Night Ranger – ตอนที่ 7 สอบปากคำ

ในยุคที่จอมเวทย์ปกครองโลกใบนี้ มีเพียงจอมเวทย์และลูกหลานเท่านั้นที่สามารถเป็นขุนนางได้

 

พ่อของมาร์วินไม่ใช่จอมเวทย์ แต่ปู่ของเขาเป็น ปู่ของมาร์วินเป็นสมาชิกระดับสูงของสมาคมจอมเวทย์ทิศใต้ เขาและผู้ติดตามได้บุกเบิกที่นี่ตั้งแต่เมืองริเวอร์ชอร์ยังไม่ได้ถูกสร้างขึ้น ในฐานะของสมาคมจอมเวทย์ เขานำพาผู้ติดตามออกสำรวจในดินแดนใหม่ๆที่ยังไม่เคยถูกสำรวจมาก่อน ตามข้อตกลงระหว่างสมาคมจอมเวทย์และจอมเวทย์ผู้บุกเบิก ส่วนหนึ่งของดินแดนที่ได้รับการบุกเบิกซึ่งตอนนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อ หุบเขาริเวอร์ไวท์ กลายมาเป็นของเขา

 

เนื่องจากสถานะของดินแดนเหล่านี้เป็นดินแดนใหม่และอยู่ติดป่า ดินแดนเหล่านี้จึงมีอิสระมากกว่าเมืองทางฝั่งทิศใต้ พวกเขาจึงไม่ได้รับคำสั่งมากมายของจากสมาคมจอมเวทย์และยังได้รับการยกเว้นภาษี แต่เมื่อถึงเหตุฉุกเฉิน พวกเขาสามารถตอบรับคำเชิญและกลับไปช่วยสมาคมจอมเวทย์ได้

 

ปู่ของมาร์วินมีลูก 2 คน คนโตชื่อยีน พ่อของมาร์วินและคนเล็กชื่อมิลเลอร์ หลังจากที่ปู่ของมาร์วินเสียชีวิต ยีนได้สืบทอดมรดกหุบเขาริเวอร์ไวท์พร้อมทั้งบริหารบ้านเมือง และมิลเลอร์ เนื่องจากเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะสืบทอดมรดก เขาได้รับเงินจำนวนมากแทนและหลังจากที่ได้คุยกับยีนเป็นการส่วนตัว เขาได้รับพื้นที่บางส่วนในฝั่งซ้ายของหุบเขาริเวอร์ไวท์

 

ปัจจุบัน มาร์วินจำได้ว่าลุงของเขาหายไปหลายปีแล้ว เขากลับมาจากทางใต้เมื่อปีที่แล้ว ธุรกิจของเขารุ่งเรืองมาก เขาเป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยมาก มิลเลอร์ได้ซื้อที่ในดินเมืองริเวอร์ชอร์ ทั้งสองพี่น้องได้พบกัน ยีนมีความสุขมากเมื่อน้องชายของเขากลับมา เขาเตรียมสิ่งของมากมายรอวันที่เขากลับมา

 

ในความทรงจำของเด็กหนุ่ม แม้ว่าลุงมิลเลอร์จะค่อนข้างตระหนี่ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพี่ชายของเขาดีมาก

 

แต่ด้วยมาร์วินคนปัจจุบัน เขารู้เงื่อนงำบางอย่างจากความทรงจำเหล่านี้

 

ร่างกายของพ่อของเขาแย่ลง เพียงครึ่งปีหลังจากที่มิลเลอร์กลับมาที่ริเวอร์ชอร์ พ่อของเขามีอายุเพียง 40 ปี ร่างกายของเขาแข็งแกร่งดุจวัวกระทิง! แม้ว่าเขาจะไม่คุณสมบัติได้เป็นจอมเวทย์ แต่เขายังเป็นนักสู้คลาส 2 เขาสามารถจัดการกับหมูป่าฟันหินกลายพันธุ์ที่บุกรุกเข้ามาในดินแดนของเขา บอกได้ว่าร่างกายของเขาไม่ควรอ่อนแอลงมากขนาดนี้ตามเวลาทั่วไป

 

แม้ว่าจะเป็นอาการเจ็บป่วย แต่มันยังยากที่จะสร้างปัญหาให้กับนักสู้ที่แข็งแกร่งและหนักแน่นเช่นนี้

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยอาการเจ็บป่วยอย่างร้ายแรงของยีน พ่อของเขาตายโดยเวลาผ่านไปเพียงครึ่งปี เขาได้รับมรดกเป็นดินแดนรวมถึงตำแหน่ง เขาเริ่มบริหารดินแดนอย่างรอบคอบและแข็งขัน

 

1 ปีผ่านไป ด้วยการจัดการของเด็กอายุ 14 ปี ผลลัพธ์ถือว่าไม่เลวเลย

 

‘มิลเลอร์มางานศพพ่อของเขาและแกล้งบีบน้ำตา เขาทิ้งถ้อยคำแปลกๆเอาไว้’

 

‘การกลับมาของเขาและการตายของพ่อเป็นเรื่องบังเอิญมากเกินไป เขาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ เนื่องจากเขาไม่ได้สืบทอดมรดกดินแดนมิลเลอร์เคยล้อเลียนพ่อของเขาอยู่บ่อยๆ บางทีเหตุการณ์ครั้งนี้อาจจะเป็นเป้าหมายของเขา เขาเป็นคนที่ร่ำรวยและเขากลับมาแก้แค้นพวกเรา’

 

‘บางทีเขาอาจต้องการสิทธิในการสืบทอดหุบเขาริเวอร์ไวท์ ตราบใดที่ข้าตาย น้องชายของข้าเวย์นจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา เขาเพียงแค่ติดสินบนแก๊งอาเชรอน เจ้าหน้าที่ในจวนเจ้าเมืองริเวอร์ชอร์และหุบเขาริเวอร์ไวท์ก็เพียงพอแล้ว!’

 

ในระยะเวลาสั้นๆ มาร์วินคิดสิ่งต่างๆมากมาย

 

ลุงมิลเลอร์ค่อนข้างน่าสงสัย แต่ยังไม่มีหลักฐานที่จะยืนยันเรื่องนี้

 

“ไม่ว่าลุงมิลเลอร์จะวางแผนนี้หรือไม่ เราจำเป็นต้องตรวจสอบ”

 

มาร์วินบอกเป้าหมายอย่างรวดเร็ว “บางทีอันธพาล 2 คนนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย”

 

“ท่านหมายถึงสิ่งใด?”

 

“ตามข้ามาเงียบๆ” มาร์วินพูดต่อ “อย่าลืมเก็บไว้ 1 คน”

 

 

ในซอยด้านหน้าโรงแรมฟิวฮอส โจรที่กำลังเบื่อหน่ายมองไปยังด้านหน้าของเขาอย่างไม่มีการเปลี่ยนแปลง

 

ที่เท้าของเขามีนาฬิกาทรายที่นับถอยหลังใกล้หมด นั่นหมายความว่าสัญญาณลับครั้งต่อไปใกล้จะเริ่มแล้ว

 

‘ผู้หญิงคนนั้นคงนอนหลับเป็นตายอยู่ มีอะไรให้ดูนักหนา? ข้าได้รู้ว่านายจ้างของเราชื่นชอบลูกครึ่งเอลฟ์นั่นมากและต้องการจับตัวเธอไปแบบมีชีวิต เจ้านายของเราสั่งให้จับเธอในวันพรุ่งนี้’

 

โจรกำลังควงมีดไปมาขณะคิด เขาเฝ้าดูหลังคาที่อยู่ไม่ไกลจากอันธพาลที่คนที่กำลังเฝ้าโรงแรมอย่างขยันหมั่นเพียร

 

แต่ในขณะนั้น ดวงตาของเขาสังเกตเห็นบางสิ่ง มีเงาประหลาดซ่อนตัวอยู่ใต้หลังคา

 

“ใคร!”

 

โจรหรี่ตาลง การรับรู้เของเขาค่อนข้างสูงพอที่จะสามารถสังเกตเห็นคนที่ใช้ [ซ่อนตัว]

 

‘โจรจากแก๊งอื่น?’

 

ในขณะที่เขากำลังเปิดปากเพื่อเตือนคนอื่น เขารู้สึกหนาวเย็นเมื่อสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่อยู่ด้านหลัง!

 

‘บ้าเอ้ย! ใครบางคนมองเห็นสกิล [ซ่อนตัว] ของข้า!?’

 

เขาหันไปมองรอบๆและพบนักดาบสาวลูกครึ่งเอลฟ์กำลังถือดาบพุ่งมาทางเขา

 

ดวงตาของเธอจ้องมาที่เขา เธอเห็นว่าเขาซ่อนตัว!

 

โจรได้ตอบโต้อย่างรวดเร็ว เขาหันไปมองรอบๆเพื่อหาทางหนีออกไปนอกซอย เขาไม่สามารถเผชิญหน้ากับนักดาบสาวโดยตรงได้

 

อย่างไรก็ตาม ในเวลาเดียวกันเงานั้นได้ปรากฏขึ้นที่มุมหนึ่งของสายตาของเขา

 

เงาที่คล่องแคล่วได้กระโดดลงมาจากดาดฟ้าและเผชิญหน้ากับเขา

โจรคนนี้รู้สึกขมขื่นและมองไปยังร่างที่กระโดดลงมาจากดาดฟ้า ริมฝีปากของเขาแห้งผาก

 

การฆ่าด้วยวิธีที่เด็ดขาด….

 

ชายผู้นี้เป็นมือสังหารที่แท้จริง?

 

จากที่เขาสังเกตร่างนั้นมุ่งหน้าไปยังเพื่อนของเขาและจากที่นักดาบสาวปรากฎตัวออกมา เพียง 2-3 วินาที เขาสามารถฆ่าเพื่อนของเขาที่อยู่บนดาดฟ้าได้

 

นี่เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ!

 

อันธพาลในย่านการค้าเหล่านี้จะเรียนรู้วิธีการฆ่าได้จากที่ไหน!  โจรคนนี้ไม่รู้ว่าชายคนนั้นสังหารเขาใช้สกิลประเภทไหนในการฆ่า

 

แต่เมื่อเขาเห็นหน้ามือสังหาร เขาถึงกับโง่งมทันที “เป็นเจ้า! เจ้ายังไม่ตาย….” โจรพูดไม่ออกทันที

 

ดาบของแอนนาจี้ไปที่หลังของเขาและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้ามีทางเลือกอยู่ 2 ทาง ร่วมมือกับเราหรือตาย”

 

โจรยอมเชื่อฟัง เขาปล่อยมีดและกางมือออก เขาไม่ต่อต้าน  ขุนนางหนุ่มที่ดูอ่อนแอตรงหน้าเขากลายเป็นมือสังหารที่น่าสะพรึงกลัว ไม่ต้องพูดถึงลูกครึ่งเอลฟ์ที่เป็นนักสู้อย่างน้อยระดับ 4 ถ้าเกิดการปะทะกัน เขาไม่มีโอกาสรอด

 

“มัดเขาไว้ ข้ารู้จักโกดังร้างไม่ไกลจากที่นี่” มาร์วินพูดด้วยเสียงเขา

 

 

ทางเหนือของเมือง โกดังร้าง

 

“ข้าสาบาน! ข้าบอกทุกอย่างกับเจ้าไปหมดแล้ว!”

 

โจรมีชื่อว่าดิ้งค์ถูกมัดติดกับเก้าอี้ด้วยเชือก เขาร้องไห้ออกมาอย่างขมขื่น “ข้าเพียงมีหน้าที่ลอบติดตาม ไม่ได้มีหน้าที่โจมตี!”

 

“เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลย ทำไมแก๊งของเจ้าถึงพยายามสังหารข้า?” มาร์วินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

 

ดิ้งค์ที่มีท่าทางน่าสงสารพูดออกมา “ข้าไม่รู้จริงๆ….”

 

“เฮ้! เจ้าจะทำอะไร?” โจรพูดด้วยความกลัว

 

มาร์วินพูดเหยียดหยามขณะที่จับไปที่ข้อมือขวาของโจร เขาใช้มีดสั้นกรีดไปที่ข้อมือเบาๆ เลือดค่อยๆไหลออกมาจากบาดแผล

 

“ไม่เจ็บเลยใช่ไหม?” มาร์วินพูดด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัว “แต่ข้าตัดเส้นเลือดของเจ้าไปแล้ว เลือดของเจ้าจะไหลออกมาช้าๆจนกระทั่งเจ้าตาย”

 

ด้วยการพูดในครั้งนี้ เขากรีดไปที่ข้อมือของดิ้งค์อีกครั้งด้วยมีด

 

“เจ้ามันปีศาจ!” ดิ้งค์สั่นไปด้วยความกลัว “หยุดเดี๋ยวนี้!”

 

“บอกข้าในสิ่งที่ข้าอยากรู้และเจ้าจะเป็นอิสระ” มาร์วิดพูดอย่างไร้ความปราณี “มิเช่นนั้นพวกข้าจะทิ้งเจ้าไว้และปล่อยให้เจ้าเสียเลือดจนตาย”

 

แอนนามองมาร์วินด้วยความกังวล เธอรู้ว่าคนเหล่านี้จำเป็นต้องใช้วิธีเหล่านี้ในการสอบปากคำ แต่เธอเป็นห่วงเกี่ยวกับพฤติกรรมของมาร์วิน

 

เขากลายเป็นคนเย็นชา ราวกับว่าคนที่จิตใจดีก่อนหน้านี้ได้หายไปแล้ว

 

‘ทั้งหมดเป็นเพราะข้าไร้ประโยชน์ ไม่สามารถปกป้องนายน้อยได้ ทำให้นายน้อยต้องทุกข์ทรมานจนเปลี่ยนไป เช่นนี้’ ลูกครึ่งเอลฟ์ได้กัดริมฝีปากและกระชับดาบแน่นจนมือสีขาวของเธอเริ่มเห็นเส้นเลือดสีฟ้า

 

ภายใต้การสอบปากคำของมาร์วิน ดิ้งค์ทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว อันธพาลเหล่านี้ไม่ได้รับการฝึกให้ทนต่อการสอบปากคำที่โหดร้ายเช่นนี้ พวกเขาเพียงเข้าร่วมแก๊งเพื่อช่วยเหลือตระกูล พวกเขามีพลังเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

 

ในชีวิตที่ผ่านมา มาร์วินเคยพบกับสมาชิกคลั่งลัทธิบางคน การได้รับข้อมูลจากปากของพวกเขาเป็นเรื่องน่ารำคาญมาก

 

 

‘ชายคนนี้ไม่รู้ใครสั่งให้มาจัดการข้า เขาบอกเพียงว่าพ่อค้าร่ำรวยในเมืองจะจ่ายอย่างงาม’

 

‘แก๊งอาเชรอนแห่งเมืองริเวอร์ชอร์เป็นเพียงขุมอำนาจที่ 2  หัวหน้าของพวกเขาต้องการยกระดับขึ้น พวกเขาต้องการเงินมหาศาล พ่อค้าร่ำรวยคนนั้นสัญญาว่าสนับสนุนพวกเขาเมื่อพวกเขาจัดการเรื่องนี้สำเร็จ’

 

‘หัวหน้าของพวกเขาเพียงคนเดียวที่ได้พบหน้านายจ้าง ขณะที่ลูกน้องคนอื่นเพียงได้รับคำสั่งเท่านั้น ถ้าพวกเราต้องการรู้ว่าใครเป็นคนชักใยอยู่เบื้องหลัง พวกเราต้องการคนที่ชื่อว่าไดเฟียสและจ่ายเงินเพื่อพบเขา’

 

มาร์วินขบคิดอย่างเงียบๆ

 

ดิ้งค์พูดทุกอย่างเพื่อรักษาชีวิตของตนเอง

 

นอกเหนือจากไดเฟียสที่เป็นนักสู้คลาส 2  คนที่เหลือในแก๊งอาเชรอนไม่ได้แข็งแกร่งมากมาย หนึ่งในคนที่น่ารำคาญในกลุ่มคนที่เหลือคือโจรระดับ 4 ที่เขาต้องจัดการ ฐานของพวกมันอยู่ที่บาร์ไพรอซีนซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในย่านสลัม ในฐานะคาสิโนใต้ดินในตลาดค้าอวัยวะและมันค่อนข้างแออัด

 

ไดเฟียสเป็นคนค่อนข้างรอบคอบ เขาสร้างป้อมปราการที่บาร์ไพรอซีน โดยเฉพาะบริเวณด้านหลังและชั้นใต้ดิน การลอบเข้าไปไม่ใช่เรื่องง่าย

 

มาร์วินเป็นเรนเจอร์ ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญที่ถอดกับดักและแฝงตัวเข้าไปเหมือนโจร  ดังนั้นเขาไม่สามารถเข้าใกล้ไดเฟียสได้อย่างง่ายดาย

 

“นายน้อย พวกเราควรทำอะไรต่อไปดี?” แอนนาถาม

 

อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้คิดจะวางใจมาร์วิน หลังจากที่เขาตื่นจากอาการป่วย

 

“เจ้าบอกว่าจะปล่อยข้าเป็นอิสระ!” ดิ้งค์พูดเสียงดัง

 

มาร์วินเดินไปและฟัน 2-3 ครั้งไปที่เชือกที่มัดเขาอยู่

 

ดิ้งค์นิ่งค้าง เขาไม่คิดว่ามาร์วินจะปล่อยเขาเป็นอิสระเช่นนี้

 

แอนนาขมวดคิ้วและต้องการพูดบางอย่าง แต่ทันใดนั้น มือของมาร์วินเปิดประกายแสงแวววับ

 

ปิดปาก! ตัดคอ! เลือดไหลทะลักออกมา!

 

ดิ้งค์เบิกตากว้าง เขาดิ้นทุรนทุรายก่อนจะตายลงอย่างช้าๆ

 

“ข้าปล่อยเจ้าเป็นอิสระแล้ว แต่ข้าไม่ได้บอกว่าจะไม่ฆ่าเจ้า” มาร์วินดันร่างของโจรที่มองมาที่เขาและถอนมีดโค้งมาทำความสะอาด

 

แอนนาเริ่มรู้สึกหวาดกลัว “นายน้อยมาร์วิน เกิดอะไรขึ้นกับท่าน? นี่ไม่ใช่ท่านแล้ว”

 

มาร์วินมองไปยังแอนนาและพูดอย่างจริงใจออกมา “ผู้คนมักมีหลายด้าน ในสถานการณ์เช่นนี้ ข้าต้องเปลี่ยนเป็นคนอื่น ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งชิงดินแดนของข้าไปได้และข้าไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายท่าน”

 

“ข้าไม่ยอม!”

 

เขาคว้ามือที่เยือกเย็นของแอนนาและกระซิบ “เจ้าคือหนึ่งในคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของข้า ถ้าพวกมันวางแผนจะจัดการกับเจ้า ข้าจะทำให้พวกมันต้องชดใช้”

 

ใบหน้าของแอนนาแดงขึ้นเล็กน้อยและมองไปยังมาร์วินที่ดูน่ากลัว แต่เธอกลับรู้สึกอบอุ่น

 

เธอดึงมือของเธอกลับอย่างเอียงอายและพูดเบาๆ “นายน้อย พวกเราจะทำอะไรต่อ?”

 

“พวกเราจะมุ่งหน้าไปสุสาน”

 

มาร์วินพูดถึงสถานที่ที่ไม่คาดคิด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset