Netoge no Yome ga Ninki Idol datta ネトゲの嫁が人気アイドルだった ~クール系の彼女は現実でも嫁のつもりでいる~ – ตอนที่ 7.1

ณ.วันหยุด ตอนเช้า ผมเดินมารอหน้าสถานี เพราะว่านัดเดทกับรินกะวันนี้

ความรู้สึกหลายอย่างปนเปในตัวจนหัวใจเต้นตึกตัก

ด้วยความที่หน้ารถไฟมีกลุ่มคนไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น หรือครอบครัว เดินผ่านไปมา รู้สึกเหมือนตกเป็นเป้าสายตาจากคนรอบข้าง มันทำให้ใจไม่สงบ ผมไม่ชอบ เลยเดินเข้ามานั่งในม้านั่งแถวๆนั้น

ก่อนผมจะมาเดท ผมศึกษาข้อมูลการเดทมาบ้าง เลยเลือกใส่ชุดที่ไม่จืดและไม่ฉูดฉาดเกินไป

ว่าไปรินกะจะใส่ชุดแบบไหนมานะ

“…อ๊ะ”

ผมมองไปที่ปากทางสถานี เห็นรินกะกำลังเดินท่ามกลางมวลชนมาหาผม

ถึงจะอยู่ไกลก็เหอะ ยังมองเห็นได้ไม่ชัดเท่าไรแต่มั่นใจว่าเป็นรินกะแน่ 

รินกะสวมหมวกและสวมแว่นตาอันโตเพื่อปิดบังรูปลักษณ์ตัวเอง ใส่เสื้อทีเชิ๊ตและกระโปรงยาว

จากเครื่องแต่งกายที่เธอเลือกใช้ ชัดเจนว่าตั้งใจจะกลบเกลื่อนออร่าความคูลของตัวเอง ถือว่าทำได้ดีเลยล่ะ ถ้าเป็นคนไม่คุ้นเคย น่าจะดูไม่ออกว่าคนสวมแว่นคือรินกะแน่

“ขอโทษที่ให้รอ คาสึคุง”

รินกะเดินมาถึงจุดที่ผมยืนอยู่ กล่าวทักทาย เผยรอยยิ้มเล็กน้อย 

การกระทำแค่นี้ของเธอก็ทำเอาผมเริ่มเขินและตื่นเต้นนิดๆแล้วล่ะ

“ชีวิตจริงนี่มาถึงเร็วมากเลยนะ ทีในเกมนี่เป็นเจ้าชายสายเสมอตลอด”

“ผมบอกไปแล้วนะครับว่าคนที่มาเร็วก่อนมันฝั่งพวกเธอ แล้วเหตุผลที่ผมมาสายก็เพราะรินกะนะครับ”

“ชั้นเหรอ? หมายความว่าไง?”

“ผมดูมิวสิควีดีโอที่รินกะเล่นแล้วเพลินจนลืมเวลาไง นี่แหละคือเหตุผลที่ผมมาสาย”

“ง..งั้นเหรอ..พอเธอพูดแบบนี้ ชั้นไม่รู้ว่าควรจะโกรธหรือดีใจ..ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน”

รินกะกล่าวในขณะที่เธอไม่กล้าสบตาผม  แต่แก้มเธอแดงแป้ดเลยแฮะ ที่แท้ก็เขินนี่หว่า

“ถ้างั้นก็เราไปดูหนังกันเลยมั้ยครับ”

“อืม”

ผมลุกจากม้านั่ง เดินเคียงข้างรินกะ พร้อมเหลือบมองดูรอบตัว ดูเหมือนว่าพวกผมจะไม่ได้ตกเป็นเป้าสายตาคนอื่นแล้ว

น่าแปลกดี ทั้งที่มีไอดอลสุดฮอตอยู่ใจกลางเมือง แต่ไม่มีคนสังเกต

เป็นไปตามที่คุณคุรุมิซากะว่าไว้ แค่เปลี่ยนเครื่องแต่งกาย ก็สามารถเปลี่ยนบรรยากาศได้แล้ว 

“คาสึโตะคุง เป็นอะไรเหรอ”

“คือว่า…”

จริงๆในหัวผมมีแปลนการเดทเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์อยู่แล้ว  และผมอยากจะทดสอบหนึ่งในแผนการนั้น แต่ว่าผมดันไม่กล้า ขาขยับไม่ออกแม้แต่ก้าวเดียว

“เห็นเธอทำท่าจะล้ม ไหวมั้ย หน้าก็แดงด้วย..”

“เปล่าครับ ไม่ได้เป็นไข้ด้วย”

แผนการของผมคือ อยากจับมือรินกะ

มันไม่ใช่แค่แผนเดท มันคือความปรารถนาที่ผมอยากจะทำด้วย

แต่แค่จะเอ่ยปากชวน มันก็ดันพูดไม่ออก

นอกจากนี้ ผมดูปฏิกริยารินกะในตอนนี้ เธอไม่มีความตื่นเต้นขวยเขินแล้ว อาจเป็นเพราะเธอคิดว่าผมกับรินกะเป็นสามีภรรยากันอยู่แล้ว การเดทครั้งนี้ก็เลยไม่ได้มีอะไรพิเศษในใจเธอก็ได้

คนที่คิดแปลกๆ อยากจะพัฒนาความสัมพันธ์ หรืออยากจะจับมือ อาจจะมีแค่ผมคนเดียวล่ะมั้ง

“คาสึคุง?”

“รินกะ..คือว่า…”

“มีอะไรรึเปล่า พูดออกมาได้เลยไม่ต้องเกรงใจนะ”

“ม..มือครับ”

“มือ?”

รินกะเอียงคอถาม เงยหน้ามองผมด้วยแววตากลมโตสงสัย

“ผมอยากจับมือ..ครับ”

พูดออกไปจนได้

ไอ้การขอจับมือนี่เป็นครั้งแรกที่ผมพูดกับสาวๆเลยนะ

แต่ก็นะ ถ้าเป็นรินกะที่ตั้งใจจะเป็นสามีภรรยากับผมอยู่แล้ว คำว่าขอจับมือนี่คงเบบี๋มาก เธอคงจะตอบกลับประมาณว่า “ได้สิ เราเป็นสามีภรรยาแล้วฉะนั้นจับมือกันก็เป็นเรื่องธรรมดา”

ผมคิดอย่างนั้นนะ แต่ว่า เธอดันยังไม่ตอบกลับอะไรผมสักคำนี่สิ

รินกะเหมือนโดนใครจับสตาฟท์ไว้ เธอเงยหน้าเบิกตาค้างมองผมตัวแข็งทื่อ

“ฮัลโล รินกะครับ”

“ด..ดะ….ดะ…..ได้สิ….พวกเราเป็นสามีภรรยากันแล้ว จับมือก็เป็นเรื่องปกติ ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตเลย”

…….

เขร้ ทำไมจู่ๆเธอก็พูดรัวเป็นแรปเปอร์เลยวะ แถมเธอหลบตาผมตอนพูดซะด้วย

“งั้นก็ จับมือกันเลยนะครับ”

“ช..เชิญค่ะ”

รินกะยื่นมือขวามาหาผม  ผมยื่นมือตัวเองกุมมือเธอไว้ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมจับมือผู้หญิง ว้าว โคตรนุ่มเลย สำหรับผมแล้ว มือรินกะ ไม่ได้ต่างอะไรกับมือเทพธิดาผุ้สูงส่งเลย  การได้จับมือเธอในครั้งนี้คือหนึ่งในเรื่องประทับใจที่สุดในชีวิตผมเลย

“…..”

“…..”

ทีนี้ พอได้จับมือกันแล้ว ปรากฏว่า ผู้คนมากมายเดินผ่านผมไปเรื่อยๆ แต่ว่าผมกับรินกะยังคงกุมมือกันแต่ไม่เดินออกไปจากจุดเดิมเลย  แถมพูดอะไรไม่ออกด้วย

ผมรู้ว่าเหตุผลมันคืออะไร

มันคือความตื่นเต้นและความซาบซึ้ง และความอบอุ่นที่ได้กุมมือผู้หญิงทีตัวเองรัก มันซึ้งจนขาไม่ขยับแต่กลับรู้สึกว่าถ้าตัวเองมีปีก  คงบินได้เพราะความปลาบปลื้มไปแล้ว

นี่คือความรู้สึกผม

ทีนี้ปัญหาคือความรู้สึกของรินกะนี่ล่ะ

ทำไมเธอถึงไม่ขยับและไม่พูดไม่จาเลย

เวลาผ่านไปหลายวินาที ผมที่ยังคงยืนคิดถึงเหตุผลว่าทำไมรินกะถึงเป็นแบบนี้ เลยลองแอบเหลือบตามองเธอ

….รินกะไม่กล้าสบตาผม หันหน้ามองไปด้านข้างซะงั้น เพราะอะไรหว่า…?

“คือว่า…คุณรินกะครับ?”

ผมอยากรู้ว่าตอนนี้เธอทำสีหน้ายังไงอยู่  เลยลองค่อยๆเอียงตัวเองไปมองสีหน้าที่เธอหันไปด้านข้าง

แต่พอผมจะเห็นหน้าเธอปุ๊บ รินกะรีบเอียงหน้ามองไปอีกด้านหนึ่ง เจตนาชัดเจนว่า เธอไม่อยากให้ผมเห็นสีหน้าเธอตอนนี้

“รินกะ เป็นอะไรรึเปล่าครับ”

“…ห้ามเลยนะ”

“เอ๋?”

“ห้ามมองหน้าชั้นตอนนี้นะ”

รินกะกล่าวเสียงสั่นๆด้วยความเขินอาย ถ้าอาการมาแบบนี้ รู้เลยว่าหน้าเธอแดงแป้ดสุดๆเพราะความเขินแน่

…อย่าบอกนะว่า เธอก็รู้สึกเหมือนผมเหรอ?

“อายเหรอครับ”

“อืม”

“ทั้งที่ตั้งใจเป็นสามีภรรยากันแล้วนะครับ”

“ไม่ใช่ตั้งใจ เราเป็นสามีภรรยาแล้วต่างหาก”

“เป็นสามีภรรยากันแล้วแต่ก็ยังเขินเวลาจับมือเหรอครับ…?”

“ก็…นี่มันครั้งแรกของชั้นนี่นาที่ได้จับมือกับคนที่ตัวเองชอบ…”

รินกะพูดเสียงเบา ก่อนจะลดจนแทบจะเป็นกระซิบตรงประโยคท้ายพูดจนจบว่า “ชั้นได้จับมือกับคาสีโตะคุงนี่นา” 

โอ้พระเจ้า รินกะในตอนนี้โคตรน่ารักเลยครับ

 

 

 

 

ถ้านี่เป็นฉากในมังงะ มันต้องมีกามเทพแผลงศรใส่หัวใจผมแล้วแน่นอน

รินกะในตอนนี้ ไม่มีมาดความคูลเหลืออยู่เลย ความรู้สึกผมในตอนนี้คือ ผู้หญิงตรงหน้าคือภรรยาผู้น่ารักอ่อนหวานและขี้อายไร้เดียงสา

ถ้าผมเป็นผู้ชายสายกินเนื้อ ไม่ใช่กินพืขนะ เห็นเธอในสภาพนี้ต้องดึงตัวมากอดและหอมสักฟอดแล้ว

“..ป..ไปดูหนังเลยมั้ยครับ”

“น..นั่นสิ ..ออกเดินทางกันเถอะ”

ผมกับรินกะเดินจับมือไปด้วยกัน ตอนก้าวขาเดินแต่ละครั้งตัวแข็งโป๊กราวกับเป็นหุุ่นกระป๋องขึ้นสนิม 

ผมรู้สึกว่ามีสายตาหลายคนมองมาที่พวกผมที่เดินตัวเกร็ง แต่ก็คิดว่า สายตาคนมองตอนนี้คงไม่คิดว่า คนที่เดินตัวเกร็งตอนนี้จะเป็นไอดอลสุดฮอตหรอก

****

พวกผมเดินทางมาถึงโรงหนัง นั่งตรงกลางเยื้องไปข้างหลังเล็กน้อย 

 

ผมกับเธอนั่งคู่กัน ในโรงหนังค่อนข้างสว่าง ตอนนี้เห็นมีหลายคนอยู่ในโรง หนังยังไม่ฉาย บางคนก็เลยคุยกันในโรง

“…..”

แต่แน่นอนว่า นั่นมันคู่คนอื่น พวกผมสองคนตอนนี้ตั้งแต่นั่งในโรงหนัง ยังนิ่งกริ้บ ไม่พูดกันเลยสักคำ ซึ่งเหตุผลไม่ได้เกิดจากบรรยากาศรอบข้างไม่ดี หรือเพราะพูดไม่เก่ง แต่เป็นเพราะความตื่นเต้นเขินจัดจนพูดไม่ออกต่างหาก

ขณะที่ผมกำลังคิดอยู่ว่า ควรเป็นฝ่ายเปิดปากคุยอะไรกับรินกะ แต่จะคุยเรื่องไหนดี รินกะก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน

“คือว่า…ตอนนี้มันก็คือหลังแต่งงาน พูดไปอาจจะฟังดูแปลก แต่วันนี้คือเดทแรกของเรา เป็นวันแห่งความทรงจำเลยนะ”

“นั่นสินะ แต่งก่อนเดททีหลัง มันก็แปลกดีแหละ”

“อาร่า คราวนี้ไม่ปฏิเสธเรื่องแต่งงานเหมือนครั้งก่อนๆด้วยเหรอ”

“ม่า ใช่ครับ”

ถ้าปฏิเสธ ผมคงไม่นัดเดทเธอหรอก 

“จะบอกว่าตอนนี้เธอมีจิตสำนึกความเป็นสามีแล้วใช่มั้ย?”

“…..”

“คาสึโตะคุงรู้ใช่มั้ยว่า หนึ่งในความทุกข์ที่ใหญ่ที่สุดของมนุษย์คือการเมินเฉยนะ”

หืม  รู้สึกได้ว่า วันนี้และตอนนี้ เธอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังมาก

ผมอยากจะแหย่ด้วยการปฏิเสธเธอเล่นอีกสักครั้ง แต่คิดว่าไม่ทำดีกว่า แต่ก็นะ เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศอึดอัดในตอนนี้ ผมเลือกเปลี่ยนหัวข้อสนทนาแทน

 

“รินกะชอบดูหนังรักรึเปล่าครับ”

หนังที่ผมจองดูด้วยกันวันนี้คือหนังรัก ผมประเมินว่าเธอคงน่าจะชอบแหละ แต่วัตถุประสงค์ของคำถามผมไม่ได้อยากรู้ว่าเธอชอบหนังหรือไม่ แต่เป็นการเลี่ยงหัวข้อสนทนาก่อนหน้าต่างหาก

“ไม่ค่อยได้ดูนะ”

แต่คำตอบเธอก็ทำผมทึ่ง เพราะผมคิดว่า คูลเดเระแบบเธอควรจะชอบดูหนังรักนะ

“ถ้ามีเวลาว่างดูหนังล่ะก็ ชั้นเลือกเล่นเกมออนไลน์มากกว่าน่ะ”

“เหตุผลที่เลือกเพราะชอบเล่นเกมสินะ สมเป็นไอดอลเกมเมอร์สุดๆ”

“..เหตุผลจริงๆคือเพราะคาสึโตะคุงต่างหาก”

“ผมเนี่ยนะ? “

รินกะพยักหน้า กล่าวต่อ

“สำหรับชั้นแล้ว การเล่นเกมส์ออนไลน์ คือการได้พบปะพูดคุยกับคนอื่น แน่นอนว่าเกมส์มันก็สนุกด้วย แตจริงๆแล้วคือเพราะโลกออนไลน์เป็นโลกที่ได้พบกับคาสึโตะคุงอยู่น่ะ”

“ง..งั้นเหรอครับ”

“ถ้าเข้ามาเล่นเกมแล้วไม่เจอคาสึโตะ ป่านนี้เล่นได้สักสองอาทิตย์คงลบเกมทิ้งไปแล้ว”

“น่าเสียดายออก เกมมันมีอะไรดีๆให้ทำเยอะมากเลยนะครับ  อีเว้นก็เยอะ เอาแค่ความลึกซึ้งเรื่องขุดแร่ในเกมนี้ คุยกันเป็นวันก็ไม่หมดอะครับ”

สรุปรวบรัดสั้นๆว่า พอทั้งสองคนคุยกันเรื่องเกม ทั้งคู่ก็หายเกร็ง คุยกันได้ตามปกติ ราวกับว่า โลกความจริงที่อยู่ตอนนี้ พวกเขาเป็น “ริน” กับ “คาสึ” 

คุยกันได้สักพัก หนังก็เริ่มฉาย ทั้งสองคนเงียบเสียงลงพักหนึ่ง ก่อนที่รินกะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม เอ่ยกระซิบข้างหู รู้สึกถึงลมหายใจอบอุ่นของรินกะ

****

จบCH7*1 

ขออภัยนะครับ ช่วงนี้4วันติดน่าจะอัพได้แบบนี้แหละ แดกเหล้าโต้รุ่ง หาเวลาลงกับแปลงานยากมากกกกก ถ้าหายก็คือหาย แต่ถ้าส่างแปลได้ก็จะมาลงงานให้นะครับ

 

คิดว่าตอนนี้คน่าจะรปะมัน

“เอ่อ คาสึโตะคุง”

“หือ?”

“จับมือกันเหมือนตอนก่อนเข้าโรงก็ได้นะ ถึงเราจะอยู่ในโรงหนังแล้วก็ตาม”

“พวกเราเป็นสามีภรรยากันแล้ว ผมคิดว่าคุณอยากทำอะไร ผมก็พร้อมเสมอครับ”

“…..อืม..”

หลังจากรินกะตอบรับสั้นๆ ผมยื่นมือซ้ายกุมมือขวาของรินกะ

สรุปว่าตอนนี้ผมตื่นเต้นกับการจับมือเธอจนไม่ได้มีสมาธิกับการดูหนังเลย กล้าพูดได้เต็มปากว่าถึงไม่ต้องส่องกระจกตอนนี้ก็รู้เลยว่าหน้าผมแดงเข้มสุดๆแน่นอน

ผมเบนสายตาจากจอทีวี ลอบชำเลืองมองรินกะ

จังหวะโบ๊ะบ๊ะมาก เพราะรินกะก็ทำแบบเดียวกับผมพอดี สายตาเราทั้งคู่ประสานกัน

….รินกะ..เธอเองก็หน้าแดงเหมือนกันแฮะ

รินกะที่ตั้งใจเป็นภรรยาผม แต่เธอกลับเขินหน้าแดงเพียงแค่เรื่องจับมือ

หลังจากนั้น ผมกับเธอดูหนังจนฉายจบ ก็ออกมาจากโรง คุยกันเรื่องเนื้อหาหนัง แต่ผมก็คุยได้ไม่ค่่อยรู้เรื่องมาก

เพราะเนื้อหาหนังมันไม่เข้าหัวผม สิ่งที่มีในหัวผมตอนนี้คือเรื่องจับมือรินกะ และความอบอุ่นจากมือเธอที่ยังคงเหลือในมือซ้ายของผม

แต่คิดว่า ไม่ใช่แค่ผมคนเดียว รินกะก็เป็นเหมือนผมไม่ต่างกันหรอก

สุดท้ายพวกเราเลิกคุยเรื่องเนื้อหาหนัง  เพียงแค่เดินกุมมือกันออกจากโรงหนังเงียบๆ สัมผัสถึงความอบอุ่นจากมืออีกฝ่ายโดยไม่จำเป็นต้องพูดากัน

 

****

จบ CH7-1

 

ช่วงนี้กินเหล้ายาวๆเลยได้แปลช้านะครับ เอาเป็นว่าไม่พูดเยอะ ขอให้เสพน้ำตาลกับตอนนี้ให้คุ้มเลยน่อ 

 

รอตอนใหม่ได้ก็อ่านที่นี่พรุ่งนี้ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า  kurakon 

Netoge no Yome ga Ninki Idol datta ネトゲの嫁が人気アイドルだった ~クール系の彼女は現実でも嫁のつもりでいる~

Netoge no Yome ga Ninki Idol datta ネトゲの嫁が人気アイドルだった ~クール系の彼女は現実でも嫁のつもりでいる~

Status: Ongoing
อ่านเรื่อง Netoge no Yome ga Ninki Idol datta ネトゲの嫁が人気アイドルだった ~クール系の彼女は現実でも嫁のつもりでいる~“คาสึโตะคุง เรื่องนี้มันหมายความว่าอะไร” ณ.กลางวัน วันอาทิตย์ ห้องๆหนึ่งของแมนชั่นที่มีไอดอลสาวมัธยมปลายอาศัยอยุ่ ในห้องมีผม กำลังนั่งคุกเข่ามือสองข้างวางบนต้นขาตัวเอง ภายในห้องจัดวางของเป็นระเบียบบ่งบอกถึงความคูลของนิสัยเจ้าของห้อง “เน่ ฟังที่ชั้นพูดอยู่มั้ย นี่เป็นเรื่องสำคัญในอนาคตของเราสองคนนะ” “ฟ..ฟังอยู่ครับ…” ในขณะที่ผมคาสึโตะกำลังนั่งคุกเข่า ส่วนคู่สนทนาผมคือเด็กสาวกำลังยืนอยู่ตรงหน้าผม เธอเป็นเด็กสาวผมยาวสงลย มีชื่อว่า มิสึกิ รินกะ บรรยากาศเงียบสงัดแฝงความโกรธแผ่ออกมาจากร่างเล็กของเธอ สายตาที่มองลงมาที่ผมเต็มไปด้วยความเย็นชาดุจน้ำแข็ง “คาสึโตะคุง ชั้นถามอีกรอบนะ คนพวกนี้เป็นใคร” รินกะหันหน้าจอสมาร์ทโฟนให้ผมดู หน้าจอแสดงรายชื่อfirend list ในเกมMMO RPG ที่ผมเล่นอยู่ประจำเรียงเป็นแถว (มีแค่5คนเท่านั้น) “คนพวกนั้นมัน…เป็นผู้เล่นปกตินะ..นานๆทีก็ลงดันเจี้ยนด้วยกันแล้วรู้สึกดีเลยaddไว้เฉยๆ”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset