Netoge no Yome ga Ninki Idol datta ch11-2
คุณคุรุมิซากะบอกว่าจบภารกิจ ผมก็รู้สึกเหงานิดหน่อยเหมือนกัน
ผมเดินกลับไปที่ประตูหน้าโรงเรียนพลางคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา
ตอนที่ใกล้จะถึงประตูหน้าโรงเรียน ผมได้ยินเสียงทักจากด้านหลัง
“ฮืม ฮืมมมมมมม”
มีคนๆหนึ่งยืนพิงกำแพงรอผมอยู่
เธอคือคุณโคโตเนะ
พบผมสบตาเธอ แทนที่จะทักทายดีๆ เธอกลับแค่ยกมือโบกทักทายเฉยๆ ผมเลยสนองตอบด้วยการโบกมือสั้นๆ
“โย่ ขนาดมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว ยังไปยุ่มย่ามหว่านเสน่ใส่ไอดอลคนอื่นด้วย ร้ายๆจริงนะพ่อหนุ่ม ฮะฮะฮะ”
“อย่าพูดเหมือนผมเป็นคนเจ้าชู้อย่างนั้นสิครับ แล้วก็ขอพูดชัดๆนะครับว่าผมมีแฟนเป็นไอดอลคือรินกะแล้ว และผมรักในตัวรินกะมากด้วย”
“…..ชิ ทำเป็นพูดจาอวยภรรยานะ”
“เอ้า ผมพูดปกติแท้ๆ”
จะว่าไป ผมก็ไม่ได้คุยกับคุณโคโตเนะมานานแล้วเหมือนกัน
ถ้าจำไม่ผิด ครั้งสุดท้ายที่คุย เหมือนจะคุยเรี่องคุณคุรุมิซากะนะ
“งั้นเหรอ อายาโนะโคจิ คาสึโตะ ปลื้มสุดๆล่ะสิ”
“ปลื้มเรื่อง?”
“มีเด็กผู้หญิงน่ารักอย่างชั้นมายืนดักรอหน้าประตูโรงเรียน มันก็ต้องปลื้มอยู่แล้วไม่ใช่รึไง”
“เอ่อ คุณเป็นคนดักรอเองแล้วพูดจาเออเองเนี่ยนะครับ จะบอกว่าปลื้ม ผมว่าผมระแวงมากกว่า อีกอย่างผมมีแฟนอยู่แล้วด้วยนะครับ”
“……ชิ อวยภรรยาอีกแล้ว”
“ไม่ได้อวยนนะ อีกอย่าง คุณโคโตเนะเองก็มีแฟนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ จุดยืมผมกับคุณก็เหมือนกันแหละ”
ผมจำได้ว่าเธอเคยบอกว่ามีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว แถมหน้าตาเธอก็ไม่แย่ ถ้าบอกว่าเธอป๊อบในหมู่หนุ่มๆก็ไม่ใช่ว่าจะเชื่อไม่ลงด้วย
“นั่นสินะ ชั้นมีแฟนสุดหล่ออยู่แล้ว หัวก็ดีกีฬาก็เริ่ด แถมร้องเพลงเพราะด้วย”
“เดี๋ยวนะ ฟังดูแล้วนี่มันผู้ชายที่โคตรเพอเฟค นึกว่าหลุดมาจากนิยายแจ่มใสอีก เขาอยู่โรงเรียนเดียวกับเรารึเปล่าครับ”
“น่าเสียดายไม่ได้อยู่น่ะ แต่ว่าทุกครั้งที่ชั้นคิดถึงอยากจะเจอ ก็เจอเขาได้อยู่ตลอด ชั้นเลยไม่เหงา สนใจอยากดูรูปแฟนชั้นมั้ยล่ะ”
น่าสนใจดี อวยขนาดนี้ขอดูหน่อยเด๊ะว่าแฟนมันหน้าตาเป็นไงบ้าง
คุณโคโตเนะหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าถือ เปิดโหมดแกลเลอรรี่ คลิกเลือกภาพหนึ่ง หันหน้าจอให้ผมดู
“นี่ไงแฟนชั้นเอง หล่อมั้ยล่ะ”
“เอ๋…เอ่อ….อืม..หล่อดีครับ”
“ทำไมชมดูไม่จริงใจเลย”
ก็พยายามแล้วอะนะ แต่มันทำได้แค่นี้จริงๆ
เพราะแฟนโคโตเนะเธอเป็นหนุ่ม 2d น่ะสิ
รูปผู้ชายที่โชว์ให้ผมดูเป็นรูปหนุ่ม2d ตัวการ์ตูนหน้าตาราวกับหลุดมาจากนิยายรักหรือเกมส์จีบหนุ่ม
คุณโคโตเนะเห็นท่าทีเหวอแดกของผม เล่นเอาสูดลมหายใจเสียงสูง หัวเราะหึหึอย่างพึงพอใจ
“น่าจะเคยได้ยินคนบอกมานะว่า ยังไง 2 มิติก็ต้องชนะ3มิติอยู่แล้ว พวก3มิติยังไงก็ต้องแก่เฒ่าหย่อนยาน ส่วน2มิติ ความสวยความหล่อจะคงอยู่ตลอดไป”
“งั้นเหรอครับ ก็เรื่องจริงแหละ แต่ว่าถ้าลองคิดในมุมกลับ ถ้าคบ 3มิติ พวกเราจะแก่เฒ่าไปพร้อมกับคนที่เรารักด้วยกันนะครับ”
“……”
“…..”
