“เธอต้องการอะไร? อยากจะสู้กับฉันเหรอ?” เซียวเฟิงเหลือบมองเธอ ทำให้ไนท์ คูนเนอร์รู้สึกหงุดหงิดกับท่าทางของเขา
“เปล่า”
เซียวเฟิงกำลังเดินอยู่บนทางที่เงียบสงบ และไม่มีผู้เล่นคนใดอยู่รอบๆ เขา เพราะฉะนั้นไนท์ คูนเนอร์จึงไม่จำเป็นที่จะต้องปกปิดตัวตนของเธออีกต่อไป หญิงสาวตอบเซียวเฟิง และเสียงที่ดูมีชีวิตชีวาของเธอก็อู้อี้อยู่ใต้ผ้าคลุมหน้าของเธอ
“แล้วเธอจะตามฉันมาทำไม? ฉันยังอยู่ในรายชื่อผู้เล่นที่ต้องกำจัดของกิลด์มิดซัมเมอร์นะ” เซียวเฟิงเมินเธอ เขาเดินต่อไปตามทางโดยไม่พูดอะไรออกมา
“ฉันไม่ได้ทำงานร่วมกับกิลด์นั้นแล้ว” ไนท์ คูนเนอร์พูดออกมาตรงๆ ทำให้เซียวเฟิงนึกขึ้นมาได้ว่าเธอนั้นพูดถูก อีกฝ่ายเป็นมือสังหาร ในขณะที่นักรบ นักบวช และอาชีพดาเมจที่มีการโจมตีระยะไกลถือเป็นส่วนสำคัญของปฏิบัติการขนานใหญ่ของกิลด์ คลาสมือสังหารกลับมีเพียงหน้าที่เฝ้าระวังและไม่มีความสำคัญมากขนากนั้น
เพราะถึงอย่างไรผู้เล่นคลาสนักฆ่าก็เหมาะกับการทำงานคนเดียวมากกว่า
“แล้วเธอต้องการอะไร?” เซียวเฟิงถามอีกครั้ง เขากำลังจะไปทำภารกิจ และไนท์ คูนเนอร์ก็ไม่ควรจะตามมา
นอกจากนั้นเขาก็ไม่สามารถที่จะโจมตีหรือไล่เธอไปได้ หากหญิงสาวเป็นโรส เซียวเฟิงก็คงจะฆ่าเธอด้วยค้อนของเขาทันทีโดยไม่ลังเล แต่ไนท์ คูนเนอร์นั้นต่างออกไป
เซียวเฟิงกังวลว่าเธอจะมาที่บ้านของเขาอีก เพราะถึงอย่างไรเธอก็เคยแวะมาที่บ้านเขาตั้งหลายครั้ง
“ฉันอยากจะร่วมตี้อัพเลเวลไปกับนาย เพราะฉันเป็นนักฆ่า ฉันก็เลยไม่เก่งในการสังหารมอนสเตอร์ ส่วนนายที่เป็นนักบวชย่อมช้ากว่าฉัน ดังนั้นเราจะสามารถร่วมมือกันสังหารมอนสเตอร์ได้ นายสามารถเพิ่มพลังชีวิต และเพิ่มสมรรถภาพการต่อสู้ของฉันได้ มันมีประสิทธิภาพกว่าการไล่ฆ่ามอนสเตอร์คนเดียวเยอะเลยนะ”
ไนท์ คูนเนอร์เดินอยู่ด้านหลังเซียวเฟิงและพูดขึ้นอย่างแผ่วเบา เธอยังสวมใส่ชุดสีดำอยู่ แต่หญิงสาวไม่หยิ่งผยองเหมือนครั้งก่อนๆ อีกแล้ว
เรือนร่างของเธอก็ถูกเปลี่ยนกลับมาเป็นปกติเช่นกัน หลังจากที่หญิงสาวเปลี่ยนคลาส เธอก็ดูตัวเล็กกว่าในตอนที่อยู่หมู่บ้านฝึกหัดเสียอีก โดยแลกมากับส่วนสูงที่มากขึ้น ในขณะที่หน้าอกยังคงแฟบเหมือนเดิม
“ฉันต้องทำภารกิจนี้ก่อนที่ฉันจะไปฟาร์มอัพเลเวล”
“ฉันก็อยากจะทำภารกิจนั้นด้วย มาสร้างทีมกับฉันเถอะ ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นภารกิจที่ลุยเดี่ยวได้นะ”
“เปล่า มันไม่ใช่ภารกิจที่ลุยเดี่ยวได้”
“งั้นก็รีบๆ มาร่วมทีมกับฉันสิ! ฉันจะไม่เอาของรางวัลภารกิจของนายหรอก”
เซียวเฟิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากส่งคำเชิญชวนเข้าร่วมทีมไปให้เธอ
“แด๊ด ส่งคำเชิญชวนเข้าร่วมทีมให้กับคุณ คุณจะรับหรือไม่?”
เห็นได้ชัดว่าร่างของไนท์ คูนเนอร์นั้นแข็งทื่อก่อนที่เธอจะตกลงรับคำเชิญชวน
“ชื่อของนายแปลกจัง ไม่น่าเชื่อว่าระบบจะยอมรับชื่อนี้”
“นี่! ชื่อของฉันสมบูรณ์แบบ! บอกฉันสิว่าเธอคิดยังไงตอนที่เธอเห็นชื่อฉัน”
“หุบปาก!” ไนท์ คูนเนอร์รู้สึกได้ว่ามันเสียเวลาที่จะคุยกับเซียวเฟิง โชคดีที่เธอสวมหน้ากากอยู่ และเซียวเฟิงก็ไม่สามารถมองสีหน้าของหญิงสาวได้
“นี่! นายมาทำอะไรที่สถานีส่งสาร? มันเป็นภารกิจขี่ม้าเหรอ?”
เซียวเฟิงเดินเข้าไปในสถานีส่งสาร หลังจากนั้นไม่นานเธอก็เก็บความอยากรู้อยากเห็นไม่อยู่แล้วถามเขาออกไป
“เปล่า สถานที่ในภารกิจนี้อยู่ค่อนข้างไกล ฉันเลยต้องซื้อม้าที่ดีกว่านี้”
เซียวเฟิงยังคงจำได้ว่าเขาถูกทิ้งไว้ข้างหลังเพราะม้าขาวของจืออี้ ฉะนั้นชายหนุ่มจึงตัดสินใจที่จะซื้อม้าที่ดีกว่านี้ถึงเขาจะมีม้าดำอยู่แล้วก็ตาม
เขาเปิดหน้าร้านค้าของ NPC หัวหน้าของสถานีส่งสาร และมองเห็นม้าหนึ่งแถว
ม้าที่เขาเคยซื้อมาก่อนหน้านี้คือม้าดำราคาหนึ่งเหรียญทอง และความเร็วของมันอยู่ในระดับปานกลาง
ในขณะที่ม้าขาวมีความเร็วที่สูงกว่า และราคาของมันเท่ากับสิบเหรียญทอง
ส่วนม้าแดงมีความเร็วที่อยู่ในระดับสูง ราคาของมันเท่ากับ 20 เหรียญทอง
เซียวเฟิงกัดฟันของเขา และซื้อม้าแดงมา ตอนนี้ชายหนุ่มคงสามารถทิ้งระยะห่างจากเธอได้แล้วเมื่อเขาพบกับเธอในครั้งต่อไป …ว่าแล้วก็เซียวเฟิงรู้สึกโล่งอกและมั่นใจในความคิดนั้น
ยังมีม้าเฟอร์กานาอยู่อีกตัวที่มีราคา 50 เหรียญทอง แต่เซียวเฟิงยังไม่มีเงินมากขนาดนั้นในตอนนี้
“ม้าของเธออยู่ในระดับไหนนะ?” เซียวเฟิงถามไนท์ คูนเนอร์เผื่อไว้ก่อน เพราะเขาเกรงว่าม้าของเธออาจจะมีระดับสูงกว่า
“ม้าแดง มีอะไรเหรอ?” ไนท์ คูนเนอร์ถามอย่างประหลาดใจ
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่อยากรู้” ม้าของพวกเขาอยู่ในระดับเดียวกัน และเซียวเฟิงก็โล่งใจที่ได้ยินแบบนั้น
เซียวเฟิงขึ้นขี่ม้าตัวใหม่ของเขา และรีบเดินทางไปยังสถานที่ตามภารกิจ มันเป็นเทือกเขา และระยะห่างของมันจากเมืองเทียนหลงก็คล้ายๆ กับระยะห่างระหว่างภูเขาเจิดจรัสกับเมืองเซิงสุ่ย
ไนท์ คูนเนอร์ตามหลังเซียวเฟิงไปติดๆ แต่เธอนั้นดูมีประสบการณ์กว่าจืออี้ พวกเขาร่วมมือกันและผ่านอาณาเขตของเหล่ามอนสเตอร์อย่างง่ายดายโดยไม่ถูกหยุดตลอดทาง
“นี่! ไอ้บ้า! นายบล๊อคฉันอีกแล้วเหรอ? รีบๆ ยกเลิกมันซะ ไม่อย่างนั้นฉันจะแวะไปบ้านนายแล้วแย่งของกินอีกนะ”
แน่นอนว่าพวกเขาก็ทะเลาะกันอีกครั้ง ทำให้เซียวเฟิงที่ทนไม่ไหวทำการปลดบล็อกให้มันจบๆ ไป
“มีบางอย่างผิดแปลกไปในสถานที่แห่งนี้ มีมอนสเตอร์ผีดิบเลเวลสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ตามทาง นายแน่ใจนะว่าเรามาถูกทาง ฉันมองไม่เห็นเลเวลของมอนสเตอร์พวกนี้ด้วยสกิลการสอดแนมระดับกลางของฉันเลยนะ”
ภายในเวลาครึ่งชั่วโมง พวกก็เข้าใกล้เชิงเทือกเขาได้อย่างรวดเร็ว และยิ่งใกล้เท่าไหร่ พวกมอนสเตอร์ซอมบี้กับโครงกระดูกเลเวลสูงก็ยิ่งปรากฏตัวขึ้นถี่เท่านั้น ซึ่งเมื่อมองไปยังภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยเมฆสีดำหลายก้อนและเต็มไปด้วยบรรยากาศอันมืดมน ไนท์ คูนเนอร์ก็อดไม่ได้ที่จะถามเขาอย่างกังวล
“ไม่! เรามาถูกที่แล้ว! ที่นี่มันสุดยอดมาก!” แต่เซียวเฟิงกลับดีใจ แน่นอนว่าเทือกเขานี้เกี่ยวพันกับเผ่าพันธุ์แห่งความมืด นี่จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะกับการอัพเลเวลสำหรับเขาโดยแท้!
มันเป็นสถานที่ที่กว้างใหญ่ และเขาจะฆ่ามอนสเตอร์มากเท่าไหร่ก็ได้ตามใจของเขา
มีมอนสเตอร์และผีดิบจากเผ่าพันธุ์แห่งความมืดจำนวนมากในเทือกเขาแห่งนี้ และชายหนุ่มย่อมสามารถฆ่ามันได้ทั้งหมดด้วยสกิลที่มี! เซียวเฟิงสั่นเทาด้วยความตื่นเต้นจากความคิดของเขา ก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าของม้าให้เร็วขึ้นอีก
“เฮ้! นี่มันแมพมอนสเตอร์ระดับสูง! ระวังตัวด้วย!” ไนท์ คูนเนอร์มีความรู้สึกตรงกันข้ามกับเซียวเฟิงอย่างสิ้นเชิง เธอเริ่มระมัดระวังตัวมากขึ้น
ตรงทางเข้าสู่เทือกเขาคือหุบเขากว้างใหญ่ และหลังจากที่วิ่งผ่านมอนสเตอร์โครงกระดูกที่อยู่กันกระจัดกระจายออกไป พวกเขาก็ตัดสินใจเก็บม้าและแอบเข้าไปแทน ซึ่งหลังจากเดินผ่านปากทางเข้าของหุบเขา… เซียวเฟิงก็พลันเกิดอาการดีใจเป็นบ้าเป็นหลังเมื่อเขาได้เห็นฉากที่อยู่ภายใน!
มีมอนสเตอร์โครงกระดูกสีขาวอยู่ในหุบเขานี้! เซียวเฟิงสามารถเห็นทะเลแห่งโครงกระดูกแห่งความตายได้ และมันก็มีมากกว่าพันตน!!
“ฮ่าฮ่า! เราจะต้องสร้างกำไรได้มหาศาลแน่! ไปกันเถอะ! อย่างน้อยพวกเราก็คงเลเวลอัพขึ้นมาได้หนึ่งเลเวลหลังจากที่เราฆ่ามอนสเตอร์พวกนี้แน่!” เซียวเฟิงยิ้มด้วยความตื่นเต้น และวิ่งเข้าไปในหุบเขา
เซียวเฟิงถูกค่าประสบการณ์จำนวนมากทำให้หลงใหล และลืมภารกิจของเจ้าเมืองเทียนหลงไปอย่างสิ้นเชิง แต่ถึงอย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ใช่ภารกิจที่มีการจำกัดเวลา เขาสามารถที่จะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จทีหลังได้ และการอัพเลเวลก็เป็นจุดมุ่งหมายที่สำคัญที่สุดของเขาในตอนนี้!
“นายอยากจะฆ่ามอนสเตอร์พวกนี้เหรอ? พวกนั้นคือทหารโครงกระดูกเลเวล 20 มันมีพลังชีวิต 1,200 หน่วย และพลังป้องกันระดับพื้นฐาน นอกจากนี้มันยังมีอีกหลายตน… อืมม แบบนี้มันน่าจะเป็นสถานที่ที่ดีในการอัพเลเวลเหมือนกันนะเนี่ย”
ไนท์ คูนเนอร์ที่เดินอยู่ข้างหลังเซียวเฟิงพูดออกมาหลังจากที่เธอเห็นเลเวลของมอนสเตอร์โครงกระดูกพวกนั้น จากนั้นเธอก็เดินออกไปและโบกมือ ก่อนไก่คูอิ้งที่มีสง่าราศีตัวหนึ่งจะปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าของเธอ
“เราเริ่มกันเถอะ เราจะฆ่ามอนสเตอร์ที่อยู่ทางซ้ายเป็นอันดับแรก พวกมันอยู่กันกระจัดกระจาย ช่วยเพิ่มบัฟให้กับฉันด้วย สัตว์เลี้ยงของนายอยู่ไหน? นายน่าจะเรียกมันออกมาได้แล้ว เอ่อ.. แล้วอีกอย่างนะ สัตว์เลี้ยงระดับทองที่อยู่ในอันดับหนึ่งของรายชื่อสัตว์เลี้ยงเป็นของนายใช่ไหม? เจ้าของของมันซ่อนชื่อตัวละครของเขา และฉันคิดว่านั่นน่าจะเป็นนาย”
ไนท์ คูนเนอร์จับมีดสั้นทั้งสองเล่ม และพูดกับเซียวเฟิงโดยไม่หันหน้าของเธอมาด้วยซ้ำ หญิงสาวกำลังรอการบัฟของเซียวเฟิง และกำลังจะวิ่งเข้าไปฆ่ามอนสเตอร์เหล่านั้นในทันทีที่ได้บัฟ
“เธอจะทำอะไรของเธอ?” เซียวเฟิงมองมาที่หญิงสาวอย่างประหลาด และถามด้วยความฉงน เขาหยิบคทารักษาออกมา และกระโดดไปบนก้อนหิน จากนั้นก็เหวี่ยงคทานั่น ทำให้ทหารโครงกระดูกทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์
-195!
-195!
-195!
-195!
…
ตัวเลขความเสียหายจำนวนนับไม่ถ้วนได้ปรากฏขึ้นบนหัวของทหารโครงกระดูกทุกตัวพร้อมกัน …ตัวเลขความเสียหายพวกนั้นมันมากเสียจนก่อตัวเป็นเมฆสีแดงและลอยขึ้นจากหุบเขานั่น!
สกิลโฮลี่ไลท์ของเซียวเฟิงนั้นอยู่ที่เลเวล 1 และผลรักษาของมันก็คือ 10 เปอร์เซ็นต์ของพลังชีวิตของเป้าหมายบวกกับค่าจิตวิญญาณที่มี ซึ่ง 10 เปอร์เซ็นต์ของพลังชีวิตของทหารโครงกระดูกก็จะเท่ากับ 120 หน่วย ในขณะที่ค่าจิตวิญญาณของเขาเท่ากับ 75 ดังนั้นเขาจึงสามารถสร้างความเสียหาย 195 หน่วยให้กับเหล่ามอนสเตอร์ได้สำเร็จ!
ไนท์ คูนเนอร์กำลังจะเร่งเซียวเฟิงให้เพิ่มบัฟให้กับเธอ แต่ทันใดนั้นเธอก็ต้องตะลึงไปกับเมฆสีแดงในหุบเขาตรงหน้า!
มีมอนสเตอร์อยู่ที่นี่กว่าพันๆ ตน! แต่ตัวเลขดาเมจอันมหาศาลกลับปรากฏขึ้นบนหัวของพวกมันพร้อมกัน ทะเลแห่งกองกระดูกนั้นตื่นขึ้นในทันที และพลังชีวิตของทหารโครงกระดูกทั้งหมดก็ลดลงทันทีเช่นกัน
“หนีเร็ว!”
เซียวเฟิงมองไปที่พวกมันด้วยความพอใจ แต่ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนสีทันทีในเวลาต่อมา เพราะเขาได้ดึงดูดความสนใจของทหารโครงกระดูกทุกตัวเข้าแล้ว!
เสียงคำรามและกรีดร้องของพวกมันก้องกังวานไปทั่วหุบเขา และเหล่าทหารโครงกระดูกก็พากันวิ่งเข้าหาเขาเหมือนกับคลื่นทะเล!
เซียวเฟิงที่เห็นแบบนั้นหันหลังวิ่งหนีอย่างไม่ลังเล นอกจากนั้นเขายังตะโกนไปหาไนท์ คูนเนอร์ที่กำลังเหม่อลอยอยู่เพื่อปลุกเธอให้ได้สติ
ไนท์ คูนเนอร์ได้สติกลับมาทันที ก่อนที่ใบหน้าของเธอจะดำคล้ำ หญิงสาวตะลึงไปกับสิ่งที่เธอเห็น เพราะขณะนี้ทหารโครงกระดูกเป็นพันตัวได้รวมตัวกันเป็นมหาสมุทรและกำลังวิ่งเข้ามาหาพวกเขา!!
หญิงสาวไม่รู้ถึงสิ่งที่เซียวเฟิงได้ทำลงไป ว่าทำไมพลังชีวิตของทหารโครงกระดูกพวกนี้ถึงลดลงพร้อมๆ กัน แต่เธอก็ปัดความสงสัยพวกนี้ทิ้งไปและหันหลังวิ่งหนีตามเซียวเฟิงไปทันที