Netoge no Yome ga Ninki Idol datta ch13-1
ตอนนี้ผมกับรินกะอยู่บนรถ โดยคุณคาสึมิเป็นคนขับ
เห็นฝีมือรินกะในการเก็บของและจัดการเรื่องให้ผมไปนอนบ้านเธอตลอดปิดเทอม ต้องบอกว่าเธอเป็นคนที่กระฉับกระเฉง คล่องแคล่ว คิดไวทำไวมาก คนที่จะประสบความาสำเร็จเหนือคนธรรมดาทั่วไปคงมีนิสัยแบบนี้กระมั้ง
ผมล้วงโทรศัพท์หยิบมาดูห้องแชทผมกับพ่อ ส่งข้อความไปบอกคร่าวๆว่าจะไปนอนค้างบ้านแฟน แต่ก็ไม่มีการตอบรับอะไร ก็ตามนั้นแหละ
“…..หือ”
รินกะยื่นมือมาเกี่ยวมือซ้ายผม…นี่เรากำลังจับมือกันแบบคู่รักนี่นา
เทียบกับเดทแรก เราแค่จับมือเฉยๆเท่านั้น เล่นเอาใจเต้นตึกตัก
ผมแอบชำเลืองมองสีหน้ารินกะ พบว่าตอนนี้เธอหน้าแดงแป้ดทุกส่วนของแก้ม
ถึงแม้ว่าผมกับเธอจะจูบกันแล้ว หรือเคยนอนเตียงเดียวกันด้วย แต่การจับมือในแบบคู่รักก็เป็นประสบการณ์แปลกใหม่เลยไม่ชิน
ผมเองก็ใช่ว่าจะไม่เขิน เลยแกล้งมองข้างนอก ดูทิวทัศน์นอกรถแทน
“ไม่คิดเลยว่าในที่สุดคาสึโตะคุงก็มาค้างบ้านชั้นจะได้”
“ต้องขอรบกวนด้วยนะครับ”
รินกะหัวเราะเล็กน้อยกล่าวว่า ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้
ส่วนคุณคาสึมิ ตอนนี้เธอมีสมาธิอยู่กับการขับรถ เลยไม่เห็นว่าผมกับรินกะจับมือกันอยุ่
“จะว่าไป รินกะเคยไปค้างบ้านคาสึโตะคุงนี่นา ความสัมพันธ์มีอะไรคืบหน้าไปบ้างรึยังนิ”
“ไปบ้านก็แค่คุยกันนะคะ…เสร็จแล้ววันรุ่งขึ้นก็ไปโรงเรียนเลย”
“หืออออ ม่า จริงๆแล้วพวกเธอสองคนเป็นแฟนที่รักกันดี รินกะเองที่ตอนแรกคิดว่าเกลียดผู้ชาย จริงๆก็เป็นคนปกติ จริงๆพี่คิดว่าถึงจูบกันนี่ก็ไม่ได้แปลกเลยนะ”
“…….”
“…..”
ผมกับรินกะตะลึงกับคำพูดคุณคาสึมิ ทำไมเธอพูดเหมือนรู้ว่าผมจูบกันเลยฟะ แทงใจมากจนสตันเลย
รินกะหันมามองหน้าผม ประจวบเหมาะกับที่ผมหันไปมองรินกะพอดี สายตาเราประสานกัน ก่อนจะเลื่อนระดับลงมาดูริมฝีปากของอีกฝั่ง
“……..”
และพอดูปุ๊บ ทั้งผมและรินกะต่างก็หันหน้าหนีอีกฝั่งทันทีด้วยความเขิน แต่ว่ามือที่กุมมือ กลับออกแรงแน่นกว่าเก่า
….บางทีรินกะคงคิดเรื่องเดียวกับผม
สาเหตุที่มองริมฝีปาก เพราะนั่นคือริมฝีปากของคนที่เอาจูบแรกของผมไป
รินกะเองก็คงไม่ต่างกัน
บรรยากาศความหวานที่แผ่ซ่านออกมา แม้ว่าคุณคาสึมิจะขับรถอยู่ แต่เธอยังรับรู้ได้เลย
“เอ๋ นี่จูบกันแล้วรึ ประกบปากเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย”
“ห..หนวกหูค่ะโอเน่จัง”
“โอโห้โอโห หน้าแดงแป๊ดทั้งคู่เลยนะ โอ้ แถมยังจับมือกันซะด้วย คิดว่าพี่ขับรถแล้วมองไม่เห็นผ่านกระจกหลังเหรอคะ แหมม งานดีแบบนี้ต้องมีดนตรีแสดงความยินดีแล้ว จูบแล้ว ปู๊นปู๊นๆ จูบแฟนแล้ว ปู๊นปู๊น-“
คุณคาสึมิถือโอกาสที่รถติดไฟแดงหันมากล่าวกับพวกผม ทุกอย่างอยู่ในสายตาเธอหมดละ
รินกะที่หน้าแดงด้วยความเขิน ปล่อยมือผมแล้ว
คุณคาสึมิสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนระบายและเอ่ยออกมา
“หวา ตกใจสุดๆเลยนะ น้องสาวชั้นคืบหน้าไปก่อนแล้ว แต่พี่ยังไม่มีเลย…”
“โอเน่จังก็เนื้อหอมในมหาลัยไม่ใช่เหรอคะ”
“ม่า แต่ว่าบรรดาผู้ชายที่มาจีบ ยังไม่เห็นใครที่เหมาะสมเลย”
“ถ้าคนเราพบเนื้อคู่ที่เหมาะสมกันได้ง่ายๆ ชีวิตหลายคนคงไม่ลำบากหรอกค่ะ”
“แต่รินกะก็เจอแล้วไง แถมเจอในเกมส์ออนไลน์ด้วย”
“หนูแค่โชคดีค่ะที่เจอคาสึโตะในโลกออนไลน์ แล้วมีโอกาสได้เจอในชีวิตจริงด้วย หนูคิดแบบนี้ทุกวันเลยค่ะ”
“โถโถโถ สุดท้ายก็แค่อยากจะอวดผัวเนอะ พี่ล่ะอิจฉาาาาาา”
หลังจากนั้นพี่น้องคู่นี้ก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปคุยเรื่องความรักของคุณคาสึมิแทน ซึ่งไม่มีช่องว่างให้ผมเข้าไปแทรกได้ เลยใช้เวลามองทิวทัศน์นอกรถแทน
“อ้อจริงสิ คาสึโตะคุง ชั้นมีเรื่องต้องแจ้งให้เธอทราบล่วงหน้าก่อน”
“เรื่องอะไรครับ”
“แม่ของชั้น เป็นคนที่โคตรจะจริงจังสุดๆ พยายามเข้าละกันนะ”
“จริงจังสุดๆเหรอ? แต่ว่าก่อนหน้าที่เคยเจอกัน ผมเห็นเธอเมาแอ๋ล้วนๆเลยนี่ครับ”
“อ้อ เรื่องนั้นน่ะ ให้คิดซะว่าเป็นคนละคนกันได้เลย “
“หนูเข้าใจที่พี่บอกค่ะ คือว่าแม่ของพวกเราเป็นคนสองบุคลิกอาจจะเข้าใจง่ายกว่าเดิม นิสัยแม่ของชั้นจะเปลี่ยนไปตามสถานการณ์และช่วงเวลาน่ะ”
“อย่างนี้นี่เอง ง่ายๆคือนิสัยเหมือนรินกะสินะ”
“พูดอะไรออกมาคะ เหมือนชั้นตรงไหนคะ?”
“…….ไม่เหมือนก็ได้ครับ”
แหม จะให้บอกตามตรงได้ไงล่ะครับ มันเหมือนตรงที่เวลาเธอเล่นเกมส์ออนไลน์ในบทบาทริน กับบทบาทรินกะในโลกความจริง นี่ล่ะคนสองบุคลิกที่แท้ทรู
*****
ในที่สุดผมก็เดินทางมาถึงบ้านรินกะ
คุณคาสึมิกับรินกะนำเข้าไปในบ้านก่อน ผมตามมาคนสุดท้าย ขณะที่กำลังอยู่แถวโซนเปลี่ยนรองเท้า ผมได้ยินเสียงเตาะแตะเตาะแตะ มีเด็กผู้หญิงตัวน้อยกำลังวิ่งมาหาผม…….โนโนอะจังนั่นเอง
“เย้ คาสึโตะโอนี่จัง”
“โอ้ โนโนอะจัง ไม่เจอกันซะนานเลยนะครับ อุหวาาาาา”
โนโนอะวิ่งสุดพลัง พุ่งเข้ามาหาชนท้องผมสุดตัว ราวกับน้องเป็นหอกมีชีวิต เล่นเอาผมร้องเสียงหลงตอนพยายามรับน้องไม่ให้ล้ม
“คาสึโตะโอนี่จัง ตั้งแต่วันนี้จะย้ายมาอยู่บ้านนี้ตลอดใช่มั้ยคะ”
“แค่ช่วงปิดเทอมฤดูร้อนครับผม ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”
“อืม”
โนโนอะส่งยิ้มแป้นแล้น เห็นชัดว่าดีใจมาก ก่อนจะเอาหน้าซบคลอเคลีย ส่งเสียงดีใจ แหะแหะ
โอ้ยยยย น่ารักเกิ้นนนนน น่ารักขนาดเล่นเอาผมแทบกระอักเลือดเพราะความน่ารักเลยล่ะครับ
ทว่า ขณะที่ผมกำลังคิดเพลินๆ จู่ๆก็รู้สึกว่ามีคนกระตุกชายเสื้อผม รินกะนั่นเอง
ตอนนี้เธอหน้ามุ่ยบุ้ยปาก แสดงชัดเจนว่ากำลังงอนอยู่
“เล่นแต่โนโนอะจังคนเดียว ใจร้าย”
“โนโนอะจังน้องน่ารักนี่ครับ”
“กะแล้วเชียวว่าคาสึโตะคุงเป็นโลลิค่อนจริงด้วย”
“ไม่ใช่ละครับ อย่าตัดสินใครเป็นโลลิค่อนง่ายๆแบบนี้สิ”
ทำไมรู้สึกเหมือนรีรันเหตุการณ์ตอนเล่ม1เลยฟะ
“ตั้งแต่วันนี้ ที่นี่คือบ้านของคาสึโตะคุงนะ”
“ผมแค่มาค้างชั่วคราวนะครับ”
“ชั้นอยากให้เธอคิดว่านี่เป็นบ้านของตัวเองจริงๆ เพราะว่าชั้ันกับคาสึโตะคุงเป็นสามีภรรยาแล้วนะ”
ถึงจะบอกแบบนั้น แต่ให้เปลี่ยนความคิดทันทีเลยคงยากอะนะ
ผมตื่นเต้นเล็กน้อย ถอดรองเท้าวางไว้ที่ชั้น ก่อนเดินเข้าไปในบ้าน
ข้างในบ้านมีคนรออยู่สองคน คนแรกคือพ่อรินกะ มิสึกิ มิคิโอะ ส่วนอีกคนคือแม่รินกะ
“เอ่อ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ”
ผมทักทายด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นนิดหน่อย
คุณพ่อมิคิโอะ เพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนบอก
“ชั้นเตรียมห้องไว้ให้เธอแล้วนะ ใช้ได้ตามอัธยาศัยเลย”
“ข..ขอบคุณครับผม”
“ไม่เป็นไร เพราะว่าสิ่งที่ชั้นพอจะช่วยเธอได้ ก็มีแค่เรื่องนี้แหละ”
“ห..ห๊ะ?”
คุณพ่อมิคิโอะเปลี่ยนสีหน้ากลับมาเป็นเหล็กไหลเคร่งขรึม
“เตรียมใจไว้ให้ดีล่ะ”
“เอ๋?”
“จากนี้ล่ะคือของจริงละ”
อะไรหว่า ทำไมพ่อมิคิโอะแกพูดแฝงความหมายทะแม่งๆละ
ในขณะที่ผมกำลังงงๆอยู่ คราวนี้เป็นคุณแม่ของรินกะเป็นฝ่ายเอ่ยปากบ้าง”
“เธอคือคาสึโตะคุงสินะ กล่าวคือเธอกับรินกะคบหากันเป็นแฟน และจะอยู่ด้วยกันจนชีวิตจะหาไม่ สิ่งที่ผูกสัมพันธ์พวกเธอทั้งคู่คือดวงจิตวิญญาณ และจะไม่มีอะไรที่จะมาทำให้พวกเธอสองคนพลัดพรากจากกันได้ …. ต่อจากนี้ชั้นขอฝากรินกะให้เธอช่วยดูแลตลอดกาลนะ”
เช้ดโด้ นี่คำทักทายหรือคำขอทำพันธะสัญญากับปีศาจฟะ
ตอนแรกก็คิดว่านี่อาจจะเป็นมุกขำๆ แต่ว่าพอสบตากับแม่รินกะ สีหน้าแววตาไม่ล้อเล่นสักแอะ และถ้าผมปฏิเสธหรือตอบไม่เข้าหู บางทีเธออาจะล้วงมือข้างหลัง หยิบอีโต้มาจามกบาลผมก็ได้
นี่สินะ ที่คุณคาสึมิบอกว่าแม่ของพวกเธอโคตรจะจริงจังสุดๆ
จะว่าไป สีตาของคุณแม่รินกะ เหมือนกับสีตารินกะเลยแฮะ
ดูแล้วแม่รินกะให้ความรู้สึกว่า ถ้ารินกะโตเป็นผู้ใหญ่ เธอคงจะเป็นแบบแม่เธอตอนนี้ไม่ผิดเพี้ยน ในบรรดาลูกสาวทั้งสามคน คนที่สืบทอดยีนส์ทางแม่เยอะสุด ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือความคิดอ่าน ย่อมเป็นรินกะแน่นอน แถมยังมีสองบุคลิกเหมือนกันเป๊ะด้วย
“ที่จริงแล้วชั้นฝันว่าอยากจะลองใช้ชีวิตกับลูกชายดูบ้าง จากนี้จะตั้งตารอนะ”
คุณแม่รินกะกล่าวอย่างอ่อนโยนพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะเดินกลับห้องไปพร้อมกับคุณพ่อมิคิโอะ
….คุณแม่กล่าวต้อนรับแบบนี้แทนที่ผมจะอุ่นใจ กลับรู้สึกเหมือนว่านี่ผมมางานรับน้องสยองขวัญมากกว่านี่สิ
****
ห้องที่เขาจัดให้ผมเป็นห้องตะวันตกขนาดหกเสื่อ สวยมาก
“คาสึโตะคุงใช้ห้องนี้ได้ตามสบายตลอดปิดเทอมหน้าร้อนนะ”
“ครอบครัวเธอรับรู้ความสัมพันธ์พวกเราเป็นทางการแล้วเนอะ เห็นตอนพูดทักทายเหมือนจะรู้เรื่องเราหมดแล้ว”
“ของตายอยู่แล้ว จะครอบครัวไหนปล่อยผ่านเรื่องคู่แต่งงานลูกสาวได้ล่ะ”
“หือ? เดี๋ยวนะ อย่าบอกว่ารินกะบอกพวกท่านแล้วว่าพวกเราเป็นสามีภรรยากัน”
“ตอนแรกก็ว่าจะบอก แต่ว่าโอเน่จังห้ามไว้น่ะสิ”
“มีเรื่องถามอีกอัน คุณบอกเรื่องครอบครัวผมให้ที่บ้านรับรู้รึยัง”
“ยังไม่ได้บอกค่ะ ชั้นบอกแค่ว่าอยากพาคนรักมานอนค้างบ้านค่ะ”
“งั้นเหรอ..”
ก็ดีที่ไม่ได้บอกนะ แต่ว่าที่สะกิดใจคือ ตะกี้รินกะบอกว่า “พาคนรัก” ทั้งที่ปกติจะพูดว่าสามีอยู่ตลอด
“คาสึโตะคุง ขอเวลาแปบหนึ่งได้มั้ย”
“หือ?”
“ชั้นอยากจะคุยเรื่องการใช้ชีวิต ชั้นตัดสินใจว่าอยากจะใช้ชีวิตแบบสามีภรรยากับเธอน่ะ”
“ถึงจะบอกว่าสามีภรรยา แต่จริงๆความสัมพันธ์เรายังอยู่ในระดับแฟนกันนะครับ”
“ปกติชั้นติดงานยุ่งเรื่องไอดอลตลอด คิดว่าคงไม่สามารถทำหน้าที่เหมือนสามีภรรยาได้ตลอดหรอกค่ะ”
“ม่า ก็นะ จริงๆมันเข้าใจได้แหละ ปกติพวกเราแทบจะไม่เหมือนคนรักกันเลย”
“หน้าร้อนครั้งนี้ชั้นตั้งเป้าหมายว่าจะยกระดับความสัมพันธ์กับคาสึโตะคุงให้มากกว่านี้ในฐานะสามีภรรยาที่อยู่ใต้ชายคาเดียวกันนะ”
“ยกระดับเหรอ… แล้วคิดว่าอยากจะทำอะไรก่อนครับ”
“อ้อนค่ะ”
“อ้อนเหรอ?”
“ใช่ค่ะ ให้คาสึโตะคุงเป็นฝ่ายอ้อนชั้นค่ะ”
“…ทำไมถึงคิดว่าการอ้อนเป็นหน้าที่ที่ควรทำของสามีภรรยาเหรอ”
“สามีภรรยาต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกัน แต่ว่าทุกวันนี้เหมือนมีแค่ชั้นเป็นฝ่ายรับอยู่ข้างเดียว ชั้นเลยอยากให้คาสึโตะคุงเป็นฝ่ายอ้อนค่ะ”
“….ให้ทำขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ก่อนหน้านี้บอกแล้วนี่คะว่า คาสึโตะคุงไม่เคยเป็นฝ่ายอ้อนชั้นก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว”
“…..”
เจอคำพูดรินกะยืนกราน ผมก็ไม่มีอะไรจะตอบเลย
สำหรับผม แค่อยู่เคียงข้างกับรินกะเท่านี้ก็สุขเกินพอแล้ว
จะให้ผมหวังสูงไปกว่านั้นก็ดูจะอาจหาญเกินไป
“ชั้นน่ะนะ อยากจะให้คาสึโตะอ้อนชั้นมากกว่านี้ แล้วชั้นก็จะลูบหัวคาสึโตะคุงที่เป็นเด็กขี้เหงาอย่างอ่อนโยนบนเตียงเดียวกันจนเธอหลับสนิทค่ะ..คิดว่ามันเป็นไอเดียที่ยอดเยี่ยมมั้ยคะ”
“ม่า ยอดเยี่ยมดีแหละครับ”
“ต่างคนต่างอ้อนและเป็นฝ่ายถูกอ้อน ชั้นคิดว่านี่เป็นสามีภรรยาที่ดีในอุดมคติชั้นค่ะ เพราะว่าการอ้อนจะทำได้ก็ต่อเมื่อต่างฝ่ายต่างไว้วางใจในตัวอีกฝั่งเท่านั้นค่ะ”
“อย่างนี้นี่เอง”
ถ้าไม่เชื่อใจกันจริงคงไม่เปิดเผยด้านอ่อนแอเรื่องอ้อนให้คนอื่นเห็นหรอก
“ชั้นอยากให้เธอขอความช่วยเหลือจากชั้นมากกว่านี้ หรือถ้าเธออยากให้ชั้นเลิกทำงานไอดอล ชั้นก็จะลาออกค่ะ”
“ไม่ได้นะครับ ผมอยากจะดูว่ารินกะจะเปล่งประกายไปได้ถึงระดับไหน”
“ง..งั้นเหรอ พูดจาแข็งขันมากเลย”
ถึงผมจะเป็นคนที่แค่ดูเธอผ่านเน็ต แต่ผมก็รู้ว่า คำๆเดียวที่จะมอบให้รินกะ คือเธอยอดเยี่ยมมาก เพราะว่าเธอเป็นคนที่มอบความหวังให้ผู้คนมากมาย และหลายคนมีรอยยิ้มได้เพราะงานของเธอ
…..
แต่ว่านะ…ถ้าเหตุการณ์สมมติ ยกตัวอย่างว่า รินกะจะเป็นไอดอลให้ผมคนเดียว มันจะดีมั้ย
“คาสึโตะคุง?”
“ช่างมัน ไม่มีอะไร จะว่าไปเรื่องอ้อน โดยปกติแล้วจะรู้สึกยังไงบ้างครับ”
“นั่นสินะ ต้องพึ่งพาหรือขอร้องอีกฝั่ง และรู้สึกได้ว่าอีกฝั่งจะตอบสนองคำขอให้เราเป็นจริงได้นะ”
“ทั้งที่แค่ผมอยู่เคียงข้างรินกะก็รู้สึกมีความสุขมากแล้วแท้ๆนะ”
“ชั้นดีใจนะที่เธอพูดชมขนาดนั้น แต่จริงๆแล้วมันผิดนิดหน่อยนะ”
“งั้นเหรอ ยากจังเลยนะครับ”
เน็ตเกมง่อยๆอย่างผมรู้สึกเลยว่า ปัญหาการอ้อนนี่ใหญ่ระดับชาติสุดๆ ความยากนี่ห้าดาวเลย
“ถ้าบอกว่า ให้คิดซะว่าชั้นเป็นแม่เธอ จะเข้าใจขึ้นมั้ย”
“นั่นยิ่งยากกว่าเก่าอีก”
“ถ้างั้นลองสมมติบทบาทว่าเธอเป็นโนโนอะจังสิ”
“หมายถึงให้เลียนแบบโนโนอะเหรอครับ”
ผมลองพยายามนึกภาพตาม เลียนแบบใช้หัวชนแถวอกเธอ ก่อนจะลองเอ่ยเสียงโทนสูงเแบบเด็กน้อย
“รินก่า กอดหน่อยค้าบบบ”
“นั่นแหละ ใช่เลย”
“เอาจริงดิ?”
ไอ้ที่ผมทำมันน่าอายมาก แต่รินกะดูมีความมุ่งมั่นมาก เธอไม่ยอมแพ้แน่ถ้าผมยังไม่อ้อนเธอสักที ก็สมเป็นไอดอลที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาถึงจุดนี้ได้อะนะ
สุดท้ายตอนนี้ เธอกำลังกอดผม ก่อนจะส่งเสียงปลอบ “ฮืม ฮืม ฮืมมม”
ตอนนี้จะเงยหน้าก็ลำบากมาก ได้แต่ซบเธอต่อไป
“หนักมากเลยนะ เทียบกับโนโนอะแล้วคนละเรื่องเลยค่ะ”
“เอาเด็กโข่งไปเทียบกับเด็กเล็กมันก็แหงอยู่แล้วล่ะครับ”
ถึงอย่างนั้นรินกะก็ยังไม่ยุติการกอดผม
ผมสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและอ่อนนุ่มของหน้าอกรินกะ เนื่องจากถูกกอดอยู่เลยไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อดี สายตาเห็นแต่เสื้อกับสัมผัสอ่อนนุ่มเต็มๆ จนตอนนี้ชักจะเริ่มเขินหนักแล้ว ฟีลลิ่ง18+มันเริ่มก่อตัวแล้ว
ผมรีบบอกเธอทั้งที่ยังหน้าซุกอกรินกะ
“ร..รินกะ..ผมว่าพอได้แล้วครับ “
“ฮืม…ฮืม…ฮืม..น่า ขออีกหน่อยนะ”
“ขอร้องล่ะหยุดเหอะค้าบบบ ตอนนี้ผมถึงขีดจำกัดแล้วครับ
“
จบ CH13-1
อาจจะไม่ฮามากแต่น่าจะหวานระดับหนึ่งเลย นี่รีบแปลตั้งแต่หัวค่ำก่อนไปกินเหล้ว มีอะไรสนใจก็เม้นกันได้นะค้าบบบ
รอตอนใหม่ได้ก็อ่านที่นี่พรุ่งนี้ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า kurakon