เซียวเฟิงคิดว่าไนฟและเหล่าผู้ติดตามของเขาจะล้มเลิกความตั้งใจที่จะเข้าไปยังพื้นที่โบนัสเสียแล้ว ดังนั้นชายหนุ่มจึงเตรียมที่จะออกจากจุดนี้เพื่อไปไล่ฆ่าผู้เล่นคนอื่นเพื่อเก็บแต้มสมบัติต่ออย่างไม่รอช้า
ทว่าหลังจากที่กลุ่มคนพวกนี้แอบปรึกษากันเงียบ ๆ แล้ว ไนฟและคนอื่น ๆ ก็เดินมาล้อมเซียวเฟิงเอาไว้ไม่ให้เขาไปไหน
“เอ่อ อืม…เจ้าแห่งฮีลเลอร์ พอจะรับฟังคำขอของพวกเราหน่อย…ได้ไหมครับ?” ไนฟถามขึ้นขณะลูบมือตนเองไปมา ผู้เล่นคนอื่น ๆ ที่มาอยู่ ณ ที่นี่ด้วยไม่ว่าจะเป็นจากวอร์สปิริตหรือจากกิลด์อื่นต่างก็ให้กำลังใจไนฟผ่านสายตาของพวกเขา จะมีก็แต่จืออี้เท่านั้นที่ยืนมองอย่างช่วยอะไรไม่ได้ด้วยใบหน้าสวยของเธอ
“อะไรล่ะ?” เซียวเฟิงถามด้วยความงุนงง
“คุณพอจะช่วยนำเราไปที่พื้นที่โบนัสนั้นได้หรือเปล่า? พวกเราคิดว่ามันน่าจะเป็นผลดีมากกว่าถ้าเราไปด้วยกันตอนนี้น่ะครับ” ไนฟพูดด้วยน้ำเสียงลังเล
ก่อนหน้านี้เซียวเฟิงได้บอกตำแหน่งของพื้นที่โบนัสไปแล้ว ดังนั้นไอ้นำทางอะไรนั่นน่ะก็แค่ข้ออ้าง จุดประสงค์จริง ๆ ของพวกเขาคืออยากให้เซียวเฟิงมาคอยคุ้มกันให้ต่างหาก
ความแข็งแกร่งของธอร์นั้นเป็นที่รู้กันดีท่ามกลางผู้เล่นกว่า 30 คนนี้ว่าน่ากลัวขนาดไหน เป็นไปได้พวกเขาก็ไม่อยากเจอนักหรอก
“หือ? ทำไมพวกนายยังจะไปพื้นที่โบนัสอีกน่ะ?” พอรู้จุดมุ่งหมายของพวกเขาแล้ว เซียวเฟิงก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นไปกว่าเดิมเพราะพวกเขาก็น่าจะรู้สถานการณ์ตอนนี้ดีอยู่แล้ว
“เจ้าแห่งฮีลเลอร์ คุณรู้ว่าถ้าสมมุติเราโชคดี เราก็จะได้อาร์ติแฟคท์ที่อยู่ในตู้กาชาปองนั้น และพวกเราทุกคนก็ล้วนรู้ดีว่าอาร์ติแฟคท์มันเลอค่าขนาดไหน ยิ่งไอเทมพวกนี้มีจำนวนไม่มากด้วย บางทีหมุนครั้งเดียวเราก็อาจจะได้มันออกมาเลยก็ได้นะครับ แต่ถ้าหากปล่อยไว้แบบนั้นแล้วมีคนอื่นมาหมุนไปได้ก่อน พวกเราทุกคนตอนนี้ก็จะเสียโอกาสไปเลย” ไนฟอธิบายเชิงเกลี้ยกล่อม
เซียวเฟิงเข้าใจในสิ่งที่เขาพยายามพูดและเริ่มกังวลขึ้นมา เรื่องที่อีกฝ่ายพูดมันมีความเป็นไปได้ และเขาไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลย
เขาเอาแต่คิดถึงเรื่องจะไปล่าแต้มสมบัติมาให้เยอะ ๆ เพื่อจะได้หมุนตู้กาชาปองนี่ได้หลาย ๆ รอบ แต่เขาลืมคิดไปเลยว่าอาร์ติแฟคท์มันอาจจะโดนหมาคาบไปก่อนก็ได้ และถ้ามันเป็นแบบนั้น ต่อให้มีแต้มสมบัติมหาศาล มันก็จะไม่มีโอกาสให้เปิดหาอีกต่อไป
“เพราะงั้นพวกเราตั้งใจจะใช้แต้มสมบัติที่มีทั้งหมดตอนนี้กับการเดิมพันกับอาร์ติแฟคท์ ในเมื่อมันได้ยากนัก อย่างน้อย ๆ ก็ขอให้ได้ลอง หากไม่ทำตอนนี้แล้วมันโดนคนอื่นมาชิงไปก่อน มันจะสายเกินไปนะครับ”
