ณ.วันหยุด ตอนเช้า ผมเดินมารอหน้าสถานี เพราะว่านัดเดทกับรินกะวันนี้
ความรู้สึกหลายอย่างปนเปในตัวจนหัวใจเต้นตึกตัก
ด้วยความที่หน้ารถไฟมีกลุ่มคนไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น หรือครอบครัว เดินผ่านไปมา รู้สึกเหมือนตกเป็นเป้าสายตาจากคนรอบข้าง มันทำให้ใจไม่สงบ ผมไม่ชอบ เลยเดินเข้ามานั่งในม้านั่งแถวๆนั้น
ก่อนผมจะมาเดท ผมศึกษาข้อมูลการเดทมาบ้าง เลยเลือกใส่ชุดที่ไม่จืดและไม่ฉูดฉาดเกินไป
ว่าไปรินกะจะใส่ชุดแบบไหนมานะ
“…อ๊ะ”
ผมมองไปที่ปากทางสถานี เห็นรินกะกำลังเดินท่ามกลางมวลชนมาหาผม
ถึงจะอยู่ไกลก็เหอะ ยังมองเห็นได้ไม่ชัดเท่าไรแต่มั่นใจว่าเป็นรินกะแน่
รินกะสวมหมวกและสวมแว่นตาอันโตเพื่อปิดบังรูปลักษณ์ตัวเอง ใส่เสื้อทีเชิ๊ตและกระโปรงยาว
จากเครื่องแต่งกายที่เธอเลือกใช้ ชัดเจนว่าตั้งใจจะกลบเกลื่อนออร่าความคูลของตัวเอง ถือว่าทำได้ดีเลยล่ะ ถ้าเป็นคนไม่คุ้นเคย น่าจะดูไม่ออกว่าคนสวมแว่นคือรินกะแน่
“ขอโทษที่ให้รอ คาสึคุง”
รินกะเดินมาถึงจุดที่ผมยืนอยู่ กล่าวทักทาย เผยรอยยิ้มเล็กน้อย
การกระทำแค่นี้ของเธอก็ทำเอาผมเริ่มเขินและตื่นเต้นนิดๆแล้วล่ะ
“ชีวิตจริงนี่มาถึงเร็วมากเลยนะ ทีในเกมนี่เป็นเจ้าชายสายเสมอตลอด”
“ผมบอกไปแล้วนะครับว่าคนที่มาเร็วก่อนมันฝั่งพวกเธอ แล้วเหตุผลที่ผมมาสายก็เพราะรินกะนะครับ”
“ชั้นเหรอ? หมายความว่าไง?”
“ผมดูมิวสิควีดีโอที่รินกะเล่นแล้วเพลินจนลืมเวลาไง นี่แหละคือเหตุผลที่ผมมาสาย”
“ง..งั้นเหรอ..พอเธอพูดแบบนี้ ชั้นไม่รู้ว่าควรจะโกรธหรือดีใจ..ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน”
รินกะกล่าวในขณะที่เธอไม่กล้าสบตาผม แต่แก้มเธอแดงแป้ดเลยแฮะ ที่แท้ก็เขินนี่หว่า
“ถ้างั้นก็เราไปดูหนังกันเลยมั้ยครับ”
“อืม”
ผมลุกจากม้านั่ง เดินเคียงข้างรินกะ พร้อมเหลือบมองดูรอบตัว ดูเหมือนว่าพวกผมจะไม่ได้ตกเป็นเป้าสายตาคนอื่นแล้ว
น่าแปลกดี ทั้งที่มีไอดอลสุดฮอตอยู่ใจกลางเมือง แต่ไม่มีคนสังเกต
เป็นไปตามที่คุณคุรุมิซากะว่าไว้ แค่เปลี่ยนเครื่องแต่งกาย ก็สามารถเปลี่ยนบรรยากาศได้แล้ว
“คาสึโตะคุง เป็นอะไรเหรอ”
“คือว่า…”
จริงๆในหัวผมมีแปลนการเดทเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์อยู่แล้ว และผมอยากจะทดสอบหนึ่งในแผนการนั้น แต่ว่าผมดันไม่กล้า ขาขยับไม่ออกแม้แต่ก้าวเดียว
“เห็นเธอทำท่าจะล้ม ไหวมั้ย หน้าก็แดงด้วย..”
“เปล่าครับ ไม่ได้เป็นไข้ด้วย”
แผนการของผมคือ อยากจับมือรินกะ
มันไม่ใช่แค่แผนเดท มันคือความปรารถนาที่ผมอยากจะทำด้วย
แต่แค่จะเอ่ยปากชวน มันก็ดันพูดไม่ออก
นอกจากนี้ ผมดูปฏิกริยารินกะในตอนนี้ เธอไม่มีความตื่นเต้นขวยเขินแล้ว อาจเป็นเพราะเธอคิดว่าผมกับรินกะเป็นสามีภรรยากันอยู่แล้ว การเดทครั้งนี้ก็เลยไม่ได้มีอะไรพิเศษในใจเธอก็ได้
คนที่คิดแปลกๆ อยากจะพัฒนาความสัมพันธ์ หรืออยากจะจับมือ อาจจะมีแค่ผมคนเดียวล่ะมั้ง
“คาสึคุง?”
“รินกะ..คือว่า…”
“มีอะไรรึเปล่า พูดออกมาได้เลยไม่ต้องเกรงใจนะ”
“ม..มือครับ”
“มือ?”
รินกะเอียงคอถาม เงยหน้ามองผมด้วยแววตากลมโตสงสัย
“ผมอยากจับมือ..ครับ”
พูดออกไปจนได้
ไอ้การขอจับมือนี่เป็นครั้งแรกที่ผมพูดกับสาวๆเลยนะ
แต่ก็นะ ถ้าเป็นรินกะที่ตั้งใจจะเป็นสามีภรรยากับผมอยู่แล้ว คำว่าขอจับมือนี่คงเบบี๋มาก เธอคงจะตอบกลับประมาณว่า “ได้สิ เราเป็นสามีภรรยาแล้วฉะนั้นจับมือกันก็เป็นเรื่องธรรมดา”
ผมคิดอย่างนั้นนะ แต่ว่า เธอดันยังไม่ตอบกลับอะไรผมสักคำนี่สิ
รินกะเหมือนโดนใครจับสตาฟท์ไว้ เธอเงยหน้าเบิกตาค้างมองผมตัวแข็งทื่อ
“ฮัลโล รินกะครับ”
“ด..ดะ….ดะ…..ได้สิ….พวกเราเป็นสามีภรรยากันแล้ว จับมือก็เป็นเรื่องปกติ ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตเลย”
…….
เขร้ ทำไมจู่ๆเธอก็พูดรัวเป็นแรปเปอร์เลยวะ แถมเธอหลบตาผมตอนพูดซะด้วย
“งั้นก็ จับมือกันเลยนะครับ”
“ช..เชิญค่ะ”
รินกะยื่นมือขวามาหาผม ผมยื่นมือตัวเองกุมมือเธอไว้ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมจับมือผู้หญิง ว้าว โคตรนุ่มเลย สำหรับผมแล้ว มือรินกะ ไม่ได้ต่างอะไรกับมือเทพธิดาผุ้สูงส่งเลย การได้จับมือเธอในครั้งนี้คือหนึ่งในเรื่องประทับใจที่สุดในชีวิตผมเลย
“…..”
“…..”
