, ต่อต้านอันเดธ, สละชีพ, เพลิงปีศาจ, ซากศพ, ขุมพลังแห่งทวยเทพ

คำอธิบาย : ‘ผู้คุ้มกันชั้นที่ 1 แห่งปราสาทใต้พิภพ จะปรากฏตัวก็ต่อเมื่อถูกรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่เพื่อขับไล่ผู้รุกรานออกไป’

บอสเทพเจ้าเลเวล 30 อีกตัว? เซียวเฟิงตกใจกับสิ่งที่เห็นนี่ไม่น้อย เพราะเขาไม่เคยคิดเลยว่าตัวเขาจะต้องมาเจอบอสระดับเทพเจ้าถึง 2 ตัวในวันเดียวกัน

อีกทั้งบอสระดับเทพเจ้าตัวนี้ยังเป็นแค่ผู้คุ้มกันชั้นที่ 1 ด้วย แค่นี้ก็บอกได้แล้วว่าดันเจี้ยนสุสานใต้พิภพนั้นไม่ใช่ง่าย ๆ เผลอ ๆ มันอาจจะน่ากลัวกว่าเมืองแห่งความโศกเศร้าอีกด้วย

ผู้คุ้มกันตนนี้มีสถานะไม่ด้อยไปกว่าผู้คุ้มกันประจำเมืองแห่งความโศกเศร้าเลย มีเพียงแค่พลังชีวิตและพลังป้องกันที่ด้อยกว่านิดหน่อย แต่ก็ทดแทนมาด้วยพลังโจมตีที่ค่อนข้างสูง รูปร่างของมันแอบเรียกได้ว่าตัวเล็ก แสดงว่ามันน่าจะเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าผู้คุ้มกันประจำเมืองแห่งความโศกเศร้า โดยเฉพาะในดันเจี้ยนแบบนี้

“เดี๋ยวก่อน…ไหนสกิลกลิ่นของอันเดธล่ะ?”

หลังจากที่วนอ่านค่าสถานะของบอสตรงหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีก เท้าที่ก้าวถอยไปนั้นก็ถูกชักกลับมาเมื่อเขามั่นใจแล้วว่าบอสตนนี้ไม่มีสกิลกลิ่นของอันเดธ จากนั้นใบหน้าของเซียวเฟิงก็ปรากฏรอยยิ้มที่ห้าวหาญขึ้นมา

ความลังเลภายในใจถูกขจัดหายไป คทาแห่งการรักษาถูกหยิบขึ้นมาโบกสะบัดพร้อมร่ายแสงศักดิ์สิทธิ์ใส่ผู้คุ้มกันชั้นที่ 1 อย่างไม่เกรงกลัว

-236,250!

“เสี่ยวเสวี่ย!”

เซียวเฟิงรีบทะยานขึ้นขึ่เสี่ยวเสวี่ยที่พุ่งออกมาจากมิติ จากนั้นเขาก็ใช้มันวิ่งไปรอบ ๆ ดันเจี้ยนเพื่อคอยหลบการโจมตี ทั้งนี้เพราะพลังโจมตีของบอสระดับเทพเจ้านั้นไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลย ถึงชายหนุ่มจะสู้ได้ แต่นั่นก็หมายถึงต้องไม่โดนโจมตีไปเสียก่อน ดังนั้นควรจะต้องรักษาระยะห่างเอาไว้ แต่ขณะเดียวกันก็เพื่อซื้อเวลาให้สกิลโฮลี่ไลท์คูลดาวน์เสร็จไปด้วย

“เสี่ยวเสวี่ย เร็วขึ้นอีก!”

เมื่อเห็นว่าผู้คุ้มกันตนนั้นเองก็ขี่ม้าศึกโครงกระดูกที่ซึ่งบนหัวของมันมีกระโหลกมังกรประดับอยู่ตามมาติด ๆ เซียวเฟิงก็ตะโกนเพื่อให้เสี่ยวเสวี่ยเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นไปอีกด้วยความหวาดกลัวที่เริ่มก่อตัวขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

“ฮึ่ม!”

โชคยังดีที่เสี่ยวเสวี่ยนั้นไม่ใช่สัตว์ขี่ระดับทั่วไป เขาแหลมและปีกที่ถูกซ่อนไว้นั้นเผยออกมาหลังจากที่ทำความเร็วได้ระดับหนึ่งแล้ว ยามเมื่อปีกคู่นั้นกระพือ ร่างของเซียวเฟิงก็รู้สึกได้ถึงมวลอากาศที่ซัดผ่านเข้ามาที่ด้านหน้า เขากำลังบิน! แม้จะเป็นระยะทางสั้น ๆ แต่มันก็ทำให้ชายหนุ่มสามารถหนีพ้นการไล่ตามนั้นได้

ความสลับซับซ้อนของโครงสร้างภายในดันเจี้ยนแห่งนี้ ถือเป็นตัวช่วยชะลอความเร็วของอสูรร้ายที่ไล่ตามเซียวเฟิงได้เป็นอย่างดี หลังจากที่เขาสลัดมันหลุดจากการไล่ตามได้ มันก็เป็นเวลาเดียวกับที่โฮลี่ไลท์คูลดาวน์เสร็จพอดี เซียวเฟิงไม่รอช้าที่จะหันกลับไปแล้วร่ายสกิลใส่หัวผู้คุ้มกันอีกครั้ง

-236,251!

ตัวเลขแสดงความเสียหายปริมาณมหาศาลปรากฏขึ้นพร้อมกับหลอดพลังชีวิตของบอสผู้คุ้มกันที่หายไปถึง 1 ใน 3 ของพลังชีวิตทั้งหมด

“โฮกกกกก!”

เสียงคำรามของผู้คุ้มกันชั้นที่ 1 ดังสนั่นไปทั่วทั้งชั้น เสียงนั้นดังยิ่งกว่าเดิมเมื่อมันตระหนักได้ว่ามันโดนเซียวเฟิงโจมตีถึง 2 ครั้งแล้วโดยที่ตัวมันเองไม่สามารถแตะต้องตัวเขาได้เลย

ไม่นานจากที่โฮลี่ไลท์ถูกร่ายไป คูลดาวน์มันก็เสร็จสิ้น ทำให้เซียวเฟิงร่ายสกิลใส่บอสที่กำลังโมโหร้ายตนนั้นไปอีก คราวนี้มันเหลือพลังชีวิตเพียงแค่ครึ่งเดียวแล้วเท่านั้น

เซียวเฟิงรู้แล้วว่าผู้คุ้มกันในดันเจี้ยนแห่งนี้ไม่ได้ฉลาดเหมือนกับผู้คุ้มกันประจำเมืองแห่งความโศกเศร้า ตัวมันเองก็ไม่ได้ต่างจากบอสตนอื่น ๆ ที่มีดีแค่เลเวลกับระดับสูงกว่าเท่านั้น

แต่การที่มันสามารถกำจัดได้ง่าย ๆ เช่นนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีกว่านั่นแหละ

เพียงไม่กี่นาที พลังชีวิตของผู้คุ้มกันชั้นที่ 1 ก็หายไปจนเกือบจะหมดสิ้นจากการโจมตีเพียงไม่กี่ครั้งของเซียวเฟิง โดยที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ จากบอสตนนี้เลย

เมื่อคูลดาวน์ของโฮลี่ไลท์หมดลงไปอีกครั้ง เซียวเฟิงก็หยุดวิ่งและหันไปร่ายสกิลใส่ผู้คุ้มกันชั้นที่ 1 เป็นครั้งสุดท้าย

[ท่านได้ทำการกำจัดบอสเลเวล 30 ระดับเทพเจ้า ผู้คุ้มกันชั้นที่ 1 แห่งปราสาทใต้พิภพเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ได้รับค่าประสบการณ์ 9,000,000 หน่วย!]

