“คาสึคุง ชั้นชอบเธอนะ เรามาคบกันเถอะ”
ณ.ดาดฟ้าโรงเรียน อากาศแจ่มใส แสงแดดส่องทอประกาย ผม อายาโนะโคจิ คาสึโตะ กำลังถูก คุณคุรุมิซากะ นานะ สารภาพรัก
ใบหน้าเธอย้อมไปด้วยสีแดงก่ำ สองมือไขว้กุมกระโปรง สั่นเล็กน้อยเพราะความเขินอาย ทว่าสายตากลับเปี่ยมล้นด้วยความมุ่งมั่น บ่งบอกว่าสิ่งที่สื่อออกไปไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
“คุณคุรุมิซากะ..”
“ชั้นไม่อยากจะหักหลังรินกะ แต่ว่านะ ชั้นก็ไม่อาจหักห้ามความรู้สึกตัวเองได้”
คุณคุรุมิซากะสารภาพความจริง น้ำตาคลอ
บางทีคงเกิดจากความลังเลและรู้สึกผิดในความรักของตัวเองและความรู้สึกที่มีต่อเพื่อนสนิทล่ะมั้ง
“ต่อให้ทุกอย่างจากนี้จะเป็นไงก็ช่าง ได้โปรดคบกับชั้นเถอะนะ
“…..”
ชิบหายละครับ ผมควรจะตอบยังไงดีหว่า
ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลามานั่งอ้ำอึ้งอมทุกข์ด้วย
“คาสึคุง”
จู่ๆคุณคุรุมิซากะก็กระโดดเข้าหาอ้อมอกผม เล่นเอาผมเผลอรีบกอดรับเธอโดยไม่ทันตั้งตัว ช่างเป็นร่างกายที่เล็กและนุ่มนิ่มอะไรเช่นนี้
“ถ้าชั้นได้พบคาสึคุงเป็นคนแรกก่อนรินจัง เรื่องราวมันจะเป็นยังไงบ้างนะ”
“มันก็เป็น…”
คุรุมิซากะที่อยู่ในอ้อมอกผม เงยหน้าด้วยแววตาคลอเบ้า
เจอสีหน้าแววตาแบบนี้ เล่นเอาผมหมดคำจะพูดเลย
“คาสึคุง..”
คุรุมิซากะเขย่งเท้า ขยับปากเข้าหาปากผมราวกับตั้งใจจะจูบ
“….”
ผมควรจะเบนหน้าออกแท้ๆ แต่ว่าร่างกายมันไม่ฟังคำสั่ง ภาพรินกะแว่บมาในหัว ก็เท่านั้น ผมก็ขยับไม่ได้
ขณะที่ริมฝีปากของคุรุมิซากะกำลังจะสัมผัสริมฝีากผม
ทันใดนั้นเอง
ติ้ดๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงนาฬิกาปลุกผมให้กลับสุ่โลกความจริง
ภาพในสายตาผม เป็นเพดานห้องตัวเองที่คุ้นเคยดี
“…ฝันงั้นเหรอ”
****
“โห น่าเสียดายว่ะ สมเป็นอายาโนะโคจิจริงๆ”
“หมายความว่าไงวะ”
เช้าวันนี้ ผมมาถึงห้องเรียน เล่าเรื่องความฝันให้ทาจิบานะกับไซโต้ฟัง
ผมก็เดาไว้หน่อยหนึ่งว่าพวกนั้นจะพูดว่าไงบ้าง แต่ปฏิกริยาตอบรับถือว่าเหนือความคาดหมาย เพราะทาจิบานะเพียงแค่ส่ายหัวดิก
“ก่อนที่อายาโนะโคจิคุงจะจูบ ตอนนั้นก็เห็นภาพคุณมิสึกิแล้วคิดจะหนีแล้วใช่มั้ยล่ะ”
“ม่า อืม”
ผมพยักหน้าตอบ
“นี่ล่ะแปลกดี เป็นแฟนกันมันควรจะเบนหลบทันนะ”
“นั่นดิ”
“โอ้ยย เมิงก็คิดเยอะจริงจังเกิ้น โหย ถ้าฝันนั้นกุเป็นเมิงนะ กุจูบคุรุมิซากะจังเสร็จแล้ว กุไปขอคบคุณมิสึกิต่อเลยนะ 555”
“เหอๆ”
“ทำไมฟะ ผู้ชายมันมีความใฝ่ฝันแบบนี้แปลกตรงไหน ว่าปะ ไซโต้”
“ไม่อะ ถึงเป็นกุก็ไม่ทำอะไรชั่วช้าแบบนั้น ต่อให้เป็นในฝันก็ตาม”
“อ้าว ไอ้สาสสส หักหลังกุเฉ้ยยยยย”
ก็นะ เล่าให้ความฝันระบายให้พวกนี้ฟังก็ดี เห็นพวกมันทะเลาะกันแล้วคลายเครียดดี
ระหว่างคิดอะไรเพลินๆ ปรากฏว่ารินกะที่นั่งอยู่แถวข้างหน้า หันมามอง สบตาผม
ปกติเธอต้องมีปฏิกริยาโต้ตอบอะไรบ้าง เช่น โบกมือทัก
แต่ครั้งนี้ไม่ใช่
“…….”
รินกะมองผมเพียงแว่บเดียวก่อนหันกลับไปมองหน้ากระดานดำต่อ… มันหมายความว่าไงหว่า
ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้ แต่ว่า นับตั้งแต่วันที่ผมได้พบกับครอบครัวรินกะ ผมรู้สึกว่าเหมือนเธอรักษาระยะห่างกับผมไว้ แชทก็ไม่ค่อยได้ทักมาคุยบ่อยเหมือนปกติ
ขณะที่ผมกำลังกังวลเรื่องรินกะ ปรากฏว่ามีแชทเด้งมาจากคุณคุรุมิซากะ ใจความว่า
“ความสัมพันธ์กับรินจังเป็ํนไงบ้าง รายงานให้ชั้นฟังหน่อยสิ ในฐานะชั้นที่เป็นผู้บัญชาการมิชชั่นกระชับความสัมพันธ์ ชั้นอยากรู้ข้อมูลความคืบหน้า
วันนี้ตอนพักกลางวัน ขึ้นมาที่เดิมนะ”
ดูเหมือนว่าคุณคุรุมิซากะยังไม่ล้มเลิกความตั้งใจวางแผนการเรื่องกระชับความสัมพันธ์อีกรึ
ไม่แน่ว่าเธออาจจะถามเรื่องความสัมพันธ์จากรินกะแล้วก็ได้แต่ก็อยากมาถามผมอีกทีเพื่อความชัวร์ล่ะมั้ง
ผมพิมพ์แชทตอบกลับไปว่า “รับทราบครับผู้บัญชาการ” ก่อนจะรอให้ถึงเวลาพักกลางวัน
****
ผมมารอคุณคุรุมิซากะก่อนตรงหน้าบันไดทางขึ้นดาดฟ้า
“หมู่นี้ชักจะได้คุยกับไอดอลบ่อยจะเป็นเรื่องปกติไปซะล่ะมั้ง”
เอาจริงๆ ใครจะไปคาดคิดว่าคนอย่างผมจะมีโอกาสได้เล่นเกมออนไลน์ร่วมกับไอดอลทั้งสองคน
จะว่าไป โคโตโนะช่วงนี้เหมือนจะหายไปเลย ตั้งแต่เหตุการณ์วันนั้นผมก็ไม่ได้พบเธออีกเลย
“คาสึคุง”
“เหวออออ”
ขณะที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ ไม่รู้ว่าคุณคุรุมิซากะมาตั้งแต่เมื่อไร เธอยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมพลางส่งเสียงเรียก เล่นเอาผมตะโกนลั่นด้วยความตกใจ
ผมนึกถึงเหตุการณ์ความฝันเมื่อเช้าตอนคุณคุรุมิซากะกระโดดเข้ามาซบอกผมและจะจูบ…
“เป็นอะไรรึเปล่าคาสึคุง ทำไมหน้าเธอแดงจัง”
“สบายดีครับ ผมไม่เป็นไร”
ใจจริงผมอยากจะบอกเธอว่าใกล้เกินไปแล้ว แต่เอาจริงๆระยะที่เธอยืนตอนนี้มันก็ระยะประจำปกตินั่นแหละ เลยไม่รู้จะบอกทำไม เดี๋ยวเสียเชิงเปล่าๆ
“แต่ว่าหน้าเธอแดงจริงๆนะ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นไข้ก็ได้นะ”
คุณคุรุมิซากะกล่าวจบ ใช้มือเธอแตะหน้าผากผม
มือเธอนุ่มเป็นบ้าเลยโว้ย เล่นเอาใจเต้นตุ้มต่อม
“อืมมม เหมือนจะมีไข้นิดหน่อยนะ”
“เชื่อผมเหอะครับ ผมสบายดี”
“..ถ้าคาสึคุงยืนกรานตามนั้นชั้นก็จะเชื่อ แต่ว่าห้ามฝืนตัวเองนะ”
คุฯคุรุมิซากะกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน หารู้ไม่ว่าสาเหตุที่ผมตัวร้อนก็เพราะเธอนั่นแหละ แต่ผมพูดไม่ออก ได้แต่รอคอยพักหนึ่งจนเธอเอามือออกจากหน้าผากผม
“จะว่าไปที่เรียกผมมาเพราะมีเรื่องอยากจะฟังไม่ใช่เหรอครับ”
“อืม อาทิตย์ก่อนชั้นไปบ้านรินจังมาน่ะ”
เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงแจ่มใส ผมเลยกล่าว
“อ้อ งั้นก็น่าจะฟังเรื่องราวจากรินกะแล้วสินะครับ”
“ชั้นรู้จากคุณคาสึต่างหาก”
โถ เจ๊แกนี่ปากเบาชิบเป๋ง แต่ก็สมเป็นคนง่ายๆสบายๆนั่นแหละ
“เสร็จแล้วชั้นก็ฟังเรื่องราวต่างๆจากรินจัง ทีนี้ก็เหลือแค่ของคาสึคุงคนเดียวละ”
“เอาจริงๆก็ออกจะน่าอายนิดหนึ่งนะครับ”
“สบายมาก ชั้นกับเธอผูกพันเป็นพันธมิตรกันจากมิชชชั่นกระชับความสัมพันธ์ ชั่้นพร้อมรับฟังเรื่องราวความสัมพันธ์ของพวกเธอทั้งคู่ เอาล่ะ ไหนว่ามาซิ”
“เอางั้นเลยเหรอครับ”
เคยได้ยินมาว่าเด็กผู้หญิงมักจะชอบฟังเรื่องรักๆใคร่ๆ แน่นอนว่า คุณคุรุมิซากะก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ผมเลยตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดวันนั้นให้ฟัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโดนถามเรื่องนอกใจ โนโนอะเรียกผมว่าโอนี่จัง เรื่องคุณคาสึมิฝากฝังรินกะให้ผมดูแล เรื่องเจอคุณแม่รินกะที่เมาแอ๋ รวมถึงเรื่องที่ได้คุยกับพ่อเธอด้วย
จนถึงตอนนี้ผมก็ยังแกะความหมายคำพูดที่คุณพ่อรินกะพูดได้เลย ไม่เข้าใจสักนิด
ไม่สิ…บางทีผมอาจจะเข้าใจทุกอย่างแล้วแต่แรก แต่ใจผมพยายามจะปฏิเสธไม่ยอมรับความจริงก็ได้
“เท่ากับว่าครอบครัวรินจังยอมรับในตัวคาสึคุง แต่ว่าทั้งสองคนก็ยังไม่ได้คบกันอยู่ดีสินะ”
“ม่า อืม ใช่ครับ แล้วช่วงนี้รินกะก็ดูเหมือนว่าเธอจะพยายามรักษาระยะห่างจากผมด้วยสิ”
“เรื่องรินจังน่ะเหรอ.. เรื่องนั้นเดี๋ยวชั้นบอกเหตุผลให้เธอฟังเอง”
คุณคุรุมิซากะกล่าวจบ ยกมือกระแทกหน้าอกตัวเองเป็นเชิงว่าให้ชั้นพูดให้ฟังละกัน
“รินจังกำลังเสียใจอยู่น่ะสิ”
“เสียใจ? เรื่องอะไรเหรอครับท่านผู้บัญชาการ”
“เรื่องชวนคาสึคุงไปบ้านไง”
ถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี จึงได้แค่รอให้คุณคุรุมิซากะกล่าวต่อ
“รินจังเป็นคนบอกเธอเองใช่มั้ยล่ะว่าจะรอจนกว่าคาสึคุงจะจัดการความรู้สึกของตัวเอง แต่สุดท้ายกลายเป็นว่าดันไปเปิดตัวเป็นทางการที่บ้านก่อน ก็เลยรู้สึกเสียใจ”
“เรื่องนี้ได้ฟังจากปากรินกะโดยตรงเหรอครับ”
“อืม เธอเล่าให้ฟังนิ่งๆแต่รู้เลยว่าข้างในเสียใจมากเลย”
“ไม่นึกว่ารินกะจะเป็นคนที่ใส่ใจกับเรื่องไม่คาดฝันนะครับ”
“รินจังเขาไม่อยากเผยด้านนี้ให้ใครเห็นไง ดูเผินๆเธอเป็นคนมุ่งมั่น แต่ความจริงแล้วเธอเป็นคนใจดีและอ่อนไหวมากนะ”
อ่อนไหวเหรอ?รินกะคนนั้นเนี่ยนะ? ผมส่ายศีรษะนิ่งๆแต่ในใจก็ยอมรับในคำพูดของคุณคุรุมิซากะ
สาเหตุเป็นเพราะว่า หากนึกย้อนกลับไป รินกะคือคนที่แต่งงานในโลกออนไลน์ แล้วลามมาถึงโลกความจริง ถ้าบอกไม่อ่อนไหว คนๆนั้นจะไม่มีนิสัยแบบนี้แน่ เธอเป็นสาวคูลแต่ไม่ใช่คนเย็นชาด้วย
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ชั้นในฐานะผู้บัญชาการมีอะไรดีๆจะแนะนำ”
“คิดอะไรก็ว่ามาเลยครับ ท่านผู้บัญชาการ”
“เริ่มจากคาสึคุงชวนรินกะไปออกเดทซะ ชั้นจะช่วยคิดแผนการเดทที่หวานโรแมนติกชวนจิ้นในเดทแรกนี่แหละ”
“ไม่ไหวแน่ครับ”
“คิดไปเอง เรื่องคิดแผนการเดทที่สมบูรณ์แบบ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ชั้นเอง”
“ไม่ไหว ไม่ไหว เรื่องเดทยังไงก็ไม่รอดแน่…ดูมือผมสิครับ เห็นมั้ยว่าเหงื่อเต็มฝ่ามือแล้วเพียงแค่คิดเท่านั้นยังไม่เดทจริงเลยนะ”
ผมแบฝ่ามือให้คุณคุรุมิซากะดู
เดทกับรินกะเหรอ แค่คิดก็รู้สึกเกร็งจนเหงื่อแตกละ
“นอกจากนี้ เรื่องเดทอาจจะสร้างปัญหาก็ได้ หากตอนเดท ผมกับรินกะอยู่ด้วยกันแล้วมีใครถ่ายภาพไปลงโซเชี่ยลขึ้นมาคงแย่แน่”
“อ้อ เรื่องนั้นแค่ปลอมตัวก็จบละจ้า”
“ต่อให้ปลอมตัวแต่ก็มีโอกาสความแตกนะครับ ออร่าของไอดอลที่ฮอตจริงมันเปล่งประกายจนคนภายนอกสัมผัสได้แน่ ขนาดตอนนี้ ผมยังมองเห็นคุณคุรุมิซากะกับรินกะมีออร่าไอดอลสุดฮอตแผ่ออกมาเลย”
“ฮะฮะ พูดเวอร์เกินไปแล้ว พวกชั้นเป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดานะ”
ไม่ธรรมดาหรอก เชื่อผมเห้ออออ
**
จบ CH6-1
เนื้อเรื่องเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงจากในเว็บนิดหน่อย ตั้งแต่ตอนหน้านี่ก็น่าจะออริจินัลจากไลท์โเวลละ เพราะคนเหงาและง่วงไม่ได้แปลต่อ (ฺฮา) ใครที่อ่านจบก็รออ่านต่อตั้งแต่ตอนหน้าได่เลย
รอตอนใหม่ได้ก็อ่านที่นี่พรุ่งนี้ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า kurakon