…ขอโทษนะครับที่ผมพูดจาอะไรแปลกๆออกไป พูดเองเขินเองเลย”
“อายาโนะโคจิ คาสึโตะ พูดในสิ่งที่คาดไม่ถึงจริงๆ”
“อึ่้ก…”
โคโตเนะส่งสายตาจิกกัด เล่นเอาผมเจ็บแปล้บในใจนิดหน่อย ก็นะ.. ดันพูดอะไรแปลกๆน่าอายออกไป แต่มันคือเรื่องจริงและผมคิดแบบนี้จริงอะนะ
“เมี้ยวววว”
“เอ๋?”
หูผมได้ยินเสียงแมวร้อง พอก้มลงมองที่เท้า พบแมวดำตัวหนึ่งกำลังคลอเคลียแถวหน้าแข้งผม และดูจากรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ดี น่าจะเป็นแมวมีเจ้าของ
“หือ แมวตัวนี้… สเตอร์แมนกริฟนี่นา”
“ชื่อคุ้นๆ….? อ่อ นึกออกละ ชื่อแมวของคุณคุรุมิซากะ”
“ใช่ๆ นานะเลี้ยงแมวดำ สงสัยแกคงออกมารับเจ้าของมั้ง”
“นี่แมวหรือแม่เนี่ย ม่า ใช้คำว่าแม่ก็ฟังดูแปลกๆเนอะช่างมันเหอะ มาๆ เมี้ยวๆๆๆ”
ผมส่งเสียงเรียกพลางยื่นมือลองลูบหัวแมวดำ แมวหลับตานิ่งปล่อยให้ผมลูบตามสบาย ว้าว น่ารักชะมัดเลย
“จะว่าไป คุณคุรมิซากะเลี้ยงแมวระบบเปิดรึครับ”
“เปล่านะ เธอเลี้ยงในระบบปิด แต่เจ้านี่มันฉลาด คงรอจังหวะที่นานะไม่อยู่ เปิดหน้าต่างออกมาเองแล้วเที่ยวเล่นไปเรื่อยนะ”
“เจ๋งว่ะ แมวอัจฉริยะชัดๆ ฉลาดกว่าลุงอีกมั้ง”
“เรื่องอัจฉริยะก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่แอบหนีออกมานี่ไม่ใช่แมวที่เป็นเด็กเรียบร้อยเลยนะ”
“แต่มันเท่จริงๆ แต่ว่าออกมาแบบนี้มันจะกลับบ้านถูกมั้ยครับ”
“คิดว่าดึกๆมันก็คงกลับบ้านของมันได้เองแหละ”
“….ไอ้การตั้งชื่อแมวแปลกๆ คิดว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้มันหนีเที่ยวรึเปล่าครับ”
“นานาะเป็นเด็กดีนะ แต่เซนส์การตั้งชื่อนี่ต้องขอผ่านจริงแหละ”
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รินกะกับโคโตเนะเห็นตรงกัน
“เมี้ยว”
เจ้าแมวดำเปล่งเสียงร้องสั้นๆ ก่อนจะล้มตัวนอนโชว์หน้าท้องราวกับจะบอกให้ผมเกาพุงมันหน่อย แหมมม อ้อนด้วยท่าพิฆาตแบบนี้เล่นเอาใจสั่นเลยกุ
“โอ้ยยย แกนี่มันน่ารักมาก น่ารักสุดๆไปเลยว่ะ”
“อายาโนะโคจิคาสึโตะคุงโดนนายทาสหว่านเสน่จนตกเป็นทาสแมวไปซะแล้ว ชั้นจะรายงานเรื่องนี้ให้รินกะทราบนะ”
“เอิ่ม อย่าทำได้มั้ยครับ ถึงจะเดาว่ารินกะคงไม่ว่าอะไรก็เหอะ”
ปากผมบอกแบบนั้น แต่ในใจคิดว่า นิสัยเธอ เผลอๆจะหึงแมวก็ได้ อย่าสร้างเรื่องเลยจะดีที่สุด
“มาๆ นายท่านคะ เดี๋ยวชั้นพากลับไปส่งบ้านนานะให้”
“เมี้ยวว”
โคโตเนะอุ้มแมวแนบอก เจ้าเหมียวดีใจซุกตัวพลางส่งเสียงในลำคอ
ถึงคุณโคโตเนะจะเป็นคนแปลกๆก็เหอะ แต่พอเห็นเธอในท่าอุ้มแมวแล้วก็รู้สึกว่าน่ารักดีเหมือนกัน
“ชั้นแวะไปบ้านนานะก่อนนะ ไว้เจอกันใหม่ อายาโนะโคจิ คาสึโตะ”
คุณโคโตเนะกล่าวจบ หันหลังกลับเดินออกไปพร้อมแมว
ผมแอบเสียดายนิดหน่อย ยังอยากลูบน้องแมวต่ออยุ่เลย
“จะว่าไป ทำไมคุณโคโตเนะถึงออกมาดักรอเรานะ”
คิดว่าคำถามเรื่องนี้คงไม่มีใครตอบได้ไปตลอดชีวิตละมั้ง ผมเลยเลิกสนใจที่จะหาคำตอบ
******
เช้าวันถัดมา ณ.ห้องเรียนของผม วันนี้มีบรรยากาศแปลกๆบนที่นั่งผม
“….ทาจิบานะ?”
ทำไมมันมานั่งโต๊ะผมแทนที่จะไปนั่งโต๊ะตัวเองวะ
แล้วดูสภาพมัน นอนฟุบกับโต๊ะไหล่สั่นกึกๆไม่หยุด เอาหน้าซบกับสองแขนแบบนั้น สงสัยว่ามันกำลังร้องไห้อยู่ล่ะมั้ง
“อายาโนะโคจิคุง มานี่แปบนึงดิ”
“ไซโต้… แล้วทาจิบานะมันเป็นไรรึ….”
ไซโต้เรียกผมจากทางเข้าหน้าห้อง ผมเดินไปถามมันว่าเกิดไรขึ้น
“เมื่อวานทาจิบานะมันไปสารภาพรักกับคุณชิอิคุระหลังเลิกเรียนน่ะ”
“พูดเป็นเล่นน่า.. ไม่สิ ..ถ้าเป็นทาจิบานะไอ้นี่มันทำจริงก็ได้ แต่เอาจริงดิวะ”
“ผลลัพธ์ก็ตามที่เห็นนั่นแหละ”
“สาวเจ้าตอบรับรักเลยดีใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่สินะ”
“เมิงคิดว่าทาจิบานะมันเป็นคนนิสัยแบบนั้นรึไงวะ”
“…….”
ไม่อะ ถ้าสมมติว่าสารภาพรักประสบความสำเร็จ ป่านนี้มันคงโทรมาเหลาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่า “เฮ้ย อายาโนะโคจิ ในที่สุดกูผู้นี้ก็มีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วโว้ยยยยย อย่าอิจฉาตาร้อนนะเพื่อน ฮึฮึฮึฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”
หรือถ้ามันไม่โทรมา ป่านนี้มันอาจจะดีใจจนกลิ้งออกบ้านลัลล้าตะโกนฉลองชัยรอบเมืองไปละ
“แล้วมันเป็นไรถึงต้องมานอนฟุบโต๊ะกุวะ”
“ไม่รู้ว่ะ อยากให้เมิงปลอบใจกับเรียกร้องความสนใจมั้ง”
“แล้วกุจะทำไรได้วะ”
“เอาน่า ในฐานะเพื่อนซี้ เมิงก็หาทางปลอบหรือทำอะไรสักอย่างละกัน เพราะกุปลอบมันด้วยนมแครอทแล้ว ไปละ”
“เออ ตามนั้น…เฮ้ย ไม่ดิ เมื่อกี้เมิงพุดว่าไงวะ”
ไซโต้ไม่ฟังคำพูดผมแล้วเพราะแกเผ่นแน่บหายวั่บไปกับทางเดินระเบียงแล้ว
ผมเดินไปที่นั่งผมเอง กล่าวถามทาจิบานะกล้าๆกลัวๆ
“ทาจิบานะ เมิงไหวมั้ยวะ?”
