NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 134 โหจื่อเปิดปากครั้งใหญ่

บทที่134 โหจื่อเปิดปากครั้งใหญ่
ในตอนนั้นเอง หลี่ฝางสัมผัสได้ถึงความสิ้นหวังอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ไม่เพียงแค่ความผิดหวังเท่านั้น แต่ยังตามมาด้วยความหนาวเหน็บเข้ากระดูก หลี่ฝางถึงกับตัวสั่นขึ้นมาตั้งแต่หัวจรดเท้า
ปืนสีดำขลับกำลังเล็งไปที่หัวของหลี่ฝาง จนทำเอาเขากลัวแทบสมองฝ่อ
“ลงมาจากรถ!” ชายสวมหน้ากากเอ่ยปากอีกครั้ง
หลี่ฝางค่อยๆ เปิดประตูรถและลงมาอย่างระมัดระวัง
ชายสวมหน้ากากกระชากกุญแจออกมา จากนั้นจึงชี้ไปที่รถตู้ “ขึ้นไป!”
“ยังมีเธอ!” ชายสวมหน้ากากเล็งปืนไปที่เซี่ยลู่ เซี่ยลู่ตกใจจนแทบสิ้นสติต่างจากหลี่ฝางไปไกล ตอนนี้แม้กระทั่งแรงเดินเธอยังไม่มีด้วยซ้ำ
หลังจากที่หลี่ฝางและเซี่ยลู่เข้าไปในรถ ทั้งสองก็ถูกคนมัดเอาไว้
เห็นชัดว่านี่ถูกวางแผนเอาไว้นานแล้ว
หลังจากรถเคลื่อนตัว หลี่ฝางก็ยิ่งคิด อีกฝ่ายทำไมถึงได้จับตัวเขามา? หรือเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาแล้ว?
เป็นไปไม่ได้ ตัวตนของเขา นอกจากถังหยู่ซวนแล้ว ก็มีเพียงไม่กี่คนที่รู้
“พวกนายจับพวกเรามาทำไม?” หลี่ฝางรวบรวมความกล้าและเอ่ยถามออกไป
“แน่นอนว่าเพื่อเรียกค่าไถ่” ชายสวมหน้ากากแค่นเสียงหัวเราะ “เด็กหนุ่มขับรถเบนซ์G-Classอย่างนาย แน่นอนว่าต้องมีเงินแน่”
เมื่อได้ยินคำว่าเรียกค่าไถ่ หลี่ฝางก็ค่อยโล่งใจขึ้นมา
เรียกค่าไถ่โดยทั่วไปแล้ว ไม่ถึงกับต้องเอาชีวิต
เมื่อครู่หลี่ฝางยังคิดอยู่ในใจ ว่าเป็นคนของไอ้บัดซบตู้เฟยนั่นรึเปล่า?
ตอนนี้ดูเหมือนว่า ไม่น่าจะใช่
เมื่อรถตู้ขับมาถึงที่รกร้างว่างเปล่า รถก็หยุดลง
“ลงรถ!”
เซี่ยลู่และหลี่ฝางถูกผลักออกจากรถ จากนั้นก็เดินเข้าป่าไปประมาณครึ่งชั่วโมง จึงเห็นบ้านไม้หลังเล็กๆ ปรากฏขึ้น
หลี่ฝางเห็นแล้วก็รู้สึกว่านี่ดูเหมือนเป็นการลักพาตัวที่ถูกเตรียมการมาไว้ล่วงหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ เพียงแต่ พวกเขารู้ได้ยังไงว่าตนเองมีเงิน?
เป็นเพราะ เบนซ์G-Classคันนั้น?
ไม่น่าจะใช่ รถหรูแบบนี้มีคนขับตั้งมากมาย ทำไมถึงได้มาจับจ้องที่ตัวเขา
หลังจากเข้าไปในกระท่อม ชายท่าทางกักขฬะคนหนึ่งมองไปที่เซี่ยลู่ แววตากรุ้มกริ่ม “พี่ใหญ่ นังคนนี้ไม่เลวเลย ยังไงนี่ก็ยังเช้าอยู่ ถอดเสื้อผ้าของนังหญิงนี่ แล้วให้พวกพี่ได้เสพสุขสักหน่อยดีไหม?”
พี่ใหญ่ยังไม่ทันเอ่ยอะไร ชายกักขฬะนั่นก็เข้ามา
“อย่า…..อย่า….อย่าเข้ามา” เซี่ยลู่กระเถิบถอยหลังไป จนกระทั่งชนขอบกำแพง
ยิ่งเซี่ยลู่มีท่าทีหวาดกลัวมากเท่าไหร่ คนกักขฬะก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น
มือของชายกักขฬะถูกันไปมา จากนั้นจึงเดินไม่กี่ก้าวไปหยุดตรงหน้าเซี่ยลู่
“อายุเท่าไหร่แล้ว น้องสาว?” ชายกักขฬะถามด้วยสีหน้าลามก
ตอนนี้เซี่ยลู่กลัวจนแทบจะเป็นบื้อไปแล้ว ไหนเลยจะมาตอบคำถามเขา
“อายุยี่สิบแล้วหรือยัง?” ชายกักขฬะเดาเอาเอง
ชายกักขฬะพูดไป ก็วางมือลงบนคอของเซี่ยลู่ “ผิวเรียบเนียนจริงๆ ทั้งลื่นทั้งนุ่ม ดีมาก”
“ฉันทนไม่ไหวแล้ว!” ชายกักขฬะเอ่ยด้วยสีหน้าทนไม่ไหว
เมื่อเซี่ยลู่เดินไปก็คิดจะถอดเสื้อผ้าเธอออกทันที
ไม่รู้เหมือนกันว่าเซี่ยลู่รวบรวมความกล้ามาจากไหน เธอกำหมัดแน่น จากนั้นจึงฟาดไปที่จมูกของชายกักขฬะเข้าอย่างสุดแรง
เลือดกำเดาไหลลงมาจากจมูกของชายกักขฬะอย่างไม่หยุด
“แม่งเอ้ย ไอ้ตัวแสบ อยากตายหรือไง!” เลือดไหลลงมาที่ริมฝีปากของชายกักขฬะ มันเลียริมฝีปากขึ้น
เสียงเพี๊ยะดังขึ้น เป็นชายกักขฬะที่ตบเข้าที่ใบหน้าของเซี่ยลู่!
แค่ฝ่ามือเดียวของชายกักขฬะก็ทำให้เซี่ยลู่ถึงกับล้มลงกับพื้น บังเอิญกับที่มุมห้องมีเตียงอยู่เตียงหนึ่งพอดี บนนั้นสกปรกอย่างยิ่ง มีเพียงผ้าห่มผ้าฝ้ายที่ขาดอยู่ผืนหนึ่งวางอยู่
ชายกักขฬะจับผมของเซี่ยลู่แล้วลากตรงไปที่เตียง
“แม่งเอ้ย กูจะจัดการมึงให้ตายไปเลย!” มันพูดใส่เซี่ยลู่ด้วยท่าทางโหดเหี้ยม
พูดไป ชายกักขฬะก็กำลังจะเริ่มลงมือทันที
“เดี๋ยวก่อน!”
ในเวลานี้ หลี่ฝางทนมองไม่ได้อีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เซี่ยลู่ก็ถือว่าเล่นกับตัวเองมาตั้งแต่เด็ก การต้องมาเห็นเธอถูกข่มขืนแบบนี้ หลี่ฝางทนมองไม่ได้อีกต่อไป
ยิ่งไปกว่านั้น คนที่ลักพามาเห็นชัดว่ามีจุดประสงค์อยู่ที่ตัวเขา
พูดไปแล้ว เซี่ยลู่เองก็ถือว่าต้องมาพลอยซวยไปเพราะตน!
ชายกักขฬะหันหน้ามา และมองไปที่หลี่ฝางอย่างเย็นชา “ถ้าแกไม่อยากดู ก็ไสหัวออกไปซะ”
เซี่ยลู่ร้องไห้ไปพร้อมกับขอความช่วยเหลือจากหลี่ฝาง “หลี่ฝาง ช่วยฉันด้วย!”
จะเห็นได้ว่า เซี่ยลู่รู้สึกกลัวจริงๆ ทั้งร่างของเธอกำลังสั่นสะท้าน
หลี่ฝางเอ่ย “พวกนายลักพาตัวพวกเรา ก็เพราะต้องการเรียกค่าไถ่”
“ถ้าพวกแกต้องการเงิน ฉันให้เงินกับพวกแกก็จบแล้ว” หลี่ฝางพูดอย่างแน่วแน่ “แต่ฉันมีเงื่อนไขคืออย่าทำร้ายพวกเรา”
“ทำร้าย? พ่อหนุ่มน้อย นายใช้คำนี้ไม่ค่อยจะถูก นี่ถือเป็นการทำร้ายได้ยังไง?”
“นี่สมควรจะเรียกว่าการเอาเอาใจต่างหาก เข้าใจไหม? น้องชาย!” ชายกักขฬะเอ่ยเยาะเย้ย
หลังจากชายกักขฬะพูดจบ มันก็เริ่มถอดกางเกงออก
“ถ้าพวกแกกล้าทำร้ายเธอ ฉันจะไม่ให้เงินพวกนาย” หลี่ฝางเอ่ยด้วยใบหน้าเย็นชา
ในเวลานั้นเอง ชายสวมหน้ากากก็หยิบปืนออกมาชี้ไปที่หลี่ฝางอีกครั้งและพูดขึ้น “แกพูดอีกครั้ง?”
หลี่ฝางสูดลมหายใจเฮือกใหญ่และพูด “ฉันบอกว่า ถ้าพวกแกกล้าทำร้ายผู้หญิงคนนี้ ฉันจะไม่ให้เงินพวกแกเลย”
หลี่ฝางสรุปแล้วว่าชายสวมหน้ากากคนนี้ไม่กล้ายิงแน่ ในเมื่อท้ายที่สุดแล้วอีกฝ่ายจงใจลักพาตัวเขามา ยังไม่ทันได้เงิน จะมาฆ่าเขาไปก่อนได้ยังไง
“ที่นี่คือถิ่นทุรกันดาร ปกติไม่มีใครหน้าไหนมา แกไม่ให้เงินฉัน ไม่กลัวว่าฉันจะฆ่าพวกแกทั้งหมดหรือไง?” ชายสวมหน้ากากถาม
“กลัว แต่ฉันแน่ใจว่าแกจะไม่ทำอย่างนั้น พวกแกลักพาตัวพวกเรามาก็เพื่อเงิน ถ้าแกต้องการเงิน ฉันให้เงินพวกแกก็จบแล้ว ฆ่าพวกเรา ไม่มีประโยชน์อะไรกับพวกแกนี่ แกบอกว่าฉันดูเหมือนลูกคนมีเงิน ถ้าแกฆ่าฉัน แกคิดว่าตำรวจจะปล่อยแกไปหรือไง?”
“คนมีเงินอย่างพวกเรา ให้ความสำคัญกับประนีประนอมการสร้างรายได้ ในเมื่อถูกพวกแกมัดเอาไว้แล้ว พวกเราก็ได้แต่ยอมรับ พวกเราให้เงิน พวกแกปล่อยคน ถือซะว่าใช้เงินหลีกเลี่ยงหายนะ พวกเราไม่เรียกตำรวจ พวกแกก็ไม่ถูกตามล่า แต่ถ้าฆ่าคนไปแล้ว ผลที่ได้ย่อมต่างกันแล้ว”
“ตอนนี้อินเทอร์เน็ตพัฒนาไปขนาดนี้ ภาพถ่ายของพวกแกคงถูกอัปโหลดไปบนอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าพวกแกจะหลบหนีไปที่ไหน ก็ล้วนอาจถูกจับกุมได้อยู่ดี”
“นั่นคือเหตุผลที่พวกเราสวมหน้ากาก”
“สวมหน้ากากมีประโยชน์อะไรกัน ก็เหมือนพี่ชายคนนี้ ถ้าเขาคิดจะข่มขืนเพื่อนของฉันจริง อย่างนั้นบนตัวของเพื่อนฉันจะต้องมีทิ้งรอยนิ้วมือ ดีเอ็นเอ หลักฐานพวกนี้ไว้ที่เพื่อนฉัน”
“ดังนั้น ฉันขอแนะนำนายพี่ชายทั้งหลาย อดทนสักหน่อย ก็แค่ผู้หญิงคนเดียว? ต้องเร่งรีบขนาดนั้นเลยหรือไง?”
“พอพวกแกได้รับเงินไปแล้ว อยากจะได้ผู้หญิงแบบไหนก็มีทั้งนั้น อีกทั้งยังไม่ต้องมานั่งระแวง เพิ่มความเสี่ยงโดยไม่จำเป็น”
หลี่ฝางเอ่ยกับชายสวมหน้ากาก “ฉันพูดถูกรึเปล่า พี่ใหญ่?”
“นายพูดมีเหตุผลอยู่บ้าง” ชายสวมหน้ากากหยิบปืนกลับมา ในที่สุดหลี่ฝางก็ค่อยโล่งใจขึ้นมา
ความรู้สึกของการถูกจ่อด้วยปืนนั้น ออกจะน่ากลัวอย่างยิ่ง
ในตอนนั้นเอง หลี่ฝางก็หมอบลงกับพื้น เขารู้สึกร่างกายอ่อนปวกเปียก ดูท่าเขาคงตกใจจนขวัญหนีแล้วจริงๆ
“ลูกพี่ กางเกงผมก็ถอดออกไปแล้ว” ชายกักขฬะไม่ยอมอยู่บ้าง
“อย่างนั้นก็ใส่เข้าไปใหม่” ชายสวมหน้ากากกล่าวอย่างเย็นชา
ชายกักขฬะพูดด้วยความโมโห “พี่ใหญ่ นี่เป็นนักเรียนเลยนะ ฉันทั้งชีวิตยังไม่เคยได้ชิมน้องนักเรียนเลย”
“แกคิดจะฆ่าพวกเราหรือไง ถ้าเกิดมีหลักฐานอะไรทิ้งไว้ แล้วถูกตำรวจพบเข้า จะทำยังไง?” ชายสวมหน้ากากก้าวเข้าไปหาชายกักขฬะ
เสียงดังขึ้น พร้อมกับฝ่ามือของชายสวมหน้ากากที่ตบลงบนใบหน้าของชายกักขฬะ
“บอกฉันหน่อยสิ ว่าเมื่อไหร่แกจะได้เรื่องบ้าง!”
“ก็แค่ผู้หญิงคนเดียว พอมีเงินแล้ว พวกเรายังจะขาดผู้หญิงอีกหรือไง? พอเงินมาถึง ฉันจะหาผู้หญิงสิบคนให้นาย!” ชายสวมหน้ากากกล่าว “รับประกันว่าแต่ละคนล้วนเป็นนักเรียนหญิง แค่นี้ก็ได้แล้วหรือยัง”
“ลูกพี่ พี่พูดแล้วนะ!”
ชายกักขฬะสวมกางเกงขึ้นทันทีและพูดด้วยสีหน้ายินดี “งั้นผมจะปล่อยยัยนี่ไป”
หลี่ฝางรู้สึกคุ้นเคยกับเสียงของชายสวมหน้ากากอยู่บ้าง แต่เขากลับจำไม่ได้ว่าเคยได้ยินเสียงนั้นจากที่ไหน
“ใช่ เด็กน้อย นายให้พวกเราได้เท่าไหร่?” ชายกักขฬะเดินเข้ามาหาหลี่ฝาง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเป็นปรปักษ์
คำพูดเพียงไม่กี่คำเมื่อกี้ของหลี่ฝางทำเรื่องดีๆ ของเขาพังหมด ในใจของชายกักขฬะจึงเต็มไปด้วยความแค้นกับหลี่ฝาง
ไม่งั้น ตอนนี้เขาคงมีความสุขไปแล้ว
“หนึ่งล้าน?” หลี่ฝางเองก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการมากแค่ไหน เขายื่นนิ้วออกมาและถามอย่างไม่แน่ใจ
“ให้ตายเถอะ คิดว่าพวกเรามาขอข้าวกินหรือไง รถของนายก็ราคามากกว่าสองล้านหยวนแล้ว ให้พวกเราแค่ล้านเดียว?” ชายกักขฬะจับผมของหลี่ฝางและกดเขาลงกับพื้น
“พวกนายอยากได้เท่าไหร่?” หลี่ฝางเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ชายกักขฬะอย่างเย็นชา
“ห้าล้าน ห้ามน้อยไปกว่านี้แม้แต่นิดเดียว”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

พ่อแม่ที่หายตัวไปหลายปีจู่ๆ ก็โทรมา บอกว่าตัวเองเป็นบุคคลที่รวยที่สุดของดูไบ………….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset