“พี่เซียว…”
ยิ่งรู้สึกเขินอายมากขึ้น เฉียนโตวโตวก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูก เธอยกนิ้วชี้ขึ้นมาจิ้มกันเองขณะที่ใบหน้าแดง ๆ ตอนนี้แทบจะกลายเป็นสตรอเบอร์รี่ไปแล้ว
…
เซียวเฟิงเขวี้ยงกล่องถุงยางไปไกลหลังจากตระหนักได้แล้วว่ามันคืออะไรพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงโกรธ “มันใช่สิ่งที่คนเจอกันครั้งแรกทำกันที่ไหนละเฟ้ย!”
“เอ๊ะ…อ๊ะ? พี่เซียวไม่ได้เรียกฉันมาเพราะเหตุผลนี้เหรอ?” สีหน้าของเฉียนโตวโตวแสดงให้เห็นถึงความผิดหวังและสับสนปน ๆ กัน เธอมองเซียวเฟิงต่อด้วยความสงสัย
“ขอโทษนะ ฉันไม่สนใจสาว ๆ อกแบนหรอก”
เขาตอบหลังจากมองสาวตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ฉะ…ฉันยังโตได้อีกน่า!”
เฉียนโตวโตวเบ้ปากแล้วพูดกลับด้วยความรู้สึกเหมือนโดนกลั่นแกล้ง
“ถ้างั้นไว้รอวันนั้นมาถึงค่อยคุยกันเรื่องนี้ใหม่” ชายหนุ่มตอกกลับด้วยความไม่แยแส
“ฮึ่ม! แล้วพี่จะต้องเสียใจ!” หลังจากพูดไปเช่นนั้น เฉียนโตวโตวก็กลับมาอยู่ในโหมดจริงจังดังที่เป็นอยู่ปกติ “แล้วพี่จะเรียกฉันมาทำไมน่ะ พี่เซียว?”
“ไปซื้อคฤหาสน์ให้หน่อย ให้มันเป็นชื่อของฉัน ฉันเลือกเอาไว้แล้ว…” ชายหนุ่มเอ่ยตอบ
เรื่องนี้เขาวางแผนมานานแล้วตั้งแต่ที่สามารถสร้างเม็ดเงินมหาศาลจากการประมูลโทเคนกิลด์ชิ้นแรกได้ คฤหาสน์หลังที่ว่านั้นเป็นคฤหาสน์ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาซึ่งราคามันสูงมาก ๆ แต่ถึงจะมีเงินแล้วในตอนนี้ แต่เขาก็ยังไม่ว่างพอจะไปจัดการเรื่องซื้อ ดังนั้นจึงตั้งใจจะให้เฉียนโตวโตวไปทำเรื่องนี้แทน
ภายในเมืองเฉิงไห่นี้ เขามีคนรู้จักน้อยมาก และเฉียนโตวโตวก็ถือเป็นหนึ่งในนั้น เพราะงั้นเขาจึงคิดว่าเธอน่าจะช่วยเขาได้
“เข้าใจแล้ว! พี่ตัดสินใจมาขอถูกคนแล้วล่ะ เดี๋ยวฉันจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้เลย!”
เมื่อได้ยินคำอธิบายของเซียวเฟิง เฉียนโตวโตวก็แสดงความขี้เล่นออกมาโดยการทำความเคารพแบบทหารก่อนจะวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เธอดูเร่งรีบเสียจนลืมที่จะปิดประตูห้องให้เขาเสียด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มส่ายหน้าเบา ๆ ด้วยความปวดหัวกับความแก่นของเธอ หากไม่ได้เห็นด้วยตาตนเองว่าเฉียนโตวโตวเป็นคนสร้างตำหนักขุมทรัพย์ที่เป็นหอการค้าขนาดยักษ์ขึ้นมาด้วยตัวเธอเองจากศูนย์แล้วล่ะก็ เขาคงต้องไม่เชื่อแน่ ๆ ว่าเด็กสาวคนนี้จะสามารถทำคำร้องขอของเขาให้สำเร็จได้
รถ BMW สีขาวคันงามวิ่งมาจอดบริเวณหน้าห้องของเขาขณะที่เซียวเฟิงลุกขึ้นเพื่อจะเดินไปปิดประตู ประตูของรถคันนั้นเปิดออกเผยให้เห็นร่างอันสง่างามประดุจนางฟ้าที่ลงมาจากรถและเดินเข้าหาเขาโดยตรง
“เธอ…?”
การมาของเธอตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มค่อนข้างประหลาดใจ เพราะหากพูดถึงนางฟ้าแล้วล่ะก็ ไม่สามารถเป็นใครอื่นได้นอกจากโรส หรือหลิวเฉียงเหว่ยได้อีกแล้ว…
เธอยังคงดูงดงามและสูงส่งเฉกเช่นครั้งแรกที่ได้พบเจอกันในออฟฟิศของมิดซัมเมอร์กรุ๊ป
จะต่างกันก็ตรงชุดที่สวมใส่ในวันนี้มันเป็นเดรสสีขาวสะอาดตาแบบโบราณ ไม่ใช่ชุดสูทธุรกิจเหมือนที่เธอมักจะใส่เป็นประจำ ผมที่ยาวสลวยนั้นถูกลมพัดให้พริ้วไหวในขณะที่ใบหน้าขาวประดุจหิมะยังคงนิ่งสงบ ไม่มีสิ่งใดในโลกที่สามารถเปรียบเปรยกับเธอได้ ความงามบริสุทธิ์ที่น่าอัศจรรย์และน่าหลงใหลนี้ แม้จะยืนอยู่ตรงหน้าแต่ก็ดูเหมือนยากที่จะเอื้อมถึง
“เธอหาที่อยู่ของฉันเจอได้ยังไง?”
มันน่าประหลาดใจตรงที่หลิวเฉียงเหว่ยเลือกที่จะมาตามหาเขาในโลกจริง ๆ แทนที่จะไปตามหาเขาในโลกของเกมดังที่เขาหวังไว้ และภายในความประหลาดใจนี้ ก็ซ่อนความกังวลใจเอาไว้ในเรื่องของที่อยู่ของตัวเขาเองที่เหมือนจะมีคนรู้เริ่มเยอะแล้ว โชคยังดีที่ตนไหวตัวทันและให้เฉียนโตวโตวไปหาที่อยู่ใหม่ให้ก่อนหน้านี้
“นักสืบที่หายไป บอกฉันเอาไว้”
หลิวเฉียงเหว่ยจ้องมองเซียวเฟิงด้วยแววตาที่งดงามของเธอขณะพูด
“งั้นก็เข้ามาก่อน”
เซียวเฟิงพยักหน้าก่อนจะโล่งใจ อันที่จริงเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจนักหรอกหากเธอคนนี้จะรู้ที่อยู่ของเขาได้ ยังไงซะเธอก็เคยส่งนักสืบมาสืบหาที่อยู่ของเขามาก่อนแล้วครั้งหนึ่ง
…
“เด็กผู้หญิงที่วิ่งออกไปเมื่อครู่นี้คือเฉียนโตวโตวเหรอ?”
หลิวเฉียงเหว่ยถาม ขณะจ้องมองไปยังทิศทางที่เฉียนโตวโตววิ่งออกไปขณะที่ก้าวเท้าเข้าไปในห้องของเซียวเฟิงอย่างนุ่มนวลด้วย เพราะหญิงสาวคนเมื่อครู่วิ่งผ่านเธอไป จึงไม่มีทางที่เธอจะไม่สังเกตเห็นแน่ ๆ
“อ่าฮะ…นั่นแหละเธอล่ะ”
ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วปิดประตู ทว่าการกระทำของเขาก็ทำให้หลิวเฉียงเหว่ยหวาดระแวงขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ สังเกตได้จากแววตาของเธอ แต่เพียงไม่นานนักหญิงสาวก็กลับมาสุขุมใจเย็นอีกครั้งขณะที่สายตายังคงกวาดมองไปรอบ ๆ ห้องด้วย “ถ้าแบบนั้น แสดงว่านายกับเธอก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน?”
“ก็คงงั้น ความสัมพันธ์ที่ดี เชิญหาที่นั่งตามสะดวกเลย”
เซียวเฟิงทิ้งตัวนั่งลงไปบนโซฟาขณะที่สายตาของเขากำลังจ้องมองไปยังใบหน้าที่ขาวดั่งหิมะของหลิวเฉียงเหว่ยอยู่ เขาชื่นชมในความสวยของเธอจริง ๆ เพราะไม่ว่าจะมองกี่ครั้งก็ยังไม่รู้สึกเบื่อ ในสายตาของเขา เธอคือผู้ที่ทำให้เขาต้องชะงักอย่างบอกไม่ถูกอยู่เสมอ
“ไม่เป็นไร ขอบคุณ เดี๋ยวฉันยืนอยู่ตรงนี้แหละ”
เธอส่ายหน้าเบาๆ
“มิดซัมเมอร์กรุ๊ปได้ทำอะไรหรือเปล่า?”
ในเมื่อเธออยากจะยืนตรงนั้น เซียวเฟิงก็ไม่คะยั้นคะยอ เขาถามคำถามพร้อมกับแววตาที่เปล่งประกายแสงขึ้นมา
“น่าเสียดายที่ยังไม่ได้ทำ”
หลิวเฉียงเหว่ยเข้าใจดีถึงจุดประสงค์ที่เซียวเฟิงถามเช่นนั้น กระนั้นแล้วเธอก็ทำได้เพียงส่ายหน้าให้เรื่องนี้
“ยังไม่ได้ทำ?”
สิ่งที่เธอตอบมาทำให้เซียวเฟิงต้องขมวดคิ้ว เขาเชื่อว่าความล้มเหลวในสงครามป้องกันแคมป์ของกิลด์มิดซัมเมอร์จะต้องสร้างความวุ่นวายให้กับมิดซัมเมอร์กรุ๊ปมากแน่ ๆ เพราะพวกเขาลงทุนไปมากกว่า 4-5 พันล้านแล้ว ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมแค่สร้างกิลด์ต้องใช้เงินระดับพันล้านจริงหรือ เพราะแค่โทเคนกิลด์ที่หลิวเฉียงเหว่ยประมูลไปก็พันล้านแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่ทุก ๆ อย่างที่สร้างมากำลังพังทลาย คนร้ายที่อยู่เบื้องหลังกรุ๊ปนี้กลับยังไม่ทำอะไรสักอย่าง นี่เจ้านั่นไม่ได้สนใจกรุ๊ปแล้วหรือไงน่ะ? หรือว่าเขาออกจากกรุ๊ปไปแล้ว?
“ถ้างั้นเธอมาทำอะไรที่นี่?” ชายหนุ่มยังคงขมวดคิ้ว น้ำเสียงของเขาแฝงไว้ด้วยความไม่พอใจอยู่บ้าง สิ่งที่เขาทำลงไปนั้นก็เพื่อตามหาตัวคนร้าย แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่า คนที่ล้มเหลวนั้นคือเขาเอง เป้าหมายของเขากำลังจะหายไป หรือว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนอกจากกลับไปหาคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เมื่อ 5 ปีก่อนงั้นเหรอ?
“ฉันมาที่นี่เพื่อยอมรับความพ่ายแพ้”
น้ำเสียงของหลิวเฉียงเหว่ยนั้นสูงส่งแต่ก็อ่อนโยน
“ยอมรับความพ่ายแพ้? หมายถึงอะไร?” คิ้วที่ขมวดอยู่แล้วของเซียวเฟิงมันขมวดแน่นกว่าเดิมอีกขณะที่ถามกลับไปด้วยความสับสนเช่นนั้น
“มิดซัมเมอร์กรุ๊ปกับกิลด์มิดซัมเมอร์มีความหมายกับฉันมาก ๆ เพราะงั้น ฉันเลยอยากจะมาขอร้องนายให้ช่วยอะลุ่มอล่วยให้หน่อย”
เธอพูดด้วยเสียงเบา ขณะเดียวกันก็จ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าไปด้วย
หลิวเฉียงเหว่ยเข้าใจถึงสถานการณ์ของฝั่งเธอเองดี มิดซัมเมอร์กิลด์ไม่สามารถรอดได้แน่หากเจอปัญหาใหญ่โถมเข้ามาอีก เพราะงั้นถ้าหากเซียวเฟิงไม่คิดจะหยุดล่ะก็ ความตายคือชะตาเดียวของมิดซัมเมอร์เท่านั้น