[ท่านเป็นผู้เล่นคนแรกในเซิร์ฟเวอร์ที่สามารถกำจัดบอสระดับเทพเจ้าได้ ได้รับค่าชื่อเสียง 100 แต้ม และฉายาใหม่ ‘ผู้สังหารเทพเจ้า’!]

[ยินดีด้วย! ท่านเลเวลอัพเป็น 17 แล้ว ได้รับค่าสถานะเพิ่มขึ้น 1 แต้ม!]

[ท่านได้ทำการกำจัดบอสเทพเจ้าแล้ว ระบบจะทำการประกาศไปทั่วทั้งเซิร์ฟเวอร์ ท่านต้องการปกปิดตัวตนหรือไม่?]

[เนื่องจากชื่อตัวละครของท่านไม่เป็นไปตามข้อตกลงของการใช้งาน ดังนั้นระบบจะทำการซ่อนชื่อของท่านโดยอัตโนมัติ]

แสงสีขาวสว่างจ้าขึ้นจากตัวของเซียวเฟิง จากหลอดค่าประสบการณ์เลเวล 16 ที่ว่างเปล่าของเขา ณ ตอนนี้มันกลายเป็นหลอดประสบการณ์เลเวล 17 ที่มีค่าประสบการณ์อยู่ครึ่งหนึ่งไปแล้ว

ขณะเดียวกันนั้นเอง เสียงประกาศของระบบก็ดังไปทั่วทั้งเซิร์ฟเวอร์

[ประกาศถึงผู้เล่นทั่วเซิร์ฟเวอร์! ผู้เล่นจากเขตฮั่วเซียสามารถกำจัดบอสเทพเจ้าได้เป็นเขตแรก เขตฮัวเซียได้รับแต้มเกียรติยศ 20 แต้ม!]

[ประกาศถึงผู้เล่นทั่วเซิร์ฟเวอร์! ผู้เล่นจากเขตฮั่วเซียสามารถกำจัดบอสเทพเจ้าได้เป็นเขตแรก เขตฮัวเซียได้รับแต้มเกียรติยศ 20 แต้ม!]

[ประกาศถึงผู้เล่นทั่วเซิร์ฟเวอร์! ผู้เล่นจากเขตฮั่วเซียสามารถกำจัดบอสเทพเจ้าได้เป็นเขตแรก เขตฮัวเซียได้รับแต้มเกียรติยศ 20 แต้ม!]

[ประกาศถึงผู้เล่นทั่วเซิร์ฟเวอร์…]

[ประกาศถึงผู้เล่นทั่วเซิร์ฟเวอร์…]

[ผู้เล่น XXX เป็นคนแรกที่สามารถกำจัดบอสเทพเจ้าได้ในเซิร์ฟเวอร์ ได้รับค่าชื่อเสียง 100 แต้ม! และฉายาใหม่ ‘ผู้สังหารเทพพระเจ้า’!]

[ผู้เล่น XXX …]

[ผู้เล่น XXX …]

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสถานการณ์ของโลกเสมือนแห่งนี้จะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะในเขตฮั่วเซีย

“เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นวะเนี่ย? มีคนกำจัดบอสเทพเจ้าแล้วงั้นเหรอ? ขนาดฉันยังไม่เคยแม้แต่จะกำจัดบอสระดับทั่วไปในดันเจี้ยนเลยนะ!”

“ชื่อ XXX อีกแล้ว ใช่เจ้าแห่งฮีลเลอร์หรือเปล่าน่ะ?”

“ยังเป็นคนอื่นได้อีกหรือไง? ว่าแต่เขาไปเจอบอสระดับเทพเจ้ามาจากไหนน่ะ? แต่เขาเป็นนักบวชไม่ใช่เหรอ? เป็นไปได้ไหมว่าบอสตัวนั้นถูกพวกกิลด์ใหญ่ล่าตัวอยู่แล้ว เจ้าแห่งฮีลเลอร์ไปโจมตีปิดฉากน่ะ?”

