บทที่ 92 การทำงานร่วมกัน
กลุ่มของผู้เล่นที่เข้าห้องบอสมาทางสะพานหินต่างช็อกในสิ่งที่ตาพวกเขาเห็น
บอสที่พวกเขาคิดว่าจะนอนอยู่อย่างสบายอารมณ์ด้วยพลังชีวิตที่เต็ม กลับมีพลังชีวิตอยู่เกินครึ่งมาแค่เล็กน้อยเท่านั้น!
พวกเขาที่คิดว่าเซียวเฟิงเป็นนักบวชธรรมดา …แต่ขณะนี้อีกฝ่ายกลับยืนถือกระบองทองคำเผชิญหน้ากับบอสแบบตาต่อตา ชายหนุ่มสามารถปัดป้องการโจมตีของบอสได้ แล้วสวนกลับด้วยลูกตุ้มในมือ แถมความเสียหายที่ทำได้แต่ละครั้งยังมากกว่า 200 หน่วย!
“ทำไมบอสพลังชีวิตเหลือแค่นั้น?”
“ไม่อยากจะเชื่อเลย! ท่านฮีลเลอร์คอยรับมือกับบอสแล้วให้ท่านไนท์ คูนเนอร์ทำความเสียหาย! แค่นั้นพลังชีวิตของบอสก็หายไปเกือบครึ่งแล้ว!”
“โห! ได้เห็นความสามารถของพวกยอดฝีมือซะที! ทีแรกคิดว่าน่าจะเก่งกว่าพวกเราแค่นิดๆ หน่อยๆ แต่ดูท่าจะคิดผิดแฮะ นี่มันเจ๋งสุดๆ เลย!”
…
พวกเขาทุกคนยังยืนนิ่ง และมองไปทางทั้ง 2 คนที่รับมือกับบอสได้อย่างสบายๆ โดยไม่ต้องรับความช่วยเหลือจากพวกเขา
“ดูท่าว่าพวกเราจะกลายเป็นภาระแฮะ… ฉันเชื่อว่าต่อให้มีพวกเขาแค่ 2 คนก็จัดการบอสได้อย่างง่ายดายแน่ๆ!”
ในขณะที่ทุกคนยังนิ่ง ฉันคือพาลาดินแห่งการรักษากลับมีสีหน้าที่เครียดเกร็ง เพราะเขาเป็นถึง 1 ใน 20 คนบนหัวตารางของหอเกียรติยศ ถึงไนท์ คูนเนอร์จะมีตำแหน่งสูงกว่าแต่ความเก่งกาจคงจะไม่ต่างกับเขามากนัก
แต่ตอนนี้… ขณะที่เขาถูกฆ่าในชั่วพริบตา อีกฝ่ายกับเซียวเฟิงกลับรับมือกับบอสได้อย่างง่ายดาย! ทำให้เขารู้สึกถึงความห่างชั้นของฝีมือระหว่างตนเองกับทั้ง 2 คนนั้น
“นี่มันอะไรกันเนี่ย…” เล่าสวีเองก็จ้องภาพตรงหน้าไม่วางตา เขาได้เตรียมแผนการเอาไว้มากมาย อย่างให้นักเวทย์ตัวสำรองมาแทนที่เพลิงอมตะที่ไม่สามารถสร้างความเสียหายได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ทำให้แผนการของเขาเป็นหมันไปหมด
“อย่ามัวแต่ยืนใจลอยสิ! รีบๆ มาช่วยได้แล้ว! ตอนนี้ฉันกำลังรีบนะ” เซียวเฟิงพูดโดยไม่หันกลับมามอง เขาเอี้ยวตัวหลบขาหน้าของสลาแมนเดอร์แล้วสวนกลับด้วยกระบองกระทิงทองในมือใส่ขาอีกข้างของสลาแมนเดอร์
-441!
พวกเขาต่างตกใจในตัวเลขความเสียหายที่มากกว่า 400 ทั้งๆ ที่บอสมีพลังป้องกันที่สูงมาก เพราะนั่นหมายความว่าถ้าสู้กับคนธรรมดา …ความเสียหายที่ทำได้จะต้องมากกว่า 500 แน่ๆ! ซึ่งคนที่โดนไปจะตายทันทีในชั่วพริบตา!
“นักบวชให้บัฟกับคนอื่นๆ! ส่วนพวกที่ทำความเสียหายเตรียมตัวกันได้เลย! และนักรบโล่ก็ให้รับมือกับการโจมตีของบอส!” เล่าสวีพิจารณาสถานการณ์ตรงหน้าแล้วออกคำสั่งในทันที
“ไม่ต้องห่วงเรื่องล่อบอส เดี๋ยวฉันรับหน้าที่นี้เอง ตอนนี้บอสกำลังคลั่ง คงไม่มีใครสามารถต้านทานได้แน่ๆ” เซียวเฟิงพูดโดยไม่หันกลับมามอง ทำเอาไนฟและนักรบอีก 2 คนมองหน้ากันเองด้วยความมึนงง
แล้วพวกเขาก็รู้สึกตัวว่าตอนนี้ลำตัวของเจ้าแห่งสลาแมนเดอร์นั้นมีสีแดงที่สดขึ้น ซึ่งพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหนนอกจากรูปลักษณ์ภายนอก ทว่าพลังโจมตีกับความเร็วของมันนั้นก็ดูจะมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
และถึงมันจะรวดเร็วมาก แต่เซียวเฟิงก็หลบการโจมตีของมันได้ราวกับอ่านความเคลื่อนไหวออก ทำให้คนอื่นๆ ต่างสนใจกับการหลบหลีก และการปัดป้องของชายหนุ่ม
“นั่นมัน… ออลเรเลียสเต็ป! นี่เขาสามารถใช้มันได้ด้วยเหรอ!”
เล่าสวีมองไปทางด้านเซียวเฟิงแล้วพยายามที่จะใจเย็นก่อนที่จะถามออกไปว่า “ท่านฮีลเลอร์ มีอะไรที่พวกเราพอจะทำได้บ้าง?”
แต่อันที่จริงเซียวเฟิงได้บอกเขาไปแล้วว่าให้ทำการโจมตีใส่บอสเพียงอย่างเดียว
“โจมตีใส่บอสให้หนักที่สุด แล้วระวังอย่าให้ตาย ตอนนี้ฉันกำลังรีบ อีกครึ่งชั่วโมงฉันจะต้องไปแล้วไม่ว่าภารกิจจะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม”
เซียวเฟิงพูดโดยไม่ได้หันมามองเหมือนเดิม ตอนนี้เขาต้องรีบทำเวลาให้เร็วที่สุด
“ได้! ทำตามคำแนะนำของเขา ทุกคนยกเว้นนักบวช โจมตีใส่บอสอย่างเต็มกำลัง!” เล่าสวีทำตามคำแนะนำของเซียวเฟิงโดยไม่รอช้าอีกต่อไป นักรบโล่ต่างวางโล่แล้วถือดาบ 2 มือเข้าร่วมโจมตีบอสพร้อมกับคนอื่นๆ ทันที
“ฮู่มมมมมมม!”
ถึงเจ้าแห่งสลาแมนเดอร์จะยังไม่มีท่าทีเพลี่ยงพล้ำแถมยังคงจู่โจมใส่อย่างบ้าคลั่ง แต่พวกเขากลับพบว่าสามารถโจมตีมันได้ง่ายมากกว่าที่คิด
พวกเขาแค่ทำความเสียหายลงไปโดยไม่ลังเล พอมองไปทางเซียวเฟิงพวกเขาก็ตกใจมากที่ชายหนุ่มสามารถรับมือกับการโจมตีของบอสได้โดยแทบไม่มีรอยขีดข่วนเลย
พวกเขาคงไม่เชื่อว่าเซียวเฟิงจะแข็งแกร่งขนาดนี้ถ้าพวกเขาไม่ได้มาเห็นกับตา
“ฮู่มมมมมมม!”
จังหวะนั้นจู่ๆ เจ้าแห่งสลาแมนเดอร์ก็พลันชูหัวแล้วคำรามออกมา และถึงจะมีเพียงลมมากระแทกโดยไม่มีความเสียหาย แต่บอสกลับยืนนิ่งอยู่ราวกับว่ากำลังรวบรวมพลังในการทำอะไรบางอย่าง
“ระวังด้วย สกิลกำลังจะมาแล้ว!”
ทุกคนต่างตื่นตระหนก พวกเขาต่างหวั่นใจถึงท่าโจมตีวงกว้างทั่วทั้งฉากก่อนหน้านี้ในตอนที่บอสเสียพลังชีวิตไป 10%
“บัดซบ! เหมือนกับก่อนหน้านี้เลย มันจะใช้สกิลเดิมสินะ”
ตอนนี้บอสกำลังจะทิ้งตัวลงกับพื้นแล้ว ทุกๆ คนต่างกังวลกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น แม้แต่เซียวเฟิงเองก็ตาม
แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นนั้นรุนแรงกว่าที่พวกเขาคาดคิดเอาไว้มากนัก
เจ้าแห่งสลาแมนเดอร์นั้นกลับไม่ได้ทิ้งตัวลงมาที่พื้นเหมือนกับก่อนหน้านี้ แต่มันชูคอพร้อมคำรามออกมา แล้วผิวหนังของสลาแมนเดอร์ก็เริ่มมีเปลวไฟสีแดงเข้มผุดขึ้นมาจากทั่วทั้งร่าง ก่อนที่ร่างของสลาแมนเดอร์จะระเบิดคลื่นไฟออกมารอบทิศทาง!
ตู้มมมมมม!
หลังจากที่เปลวไฟระเบิดออกมา พื้นที่นั้นก็ลุกท่วมไปด้วยเปลวเพลิง แล้วตอนที่มันทิ้งตัวลงมานั้นก็ได้เกิดความเสียหายอีกรอบหนึ่ง แม้ทุกคนพยายามหาที่หลบ… แต่พื้นที่รอบตัวกลับไม่มีที่ว่างให้หลบอีกแล้ว!
-138!
-119!
-108!
-87!
-73!
…
ตัวเลขความเสียหายจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏบนหัวของทุกๆ คนรวมทั้งเซียวเฟิงด้วย พลังชีวิตของเขาลดลงมาเหลือครึ่งหนึ่งในพริบตา!
“สกิลนี้ลดพลังชีวิตเป็นเปอร์เซ็นต์! พลังชีวิตของพวกเราหายไปครึ่งหนึ่ง! ทุกคนรีบรักษาตัวเองก่อนเร็ว! มันจะมีท่าอื่นๆ ตามมาแน่ๆ! นักบวช! รีบเพิ่มพลังชีวิตให้กับคนอื่นๆ ด้วย!”
เล่าสวีมีประสบการณ์ในการเล่นเกมมามาก ดังนั้นเขาจึงรู้ว่ามันไม่จบแค่นี้แน่ๆ!
เซียวเฟิงเองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน ตอนนี้พลังชีวิตของเขาลดลงมาเหลือ 138 จาก 277 แล้ว
โชคดีที่ตอนนี้บอสยังคงเล็งเป้ามาที่เซียวเฟิงโดยไม่ได้สนใจคนอื่นเลย พวกเขาจึงมีเวลาใช้ยาเพิ่มพลังชีวิต
+20!
+20!
+20!
…
ยาระดับกลางจะเพิ่มพลังชีวิตได้ 20 หน่วย ถึงจะยังไม่เพียงพอกับความเสียหายที่ได้รับแต่ก็ทำให้พวกเขาสามารถต้านการโจมตีรอบที่ 2 ได้
ตู้มมมมมม!
เปลวไฟจากสลาแมนเดอร์ระเบิดออกมาอีกครั้งโดยไม่มีที่ให้หลบเลยแม้แต่น้อย และตอนที่เปลวไฟหายไปทุกคนก็เหลือพลังชีวิตอยู่น้อยมากๆ ทว่าก็ยังรอดผ่านมาได้ทุกคน
แต่เล่าสวีนั้นยังคงมีสีหน้าเคร่งเครียดแล้วก็ตะโกนออกมา
“พวกเราแย่แล้ว! รอบที่ 3 กำลังจะมาแล้ว!”
เปลวไฟบนตัวของสลาแมนเดอร์ยังไม่หายไป แล้วเปลวไฟก็ระเบิดออกมาอีกรอบ
ตู้มมมมมม!
ตอนนี้พวกเขาเหลือพลังชีวิตกันแค่ 20 หน่วยเท่านั้น ถ้าไฟเข้ามาปะทะก็ได้ตายแน่ๆ …พวกนักบวชที่เห็นแบบนั้นต่างวางไม้เท้าของพวกเขาลงอย่างจำยอม
เซียวเฟิงยังคงลังเล เพราะว่าเขาไม่ได้ใช้ยาไปในการระเบิดรอบที่ 2 ทำให้ชายหนุ่มยังคงมียาเหลืออยู่ ต้องขอบคุณต่างหูวัฏจักรชีวิตและสกิลของมันที่ทำให้เขายังรอดมาได้
แต่ตอนนี้คนอื่นๆ กำลังจะตายกับการโจมตีของบอส เขาเลยอ่านจังหวะ แล้วหยิบคทารักษาออกมาก่อนใช้สกิล ทำให้ตัวเลขการรักษาสีเขียวปรากฏขึ้นบนหัวของทุกๆ คน
+177!
+161!
+154!
+170!
…
ทุกคนที่ยอมแพ้ไปแล้ว… เมื่อเห็นว่าจู่ๆ พลังชีวิตของตัวเองกลับมาเต็มอีกครั้ง พวกเขาก็ต่างตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
แล้วพวกเขาก็ปะทะกับคลื่นเปลวไฟในที่สุด
-138!
-119!
-108!
-87!
-73!
…
พวกเขาทุกคนรอดออกมาจากสกิลของบอสจนได้ ทว่าบอสที่ใช้สกิลเสร็จแล้วก็ได้พุ่งเข้าโจมตีเซียวเฟิงที่เป็นเป้าหมายต่อทันที
ทุกคนตอนนี้ปลอดภัยหมดแล้วยกเว้นเซียวเฟิงที่เหลือพลังชีวิตแค่ 1 หน่วยเท่านั้น นี่เป็นผลข้างเคียงของสกิลที่เขามี และเพราะระยะสายตานั้นมีจำกัด ถ้าเซียวเฟิงต้องการช่วยทุกคนในระยะสายตาเขาจะไม่สามารถช่วยตัวเองได้!
แต่ถ้าเขาเลือกที่จะเอาตัวเองให้รอด ก็จะช่วยคนอื่นๆ ไม่ทันเหมือนกัน
อย่างไรก็ตามด้วยผลของสกิลวัฏจักรชีวิต เขาสามารถใช้ค่ามานาในการรับความเสียหายแทน ชายหนุ่มถึงได้รอดมาได้ แต่พลังชีวิตก็เหลืออยู่แค่ 1 หน่วยเท่านั้น แล้วถึงตายไปสกิลกายาศักดิ์สิทธิ์ก็จะทำงาน ดังนั้นเขาจึงมีโอกาสที่จะรอดอยู่เหมือนกัน
ดังนั้นเซียวเฟิงเลยรอดออกมาได้ ถึงจะดูสาหัสสุดๆ แต่เขาก็ยังปลอดภัย
“นี่มัน… สกิลฮีลแบบกลุ่ม!”
พวกเขามองไปทางเซียวเฟิงที่ยังถือคทาแห่งการรักษาเอาไว้ในมือ
ถึงเซียวเฟิงจะทำให้ใครต่อใครตกใจมามาก แต่ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่มากทีสุด !