ทีนี้ พอได้จับมือกันแล้ว ปรากฏว่า ผู้คนมากมายเดินผ่านผมไปเรื่อยๆ แต่ว่าผมกับรินกะยังคงกุมมือกันแต่ไม่เดินออกไปจากจุดเดิมเลย แถมพูดอะไรไม่ออกด้วย
ผมรู้ว่าเหตุผลมันคืออะไร
มันคือความตื่นเต้นและความซาบซึ้ง และความอบอุ่นที่ได้กุมมือผู้หญิงทีตัวเองรัก มันซึ้งจนขาไม่ขยับแต่กลับรู้สึกว่าถ้าตัวเองมีปีก คงบินได้เพราะความปลาบปลื้มไปแล้ว
นี่คือความรู้สึกผม
ทีนี้ปัญหาคือความรู้สึกของรินกะนี่ล่ะ
ทำไมเธอถึงไม่ขยับและไม่พูดไม่จาเลย
เวลาผ่านไปหลายวินาที ผมที่ยังคงยืนคิดถึงเหตุผลว่าทำไมรินกะถึงเป็นแบบนี้ เลยลองแอบเหลือบตามองเธอ
….รินกะไม่กล้าสบตาผม หันหน้ามองไปด้านข้างซะงั้น เพราะอะไรหว่า…?
“คือว่า…คุณรินกะครับ?”
ผมอยากรู้ว่าตอนนี้เธอทำสีหน้ายังไงอยู่ เลยลองค่อยๆเอียงตัวเองไปมองสีหน้าที่เธอหันไปด้านข้าง
แต่พอผมจะเห็นหน้าเธอปุ๊บ รินกะรีบเอียงหน้ามองไปอีกด้านหนึ่ง เจตนาชัดเจนว่า เธอไม่อยากให้ผมเห็นสีหน้าเธอตอนนี้
“รินกะ เป็นอะไรรึเปล่าครับ”
“…ห้ามเลยนะ”
“เอ๋?”
“ห้ามมองหน้าชั้นตอนนี้นะ”
รินกะกล่าวเสียงสั่นๆด้วยความเขินอาย ถ้าอาการมาแบบนี้ รู้เลยว่าหน้าเธอแดงแป้ดสุดๆเพราะความเขินแน่
…อย่าบอกนะว่า เธอก็รู้สึกเหมือนผมเหรอ?
“อายเหรอครับ”
“อืม”
“ทั้งที่ตั้งใจเป็นสามีภรรยากันแล้วนะครับ”
“ไม่ใช่ตั้งใจ เราเป็นสามีภรรยาแล้วต่างหาก”
“เป็นสามีภรรยากันแล้วแต่ก็ยังเขินเวลาจับมือเหรอครับ…?”
“ก็…นี่มันครั้งแรกของชั้นนี่นาที่ได้จับมือกับคนที่ตัวเองชอบ…”
รินกะพูดเสียงเบา ก่อนจะลดจนแทบจะเป็นกระซิบตรงประโยคท้ายพูดจนจบว่า “ชั้นได้จับมือกับคาสีโตะคุงนี่นา”
โอ้พระเจ้า รินกะในตอนนี้โคตรน่ารักเลยครับ
ถ้านี่เป็นฉากในมังงะ มันต้องมีกามเทพแผลงศรใส่หัวใจผมแล้วแน่นอน
รินกะในตอนนี้ ไม่มีมาดความคูลเหลืออยู่เลย ความรู้สึกผมในตอนนี้คือ ผู้หญิงตรงหน้าคือภรรยาผู้น่ารักอ่อนหวานและขี้อายไร้เดียงสา
ถ้าผมเป็นผู้ชายสายกินเนื้อ ไม่ใช่กินพืขนะ เห็นเธอในสภาพนี้ต้องดึงตัวมากอดและหอมสักฟอดแล้ว
“..ป..ไปดูหนังเลยมั้ยครับ”
“น..นั่นสิ ..ออกเดินทางกันเถอะ”
ผมกับรินกะเดินจับมือไปด้วยกัน ตอนก้าวขาเดินแต่ละครั้งตัวแข็งโป๊กราวกับเป็นหุุ่นกระป๋องขึ้นสนิม
ผมรู้สึกว่ามีสายตาหลายคนมองมาที่พวกผมที่เดินตัวเกร็ง แต่ก็คิดว่า สายตาคนมองตอนนี้คงไม่คิดว่า คนที่เดินตัวเกร็งตอนนี้จะเป็นไอดอลสุดฮอตหรอก
****
พวกผมเดินทางมาถึงโรงหนัง นั่งตรงกลางเยื้องไปข้างหลังเล็กน้อย
ผมกับเธอนั่งคู่กัน ในโรงหนังค่อนข้างสว่าง ตอนนี้เห็นมีหลายคนอยู่ในโรง หนังยังไม่ฉาย บางคนก็เลยคุยกันในโรง
“…..”
แต่แน่นอนว่า นั่นมันคู่คนอื่น พวกผมสองคนตอนนี้ตั้งแต่นั่งในโรงหนัง ยังนิ่งกริ้บ ไม่พูดกันเลยสักคำ ซึ่งเหตุผลไม่ได้เกิดจากบรรยากาศรอบข้างไม่ดี หรือเพราะพูดไม่เก่ง แต่เป็นเพราะความตื่นเต้นเขินจัดจนพูดไม่ออกต่างหาก
ขณะที่ผมกำลังคิดอยู่ว่า ควรเป็นฝ่ายเปิดปากคุยอะไรกับรินกะ แต่จะคุยเรื่องไหนดี รินกะก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน
“คือว่า…ตอนนี้มันก็คือหลังแต่งงาน พูดไปอาจจะฟังดูแปลก แต่วันนี้คือเดทแรกของเรา เป็นวันแห่งความทรงจำเลยนะ”
“นั่นสินะ แต่งก่อนเดททีหลัง มันก็แปลกดีแหละ”
“อาร่า คราวนี้ไม่ปฏิเสธเรื่องแต่งงานเหมือนครั้งก่อนๆด้วยเหรอ”
“ม่า ใช่ครับ”
ถ้าปฏิเสธ ผมคงไม่นัดเดทเธอหรอก
“จะบอกว่าตอนนี้เธอมีจิตสำนึกความเป็นสามีแล้วใช่มั้ย?”
“…..”
“คาสึโตะคุงรู้ใช่มั้ยว่า หนึ่งในความทุกข์ที่ใหญ่ที่สุดของมนุษย์คือการเมินเฉยนะ”
หืม รู้สึกได้ว่า วันนี้และตอนนี้ เธอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังมาก
ผมอยากจะแหย่ด้วยการปฏิเสธเธอเล่นอีกสักครั้ง แต่คิดว่าไม่ทำดีกว่า แต่ก็นะ เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศอึดอัดในตอนนี้ ผมเลือกเปลี่ยนหัวข้อสนทนาแทน
“รินกะชอบดูหนังรักรึเปล่าครับ”
หนังที่ผมจองดูด้วยกันวันนี้คือหนังรัก ผมประเมินว่าเธอคงน่าจะชอบแหละ แต่วัตถุประสงค์ของคำถามผมไม่ได้อยากรู้ว่าเธอชอบหนังหรือไม่ แต่เป็นการเลี่ยงหัวข้อสนทนาก่อนหน้าต่างหาก
“ไม่ค่อยได้ดูนะ”
แต่คำตอบเธอก็ทำผมทึ่ง เพราะผมคิดว่า คูลเดเระแบบเธอควรจะชอบดูหนังรักนะ
“ถ้ามีเวลาว่างดูหนังล่ะก็ ชั้นเลือกเล่นเกมออนไลน์มากกว่าน่ะ”
“เหตุผลที่เลือกเพราะชอบเล่นเกมสินะ สมเป็นไอดอลเกมเมอร์สุดๆ”
“..เหตุผลจริงๆคือเพราะคาสึโตะคุงต่างหาก”
“ผมเนี่ยนะ? “
รินกะพยักหน้า กล่าวต่อ
“สำหรับชั้นแล้ว การเล่นเกมส์ออนไลน์ คือการได้พบปะพูดคุยกับคนอื่น แน่นอนว่าเกมส์มันก็สนุกด้วย แตจริงๆแล้วคือเพราะโลกออนไลน์เป็นโลกที่ได้พบกับคาสึโตะคุงอยู่น่ะ”
“ง..งั้นเหรอครับ”
“ถ้าเข้ามาเล่นเกมแล้วไม่เจอคาสึโตะ ป่านนี้เล่นได้สักสองอาทิตย์คงลบเกมทิ้งไปแล้ว”
“น่าเสียดายออก เกมมันมีอะไรดีๆให้ทำเยอะมากเลยนะครับ อีเว้นก็เยอะ เอาแค่ความลึกซึ้งเรื่องขุดแร่ในเกมนี้ คุยกันเป็นวันก็ไม่หมดอะครับ”