“มันไม่น่าจะเป็นเจ้าแห่งฮีลเลอร์ได้นะ… บางทีอาจจะเป็นคนอื่นที่มีพลังแข็งแกร่งแต่ยังทำตัวติดดินอยู่ก็ได้”

“ไม่! มันต้องเป็นเขาแน่ ๆ! ลองดูอันดับเลเวลสิ ไม่ถึงวันก่อนหน้านี้เขาเพิ่งจะลงไปเป็นอันดับสองเองนะ นี่เขาสามารถกลับมาอยู่ที่ 1 ได้อีกแล้ว! นายก็น่าจะรู้ว่าการเก็บเลเวลในเกมนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ถ้าไม่ใช่จากบอสเทพเจ้า”

“รอดูอันดับอุปกรณ์ก่อน! บอสเทพเจ้าจะต้องดร็อปของระดับเทพเจ้าหรือไม่ก็อาร์ติแฟคท์แน่ ๆ!”

“เฮ้ย ๆ! ดูนั่นสิ! อันดับ 1 ของอันดับอุปกรณ์คือ อาร์ติแฟคท์!”

ทุก ๆ คนต่างตกตะลึงกัน ณ จังหวะนั้น รวมถึงเซียวเฟิงด้วย เขาเกือบจะลืมหายใจไปแล้วขณะที่สายตาของเขาไม่สามารถละออกจากแสงสีม่วงตรงหน้าได้เลย

แสงสีม่วง…มันคือแสงที่เปล่งออกมาจากอุปกรณ์ระดับอาร์ติแฟคท์!

ผู้คุ้มกันชั้นที่ 1 แห่งปราสาทใต้พิภพตนนี้ไม่ได้ดร็อปอะไรมากมายหลังจากที่มันตายลงไปแล้ว พอร่างของมันสลายกลายเป็นหมอกสีดำ มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่เปล่งแสงอยู่ ณ จุดที่มันจากไป และสิ่ง ๆ นั้นก็เปล่งแสงสีม่วงออกมาอย่างเห็นได้ชัด ไอเทมเพียงหนึ่งเดียวที่บอสตนนั้นเหลือไว้ให้!

เซียวเฟิงเริ่มกลับมาหายใจถี่ขึ้นขณะที่เดินเข้าไปใกล้แสงสีม่วงนั้น เขาหยิบมันขึ้นมา สิ่งนั้นคือไอเทมสวมใส่ชนิดหมวก รูปร่างของมันค่อนข้างโดดเด่นเพราะมีรูปร่างเป็นเหมือนกระโหลกมังกรแบบเดียวกับที่อยู่บนหัวม้าศึกของผู้คุ้มกันชั้นที่ 1

[ยินดีด้วย ท่านได้รับไอเทม ‘กระโหลกมังกร’ และขยับขึ้นเป็นอันดับ 1 ของอันดับอุปกรณ์ภายในเขตฮั่วเซีย ท่านต้องการปกปิดชื่อหรือไม่?]

[เนื่องจากชื่อของท่านไม่เป็นไปตามข้อบังคับที่กำหนดไว้ ระบบจะทำการซ่อนชื่อของท่านโดยอัตโนมัติ!]

Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]

Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]

Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]
Score 6.8
Status: Ongoing
อ่านนิยาย Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]เซียวเฟิง นักเล่นเกม E-Sport แนว MOBA ชื่อดังกำลังถูกบังคับให้ยอมแพ้ในการแข่งขันชิงแชมป์โลก เขาเลือกที่จะปฏิเสธจนทำให้ชีวิตของเขาต้องล้มเหลว จนต้องไปสมัครเป็นพนักงานร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ อยู่มาวันหนึ่งเขาได้ยินประกาศเกี่ยวกับเกมออนไลน์แนวใหม่ชื่อว่า “มิธ” มันเป็นเกมที่ไม่ใช่เกม แต่มันคือโลกใบที่สอง จิตวิญญาณความเป็นเกมเมอร์ได้กลับเข้าร่างของเขาอีกครัั้ง เซียวเฟิงจะต้องก้าวขึ้นเป็นที่หนึ่งในโลกแห่งมิธเพื่อหาเลี้ยงน้องสาวตัวเองให้ได้!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset