‘ไม่ดีแล้ว!’
ขณะที่ด้านคมของขวานกำลังพุ่งเข้ามาเพื่อผ่าร่างของมาร์วิน เขาควบคุมร่างกายได้ในวินาทีสุดท้าย
[ยกระดับความแข็งแกร่ง!]
ด้วยประสบการณ์การต่อสู้มหาศาลได้ช่วยชีวิตเขาอีกครั้ง ช่วยให้เขาเอนตัวไปด้านข้างเพื่อหลีกหนีจากความตาย
ตูม!
ไดเฟียสใช้แรงทั้งหมดไปกับการเหวี่ยงขวานในครั้งนี้ และไม่สามารถหยุดการฟาดฟันลงได้
ฝุ่นควันฟุ้งกระจายไปทั่ว
ตอนนี้!
ดวงตาของมาร์วินเฉิดฉายเป็นประกายขณะที่เขาหลบหลีก และเขาพุ่งไปยังไดเฟียสทันที ความว่องไว 19 แต้ม ทำให้เขามีการตอบสนองรวดเร็วยิ่งขึ้น เขาว่องไวและขยับตัวไหลมาตามขาของไดเฟียสและขึ้นไปตามลำตัวขณะที่ยกมีดสั้นคู่ขึ้นมาในแนวนอน
ตัดคอ!
ความกลัวได้ปรากฎขึ้นในดวงตาของไดเฟียส! เขาไม่คิดว่าสกิลขู่ขวัญที่ทรงพลังของเขาจะส่งผลกับมาร์วินน้อยมาก
‘นี่มันเป็นไปไม่ได้!’
ขู่ขวัญของบาบาเรี่ยนเพียงพอที่จะหยุดการเคลื่อนไหวของนักผจญภัยระดับต่ำเป็นเวลา 2 วินาที ไม่ใช่แค่ 0.5 วินาที
อย่างไรก็ตาม เขาไม่รู้ว่ามาร์วินเป็นคนที่เดินทางข้ามโลกมาและผ่านการต่อสู้มานับไม่ถ้วน ซึ่งทำให้ตัวของมาร์วินเก่งขึ้นมาก เขาไม่ใช่คนขี้ขลาดอีกต่อไป แม้ว่าอำนาจจิตของเขาจะไม่สูง แต่วิญญาณของเขามีส่วนสำคัญในการต้านทาน
การคำนวณระยะเวลาของสกิลขู่ขวัญกินเวลาประมาณ 2 วินาที แต่เขาเป็นนักรบที่มีประสบการณ์ เขาปล่อยมือจากขวานและใช้มือทั้งสองป้องกันลำคอจากสกิลตัดคอของมาร์วิน
ฉึก!
เลือดสาดกระจายออกมา มือซ้ายและมือขวาของไดเฟียสจับไปที่มีดสั้นทั้งสองของมาร์วิน
ตัดคอล้มเหลว
แต่การโจมตีของมาร์วินยังไม่จบ เขาเหยียดยิ้มออกมาและพลิกตัวเพื่อหมุนแขนและลอยอยู่เหนือร่างของไดเฟียส อยู่ในท่าที่ท้าทายต่อแรงโน้มถ่วง ขณะที่บิดมีดโค้งทั้งสองออก
“โอ้ย!” แม้ว่าจิตใจของบาบาเรี่ยนจะแข็งแกร่ง แต่เขาก็ไม่สามารถต้านทานความเจ็บปวดได้ เขาผลักมีดโค้งทั้ง 2 เล่มออกไปแต่ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงได้ปรากฎขึ้นที่หลังของเขา ในเสี้ยววินาที ปลายของมีดสั้นเล่มหนึ่งแทงเข้าที่ด้านซ้ายของกระดูกสันหลัง
ร่างของมาร์วินลอยไปในอากาศ มือซ้ายของเขาปล่อยมีดสั้นลงมา ในขณะที่เท้าขวาเตะไปที่มัน
“อั่ก!” ไดเฟียสร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ขณะที่มีดสั้นปักอยู่บนไหล่และกำลังพุ่งเข้าหาหัวใจ
ร่างกายของมาร์วินกำลังตีลังกาในท่าที่สมบูรณ์แบบ จากกลางอากาศและลงสู่พื้น
ทีมที่เคยเก่งกาจตอนนี้กลับรู้สึกหนาวสั่นขณะกำลังมองการต่อสู้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ทั่วไปสามารถทำได้! การควบคุมร่างกายได้ถึงขนาดนี้ ความสามารถของเอลฟ์ชั้นสูงในตำนานเท่านั้นถึงสามารถเทียบชั้นได้
ไดเฟียสไม่ใช่อันธพาลทั่วไป เขาสวมเกราะหนัก นอกจากลำคอและจุดอื่นที่มีช่องว่างเพียงน้อยนิด นอกจากนั้นชุดเกราะของเขาสามารถใช้ประโยชน์ได้ดี
มาร์วินสามารถแทงมีดสั้นได้อย่างแม่นยำ ขณะที่ลอยอยู่กลางอากาศ แม้แต่มือสังหารเงาคลาส 2 ยังพูดได้ไม่เต็มปากว่าพวกเขาสามารถทำได้ นี่เป็นทักษะโดยธรรมชาติและสัญชาตญาณการต่อสู้ที่เกิดจากประสบการณ์การต่อสู้นับครั้งไม่ถ้วน ไม่มีทางลัดที่จะไปถึงที่นั่น
เหล่าสมาชิกแก๊งเริ่มดีใจที่พวกเขาไม่ได้เข้าไปสู้ด้วย เนื่องจากถ้าพวกเขาลงไป พวกเขาต้องตายอย่างแน่นอน
ความแข็งแกร่งของเรนเจอร์อาวุธคู่คนนี้ไม่สามารถทำได้เพียงแค่ใช้ตามองและทำตาม เขาจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูง!
“ข้าได้ยินมาว่าผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลังสามารถซ่อนความแข็งแกร่งได้ โดยทำให้ระดับของพวกเขาลดลงหลายๆระดับ”
“หน้ากากมีดคู่คนนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูง!”
“ใช่เขาแน่ๆ! พวกเราไม่ควรไปยุ่งกับผู้เชี่ยวชาญระดับสูง! ใครจะไปรู้ว่าขุนนางขยะนั่นจ่ายเงินให้คนที่แข็งแกร่งขนาดนี้?”
สมาชิกทีมแก๊งอาเชรอนเริ่มสั่นไปด้วยความกลัว
…
แต่มาร์วินไม่สนใจ เพราะเขายังไม่สามารถฆ่าไดเฟียสด้วยการเคลื่อนไหวเหล่านี้ได้
‘ไม่มีการโจมตีคริติคอล’ มาร์วินเหลือบตามองไปยังบันทึกการต่อสู้อย่างเสียใจ การเคลื่อนไหวเหล่านี้เป็นขีดจำกัดที่ร่างกายของเขาสามารถทำได้ในตอนนี้ เขาใช้พลังงานไปจำนวนมาก
ไดเฟียสสูญเสีย HP ไปมากกว่า 60 หน่วยและมีเลือดไหลออกมา แต่เขายังมีชีวิต เขาจับด้านหลังด้วยความเจ็บปวดและอาการหอบ ทุกวินาทีที่มีดสั้นได้เสียบมาที่ร่างกายของเขา มันลดทั้ง HP และพลังจิตใจของเขา
“ไอ้เรนเจอร์เวรนั่น!” เขาฝืนทนต่อความเจ็บปวดและแสดงพลังจิตใจที่เข้มแข็งของบาบาเรี่ยนออกมา เขาหยิบขวานของเขาอีกครั้งและกวาดออกไปเบาๆ
ม่านตาของมาร์วินขยายตัวขึ้น เขาหลบการโจมตีด้วยการกลิ้ง แต่ไดเฟียสได้เรียนรู้บทเรียนที่เขาได้รับแล้ว เขาไม่เปิดโอกาสให้มาร์วินอีกเป็นครั้งที่สอง เขาใช้แรงบางส่วนในการโจมตี ด้วยการกวาดขวานที่ทรงพลังสร้างคลื่นพลังไปรอบๆลานกว้าง ที่ดูหนาวเหน็บและไม่มีสิ่งมีชีวิตใดหลงเหลืออยู่ภายใต้แสงจันทร์
มาร์วินหงุดหงิดและต้องถอยออกมาจากรัศมีของขวานและพยายามโจมตีใหม่อีกครั้ง แต่ทุกครั้งไดเฟียสใช้พลังคุกคามและบีบให้มาร์วินต้องแลกชีวิต ไดเฟียสทำได้เพียงกวาดขวานไปมา ในขณะที่มาร์วินไม่กล้าเข้าปะทะกับขวานตรงๆ
ทั้งสองฝ่ายต่างขมขื่น นี่เป็นการแข่งขันในด้านจิตใจ พลังงานของมาร์วินลดลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ค่า HP ของไดเฟียสลดลงอย่างฉับพลัน
มีดเล่มนั้นเป็นกุญแจสำคัญของการต่อสู้ในครั้งนี้ น่าเสียดายที่มาร์วินไม่ได้มีเวลานำไปจุ่มยาพิษก่อน แต่สิ่งของแบบนั้นมีการควบคุมที่เข้มงวดมาก ดังนั้นการจะเข้าถึงสิ่งของเหล่านั้นเป็นเรื่องยาก
ทั้งสองได้ใช้พลังใจและสัญชาตญาณในการต่อสู้ สถานการณ์เริ่มสิ้นหวัง
สมาชิกแก๊งทั้ง 5 คนที่เหลือเริ่มมองหน้ากันและกันและเคลื่อนที่ไปรุมล้อมมาร์วิน
เด็กหญิงตัวเล็กที่ซ่อนตัวอยู่อย่างสิ้นหวัง
พวกเขาต้องการจัดการกับมาร์วินเพราะเห็นว่าพลังงานของมาร์วินไกล้จะหมดลงในเร็วๆนี้
เขามีอาการเหนื่อยหอบ การโจมตีด้วยขวานของไดเฟียสได้เปรียบเขาอย่างมาก ถ้าพวกเขาโจมตีตอนนี้ พวกเขาจะสามารถเอาชนะมาร์วินได้ ไม่ว่าจะแข็งแกร่งมาจากไหน แต่ถ้าไม่เหลือพลังงานก็ไม่มีความหมาย
การคุกคามและการกดดันไม่มีผลอีกต่อไป
“พวกเจ้าเจ้าแน่ใจนะว่าพวกเจ้าต้องการทำแบบนี้?” ขณะที่กำลังเลื่อนเท้าหลบการโจมตีของไดเฟียส มาร์วินเอ่ยถามขึ้น “พวกเจ้าคงต้องการที่จะตายสินะ?”
“เขาพูดแล้ว!” โจรคนหนึ่งพูดออกมา “ล้อมเขาเอาไว้และกดดันวงล้อม หัวหน้าจะสามารถจัดการเขาได้อย่างแน่นอน!”
หลังจากที่พูดจบ คนทั้ง 5 ขยับมาอยู่ด้านหลังเขา
ศัตรูทั้ง 2 ด้าน!
ไดเฟียสที่หน้าซีดกำลังลากขวานและสาปแช่งไอ้พวกคนที่ฉวยโอกาสนี้ แต่ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาร่วมมือกันกำจัดมาร์วินได้
“หนีเร็ว!” เด็กสาวตัวเล็กไม่สามารถทำสิ่งใดได้ เธอวิ่งออกมาจากที่ซ่อน ในเวลานั้นเธอเห็นมาร์วินหันมาและยิ้มให้เธอ
วินาทีถัดมา มาร์วินพุ่งไปยังชายทั้ง 5 กลุ่มของชายทั้งห้าเริ่มตื่นตระหนกและดึงอาวุธออกมา แต่มาร์วินไม่ได้โจมตีพวกเขา กลับกันเขาพุ่งตัวไปที่ลังและกระโดดอย่างชำนาญ
มาร์วินใช้แรงทั้งหมดของเขาในการกระโดดในครั้งนี้ ทิ้งชายทั้ง 5 ไว้ด้านหลัง
“เขาพยายามวิ่งหนี!”
“เร็ว! จับมัน!”
“ไอ้ปัญญาอ่อน ตามมันไป! มันใกล้หมดแรงแล้ว!”
ไดเฟียสสาปแช่งออกมาเสียงดัง ชายทั้ง 5 และไดเฟียสได้ติดตามเขาเป็นรูปใบพัด
ในเวลานั้นเด็กหญิงเด็กหญิงออกมาจากที่ซ่อน ยืนอยู่ตรงหน้ามาร์วิน เธอถือมีดขนาดเล็กและมีสีหน้าไม่สบายใจ
เธอและมาร์วินจะอยู่หรือตายไปด้วยกัน!
“ขอบคุณอิสซาเบล” มาร์วินมองดูมีดโค้งและลูบหัวของเด็กสาวตัวน้อย
“นี่เป็นสิ่งเดียวที่หนูสามารถทำได้” เด็กสาวตัวน้อยพูดด้วยน้ำเสียงสั่นแต่มั่นคง “คุณหน้ากาก หนูสามารถเรียกแบบนี้ได้ใช่ไหมคะ?”
“แน่นอน” มาร์วินยิ้ม
เด็กสาวหลับตาลง มือขวาของมาร์วินบีบเป็นกำปั้นและเล็งไปที่คนทั้ง 6
“Vs’bon!”
คำพูดแปลกประหลาดดังออกมาจากปากของมาร์วิน เสียงฟ้าผ่าดังออกมากลางลาน นี่คือภาษาของเทพธิดาทูริน มีไม่ถึง 50 คนในโลกที่รู้จักภาษานี้และมากกว่าครึ่งมีตำแหน่งเป็นจอมเวทย์ระดับสูง
แสงสว่างทั้ง 7 สีได้ปรากฏขึ้นบนนิ้วของมาร์วิน
อิสซาเบจลืมตาขึ้นมาและมองไปยังแสงสีรุ้งที่พุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง
มันงดงามราวกับดอกไม้ไฟในงานเทศกาล แต่ดูน่ากลัว
นี่เป็นหนึ่งในเวทมนตร์ที่น่ากลัวที่สุด [ประกายสายรุ้ง]!
คนทั้ง 6 ที่กำลังวิ่งไล่ตามตกอยู่ภายใต้ผลของประกายสายรุ้ง ร่างกายนักผจญภัยระดับ 1 ทั้ง 5 คน เมื่อสัมผัสกับลำแสงสีรุ้งร่างกายของพวกเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นคริสตัลอย่างช้าๆ
ในไม่ช้า คริสตัลเหล่านั้นเริ่มแตกออกเป็นชิ้นๆ เลือดและกระดูกต่างๆแตกกระจายออกมา
นี่เป็นฉากนองเลือดที่โหดเหี้ยม!
ไดเฟียสดีกว่าคนอื่นนิดหน่อย เพราะเขาถอยหลัง มีเพียงหน้าอกของเขาที่สัมผัสกับลำแสงสีรุ้ง นอกจากนี้ HP ของเขายังลดลง เขาเหลือค่า HP เพียง 30 หน่วยเท่านั้น
ชายทั้ง 5 คนตายในทันที
“ไม่!” ไดเฟียสกรีดร้องออกมาในขณะที่มือดีทั้ง 5 กำลังถูกเปลี่ยนเป็นคริสตัล เขาสูญเสียความสามารถในการแกว่งขวาน
“ส่งมีดมาให้ข้าหน่อย” มาร์วินขอร้อง
เด็กสาวส่งมีดให้เขา มาร์วินชั่งน้ำหนังมีด ก่อนที่จะปามันทันที
ฉึก!
ตรงกลางระหว่างคิ้ว!
ดวงตาของไดเฟียสเบิกกว้างอย่างเหลือเชื่อ ในขณะที่เขาล้มลงพร้อมกับขวานอันใหญ่ของเขา
“กลัว?”
มีเพียงมาร์วินและอิสซาเบลเท่านั้นที่เหลืออยู่บนลานกว้าง
เธอเอียงศีรษะอย่างประหลาดใจ “สวยงาม”
“จำไว้ อย่างแตะต้องมัน คนที่สัมผัสกับประกายสีรุ้งจะกลายเป็นพลังงานหล่อเลี้ยงคริสตัลเป็นเวลา 2 ชั่วโมงและมันสามารถติดต่อไปยังคนอื่นได้” มาร์วินเตือน
“คุณหน้ากาก คุณเป็นจอมเวทย์?”
“ไม่ ข้าเป็นเพียงเรนเจอร์” มาร์วินพูด “แต่เวทมนตร์เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการฆ่าได้ดีที่สุดในปัจจุบัน”
เขาคิดต่อในใจ “แต่คงอีกไม่ถึงครึ่งปีหรอก”
หลังจากที่ภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้น จอมเวทย์จำนวนมากจะต้อตาย เนื่องจากพวกเขาดูดซับมานาของโลกมากเกินไป ในขณะที่บางคนถูกบังคับให้ออกจากตำแหน่ง ส่วนที่เหลือจะกลายเป็นมอนสเตอร์เนื่องจากความปั่นป่วนของมานาในร่าง
นี่เป็นภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่ ยุคที่ 4 ของจอมเวทย์ถึงคราวสิ้นสุด หลังจากผ่านไปยาวนาน มนุษย์ทุกคนจะสามารถเรียนรู้เวทมนตร์ได้อีกครั้ง แต่เป็นระบบเวทมนตร์ในอีกรูปแบบ
“ไปที่ชั้นใต้ดินกันเถอะ”
มาร์วินดึงมือของอิสซาเบล พวกเขาเข้าไปในอุโมงค์