“…..สภาพกุตอนนี้เมิงเห็นว่าไหวรึไง”
“ไม่เลยว่ะ”
“บัดซบเอ๊ย ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้วะ มีอัตราสำเร็จตั้ง10%แท้ๆ “
ไอ้สาสส เมิงก็ไปเชื่อการคำนวนเหลวไหลของแม่ง มีอีเว้นไหนเขาออก UR ในเรท10%เมิงก็ไม่คิดเนอะ
แต่มันก็ต้องปลอบมันอะนะ ไม่ใช่เวลาซ้ำเติมซะหน่อย
“ม่า เรื่องมันแล้วก็ไปแล้วไป หาสาวคนใหม่ๆที่มีเสน่เหนือกว่าก็ได้น่า”
“เมิงบอกว่า….มีเหรอวะ”
ทาจิบานะเงยหน้าขึ้น ใบหน้าอาบไปด้วยน้ำตาทั้งสองแก้ม น้ำมูกไหลเปื้อนหน้าและแขนเสื้อเละไปหมด
“ไอ้เลว อายาโนะโคจิ ชิอิคุระจังน่ะ เขาใจดีและอ่อนโยนแม้กระทั่งกับคนกระจอกแบบกู เธอเป็นผู้หญิงที่วิเศษมาก ทุกครั้งที่กุมีเรื่องไม่เข้าใจ เธอก็พร้อมอธิบายตลอด เวลากุมีเรื่องไม่สบายใจ เธอก็พร้อมให้คำปรึกษาทุกรอบอย่างอ่อนโยนเลยนะโว้ยยยยยย แล้วรู้มั้ย พอกูสารภาพ เธอบอกว่า ชั้นกับเธอเป็นนักเรียนกับครู เราคบกันไม่ได้หรอก อีกอย่างชั้นมีสามีและลูกสาวแล้ว”
มันก็ตอบตามปกติที่ควรจะเป็นนี่หว่า
“น่าๆ ใจร่มๆดิ ทาจิบานะ”
“แม่งเอ้ย กูอะ…ชอบเขามาตลอด1ปีเลยนะเว้ย”
ทาจิบานะกล่าวจบ หันหน้ากลับไปฟุบกับโต๊ะ ร้องไห้อีกรอบ
…….
งั้นเหรอ เมิงจริงจังสุดๆเลยนี่หว่า
ตั้งแต่คบกับมันมา1ปีครึ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเพื่อนหมดสภาพขนาดนี้
ผมไม่รู้จะปลอบมันยังไงดี
อยู่ๆทาจิบานะก็หัวเราะเสียงต่ำไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ทาจิบานะ…?
“ฮะฮะ หัวเราะกูดิวะ หัวเราะให้กับความน่าสมเพชของกูหน่อยดิเพื่อน”
“….”
“เมิงจะเงียบทำเหี้ยไรวะ หัวเราะสิวะ หัวเราะสิโว้ย”
“กูจะหัวเราะเรื่องนี้ได้ไงวะ”
“….เอ๋”
ผมเห็นสภาพเพื่อนเละเทะเพราะจริงจังกับความรัก ใครจะไปหัวเราะลง ผมจ้องหน้ามันนิ่ง ส่วนทาจิบานะหยุดหัวเราะ มองสบตาผมกลับ
“ทาจิบานะรวบรวมความกล้าสุดชีวิตเพื่อเอ่ยความรู้สึกตัวเองให้คนที่เราชอบได้รู้ นั่นไม่ใช่เรื่องที่คนมีความรู้สึกครึ่งๆกลางๆจะทำได้ กูไม่หัวเราะเมิงหรอก กลับกันกูคารวะเมิงด้วยซ้ำ”
“อายาโนะโคจิ”
ผมนึกย้อนกลับไปมองตัวเอง ตอนผมสารภาพรักกับรินกะ ขนาดผมรู้ว่าบอกไปก็ไม่มีทางล้มเหลว ผมยังใช้เวลาโคตรนานกว่าจะสารภาพความรู้สึกตัวเอง ผมถึงรู้ดีว่าการบอกความรู้สึกตัวเองให้อีกฝั่งรับรู้มันยากเย็นเพียงใด
“ทาจิบานะ กูยอมรับในตัวเมิงว่ะ”
“…..”
แล้วนี่ลองคิดสภาพว่า มันสารภาพรักกับอาจารย์ ยิ่งต้องใช้ความกล้าเจียนตายขนาดไหน ถึงแม้ว่ามันจะดูเลอะเทอะไปบ้าง แต่คนที่กล้าทำอะไรเด็ดขาดแบบนี้ เนื้อแท้มันนับว่าเป็นลูกผุ้ชายที่ดีคนหนึ่ง
หลังจากมันฟังคำพูดจบ สีหน้ามันดูดี แจ่มใสกว่าเดิม
“….อายาโนะโคจิ เมิงเป็นคนดีนี่หว่า”
“เป็นไรวะ จู่ๆก็ชม ไม่เขินรึไงวะ”
“ปกติก็ดูง่อยๆโง่ๆ แต่จริงๆเมิงแม่งเท่นี่หว่า เป็นผู้ชายที่ดีนะ”
“พอเลยเมิง กูว่าเมิงแปลกๆละ”
แววตาของทาจิบานะเปล่งประกายเหมือนการ์ตูนสาวน้อย แก้มแดงแป้ด หันหน้าหลบสายตาผม
ท่าทางแบบนี้มันพวกสาวน้อยที่กำลังตกหลุมรักนี่หว่า
“กูนึกออกละ”
“นึกเรื่อง?”
“กุรู้ละว่าตลอดชีวิตนี้ยังไงกูไม่มีทางเนื้อหอมแม้ว่าจะใช้ความพยายามมากแค่ไหนก็ตาม”
“ไม่หรอกน่า เมิงรีบยอมแพ้ไปปะ”
ผมกล่าวจบ ทาจิบานะหันคอกลับมามองผม
“เมิงฟังกูพูดให้จบก่อนดิวะ กูอะ นึกออกจริงๆ”
“……”
“ในเมื่อชีวิตกุไม่มีทางเนื้อหอมกับพวกผู้หญิง งั้นต่อจากนี้กุมองหาผู้ชายดีกว่า”
…………
เฮ้ย?
ตะกี้ผมไม่ได้หูฝาดใช่มั้ย?
“เอิ่ม เมิงรู้ตัวมั้ยว่าตะกี้พูดอะไรออกมา”
“แน่นอน ยิ่งกว่ารู้อีก บางทีคนในโชคชะตาของกุอาจจะอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ก็ได้”
“เอ๋?”
แววตาทาจิบานะราวกับมีประกายเพลิงอยู่ข้างใน หันมาสบตาผมเขม็ง
นี่เป็นภาษากายที่บอกชัดว่ากุเอาจริง และคิดจริงจากที่พูดตะกี้
และนั่นทำให้ผมรู้สึกสยองขวัญขึ้นมาทันที
“อายาโนะโคจิ เพื่อน กูรักเมิงว่ะ เมิงเลิกกับมิสึกิแล้วมาคบกับกูแทนได้มั้ยวะ”
“………………..ห๊ะ?”
โกหกใช่มั้ยเนี่ยยยยยยยยยยย
*******
จบ CH 11-2
วันนี้ลงช้าเพราะว่าผมเมาแอ๋จากเบียร์อาซาฮีแบบเต็มกราฟ ต้องขออถัยด้วยนะครับ แต่ก็ลงแล้วน้า อย่าโกรธกันน่อ
ตอนนี้เต็มไปด้วยความกาวล้วนๆ ใครทายว่านานะจะNTR คิดผิดแล้วนะครับ คนเขียนแกเหนือกว่านั้นเยอะ ตอนอ่านนี่เล่นเอาอีหยังวะเลย จากเพื่อนซี้กลายเป็นแบบนี้ซะได้
รอตอนใหม่ได้ก็อ่านที่นี่พรุ่งนี้ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า kurakon