ตามที่ไนฟพูด ผู้เล่นคนอื่น ๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน
แต่ถึงอย่างนั้นเซียวเฟิงก็ยังไม่อยากจะไปอยู่ดี ยึดจากสิ่งที่ไนฟพูดเอาไว้ เขาจำเป็นต้องหาแต้มสมบัติเพิ่มให้มากกว่านี้ การที่ต้องมานำทางคนเหล่านี้กลับไปยังพื้นที่โบนัสนั้น มันค่อนข้างจะเสียเวลามาก ๆ แต่จะให้ปฏิเสธไปตรง ๆ มันก็ค่อนข้างลำบากใจเหมือนกัน เพราะยังไงเสีย เซียวเฟิงกับวอร์สปิริตเองก็มีสัมพันธไมตรีอันดีต่อกันมาก่อน
“ฉันมีความคิดดี ๆ แล้ว ในเมื่อมันต้องใช้แต้มสมบัติในการหมุนกาชาปองครั้งละ 10,000 แต้ม พวกเราก็แบ่งแต้มที่ไม่จำเป็นให้เจ้าแห่งฮีลเลอร์ไป…บางทีอาจจะคนละ 1,000 แต้ม แทนค่าเสียเวลาเป็นไง?” จืออี้พูดขึ้นมาขณะที่มองเซียวเฟิงด้วยความกังวลใจ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะบางทีเธออาจจะรับรู้ได้แล้วว่าเซียวเฟิงกำลังฝืนตัวเองอยู่
“ไม่มีปัญหา ฉันมีแต้มที่ไม่ต้องใช้อยู่ 4,000 แต้ม เดี๋ยวฉันยกให้เจ้าแห่งฮีลเลอร์ทั้งหมดเลย”
ไนฟเห็นด้วยในทันที และเขามัดมือชกด้วยการโอนแต้มสมบัติทั้ง 4,000 แต้มนั้นให้เซียวเฟิงก่อนเลยด้วย
“อ๋า ฉันเองก็มีแต้มที่ไม่ได้ใช้อยู่ 1,000 แต้มพอดี”
“อืมมม ฉันมีอยู่ไม่กี่ร้อย แต่ได้โปรด รับมันไปเถอะนะ เจ้าแห่งฮีลเลอร์”
ทุก ๆ คนที่เป็นผู้ติดตามของไนฟต่างพากันโอนแต้มสมบัติให้เซียวเฟิงหลังจากที่เห็นไนฟเปิดฉากโอนไปก่อน บางคนก็ให้พันถึงสองพัน บางคนก็หลักร้อย ทุก ๆ คนยอมทำหมดยกเว้นจืออี้ผู้ที่เสนอไอเดีย
ในเวลาไม่นาน แต้มสมบัติของเซียวเฟิงก็พุ่งสูงถึง 39,000 แต้มเข้าไปแล้ว ถ้าหากเขาได้อีก 1,000 แต้มล่ะก็ เขาก็จะสามารถเปิดได้ 4 ครั้งเลย
เซียวเฟิงมีความสุขกับแต้มที่เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เขาหันไปมองที่จืออี้ผู้ที่เป็นคนสุดท้ายแล้วที่ยังไม่ได้มอบแต้มสมบัติให้เขา
“จ…เจ้าแห่งฮีลเลอร์ ฉันเป็นนักบวชนะ ฉันไม่ฆ่าคนอื่นอยู่แล้ว เพราะงั้นฉันไม่มีแต้มที่ไม่ได้ใช้หรอก ถ้ายังไงเป็นร่างกายของฉันแทนได้หรือเปล่า?” จืออี้พูดด้วยน้ำเสียงยั่วยวน เธอช้อนแขนตนไว้ใต้ทรวงอกก่อนจะก้มหน้าลงเพื่อให้เนินอกสวยนั้นเผยโมออกมา
“ไร้สาระ ฉันก็เป็นนักบวชเหมือนกันยังฆ่าคนอื่นเลย”
ทว่าเซียวเฟิงกลับไม่ติดกับ มันเลยทำให้จืออี้แข็งเป็นหินไปเลย ทุก ๆ คนที่อยู่ในเหตุการณ์เองก็พลอยรับรู้ไปด้วยว่าเธอนั้นอับอายขนาดไหน
“นายเป็นนักบวชแน่ใช่ไหมเนี่ย? ไม่ได้หลอกพวกเราเล่นอยู่หรอกนะ?”
