บทที่ 225 ยั่วยุ
“เสียดายจังเลย เซียวเฟิง วันนี้ฉันจะไปสตูดิโอ นายต้องเป็นคนดูแลเซียวหลิงแล้วแหละ อีกอย่างการประมูลจะจัดขึ้นตอนเที่ยงตรง ที่นั่งของนายจองไว้แล้วนะ”
เฉียนโตวโตวเห็นว่าในที่สุดเซียวเฟิงก็ออกจากห้องของตัวเองแล้วรู้สึกโล่งใจมาก ระหว่างที่หาว เธอก็เริ่มกินข้าวเช้า รีบกินขนมปังและนมโดยไม่แม้แต่จะนั่งก่อนจะรีบไปแต่งตัว
อย่างไรก็ตาม เมื่อขึ้นไปชั้นบน เฉียนโตวโตวก็ได้พบกับหลิวเฉียงเหว่ยซึ่งกำลังจะลงไปชั้นล่างในชุดนอน ผู้หญิงสองคนเดินสวนกัน หลังจากสบตากันแวบหนึ่ง ผู้หญิงทั้งสองก็เดินผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เอ่อ? ทำไมคุณถึงมาอยู่ในบ้านของฉันได้ล่ะ? แล้วคุณยังสวมชุดนอนอยู่ด้วย? คุณทำอะไรมา?”
เซียวหลิงเป็นคนแรกที่สังเกตว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเสียงฝีเท้าที่อยู่ข้างหลังเธอ ทีแรกเธอคิดว่าเป็นเสียงของเฉียนโตวโตวที่ขึ้นไปชั้นบนแล้วกำลังลงมาที่ชั้นล่าง ทว่า… มันเป็นของหลิวเฉียงเหว่ย ผู้หญิงที่อันตรายที่สุดในสายตาของเธอ!
เซียวหลิงวางขนมปังปิ้งและยืนบนเก้าอี้สูงทันที เธอจ้องหน้าหลิวเฉียงเหว่ยโดยไม่เช็ดเศษขนมปังที่ปากของตน
หลิวเฉียงเหว่ยมองไปที่เซียวเฟิงโดยไม่พูดอะไร เธอสวมชุดนอนผ้าฝ้ายสีขาว แต่เธอก็ยังคงดูงดงามมาก อาจเป็นเพราะเพิ่งตื่น หญิงสาวจึงไม่ได้แต่งหน้าเลย ผมสีดำเหมือนน้ำตกของเธอร่วงหล่นตามธรรมชาติ ซึ่งเพิ่มความสูงส่งให้กับเธอด้วยกลิ่นอายของนางฟ้าเล็กน้อย
เธอเองก็ดูง่วงนอนเหมือนกัน
“เอ่อ?” เซียวหลิงสังเกตว่าหลิวเฉียงเหว่ยกำลังมองไปที่เซียวเฟิง ดังนั้นเธอจึงหันไปมองที่เขาทันที ดวงตาสีฟ้าของเด็กสาวสะท้อนประกายความสงสัยออกมา ทำให้เธอเป็นเหมือนลูกแมวที่กำลังดมกลิ่นปลา
“เธอไปเอาชุดนอนมาจากไหน?”
เซียวเฟิงถามหลิวเฉียงเหว่ยด้วยความสับสน เธอมาที่นี่ในชุดเดรส และไม่เห็นว่านำชุดนอนมาด้วย แล้วทำไมตอนนี้เธอถึงสวมชุดนอนอยู่?
