Netoge no Yome ga Ninki Idol datta ch13-2
ผมตะโกนเสียงหลง รินกะค่อยๆปล่อยอ้อมกอด น้ำตาแห่งความเศร้าเหงา ไหลออกจากตาเธอสองข้างเป็นประกายล้อแสงไฟ
“ขอโทษนะคาสึโตะคุง ชั้นคงจะไม่สามารถกอดเธอได้อีกแล้วสินะ”
“ไม่ๆๆๆ ไม่ถึงขนาดนั้น อย่าคิดมากเกินสิครับ”
“ชั้นเป็นภรรยาที่ไม่ได้ความเลย แค่ช่วยให้ความปรารถนาสามีเป็นจริงยังทำไม่ได้เลยค่ะ”
“ความปรารถนาที่ว่า ก็ให้ผมเลียนแบบโนโนอะแล้วกอดคุณแล้วนี่ครับ”
“คาสึโตะอุตส่าอ้อนชั้นว่า “กอดหน่อย” แล้วแท้ๆ”
“เอ่อ นั่นมันเพราะผมเลียนแบบโนโนอะไงครับ ขอเหอะคร้าบบ ฟังที่ผมพูดบ้างเห้ออออ”
“มีอะไรอย่างอื่น ที่่อยากทำอีกมั้ยคะ”
“ตอนนี้ไม่มีนะครับ”
“จริงเหรอคะ จะเป็นเรื่องทะลึ่งนิดหน่อยก็ไม่ว่านะคะ”
“เรื่องทะลึ่งอายนิดๆอะนะ ก็ไม่มีอยู่ดี”
“ทั้งที่คาสคึโตะคุงเป็นเด็กผู้ชายขี้อายแท้ๆ แค่จับมือก็ตัวแข็ง แค่สบตา เธอก็เขินหน้าแดงนะ”
“เรื่องนั้นรินกะเองก็เหมือนผมไม่ใช่เหรอครับ”
“เหมือนตรงไหนคะ ทั้งที่พูดตั้งแต่สมัยอดีตว่าเราเป็นสามีภรรยากัน แต่เธอต่างหากที่จับมือแล้วเกร็ง ชั้นเป็นคนบอกเธอด้วยว่าให้เห็นร่างเปลือยของกันและกันมันเร็วไป….แล้วเราก็จูบกันด้วย”
“อื้อหือ ใส่แบบจัดเต็มเลยนะครับ”
พูดเองก็เขินเอง ต่างฝ่ายต่างหน้าแดงเพราะคำพูดตัวเองนี่แหละ โทนเสียงเลยสูงแถมหัวใจเต้นรัวด้วย สภาพรินกะตอนนี้หมดลุคความคูล เหลือแต่สีหน้าสาวน้อยขี้อายละ
“เรื่องจูบ..นั่นเป็นจูบแรกของผมด้วยนะครับ จู่ๆคุณก็เปิดฉากรุกฉับพลันเลย…”
“น..นั่นก้จูบแรกของชั้นเหมือนกันนะคะ จ..จริงๆแล้ว จูบแรกที่ชั้นหวังคืออยากให้บรรยากาศมันโรแมนติกมากกว่านี้แล้วค่อยจูบกับคาสึโตะคุง ชั้นจินตนาการเรื่องนี้หลายครั้งด้วย”
“ถ้างั้นทำไมคุณถึงจูบผมล่ะครับ”
“ไม่รู้เหมือนกัน ตัวเองยังไม่เข้าใจเลย……โม่ …คาสึ บากะ”
“เอ้า ผมผิดเฉยเลย ทั้งที่รินเริ่มก่อนแท้ๆ”
ตอนนี้สรุปเถียงกันแบบมึนๆอึนๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่่องมาถึงจุดนี้ได้ไง
“การจูบกันของสามีภรรยามันคือเรื่องปกตินะ”
“ยังไม่ใช่สามีภรรยาครับ แค่คนรักกันนะ”
“คนรักกันแล้วจูบไม่ได้รึไงคะ”
“มันก็ไม่ได้สิครับ จูบแบบเปิดฉากอย่างนั้นอะ”
“ได้สิ คนรักกันมันจูบได้ค่ะ”
“มันไม่ได้สิครับ…จะว่าไปอย่าบอกนะว่า คุณจูบตุ๊กตาคาสึโตะคุงด้วย”
“หา….ร…เรื่อง…เรื่องนั้นมัน…ใครจะ..ไปจูบล่ะคะ…. จู่ๆ..ก็พูดอะไรแปลกๆ…”
“โอโห ปากคอสั่นขนาดนั้น สงสัยจะจัดไปหลายรอบแล้วสินะ จูบไปแล้วแหงๆ”
“ไม่ได้ทำค่ะ แล้วต่อให้ทำจริง แต่คนในโลกความจริงที่ได้จูบแรกชั้นไปคือคาสึโตะคุงนะ”
ถึงตอนนี่เราก็ยังคงเถียงกันล้งเล้งเหมือนเด็กไม่รู้จักโต
ทว่าระหว่างที่กำลังเถียงอยุ่ มีคนเปิดประตูห้องผม แง้มเล็กน้อย คนที่โผล่หน้ามาคือคุณคาสึมิ
“เกิดอะไรขึ้นนิ ทะเลาะกันเป็นเด็กเลย”
“ไม่ได้ทะเลาะเป็นเด็กซะหน่อยค่ะ นี่เป็นการทะเลาะกันของสามีภรรยาต่างหากค่ะ”
“จะนิยามแบบไหนก็ช่างเถอะ รีบๆจัดห้องให้เสร็จได้แล้วนะ”
ต้องถือว่าคุณคาสึมิมาน่าจะเป็นเรื่องดี เพราะว่าพอมีบุคคลที่สามอยู่ในห้อง อารมณ์ทั้งผมและรินกะที่กำลังขึ้นตะกี้ก็สงบลง
“….นี่เป็นการทะเลาะกันของสามีภรรยาครั้งแรกสินะคะ”
“ทำไมผมคิดว่าไม่เหมือนหว่า”
ทว่ารินกะไม่ฟังคำพูดผม ยังคงใจลอยเคลิ้มกับคำพูดตัวเองอยู่
จะบอกว่าการถกเถียงกันเมื่อครู่ ช่วยให้สายสัมพันธ์เราพัฒนาขึ้นได้ล่ะมั้ง
*****
หลังจากผมจัดห้องเสร็จก็ลงมาห้องรับแขก ได้เวลาทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัวรินกะ
เริ่มแรกเลยก็โดนคุณแม่รินกะถามก่อนเช่น
อาหารที่ชอบคืออะไร
วางแผนในอนาคตไว้ยังไงบ้าง
ในอุดมคติอยากมีลูกสักกี่คน
ผมเจอคำถามพวกนี้ซ้ำไปซ้ำมา สุดท้ายผมได้แค่หัวเราะแห้งๆ ตอบว่า “ฮะฮะฮะ นั่นสินะครับ ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ มีอะไรหลายอย่างยังต้องคิดไว้อยู่ครับ”
บอกตรงๆว่าคุณแม่รินกะจริงจังมาก จริงจังสุดพลัง ผมนึกว่าสอบปากคำกับสถานีตำรวจ
ตอนนี้ผมเชื่อแล้วว่าแม่รินกะเป็นคน2บุคลิกจริงๆ
ระหว่างที่โดนถาม เวลาก็ผ่านไปจนถึงช่วงเย็น รินกะสวมผ้ากันเปื้อน เข้าห้องครัว
“คาสึโตะโอนี่จัง วันนี้กับข้าวเป็นแกงกระหรี่นะคะ”
“งั้นเหรอครับ คราวก่อนที่มาก็ทานแกงกระหรี่เนอะ”
วันนั้นเป็นวันที่ผมรู้ว่ารินกะทานเผ็ดไม่ได้ กินได้แต่แกงกะหี่หวาน
ขณะที่ผมกำลังนึกถึงเรื่องในวันนั้น คุณพ่อมิคิโอะที่นั่งบนโซฟาพร้อมกับดูทีวีไปด้วย เอ่ยปากกล่าว
“หึหึ…แกงกะหรี่น่ะ มันใส่อะไรบางอย่างลงไปได้ง่ายนะ”
“อะไรบางอย่าง? มันคืออะไรครับ”
“ใส่อะไรที่เป็นความรักที่โหดร้ายจนฆ่าแมวได้เพื่อเธอไง”
“ขอเหอะครับ อย่าพูดอะไรที่ชวนคิดซับซ้อนหลายตลบได้มั้ยครับ มันทำผมกังวลครับ”
“สบายใจได้ มันไม่มีผลเสียต่อร่างกายเธอละกัน”
…..
และบทสนทนาก็ตัดจบดื้อๆ คุณพ่อมิคิโอะดูทีวีต่อ
นี่กุเริ่มหลอนอีกละ อยากรู้ขึ้นมาเลยว่าเธอใส่อะไรลงไป
ระหว่างที่ผมกำลังคิด รินกะก็ทำกับข้าวเสร็จเรียบร้อย จัดเตรียมจานวางบนโต๊ะที่นั่งได้หกคน แบ่งเป็นฝั่งละ 3 ผมนั่งกลาง ริมขวาเป็นรินกะ ริมซ้ายเป็นโนโนอะ ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็นคุณคาสึมิกับพ่อแม่รินกะ
ก่อนกินข้าวก็ทักทาย อิตาดะคิมัส ผมใช้ช้อนตักแกงกะหรี่เข้าปาก รู้สึกว่าครั้งนี้ทำเผ็ดกว่าครั้งก่อนนิดนึง ย้ำว่า นิดนึงจริงๆ แต่เผ็ดเท่านี้รินกะคงทานได้มั้ง
ผมเลยหันไปดูรินกะด้านข้าง เอ๊ะ
“…..”
รินกะถือช้อนค้าง ตัวแข็งเป็นรูปปั้น น้ำตาไหลพรากจากดวงตาคู่งาม
“ร..รินกะ”
“…..เผ็ดอะ”
โอโห รสชาติแค่นี้เผ็ดซะน้ำหูน้ำตาไหลแบบนั้น แสดงว่าทานเผ็ดไม่ได้จริงๆ
ในขณะเดียวกัน โนโนอะจ้วงแกงกะหรี่เข้าปากอย่างเพลิดเพลิน พลางยิ้มพร้อมบอกว่า “อร่อยจังค่ะ”
น่ารักจริงๆ
“ลิ้นชั้นพังแล้วรึเปล่า ดูให้หน่อยได้มั้ย”
รินกะหันหามาผม กล่าวด้วยใบหน้าน่ารัก ก่อนแลบลิ้นให้ ดูลิ้นก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ
แต่ว่าสำหรับผมที่เพิ่งจะเคยเห็นลิ้นผู้หญิงครั้งแรก ก็เกิดอาการใจเต้นตึกตักนิดหน่อย
“ลิ้นปกตินะครับ …รินกะ ไหวรึเปล่า”
“ไม่ไหวแล้ว ทานเข้าไปคำเดียวตะกี้ ชั้นเห็นภาพช่วงชีวิตที่ผ่านมาแว่บเข้าหัวเลย”
“อาการหนักนะนั่น”
“ทำไมโลกเรา แกงกะหรี่ถึงต้องทำให้มีรสชาติเผ็ดด้วยนะ ของแบบนี้ไม่ควรมีในโลกเลย”
“แต่ว่าคุณเป็นคนทำเองไม่ใช่เหรอครับ”
“ใช่ค่ะ แต่ว่าตัวชั้นในวันนี้เติบโตกว่าเมื่อวาน ก็เลยคิดว่าทานเผ็ดได้ขึ้นมานิดหน่อย จะคิดแบบนี้ก็ไม่แปลกใช่มั้ยล่ะ”
“ไม่แปลกก็บ้าแล้วครับ”
เออ จะว่าไป เพิ่งสังเกตบางอย่าง
คนที่ตะลึงกับเรื่องรินกะทานเผ็ดจนน้ำตาไหล มีแค่ผมคนเดียว ส่วนคนอื่นที่เหลือกินข้าวกันเหมือนเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันซะงั้น
“นั่นสินะ ชั้นคิดว่าคาสึโตะคุงส่งความรักให้ชั้น ก็เลยคิดว่าอาจจะทานเผ็ดได้ค่ะ”
“ส่งความรัก?หมายถึงอะไรครับ”
“เคยเห็นเมดคาเฟ่มั้ยล่ะ ที่ตอนเสิร์ฟของให้ลูกค้า เมดจะทำสองมือเป็นรูปหัวใจพร้อมเต้นท่าน่ารักไปด้วย แล้วก็อวยพรว่าโมเอะ โมเอะ คิ้วท์ อาหารจานนี้จงอร่อยขึ้น เพี้ยง”
รินกะอธิบายด้วยสีหน้าจริงจัง เธอนี่น่ารักจริงๆ รู้เลยว่าบอกแบบนี้เธอคิดอะไรอยู่
“ที่พูดมาคืออยากให้ผมลองทำโมเอะ โมเอะ คิ้วท์ สินะครับ”
“จะทำหรือไม่ทำขึ้นอยู่กับคาสึโตะคุงเลยค่ะ แต่ถ้าทำ ชั้นจะดีใจมากๆ ไม่สิ ชั้นเชื่อมั่นสุดหัวใจว่าคาสึโตะคุงจะทำให้ชั้นแน่ค่ะ และจะทำแบบเต็มที่ไม่เหยาะแหยะด้วยค่ะ”
“เชื่อมั่นเวอร์วังเล่นใหญ่มากครับ นี่ถ้าเรื่องนี้หลุดไปถึงหูภายนอกว่าผมทำอะไรแนวนี้ สังคมคงตั้งคำถามผมแน่ว่าทำไปทำไม”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ต่อให้เธอจะถูกสังคมทอดทิ้งหรือรุมประนาม ชั้นจะอยู่เคียงข้างคาสึโตะคุงเสมอ”
“ทั้งที่สาเหตุเกิดมาจากรินกะนะ”
คุณคาสึมิที่อยู่ตรงข้างผมวางมือจากอาหาร หัวเราะน้อยๆ
“เห ชั้นเองก็อยากจะเห็นคาสึโตะคุงทำท่า โมเอะ โมเอะ คิ้วท์ ด้วยเหมือนกันนะ”
“เอ่อ อย่ากดดันผมสิครับ ผมก็อายเป็นนะครับ”
“เน่เน่ หนูอยากให้คาสึโตะโอนี่จังทำ โมเอะ โมเอะ คิ้วท์ ใส่แกงกะหรี่หนูด้วยค่ะ”
“ถึงเป็นคำขอนางฟ้าตัวน้อย ผมก็ไม่ทำครับ”
“โมเอะ โมเอะ คิ้วท์ เป็นบททดสอบขั้นแรกของความสัมพันธ์คาสึโตะคุงกับรินกะนะ ต้องข้ามผ่านบททดสอบให้ได้สิ”
“ไม่ใช่ละครับ”
“หึหึ ในฐานะชั้นที่เคยอาบน้ำร้อนมาก่อน ขอแนะนำว่า…”
“พอเลยครับ ผมเกรงใจมาก ป๋าพูดทีไร ผมนี่ระแวงจนหลอนเลยครับ”
“คาสึโตะคุง นี่อยู่ระหว่างทานข้าวนะ อย่าเสียงดังสิ”
“เอ้า ก็ต้นเหตุที่ผมเสียงดังคือรินกะนะครับ”
ฟีลลิ่งผมตอนนี้รู้สึกเหมือนโดนรุมจากรอบทิศทาง มีแต่คนอยากให้ทำโมเอะ โมเอะ คิ้วท์ ไม่มีใครช่วยผมสักคน เล่นเอาแทบไม่มีเวลาหายใจเลยครับ
“ถ้ามีลูกชาย เวลากินข้าวก็จะครึกครื้นแบบนี้นี่เอง คาสึโตะคุง ชั้นซาบซึ้งมากที่เธอมาบ้านชั้นวันนี้”
“เอิ่ม ผมว่า ซาบซึ้งนี่ เอาไปใช้กับเรื่องอื่นอาจจะดีกว่านะครับ”
ขนาดคุณแม่เธอยังร่วมวงด้วย ผมรู้สึกตอนนี้เหมือนตัวเองเป็นของเล่นของครอบครัวรินกะให้เขาปู้ยี้ป้ยำตามใจชอบเลย
******
จบ CH13-2
ได้เวลาเปิดอีเว้นครอบครัวแล้ว มาลุ้นกันว่า คาสึโตะของเราจะต้องทำท่าเมด โมเอะ โมเอะ คิ้วท์ รึไม่ ว่าไปมีใครเคยไปเมดคาเฟ่มั้ยนิ แอดยังไม่เคยไปนะ55
ปล. พรุ่งนี้ผมไม่อัพนิยายนะครับ เพราะว่าติดไปเอาเครื่องเกมส์บ้านเพื่อนมาเล่นมอนฮันจ้า
อตอนใหม่ได้ก็อ่านที่นี่มะรืนนะครับ แต่ถ้าทนไม่ไหว จัดไปได้ที่เพจ คลิกตรงนี้เลยจ้า kurakon