“ไปกันได้แล้ว”
หลังจากที่ได้ในสิ่งที่ต้องการ เซียวเฟิงก็ไม่ชักช้าและเดินไปนำหน้ากลุ่มคนกว่า 30 ชีวิตไปยังพื้นที่โบนัสทันที
ตลอดทางที่เดินมาด้วยกันพวกเขาทั้งหมดไม่ได้วอกแวกไปไหนหรือกระโจนเข้าใส่ผู้เล่นคนอื่นเลย มันเลยทำให้ไม่นานทั้งหมดก็เดินมาถึงพื้นที่โบนัสจนได้
ไนฟและผู้เล่นคนอื่น ๆ ยืนอยู่หน้าตู้แคปซูลกาชาปองที่อยู่จุดกึ่งกลางของพื้นที่โบนัส จากนั้นก็เริ่มใช้แต้มสมบัติของตนที่เก็บเอาไว้หมุนมันคนละครั้งโดยปราศจากความกังวลหรือลังเลว่ามันจะมีปัญหาอะไรตามมาหรือเปล่า
หน้าจอแจ้งผลปรากฏขึ้นพร้อมกับแสดงผลทันทีที่พวกเขาเริ่มหมุนมัน
[ยินดีด้วย! ไนฟ! คุณได้รับ– ขอบคุณที่มามีส่วนร่วมไปด้วยกัน]
[ยินดีด้วย! เสี่ยวซิน! คุณได้รับ– ขอบคุณที่มามีส่วนร่วมไปด้วยกัน]
[ยินดีด้วย! ไท่ซันชื่อ! คุณได้รับ– ขอบคุณที่มามีส่วนร่วมไปด้วยกัน]
[ยินดีด้วย! ซิลเวอร์แลนซ์ไฟท์เตอร์! คุณได้รับ– ขอบคุณที่มามีส่วนร่วมไปด้วยกัน]
[ยินดีด้วย! ชาร์ปชูทเตอร์! คุณได้รับ– ขอบคุณที่มามีส่วนร่วมไปด้วยกัน]
…
หลังจากที่กาชาปองหลายลูกถูกไขออกไป เหล่าผู้ที่เป็นหน่วยกล้าตายที่กลัวว่าจะมีคนมาแย่งเอาอาร์ติแฟคท์ไปก่อนต่างก็พากันงุนงง
“นี่มัน… แปลก”
ด้วยท่าทีเช่นนั้น มันเลยทำให้คนที่ยืนต่อแถวอยู่ด้านหลังพากันไม่กล้าหมุนกาชาปองตรงหน้าไปด้วย พวกเขากำลังตกใจและสงสัย
“ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ ! หรือว่าไอ้เครื่องนี่จะไม่มีอะไรอยู่จริง ๆ!?”