ภาคีพาลาดินที่เซียวเฟิงมีอยู่แข็งแกร่งเกินไป ดังนั้นถ้ายังไม่สามารถหาทางรับมือได้ ไม่ว่าพวกเธอจะตั้งกิลด์ใหม่อีกกี่ครั้ง มันก็ไม่มีทางสำเร็จได้อย่างแน่นอน
ความเสียหายระดับใหญ่ที่มิดซัมเมอร์ประสบนี้ส่งผลถึงไพ่ใบสุดท้ายของเธอเต็ม ๆ เพราะหลิวเฉียงเหว่ยทุ่มทุกอย่างให้กับมิดซัมเมอร์ เธอผูกชะตากรรมของเธอไว้กับกิลด์นี้ การที่ทางออกสุดท้ายของเธอต้องมาพังทลายทั้งทางกายภาพและอำนาจในการต่อรอง นำมาซึ่งความเจ็บช้ำจนยากที่จะรับได้
หนึ่งพันล้านที่เสียไปกับโทเคนกิลด์นั้นนับว่าแพงเกินไปมากหากท้ายสุดแล้วกิลด์ต้องมาถูกจัดอันดับว่าอยู่ในระดับกลางเพียงเท่านั้น
ดังนั้นแล้วหลิวเฉียงเหว่ยจึงไม่สามารถยอมแพ้ได้ โอกาสของเธอยังไม่หมดไป และกิลด์เองก็ยังอยู่ในมือเธอ แม้ว่าตอนนี้มิดซัมเมอร์จะอ่อนแอลงไปกว่าแต่ก่อนเยอะ แต่เธอก็เชื่อว่าเธอจะต้องนำพาความแข็งแกร่งของกิลด์กลับคืนมาให้จงได้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องทำให้เซียวเฟิงเลิกมองมิดซัมเมอร์กิลด์เป็นเป้าหมายก่อน และเขาดูจะไม่ยอมแน่ ๆ
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหลิวเฉียงเหว่ยจึงต้องมาคุยกับเซียวเฟิงด้วยตนเอง แทนที่จะคุยกับเขาภายในโลกของเกม
“ทำไมฉันต้องอะลุ่มอล่วยให้เธอด้วย?”
ชัดเจนว่าเซียวเฟิงไม่เพียงแต่ปฏิเสธที่จะหยุด แต่เขายังยิ้มเยาะคำพูดของหลิวเฉียงเหว่ยและมองเธอด้วยสายตาเหยียดหยามอีกด้วย
“ฉันรู้ว่านายน่ะเกลียดมิดซัมเมอร์กรุ๊ปมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ในเมื่อสิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยพ่อของเซี่ยหลิง ฉันเองก็ไม่รังเกียจหรอกนะถ้าสักวันหนึ่งจะต้องคืนให้เธอน่ะ” หลิวเฉียงเหว่ยพูดเสริมด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“เธอหมายความว่ายังไง?” ชายหนุ่มหยุดการเหยียดหยามและขมวดคิ้ว เซี่ยหลิงในประโยคคำพูดของเธอนั้นหมายถึง เซียวหลิงแน่ ๆ
“นายจำคำพูดของฉันให้ขึ้นใจเลยก็ได้ ว่าฉันสามารถโอนทุกสิ่งอย่างที่ฉันแชร์กับมิดซัมเมอร์กรุ๊ปให้กับเซี่ยหลิงได้ฟรี ๆ หากฉันยังเป็นประธานของกิลด์มิดซัมเมอร์อยู่ เพราะงั้นแล้วเซี่ยหลิงจะสามารถควบคุมได้ทั้งสองอย่าง ไม่ว่าจะเป็นมิดซัมเมอร์กรุ๊ป หรือมิดซัมเมอร์กิลด์… เห็นหรือยังว่าท้ายสุดแล้วใครคือเจ้าของมิดซัมเมอร์? ฉันหวังว่านายคงจะไม่โจมตีมิดซัมเมอร์อีกเมื่อรู้ว่ามันเป็นของเซี่ยหลิงนะ?” เธอพูดด้วยท่าทีหนักแน่น
“เธอบอกว่าเธอสามารถนำมิดซัมเมอร์กรุ๊ปกลับมาให้เซียวหลิงได้สินะ?” ในที่สุดอารมณ์ของเซียวเฟิงก็เปลี่ยนไป เขาจ้องหลิวเฉียงเหว่ยอย่างไม่วางตา…