บทที่ 35 บอสตัวใหม่ปรากฏกาย
เซียวเฟิงส่งข้อความไปหาเฉียนโตวโตว ซึ่งเธอกำลังขายของอยู่ที่หมู่บ้าน และถ้าเธอขายของไม่หมด… ก็คงจะไม่กลับไปเก็บเลเวลแน่
“ลูกพี่ ฉันว่าจะตั้งสตูดิโอ และเรียกมันว่าศาลาขุมทรัพย์ดีไหม?”
“อยากจะทำอะไรก็ทำเถอะ…” ชายหนุ่มเมินสิ่งที่เธอบอก และขอเงินจากเธอ 22 เหรียญทอง จากนั้นก็ออกจากเกมไปพร้อมกับนิโคลัสทั้งสอง
หลังจากทำข้าวเที่ยงเสร็จ เซียวเฟิงก็นั่งกินข้าวกับน้องสาวของเขาในขณะที่กำลังดูไลฟ์สดของเกมมิธในทีวี หัวข้อในตอนนี้ไม่ใช่ชูเมิ่งอิ๋ง แต่กลับเป็นชายวัยกลางคนที่ชื่อเล่าสวี
“จำนวนผู้เล่นทั้งหมดในมิธนั้นมีเกินกว่า 60% ของประชากรโลกแล้ว ยิ่งคนเล่นมากเท่าไหร่พวกเราก็ยิ่งมีผู้เล่นมากฝีมือเข้ามามากเท่านั้น กลับกันนั้นผู้คนทั่วโลกเองก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในโลกเสมือนมากกว่าจะออกไปใช้ชีวิตทั่วไป นั่นจะเป็นปัญหาใหญ่ในภายหลังได้ แต่เราก็สามารถบอกได้เลยว่านี่เป็นความสำเร็จของมิธที่ดีจริง ๆ!”
“ทางรัฐบาลเองก็ดูเหมือนว่าจะไฟเขียวให้เด็ก ๆ เริ่มเล่นเกมนี้ได้แล้ว…”
เซียวหลิงที่กำลังกินมื้อเที่ยงอยู่เขวี้ยงตะเกียบของเธอทิ้งด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น เธอเตะเข่าของเซียวเฟิงด้วยเท้าน้อย ๆ ของเธอ
“พี่โง่ นายได้ยินนั่นไหม? ไปซื้อหมวกเล่นเกมนั่นมาให้ฉันซะ!”
“กฎหมายห้ามเด็กเล่นยังไม่ถูกยกเลิกสักหน่อย”
เซียวเฟิงส่ายหัว และไม่คิดจะหนีลูกเตะของน้องสาวด้วย ในเมื่อมันเบาเหมือนกับยุงกัดแบบนี้จะหลบไปทำไม
“เหอะ! เจ้าพี่บ้าน่ารังเกียจ! นายเองก็เป็นผู้เล่นระดับโปรเหมือนกันใช่ไหมล่ะ? ฉันไม่อิจฉานายหรอก!” เซียวหลิงกอดอกไม่พอใจพร้อมมองมายังเขาด้วยสายตาอิจฉา
“อือ ก็ประมาณนั้น” เซียวเฟิงมองไปที่ทีวี เกมออนไลน์โลกเสมือนที่เป็นดั่งโลกใบที่สองของมนุษย์ ช่างเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ออกแบบมาได้เยี่ยมยอดจริง ๆ และด้วยความสามารถที่มี เขาก็สามารถทำอะไรก็ได้ แต่ตอนนี้เซียวเฟิงต้องการหาเงินผ่านเกมนั่นเพื่อดูแลน้องสาวของเขา และต้องการหาคนที่อยู่เบื้องหลังในเหตุการณ์นั้นให้ได้ จึงไม่มีเวลาให้เสียไปมากกว่านี้!
“บุคคลปริศนาที่อยู่อันดับหนึ่งในการจัดอันดับ ตอนนี้เขาเลเวล 9 แล้ว และอาจจะเป็นเลเวล 10 ในเย็นนี้ก็ได้ ถึงฉันจะไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่น่าจะเป็นคนแรกที่เปลี่ยนอาชีพได้ในเขตฮัวเซี่ยแน่ ๆ”
“กิลด์ต่าง ๆ ก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว หมู่บ้านเริ่มต้นที่อื่น ๆ ก็เริ่มก่อตั้งขึ้นมาใหม่แถมยังดูมีอนาคตด้วย แบบนี้คงต้องหาวิธีเพิ่มชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จักซะหน่อยแล้ว”
…
ในตอนนี้ ณ ร้านอาหารของมหาวิทยาลัยเซีย ที่นั่นกำลังมีสองสาวนั่งกินข้าวอยู่ด้วยกัน พวกเธอทั้งคู่สวยตั้งแต่หัวจรดเท้า แถมยังร่าเริงอีกด้วย เป็นที่ดึงดูดสายตาของนักศึกษาที่นี่ได้เป็นอย่างดี
“ดูสิ! ซือเยี่ยจิ๋ง และซูถิงถิง! สาวที่สวยที่สุดในสาขาการตลาดของมหาลัยของเรา”
“พระเจ้า… สองสาวสวยโผล่มาพร้อมกันในที่แบบนี้! ไม่รู้เลยว่าจะมองใครก่อนดี”
“ได้โปรดมอบโอกาสให้ผมได้จูบเธอด้วยเถอะ! ผมยอมยกอายุขัย 10 ปีเพื่อแลกกับการได้จูบพวกเธอเลยเอ้า!” ซือเยี่ยจิ๋ง และซูถิงถิงเองก็ชินกับการถูกจับจ้องด้วยสายตาจากคนทั่วไปอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเธอจึงเลือกที่จะเมินไปเสีย
“ถิงถิง เธอรู้สึกไหมว่าอาหารที่นี่รสชาติมันเปลี่ยนไปน่ะ?” ซือเยี่ยจิ๋งที่กำลังจัดการเนื้อสเต๊กในจานของเธอพูดขึ้น
“ไม่ล่ะ ฉันว่าก็เหมือนเดิม” ถิงถิงรู้สึกประหลาดใจ ถึงเธอจะไม่รู้สึกถึงความแตกต่างเลยก็เถอะ
“อืม แต่ฉันว่ามันไม่อร่อยเหมือนเก่า” เยี่ยจิ๋งส่ายหัว และมองอาหารบนจานของเธอ
“เธอป่วยปะเนี่ย? ไปหาหมอรึยัง?”
“ช่างเถอะ ว่าแต่เรื่องทีมมหาลัยของเธอล่ะ?” เยี่ยจิ๋งเช็ดปากตัวเอง และถามเพื่อนของเธอ
“ฉันจะทำอะไรได้ล่ะ? มันถูกยุบไปแล้ว ก็เกมมิธมันดังขนาดนี้ทำให้เกมอื่น ๆ ถูกเก็บซะเหี้ยนเลย” ถิงถิงพูดพร้อมถอนหายใจ “ฉันเองก็เริ่มเล่นบ้างแล้วล่ะ เธอเองก็เป็นหนึ่งในหอเกียรติยศเหมือนกันนี่ มาช่วยฉันได้แล้ว”
“แน่นอน เธอจะเข้ามาในกิลด์ของฉันหลังจากที่ออกจากหมู่บ้านแล้วก็ได้ ด้วยความสามารถของเธอน่ะยังไงก็เป็นระดับเทพในเกมนี้ได้”
“อย่าพูดแบบนั้นน่า ฉันก็แค่ผู้เล่นธรรมดาที่เพิ่งได้เจอคนฝีมือเทพ ๆ ไม่กี่วันก่อนเอง” ถิงถิงส่ายหัว และมองไปยังร้านอินเทอร์เน็ตฝั่งตรงข้าม
“เขาเก่งแค่ไหนเหรอถึงทำให้เธอคิดว่าเขาเป็นระดับนั้น?” เยี่ยจิ๋งสงสัย
“อืม เธอเคยเล่นเกมมาก่อนใช่ไหม? คิดว่าฉันเล่นเก่งไหม?”
“ฉันว่าเธอน่ะเล่นเก่งพอตัวเลย เก่งกว่าคนทั่วไปซะอีก” เยี่ยจิ๋งคิดก่อนจะพูดออกมา
“ใช่ ฉันเองก็คิดว่าตัวเองอยู่ในระดับกลางของผู้เล่นทั่วโลกน่ะ แต่เธอรู้ไหม? หลังจากที่เห็นเขาเล่นแล้วฉันว่าต้องใช้คนกว่า 5 คนในเลเวลเดียวกันเลยนะถึงจะล้มเขาได้!” ถิงถิงพูดจริงจัง
“อะไรนะ? เก่งขนาดนั้นเลยเหรอ? ถ้ามีคนเทพ ๆ แบบนั้นก็น่าจะต้องอยู่ในหอเกียรติยศสิ ยิ่งถ้าเขาเล่นมิธล่ะก็ ฉันจะต้องพยายามเกลี้ยกล่อมให้เขาเข้ากิลด์ให้ได้ ว่าแต่เธอไปเจอเขาที่ไหนล่ะ?”
“เขาอยู่ร้านอินเทอร์เน็ตตรงข้ามเรานี่แหละ ทุกวันนี้มีร้านแบบนั้นเยอะจะตายไป เขาเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลระบบน่ะ เราน่าจะได้เห็นเขาหลังจากนี้”
“อะไรนะ? แต่ร้านมันปิดหมดทุกร้านเลยนะ เธอไม่รู้เหรอ?”
…
หลังจัดการข้าวเที่ยงเสร็จ เซียวเฟิงก็กลับเข้ามาในเกมอีกครั้ง เขามองหารายชื่อในอันดับ และพบว่าตัวเขาคือคนแรกที่มีเลเวล 9 ซีเหมินชุยเสวียตามเขาอยู่ที่เลเวล 8
….นอกจากเขาแล้ว พวกคู่นิโคลัสก็ไม่ได้อยู่ในรายชื่อนี้ ถ้าไม่ได้ค่าประสบการณ์มหาศาลจากบอสตัวนี้ เซียวเฟิงก็คงไม่มาถึงเลเวล 9 ได้แบบนี้หรอก ชายหนุ่มมองกลับไปยังด้านหลังที่ประตูทางเข้าก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาได้เข้าสู่เควสทดสอบเมื่อคืน และแหวนแห่งศรัทธาก็เพิ่งจะใช้งานได้อีกครั้งวันนี้ ดังนั้นเขาจึงมีตัวเลือกเพิ่มอีกตัวในการเข้าเควสนี้ เควสทดสอบนั้นจะให้ค่าประสบการณ์ที่มากกว่า และจะทำให้เขาเป็นเลเวล 10 ได้ก่อนใครเพื่อน แต่เขาก็ยังจำได้ถึงความเจ็บปวดที่ต้องทำเควสนี้ ชายหนุ่มใช้เวลาหลายชั่วโมงเพื่อจัดการกับบอสได้ ทำไมเขาถึงไม่มีสกิลโจมตีเลยนะ?
“ลูกพี่ นายอยู่ไหนน่ะ?” ทันทีที่เซียวเฟิงกลับมาออนไลน์ เฉียนโตวโตวก็ส่งข้อความมาหาเขาอย่างรวดเร็ว
“ฉันอยู่ที่ที่พวกเราเก็บเลเวลเมื่อเช้าน่ะ เธอจะมาหรือยัง? ให้ไปรับไหม?”
“แน่นอน! แต่ก่อนไปฉันเจอบอสอะ ลูกพี่สนใจปะ?”
“แน่นอน! เอาตำแหน่งมาเดี๋ยวฉันจะไปหา” เซียวเฟิงตื่นเต้นทันทีที่ได้ยินว่าเธอเจอบอส และพวกนิโคลัสก็เข้ามาพอดี ดังนั้นทั้งสามจึงรีบวิ่งไปพร้อมกันอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่พวกเขามาถึงก็มองไปหาเฉียนโตวโตวอย่างเงียบงัน
“แล้วไหนล่ะบอส?”
ที่นี่เป็นที่ราบ และมีบอสเป็นกระทิงตัวใหญ่ยืนอยู่ท่ามกลางมอนสเตอร์เลเวล 8 มันยืนจังก้าอยู่ตรงกลางพร้อมถือกระบองไว้ในมือทั้งสองข้าง ดวงตาสีแดงก่ำของมันจ้องไปรอบ ๆ
ราชากระทิงแดง
เลเวล: 8
ระดับ: อีลิตบอส
พลังชีวิต: 1,800
พลังโจมตีกายภาพ: 72
พลังป้องกันกายภาพ: 48
พลังป้องกันเวทย์: 48
สกิล:
[ทุบด้วยค้อน] ราชากระทิงจะควงกระบองในมือใส่เป้าหมายด้วยกำลังทั้งหมดทำความเสียหาย 150% ของพลังโจมตี และมีโอกาสติดสถานะมึนงง
[แทงด้วยเขา] ราชากระทิงจะกระแทกเป้าหมายทำความเสียหาย 150% ของพลังโจมตี มีโอกาสลอยขึ้นไปบนฟ้า
[พิษวัวบ้า] ราชากระทิงจะเข้าสู่สถานะบ้าคลั่ง เพิ่มความเร็วในการโจมตี 50% และลดพลังป้องกัน 20%
[พิงค์อาย] ราชากระทิงจะเข้าสู่สถานะปั่นป่วน และโจมตีอย่างบ้าคลั่ง 7 ครั้งใส่ 7 เป้าหมาย
[เขย่าพื้น] กระทืบเท้า 3 ครั้งทำความเสียหาย 3 ใส่เป้าหมายในระยะ 3 เมตร ความเสียหายเท่ากับพลังโจมตี
[ข้าคือราชากระทิง] สกิลระดับอัลติเมท หลังจากใช้ไปแล้วร่างกายจะขยายขึ้นสองเท่า ทุกค่าสถานะ +30% หลังจากใช้จนเสร็จสิ้นจะเข้าสู่สถานะอ่อนแอ 30 วินาที
อธิบาย: หนึ่งในผู้ปกป้องทุ่งราบแห่งนี้ มันจะปรากฏตัวก็ต่อเมื่อมีกระทิงคลั่งถูกฆ่าเป็นจำนวนมากเพื่อมาล้างแค้น
คุณลักษณะ: บอสระดับอีลิตที่มีพลังโจมตี และป้องกันที่แข็งแกร่ง ความเร็วเองก็ไม่ใช่น้อย ๆ แถมยังมีสกิลหลายเป้าอีก ไม่ใช่ศัตรูที่จะรับมือได้ง่าย ๆ
มันคือบอสระดับอีลิตเลยนี่หว่า! สถานะก็สูงกว่าเจ้าจระเข้นั่นอีก บอสเองก็มีหลายระดับ แบ่งออกเป็นธรรมดา, อีลิต และสูงกว่านั้น ซึ่งเมื่อเลเวลเพิ่มขึ้นค่าสถานะของมันก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน กระทิงแดงตัวนี้ก็คือหนึ่งในนั้น มอนสเตอร์บอสอีลิตระดับ 8 แข็งแกร่งกว่าอัศวินต้องสาปคืนชีพที่เป็นบอสธรรมดาระดับ 10 ซะอีก
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ตอนนี้เจ้าบอสตัวนี้ (ที่เฉียนโตวโตวอ้างว่าเป็นคนเจอ) กำลังถูกรายล้อมไปด้วยผู้เล่นจำนวนมากกว่าร้อยคน ที่ราบนี่มีผู้คนมากมายที่มาก่อนพวกเซียวเฟิงเสียอีก
“ใช่แล้ว พวกเขายืนล้อมบอสอยู่แต่ไม่ได้โจมตีเลย ก็เลยอยากให้พวกนายมาที่นี่” เธอพยักหน้าอย่างใสซื่อ ดูเหมือนว่าตัวบอสจะถูกเจอโดยคนอื่นแต่เธอดันโมเมเคลมเองซะงั้น
เซียวเฟิงและพวกนิโคลัสต่างก็พูดไม่ออกเหมือนกัน มองไปยังกระทิงที่สูงกว่า 2 เมตรนั่น ….แล้วพวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดี
มันคือบอสระดับอีลิต และจะต้องดรอปของระดับสูง ๆ แน่ ไม่ว่าจะฆ่าได้หรือไม่ก็ไม่ควรปล่อยมันไป แต่ทว่าก็มีคนหลายร้อยคนมารุมล้อมมันแล้ว พวกผู้เล่นมีจำนวนมากกว่าจำนวน HP ของเซียวเฟิงเสียอีก