คำพูดนั้นทำให้เซียวเฟิงรู้สึกไม่พอใจนัก เขาอยากจะหาหลักฐานมาหักล้าง เพราะงั้นชายหนุ่มจึงก้าวออกไปด้านหน้าก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม “ฉันจะหมุนเป็นคนต่อไปเอง อย่างน้อยค่าโชคของฉันก็เยอะอยู่”
ผู้คนที่ยืนเข้าแถวอยู่พากันเขยิบถอยหลังลงไปทันที แววตาของพวกเขาที่มองไปยังเซียวเฟิงนั้นเปี่ยมไปด้วยความหวัง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้เซียวเฟิงรู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด เขาเดินตรงเข้าไปที่หน้าตู้กาชาปองและกดปุ่มสุ่มในทันที
[ยินดีด้วย! แด๊ด! คุณได้รับ– ขอบคุณที่มามีส่วนร่วมไปด้วยกัน]
และสิ่งที่ปรากฏออกมานั้นก็ทำให้เซียวเฟิงหนาวไปทั้งตัว
เขาเองก็ทำไม่สำเร็จเช่นกัน นอกจากนี้เจ้าตู้กาชาปองนี่ยังไม่สนใจฟังก์ชันซ่อนชื่อตัวละครของเขาอีกด้วย เพราะงั้นตอนนี้ทุกคนเลยรู้แล้วว่าชื่อตัวละครของเซียวเฟิงคืออะไร พวกเขามองมายังเซียวเฟิงด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปเป็นสงสัยและอยากรู้อยากเห็นแทน
เซียวเฟิงรู้สึกร้อนใจขึ้นมานิดหน่อย แต่เขายังไม่ยอมแพ้และลองมันอีกครั้ง
[ยินดีด้วย! แด๊ด! คุณได้รับ– ขอบคุณที่เข้ามามีส่วนร่วมไปด้วยกัน]
“บ้าอะไรวะเนี่ย!”
ผลลัพธ์ตรงหน้านี้ทำให้เซียวเฟิงประหลาดใจแบบจริง ๆ จัง ๆ กับค่าโชคของเขาว่าทำไมมันถึงไม่แสดงผลแบบต่อเนื่องเช่นนี้ ตัวเขาเริ่มจะไม่มั่นใจเสียแล้วแต่ก็ยังตัดสินใจจะลองเสี่ยงดวงดูอีกครั้ง
[ยินดีด้วย! แด๊ด! คุณได้รับ– ‘ค่าสถานะสีแดง x2’]
ผลลัพธ์จากการสุ่มครั้งที่ 3 แตกต่างออกไปจากครั้งก่อน ๆ และมันช่วยสร้างความโล่งใจให้เซียวเฟิงเป็นอย่างมาก เพราะอย่างน้อย ๆ มันก็แสดงให้เห็นว่าค่าโชคของเขายังทำงานอยู่ และที่สำคัญ เขาโชคดีกว่าธอร์! การที่ได้อะไรกลับมาบ้างนั้นมันช่วยรักษาหน้าของเขาได้มากเลยทีเดียว
ภายในกระเป๋าของเขาตอนนี้ มีเมล็ดถั่วสีแดงอยู่ 2 เมล็ด ซึ่งถั่วแต่ละเมล็ดแทนแต้มสกิล 100 แต้ม รวมแล้วมี 200 แต้ม และแน่นอนว่าเซียวเฟิงจะใช้พวกมันกับสกิลค้อนแห่งการพิพากษาของเขาทั้งหมด
นอกจากนี้ การที่เซียวเฟิงได้ของติดไม้ติดมือกลับมา มันก็ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับคนอื่น ๆ อีกครั้งด้วย พวกเขากลับมาต่อแถวใหม่และเริ่มสุ่มกาชาปองกันอีกครั้ง
ผู้เล่นกว่า 30 คนหมุนตู้กาชาปองนี้ไปกว่า 50 ครั้ง ทว่ามีรางวัลออกมาเพียงแค่ 3 ชิ้นเท่านั้น
หากไม่นับสถานะสีแดงที่เซียวเฟิงได้ ก็มีผู้ที่ได้รับไข่สัตว์เลี้ยงระดับธรรมดากับอีกคนหนึ่งได้ค่าประสบการณ์มานิดหน่อยเท่านั้น
ส่วนค่าประสบการณ์นิดหน่อยที่ว่าก็มีราว ๆ 100,000 แต้ม… ค่อนข้างน้อยเลยทีเดียว
“หมดแล้วเหรอ?”
เซียวเฟิงหันกลับไปมองแล้วเขาก็พบว่าผู้เล่นคนอื่น ๆ ต่างก็พากันส่ายหน้าหมดแล้ว พวกเขาใช้แต้มจนเกลี้ยงตัวแล้ว โดยที่ไม่ได้ของดี ๆ ติดไม้ติดมือกลับมาสักชิ้นเดียว ไอ้ตู้กาชาเกลือนี่สุ่มได้แต่ขยะบ้าง แคปซูลเปล่าบ้างตลอด เพราะงั้นลืมเรื่องอาร์ติแฟคท์ไปได้เลย ขนาดอุปกรณ์ระดับธรรมดายังไม่ได้
“งั้นก็ไปหาแต้มสมบัติเพิ่มกันเถอะ”
ในเมื่อไม่มีอะไรที่สามารถทำได้นอกจากนี้แล้ว ผู้เล่นทุกคนต่างก็หันหน้าออกและเตรียมจะเดินทางออกจากพื้นที่โบนัสแห่งนี้ด้วยกัน
ตลอดทางที่มาที่นี่ พวกเขาพากันกังวลว่าจะพบเจอเข้ากับธอร์ระหว่างทาง แต่ในท้ายที่สุด ธอร์ก็เป็นฝ่ายมาหาพวกเขาถึงที่แทน
“พวกนาย…ใช้แต้ม ‘ของฉัน’ จนหมดแล้วงั้นเหรอ?”
ไนฟและคนอื่น ๆ ต่างพากันตกใจ พวกเขามองไปยังชาวตะวันตกนามว่า ธอร์ ที่มายืนขวางทางเข้าพื้นที่โบนัสไว้ก่อนจะรู้สึกโกรธกับถ้อยคำที่อีกฝ่ายใช้พูดกับพวกตน
“ธอร์เห็นพวกเราเป็นตู้ ATM เหรอ? อะไรคือ ‘แต้มของฉัน’? ”
“ฮึ่ม! กล้าดียังไงวะ! เป็นถึงธอร์แต่กล้ามากนะที่มาดูถูกพวกเราแบบนี้น่ะ!!”
เหล่าผู้เล่นจากวอร์สปิริตเริ่มพูดด้วยถ้อยคำเหยียดหยาม เพราะยังไงเสียธอร์ก็มาเพียงคนเดียว พวกเขามีมากถึง 30 คนเช่นนี้ คิดเหรอว่าจะยอมให้รังแกได้ง่าย ๆ น่ะ?
ผู้เล่นทั้งหมดในอีเวนท์นี้ต่างก็เป็นผู้เล่นระดับสูงในเขตของตนเอง ดังนั้นแล้วไม่มีใครยอมให้มาดูถูกกันง่าย ๆ หรอก
“ฉันไม่มีรสนิยมพูดกับศพ ในเมื่อพวกนายไม่มีค่าอะไรแล้ว ก็ตาย ๆ ไปซะ”
ธอร์นั้นถือว่าหล่อมาก ๆ แม้จะอยู่ท่ามกลางชาวตะวันตกด้วยกันเอง เขาก็ยังดูหล่อเหลาเหมือนดาราอยู่ดี ทว่าน้ำเสียงของเขากลับฟังดูเยือกเย็นขณะที่ยังคงดูถูกผู้เล่นคนอื่นอยู่เช่นนี้
ในเมื่อผู้เล่นของเขตฮัวเซียยังอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย เขาจึงไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากยั่วยุไปเรื่อย ๆ
นี่มันแสดงให้เห็นว่าธอร์นั้นหยิ่งผยองขนาดไหน เพราะเขากำลังใช้ตัวเองยืนขวางทางคนกว่า 30 คนข้างในอย่างไม่เกรงกลัวอะไรเลยนะ
“ไอ้เวรนี่! ทนไม่ไหวแล้วเว้ย! ไปจับหมอนั่นมา!”
ความโกรธเคืองที่ถูกจุดเอาไว้ภายในใจของวอร์สปิริตทุกคนเริ่มรุนแรงขึ้น และไนฟก็เหมือนจะรู้สึกได้ เพราะงั้นเขาจึงตะโกนออกมาและนำทุกคนวิ่งเข้าใส่ธอร์อย่างไม่รีรอ
อันที่จริง ถึงแม้ว่าไนฟจะไม่ได้หยุดพวกพ้องของเขา แต่เขาก็หยุดเซียวเฟิงเอาไว้ ตัวเขานั้นอยากให้เซียวเฟิงคอยดูอยู่ข้างหลัง คอยดูความแข็งแกร่งของธอร์ไว้ให้ดี ๆ
การกระทำนี้ถูกกลั่นกรองเอาไว้ก่อนหน้าแล้ว และมันเป็นการทำเพื่อประโยชน์ของเซียวเฟิงโดยเฉพาะ เนื่องจากในที่นี้ไม่มีใครที่รู้ถึงความแข็งแกร่งของธอร์มาก่อน ดังนั้นการให้เซียวเฟิงคอยสังเกตการณ์อยู่เบื้องหลัง มันน่าจะช่วยให้เซียวเฟิงเตรียมพร้อมรับมือผู้เล่นอันดับ 1 ของเขตอเมริกาเหนือได้ดีกว่า ยังไงเสียพวกเขาก็เป็นคนขอให้เซียวเฟิงมาช่วยเอง ดังนั้นจะปล่อยให้เซียวเฟิงเข้าไปสู้ก่อนโดยที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับศัตรูเลยก็คงจะไม่ดี
“ไปพร้อม ๆ กัน! ธอร์เป็นนักเวท! เพราะงั้นรัวสกิลใส่เขาไปเลย!”
ผู้ที่นำกลุ่มวอร์สปิริตเข้าใส่อีกฝ่ายตอนนี้คือเสี่ยวซิน เขาเป็นเบอร์เซิร์กเกอร์ ในขณะที่ผู้เล่นในกลุ่มที่ตามเขาไปนั้นต่างก็เป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในการต่อสู้กล้าแข็งด้วยเช่นกัน พลันเมื่อพวกเขาทั้งหมดออกจากเขตปลอดภัย โล่และดาบก็ถูกชักออกมาเพื่อพร้อมเข้าปะทะธอร์อย่างไม่เกรงกลัว
“หืม ถ้าอยากตายนัก ฉันก็ไม่ขัดข้องหรอกนะ”
ตามปกติแล้ว นักเวทจะคอยทิ้งระยะห่างระหว่างตนเองและศัตรูเพื่อไม่ให้ถูกเข้าประชิดตัวได้ แต่ธอร์กลับไม่ได้ทำเช่นนั้น เขายืนอยู่ ณ จุดเดิมขณะที่คว้าเอาคทาที่ทำจากคริสตัลสีม่วงของเขาออกมาเท่านั้น
ด้วยเสียงของกระแสไฟฟ้าที่ชิ่งไปมา ที่ปลายยอดคทาที่เป็นคริสตัลสีม่วงนั้นก็บันดาลให้เกิดสายฟ้าพุ่งกระทบเข้าใส่กลุ่มของเสี่ยวซินรวมถึงตัวเสี่ยวซินเองด้วยความเร็วแสง
ชั่วพริบตาเดียว ตัวเลขแสดงความเสียหายสีแดงก็ลอยขึ้นบนอากาศ
-322! คริติคอล!
-308! คริติคอล!
-296! คริติคอล!
-314! คริติคอล!
…
สายฟ้าที่พุ่งออกมาจากคริสตัลนั้นชิ่งใส่คน 7 คนในครั้งเดียว! ค่าความเสียหายน่ากลัวทั้ง 7 ครั้งนั้นปรากฏขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกันด้วย แถมมันยังเป็นความเสียหายคริติคอลอีก! ผู้เล่นทั้ง 7 คนที่โดนการโจมตีนี้เข้าไปจึงตายในทันทีไม่ทันได้โต้กลับ นั่นก็เพราะเลือดของพวกเขา มีมากสุดก็แค่ 200 เท่านั้น