สรุปรวบรัดสั้นๆว่า พอทั้งสองคนคุยกันเรื่องเกม ทั้งคู่ก็หายเกร็ง คุยกันได้ตามปกติ ราวกับว่า โลกความจริงที่อยู่ตอนนี้ พวกเขาเป็น “ริน” กับ “คาสึ”
คุยกันได้สักพัก หนังก็เริ่มฉาย ทั้งสองคนเงียบเสียงลงพักหนึ่ง ก่อนที่รินกะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม เอ่ยกระซิบข้างหู รู้สึกถึงลมหายใจอบอุ่นของรินกะ
****
จบCH7*1
ขออภัยนะครับ ช่วงนี้4วันติดน่าจะอัพได้แบบนี้แหละ แดกเหล้าโต้รุ่ง หาเวลาลงกับแปลงานยากมากกกกก ถ้าหายก็คือหาย แต่ถ้าส่างแปลได้ก็จะมาลงงานให้นะครับ
คิดว่าตอนนี้คน่าจะรปะมัน
“เอ่อ คาสึโตะคุง”
“หือ?”
“จับมือกันเหมือนตอนก่อนเข้าโรงก็ได้นะ ถึงเราจะอยู่ในโรงหนังแล้วก็ตาม”
“พวกเราเป็นสามีภรรยากันแล้ว ผมคิดว่าคุณอยากทำอะไร ผมก็พร้อมเสมอครับ”
“…..อืม..”
หลังจากรินกะตอบรับสั้นๆ ผมยื่นมือซ้ายกุมมือขวาของรินกะ
สรุปว่าตอนนี้ผมตื่นเต้นกับการจับมือเธอจนไม่ได้มีสมาธิกับการดูหนังเลย กล้าพูดได้เต็มปากว่าถึงไม่ต้องส่องกระจกตอนนี้ก็รู้เลยว่าหน้าผมแดงเข้มสุดๆแน่นอน
ผมเบนสายตาจากจอทีวี ลอบชำเลืองมองรินกะ
จังหวะโบ๊ะบ๊ะมาก เพราะรินกะก็ทำแบบเดียวกับผมพอดี สายตาเราทั้งคู่ประสานกัน
….รินกะ..เธอเองก็หน้าแดงเหมือนกันแฮะ
รินกะที่ตั้งใจเป็นภรรยาผม แต่เธอกลับเขินหน้าแดงเพียงแค่เรื่องจับมือ
หลังจากนั้น ผมกับเธอดูหนังจนฉายจบ ก็ออกมาจากโรง คุยกันเรื่องเนื้อหาหนัง แต่ผมก็คุยได้ไม่ค่่อยรู้เรื่องมาก
เพราะเนื้อหาหนังมันไม่เข้าหัวผม สิ่งที่มีในหัวผมตอนนี้คือเรื่องจับมือรินกะ และความอบอุ่นจากมือเธอที่ยังคงเหลือในมือซ้ายของผม
แต่คิดว่า ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว รินกะก็เป็นเหมือนผมไม่ต่างกันหรอก
สุดท้ายพวกเราเลิกคุยเรื่องเนื้อหาหนัง เพียงแค่เดินกุมมือกันออกจากโรงหนังเงียบๆ สัมผัสถึงความอบอุ่นจากมืออีกฝ่ายโดยไม่จำเป็นต้องพูดากัน
****
จบ CH7-1
ช่วงนี้กินเหล้ายาวๆเลยได้แปลช้านะครับ เอาเป็นว่าไม่พูดเยอะ ขอให้เสพน้ำตาลกับตอนนี้ให้คุ้มเลยน่อ
รอตอนใหม่ได้ก็อ่านที่นี่พรุ่งนี้ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า kurakon