“เฉียนโตวโตวให้ฉันยืมน่ะ”
หลิวเฉียงเหว่ยตอบอย่างเป็นธรรมชาติและนั่งลงหน้าโต๊ะอาหาร หญิงสาวนั่งอยู่บนที่นั่งของเฉียนโตวโตว เธอไม่สนใจว่านั่นเป็นอาหารที่เฉียนโตวโตวเหลือไว้และใส่มันเข้าไปในปากของเธอ
หนิงเคอเค่อไม่รู้ว่าหลิวเฉียงเหว่ยอยู่ที่นี่ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้เตรียมอาหารเช้าไว้ให้ แม้ว่าเซียวเฟิงจะเปิดประตูห้องของหนิงเคอเค่อไปแต่เธอก็ไม่ได้สังเกตเห็นหลิวเฉียงเหว่ยที่โดนเซียวเฟิงกั้นไว้อยู่นอกห้องเนื่องจากความตื่นตระหนกและทำอะไรไม่ถูก
“พวกเธอสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เซียวเฟิงถามอย่างสับสนและยังอดไม่ได้ที่จะมองหน้าอกของหลิวเฉียงเหว่ย ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขารู้สึกว่ากระโปรงชุดนอนที่ทำจากผ้าฝ้ายดูคับแน่นไปสำหรับเธอ และขอบคอเสื้อก็ต่ำเกินไปจนมองเห็นร่องอกลึกสีขาวของเธอได้ราง ๆ
นอกจากนี้เซียวเฟิงก็ยังสงสัยว่าทำไมเฉียนโตวโตวจึงดูง่วงนอน โดยทั่วไปแล้ว หมวกเล่นเกมนั้นสามารถช่วยเรื่องการนอนหลับได้ แม้ว่าจะไม่ได้ออกจากระบบตลอดทั้งคืน ร่างกายก็จะยังอยู่ในสภาวะหลับไม่ลึกและก็จะไม่รู้สึกว่านอนไม่พอ
ทว่าตอนนี้หลิวเฉียงเหว่ยและเฉียนโตวโตวดูง่วงนอนมากทั้งคู่ ดังนั้นเซียวเฟิงเลยเดาว่าพวกเขาต้องทำอะไรบางอย่างด้วยกันเมื่อคืนนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่หลิวเฉียงเหว่ยบอกว่าเธอได้ยืมชุดนอนจากเฉียนโตวโตวมา เซียวเฟิงก็มั่นใจในเรื่องนี้มากขึ้น
“เจ้าขี้ข้าสารเลว! มองที่ไหนกันยะ? นายเป็นหมาตัวผู้ติดสัดหรือยังไง? งี้นายก็แค่วิ่งใส่ผู้หญิงที่เห็นคนไหนก็ได้สินะ?”
เซียวหลิงก็สังเกตเห็นว่าเซียวเฟิงกำลังมองร่องอกลึกของหลิวเฉียงเหว่ย จากนั้นเธอก็ก้มหัวลงเพื่อตรวจสอบหน้าอกของเธอเอง มันแบนเหมือนแพนเค้ก เด็กสาวจึงมองเซียวเฟิงด้วยสายตาละอายใจและไม่พอใจทันที และตะโกนใส่เขา
เซียวเฟิงไอกลบเกลื่อนและรีบเบี่ยงสายตา แล้วกินอาหารเช้าอย่างเงียบ ๆ
หลิวเฉียงเหว่ยกัดขนมปังปิ้ง จ้องไปที่เซียวหลิงซึ่งยืนอยู่บนเก้าอี้และมองลงมาที่เธอ หลิวเฉียงเหว่ยดูเหมือนจะกำลังครุ่นคิดอยู่ตอนนี้
นี่เป็นครั้งที่สองที่เธอได้พบกับเซียวหลิง เธอจำการพบกันครั้งแรกของพวกเขาไม่ได้มากนัก
ในความคิดของเธอ เซียวเฟิงคือผู้ที่รับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของเซียกวงเหวยซึ่งเป็นประธานมิดซัมเมอร์กรุ๊ปคนก่อน ในขณะที่เซียวหลิงเป็นลูกสาวคนเดียวของเซียกวงเหวย สองคนนี้ก็น่าจะอยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นมิตรต่อกัน
ตามความรู้เกี่ยวกับเซียวเฟิงที่หลิวเฉียงเหว่ยประสบมา ชายหนุ่มดูเป็นคนง่าย ๆ แต่จริง ๆ แล้วไร้ความปราณีและโหดร้ายเพราะเธอเคยเห็นความเฉยเมยและความเยือกเย็นที่ไร้อารมณ์ของเซียวเฟิงมาก่อน
เธอเชื่อว่าทั้งเซียวหลิงและเธอ รวมถึงทั้งมิดซัมเมอร์กรุ๊ปก็เป็นเพียงเครื่องมือในการค้นหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังโครงการนี้
เธอรู้สึกเสียใจต่อเซียวหลิงเพราะเหตุนั้น ในสายตาของหญิงสาว เซียวเฟิงเป็นคนที่ทำให้พ่อของเธอเสียชีวิต และใช้เซียวหลิงเป็นเครื่องมือในการลากความชั่วร้ายเบื้องหลังโครงการออกมา ซึ่งทำให้เซียวหลิงค่อนข้างน่าสงสาร
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปัจจุบันแตกต่างอย่างมากจากการคาดเดาของหลิวเฉียงเหว่ย
เมื่อเห็นเซียวหลิงขึ้นไปยืนอยู่บนเก้าอี้ ด่าเซียวเฟิงอย่างหยาบคายโดยไม่ใส่ใจกับภาพลักษณ์ของเธอ หลิวเฉียงเหว่ยก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา
เซียวหลิง ลูกสาวเพียงคนเดียวของประธานมิดซัมเมอร์กรุ๊ปคนก่อนไม่รู้ว่าการตายของพ่อของเธอเป็นผลมาจากเซียวเฟิงหรือ?
ระหว่างที่หลิวเฉียงเหว่ยกำลังคิดเรื่องนี้ เธอก็บังเอิญสบตากับเซียวเฟิง
ดวงตาของเขาดูสงบตามปกติแต่ก็ดูสงบเกินไป เหมือนกับพื้นผิวทะเลที่มืดมิดก่อนที่พายุจะมา
หลิวเฉียงเหว่ยตัวสั่นด้วยความกลัวทันที ราวกับว่าอุณหภูมิรอบตัวเธอลดลงไปหลายองศา หญิงสาวสัมผัสได้ว่าดวงตาของเขากำลังเตือนเธอ!
เธอไม่กล้าสบตาเซียวเฟิงอีกต่อไป ดังนั้นจึงรีบหลบสายตา หลังจากหายใจลึก ๆ ในที่สุดก็สามารถพูดได้ตามปกติ
“ฉันขอย้ายมาอยู่ที่นี่ในอีกสองสามวันได้ไหม?”
หลังจากกัดขนมปังปิ้งที่เย็นไปแล้ว หลิวเฉียงเหว่ยก็มองที่เซียวเฟิงและถามอย่างระมัดระวัง
เธอไม่ได้คิดเรื่องนี้แบบทันทีทันใด แต่วางแผนมาก่อนแล้ว มิฉะนั้น… เธอคงไม่เอาอาร์ติแฟกต์ไปแลกกับกุญแจวิลล่า
มันใกล้จะถึงวันเกิดปีที่ 22 ของเธอแล้ว ความเครียดที่แสนสิ้นหวังและอึดอัดใจได้ครอบงำเธออย่างเงียบ ๆ
มันเป็นวันแห่งโชคชะตาของเธอ ในวันนั้นเธอจะต้องเผชิญกับพลังที่แข็งแกร่งและไร้เทียมทาน ซึ่งเธอไม่สามารถต้านทานหรือเผชิญหน้าได้
เธอไม่รู้ว่าจะไปหาแสงแห่งความหวังได้ที่ไหน เมื่อเธอเห็นเซียวเฟิงและได้อยู่กับเขา ความเครียดหนักหนาที่หลอกหลอนเธอมานานกว่า 20 ปีก็รู้สึกเหมือนว่ามันหายไป
มันอาจเป็นแค่จินตนาการที่น่าสมเพชยามที่คนสิ้นหวังเกินไป หลิวเฉียงเหว่ยรู้ดีว่าพลังนั้นแข็งแกร่งเพียงใดและแม้แต่ผู้ที่ทรงพลังที่สุดของทั้งฮัวเซียก็ไม่สามารถต้านทานพลังด้วยตัวเขาเองได้
อย่างไรก็ตามหลิวเฉียงเหว่ยเชื่อในความรู้สึกของเธอ เพราะเธอรู้สึกได้ถึงพลังของเซียวเฟิง ซึ่งรุนแรงแข็งแกร่งพอ ๆ กับความเครียดที่หลอกหลอนเธอมานานกว่า 20 ปี มันอาจเป็นเพียงการคาดเดา แต่หลิวเฉียงเหว่ยมั่นใจว่าถ้าจะมีใครที่สามารถช่วยเธอให้พ้นจากชะตากรรมที่น่าสมเพชและน่าสังเวชนี้ ก็คงจะต้องเป็นผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอในตอนนี้!
เช่นนั้นแล้วมันก็มีปัญหาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นคือจะทำให้เซียวเฟิงยอมรับเธอและช่วยเธอได้ยังไง
หลิวเฉียงเหว่ยคิดว่าเฉียนโตวโตวสนิทกับเซียวเฟิง ท้ายที่สุดแล้ว ตามข้อมูลที่เธอรวบรวมมา ร้านค้ามหาสมบัตินั้นถูกสร้างขึ้นโดยเซียวเฟิง มันเป็นสถานที่ที่ยิ่งใหญ่ ด้วยทั้งเขตฮัวเซียให้ความสำคัญกับร้านนี้เป็นพิเศษ ดังนั้น เฉียนโตวโตวซึ่งดูเหมือนว่าเป็นเจ้าของร้านค้ามหาสมบัติจะต้องเป็นลูกสมุนที่เชื่อถือได้ของเซียวเฟิงแน่นอน
ตอนที่เธอคุยกับเฉียนโตวโตวเมื่อคืนนี้ เธอก็ตระหนักได้ว่าเฉียนโตวโตวไม่ได้รู้จักเซียวเฟิงมาก่อนเธอ และยังได้รู้อะไรเกี่ยวกับเซียวเฟิงอีกด้วย ในแง่ของตัวตนและภูมิหลังของเขา เฉียนโตวโตวรู้น้อยกว่าที่เธอรู้ด้วยซ้ำ
มันทำให้หลิวเฉียงเหว่ยพูดไม่ออก เธอพบว่าเซียวเฟิงลึกลับและมองออกได้ยากยิ่งขึ้น
ในแง่ของความสามารถทางด้านการเล่นเกมที่ไร้เทียมทานของเซียวเฟิง รวมไปถึงการกระทำที่น่าตกใจในโลกแห่งความเป็นจริงของเขา หลิวเฉียงเหว่ยก็คาดเดาภูมิหลังและตัวตนของเซียวเฟิงไว้มากมาย แต่เธอไม่สามารถยืนยันได้เลย เพราะไม่มีข้อมูลหรือเบาะแสที่สามารถเอามาคำนวณได้
“อะไรนะ? คุณคิดจะย้ายมาอยู่ที่นี่เหรอ? แน่นอนว่าไม่ได้อยู่แล้ว! คุณคิดว่าที่นี่คืออะไร? กลับบ้านตัวเองไปได้แล้ว!”
เมื่อเผชิญกับคำถามของหลิวเฉียงเหว่ย เซียวเฟิงก็ไม่ทันได้ตอบ แต่เซียวหลิงชิงโกรธก่อนและเกือบจะล้มลงจากเก้าอี้ เธอค่อนข้างโมโหและตะโกนใส่หลิวเฉียงเหว่ยด้วยความเป็นปรปักษ์อย่างรุนแรง
หลิวเฉียงเหว่ยยิ้ม เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะมาโต้เถียงกับเด็กสาว แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่จะทนกับความเกลียดชังซ้ำซากของผู้อื่นเช่นกัน
ดังนั้นเธอจึงแสดง ‘อาวุธ’ ในมือ …กุญแจสู่วิลล่าที่เธอได้รับจากเซียวเฟิงเมื่อคืนนี้!
“นี่… นี่คือกุญแจเหรอ?” แน่นอนว่าเซียวหลิงเห็นกุญแจในมือของหลิวเฉียงเหว่ยและท่าทางยั่วโมโหของอีกฝ่าย ดังนั้นจึงตะโกนออกมาดัง ๆ
“ไอ้ขี้ข้าสารเลว! ทำอะไรสกปรกลับหลังฉันกัน? สมองของนายมีแต่ไขมันไร้ประโยชน์ตรงหน้าอกเท่านั้นหรือไง? ก็แค่ไขมันตรงหน้าอกที่ไร้ประโยชน์! เดี๋ยวฉันก็จะได้มันไม่ช้าก็เร็ว!”
เซียวหลิงชี้ไปที่เซียวเฟิงและพูดอย่างโกรธเคือง พูดจบเธอก็กระโดดลงจากเก้าอี้และวิ่งขึ้นไปชั้นบน
“ท่านเซียวหลิง…”
หนิงเคอเค่อที่เพิ่งออกมาจากครัวเรียกเธอ เธอเพิ่งไปตักข้าวต้มให้เซียวเฟิงและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“อย่ามาเรียกฉัน! พวกคนหน้าอกใหญ่! ฉันรู้ว่าหน้าอกของเธอใหญ่ แล้วไง!?”
เสียงของเซียวหลิงมาจากทางเดินไกล ๆ พร้อมกับเสียงกระแทกประตู ตามมาด้วยเสียงร้องไห้ที่ดังขึ้น
ที่ชั้นล่าง หลิวเฉียงเหว่ยนั่งหน้าโต๊ะก็หยุดยิ้มและกางแขนออกอย่างสบาย ๆ
“อย่ารังแกเซียวหลิงสิ” เซียวเฟิงพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ฉันรู้ แต่เธอต้องเรียนรู้ที่จะไม่ทำอะไรตามอำเภอใจด้วยใช่ไหม? นายจะสามารถตามดูแลเธอไปตลอดชีวิตของเธอได้หรือเปล่าล่ะ?” หลิวเฉียงเหว่ยมองไปที่เซียวเฟิงและปฏิเสธอย่างไม่มีจุดอ่อน
เซียวเฟิงเงียบและไม่พูดอะไร