NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 187 พี่น้องของหวางเห้า

“เกรงใจไปแล้ว ความจริงผมก็ไม่ได้ทำอะไร แค่พูดคุยธรรมดาไปไม่กี่คำเท่านั้นเอง” หวงว่างโก๋พูดเรียบๆ
“พูดคุยธรรมดา”
หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆแล้วพูดว่า: “แต่คำพูดคุยธรรมดาไม่กี่คำของคุณ กลับช่วยขาของผมไว้ข้างหนึ่ง”
ในใจหลี่ฝางรู้ชัดเจนดี คำพูดไม่กี่คำนั่น ไม่ใช่คำพูดคุยธรรมดาเลย
หวงว่างโก๋เป็นคนฉลาด เขารู้ว่าหลิวเหล่าซานไม่เพียงแต่เป็นคนขี้สงสัยมาก ยังเป็นคนที่รังแกคนอ่อนแอกลัวคนแข็งแกร่งอีกด้วย
คำพูดไม่กี่คำของหวงว่างโก๋ พูดถึงผลลัพธ์ที่ทำให้หลิวเหล่าซานกลัวพอดี ขณะเดียวกัน หลิวเหล่าซานก็เริ่มสงสัยฐานะของหลี่ฝางและถังหยู่ซวนขึ้นมา
ฐานะของหลี่ฝาง ดูไปแล้วธรรมดามาก แม้แต่หวงว่างโก๋ก็ตรวจสอบไม่เจออะไรเลย
และถังหยู่ซวน ขอแค่สืบข่าวดูนิดหน่อย ก็จะได้รับข่าวที่น่าตกใจ
ถึงเวลานั้น หลิวเหล่าซานจะปล่อยหลี่ฝางไป เพราะสาเหตุของถังหยู่ซวน
“พี่หวง ลูกพี่หลิวคนนี้เป็นคนแบบไหนกันแน่? ผมเห็นพวกคุณคุ้นเคยกันดี” หลี่ฝางถามด้วยความสงสัย
“หลิวเหล่าซานน่ะเหรอ? เขาเกิดมาจากนักพนันคนหนึ่ง ชอบเล่นการพนันเป็นชีวิตจิตใจ ต่อมาได้เรียนรู้กลเม็ดนับพัน(วิธีการต่างๆในการหลอกลวงเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์) หลังจากที่ชนะพนันได้เงินมานิดหน่อย ก็เปิดห้องคาสิโนขึ้นมาร้านหนึ่ง”
“ห้องคาสิโนนั้นมัจฉามังกรผสมกัน(คนดีและคนเลวอยู่ปะปนกัน) ก็ถือว่าเป็นสถานที่ดึงดูดทองคำแห่งหนึ่ง มีคนปล่อยเงินกู้ มีโสเภณี มีคนมากมายไปรวมกันอยู่ที่นั่น”
“ห้องคาสิโนของหลิวเหล่าซานค่อยๆกลายเป็นห่วงโซ่เศรษฐกิจช้าๆ เลี้ยงคนไม่น้อยให้มีรายได้ ไอ้คนที่จะตีขาคุณหักเมื่อกี้ ชื่อกวนจื่อ ตอนนี้เขาปล่อยเงินกู้อยู่ในที่ของหลิวเหล่าซาน แต่ว่าคนคนนี้มีแต่ความกล้าไม่มีกลยุทธ์ เท่ากับติดตามหลิวเหล่าซานเพื่อหาเลี้ยงชีพ ดังนั้นเลยเรียกหลิวเหล่าซานว่าลูกพี่”
“หลิวเหล่าซานไม่ทะเยอทะยานมากเท่าไหร่ ความกล้าก็มีน้อยมาก แต่ว่า ลูกน้องของเขามีไม่ใช่น้อย นี่คุณก็เห็นแล้ว”
หวงว่างโก๋ยิ้มออกมา พูดว่า: “ตอนนี้เขาปีกกล้าขาแข็งแล้ว แม้แต่ผมก็ไม่เห็นอยู่ในสายตาแล้ว”
“เมื่อก่อนพี่หวงทำอะไรเหรอ?” หลี่ฝางซักถามคำหนึ่ง
“เรื่องที่ผ่านไปแล้ว อย่าไปพูดถึงเลย” หวงว่างโก๋ยิ้มเจื่อนๆ ไม่ได้พูดออกมา
แต่หลี่ฝางสามารถเดาได้ไม่ยาก หวงว่างโก๋คนนี้ เมื่อก่อนต้องเป็นคนที่น่าทึ่งมากแน่ๆ
สามารถเปิดโรงแรมระดับห้าดาวได้ และไม่เห็นหยูเถิงและคนอื่นๆอยู่ในสายตา แค่เรื่องพวกนี้ หลิวเหล่าซานก็เทียบไม่ติดแล้ว
“เมื่อก่อนพี่หวงก็เคยเป็นคนในวงการใช่ไหม?” หลี่ฝางพูดอย่างมั่นใจ
หวงว่างโก๋พยักหน้า ไม่ได้ปฏิเสธ: “สมัยนั้นตอนที่อายุเท่าคุณ อายุน้อยไม่รู้ความ คิดว่าการเป็นนักเลงมันเท่มาก ดังนั้นเลยเดินเข้าไปทางที่ไม่สามารถจะหันหลังกลับได้”
“แต่ว่าผมล้างมือในอ่างทองคำแล้ว(วางมือจากอำนาจ)” หวงว่างโก๋พูด
“ถ้าพี่หวงยังไม่ได้ล้างมือในอ่างทองคำละก็ คนตัวเล็กๆอย่างหลิวเหล่าซาน คุณน่าจะไม่เห็นอยู่ในสายตาใช่ไหม?” หลี่ฝางพูดหยั่งเชิง
“เรื่องแบบนี้ก็พูดยากอยู่ หากผมไม่ได้ล้างมือในอ่างทองคำ ไม่แน่อาจจะถูกฆ่าตายไปนานแล้ว วงการมาเฟียใต้ดินของเมืองเอก คนมีความสามารถปรากฏตัวขึ้นมาอย่างไม่ขาดสายอยู่ตลอด เมื่อเร็วๆนี้ก็มีจางกงหมิงคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา กล้าหาญเด็ดขาดมาก เวลาแค่ไม่กี่วัน ก็ปักธงได้แล้ว” หวงว่างโก๋พูด
‘ปักธง’ ในที่นี้ ความจริงเป็นศัพท์เฉพาะอย่างหนึ่ง ซึ่งหมายความว่า คนคนนี้มีชื่อเสียงพอที่จะทำให้คนรู้จักแล้ว
ได้ยินว่าจางกงหมิงปักธง ในใจของหลี่ฝาง มากน้อยก็มีความรู้สึกหงุดหงิดไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
ถ้าหากว่าจางกงหมิงปักธงด้วยตัวเอง หลี่ฝางก็ต้องดีใจกับเขาอยู่แล้ว แต่ประเด็นสำคัญคือ เบื้องหลังของจางกงหมิงมีมู่เสี่ยวไป๋คอยสนับสนุนเขาอยู่
และมู่เสี่ยวไป๋ยังให้จางกงหมิงจัดการกับตัวเอง
คิดถึงตรงนี้ หลี่ฝางก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่งอย่างอดไม่ได้
“เสี่ยวฝาง ผมได้ยินมาว่าจางกงหมิงเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของคุณแล้ว”
หวงว่างโก๋มองไปที่หลี่ฝางอย่างค่อนข้างมีความหมาย พูดว่า: “เรื่องวันนี้ คุณแค่โทรศัพท์ไปหาจางกงหมิง หลิวเหล่าซานคนนั้น รับประกันได้เลยว่าไม่กล้าหาเรื่องคุณแน่”
หลี่ฝางเงยหน้าขึ้น มองหวงว่างโก๋อย่างซับซ้อนแวบหนึ่ง
ก็ไม่รู้ว่าหวงว่างโก๋ไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งไม่รู้กันแน่
ในเมื่อหวงว่างโก๋รู้เรื่องที่ตัวเองกับจางกงหมิงรู้จักกัน นี่แสดงว่าเขาตรวจสอบตัวเองมาแล้ว
ในเมื่อเขาตรวจสอบตัวเองแล้ว จะไม่รู้เลยหรือว่าเขากับจางกงหมิงมีความขัดแย้งกัน?
และในตอนนี้ หวางเห้าก็มาถึงแล้ว
หวางเห้าขี่มอเตอร์ไซค์มา ล่วงหน้ารีบเร่งมาคนเดียวก่อน ไม่นานนัก มีคนหนึ่งมาถึงด้วยกัน
“เสี่ยวฝาง คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?” หวางเห้าถามด้วยความเป็นห่วง
หลี่ฝางส่ายหน้า: “ไม่มีอะไรแล้ว”
“คุณคนนี้คือ?” หวงว่างโก๋มองไปที่หวางเห้า สีหน้าแสดงออกถึงความสงสัย
ตาของหวงว่างโก๋ มองสังเกตไปที่หวางเห้าอยู่นานมาก
จากนั้น มุมปากของหวงว่างโก๋ก็มีรอยยิ้มแสดงออกมา: “มีเขาอยู่ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องกลัวหลิวเหล่าซานแล้ว”
หวางเห้าขมวดคิ้วขึ้นมา: “หลิวเหล่าซาน?”
“เมื่อกี้มีคนที่ชื่อหลิวเหล่าซานคนหนึ่งจะทำร้ายผม โชคดีที่ได้พี่หวงยื่นมือเข้าช่วยเอาไว้ ผมถึงได้ผ่านพ้นความลำบากมาได้” หลี่ฝางพูด
หวงว่างโก๋พูดแก้ไขให้ถูกต้อง: “ผมไม่ได้ยื่นมือเข้าไปช่วย ตอนนี้ผมเป็นแค่คนแก่โดดเดี่ยว(ไม่มีคู่สมรสไม่มีลูกหลาน)คนหนึ่ง ไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของหลิวเหล่าซานได้?”
“ผมแค่ช่วยคุณขู่ให้หลิวเหล่าซานกลัวเท่านั้นเอง”
หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
“ผมขอแนะนำหน่อย คนนี้คือพี่หวง เจ้าของโรงแรมว่างโก๋”
“คนนี้คือหวางเห้า พี่ชายที่แสนดีของผม และก็เป็นเจ้าของศูนย์อาบน้ำสุ่ยหยุนเทียน”
หลี่ฝางแนะนำทีละคน
“คุณก็คือหวางเห้าของสุ่ยหยุนเทียนคนนั้น?”
หวงว่างโก๋ตาสว่างขึ้นมาทันที มองดูหวางเห้าด้วยความสนใจ: “ผู้กล้าเกิดในวัยหนุ่มสาวจริงๆ ดูแล้วอายุของคุณ น่าจะยังไม่ถึงสามสิบมั้ง”
“ยี่สิบเจ็ด” หวางเห้าพยักหน้า
“ยี่สิบเจ็ด……” หวงว่างโก๋หรี่ตาลง: “มาเมืองเอกนานเท่าไหร่แล้ว?”
“ไม่ถึงหนึ่งเดือน”
สีหน้าหวงว่างโก๋เปลี่ยนไปครู่หนึ่ง: “มาเมืองเอกไม่ถึงหนึ่งเดือน ก็กล้าลงมือโหดกับลูกน้องของเสือ”
“ความกล้าของคุณ มีมากพอจริงๆ” บนใบหน้าของหวงว่างโก๋ มีความประหลาดใจเล็กน้อย
“สังคมนี้ จุกตายนั้นกล้าหาญ หิวตายนั้นขี้เกียจ(คนกล้าหาญจะประสบความสำเร็จและร่ำรวยคนขี้เกียจจะไม่ประสบความสำเร็จและยากจน) ยิ่งไปกว่านั้น เดิมทีผมก็เป็นหมาป่าที่หิวโซตัวหนึ่ง มีเนื้ออยู่ที่ตัวใคร ผมก็แทะเนื้อบนตัวคนนั้นกิน ผมไม่สนใจว่าเขาจะเป็นเสือหรือสิงโต” หวางเห้าพูดออกมาอย่างไม่แยแส
หวางเห้าพูดคำนี้ออกมา สีหน้าของหวงว่างโก๋ดูตะลึงไปเล็กน้อย
หวงว่างโก๋มองดูหวางเห้าที่อยู่ตรงหน้า เหมือนตัวเองในสมัยก่อนมาก
เพียงแต่ว่า หวงว่างโก๋ไหนเลยที่จะไม่เสียดายชีวิตขนาดนั้นอีก
“เนื้อบนตัวของเสือแทะกินไม่ง่าย คุณแทะเนื้อเขาหนึ่งชิ้น เขาจะให้คุณชดใช้ทั้งเนื้อและกระดูก คุณต้องระวังตัวหน่อย” หวงว่างโก๋พูดเตือนสติหวางเห้าคำหนึ่ง
หวางเห้ายิ้มพร้อมกับพยักหน้ามองไปที่หวงว่างโก๋ ถามคำหนึ่งว่า: “ขอบคุณสำหรับคำเตือนพี่หวง”
“คุณเป็นเพื่อนของชางสู่เหรอ? ผมจำได้ว่าศูนย์อาบน้ำสุ่ยหยุนเทียนร้านนี้ เป็นของ ชางสู่” หวงว่างโก๋เลิกคิ้ว แล้วถาม
“ไม่ใช่เพื่อน เป็นพี่น้อง”
หวางเห้าขยายมุมปากออกพูดแก้ไขให้ถูกต้อง:“เราสองคนเป็นพี่น้องที่ผ่านความยากลำบากและตายแทนกันได้”
“อ๊าย ชางสู่คนนี้ น่าเสียดายแล้ว……” พูดถึงชางสู่ หวงว่างโก๋ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
ชางสู่คนนี้ แรกเริ่มเดิมทีก็เป็นนักชกมวยใต้ดิน ภายหลังชกคนตาย ก็หลบซ่อนไม่ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณะ หายไปจากวงการมวยใต้ดิน
หลังจากนั้น ชางสู่ก็มาที่เมืองเอก ค่อยๆสู้จนมีพื้นที่เป็นของตัวเอง
หวางเห้าลงมือกับคนของเสือ ความจริงแล้วเสือสามารถลงมือกับสุ่ยหยุนเทียนได้เลย
แต่เสือไม่ได้ทำแบบนั้น สาเหตุก็เพราะเกรงกลัวชางสู่
สุ่ยหยุนเทียนชางสู่เป็นคนเปิดขึ้นมา แค่เพราะคดีฆาตกรรมถูกคนรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ ชางสู่เลยหลบหนีชั่วคราว แต่เขายังไม่ตาย
เสือรู้ว่าชางสู่ฝีมือดี ถ้าเกิดไปทำลายสุ่ยหยุนเทียน ถูกชางสู่รู้เข้า งั้นเสือนอนหลับก็ไม่กล้าปิดตาลง
พูดขึ้นมาแล้ว ชางสู่ก็เป็นบุคคลที่เก่งคนหนึ่ง บุคคลที่ทำให้คนเกรงขามคนหนึ่ง
“พี่หวงยังรู้จักชางสู่?” หวางเห้าถามในขณะที่จ้องหวงว่างโก๋
“ไม่ได้แค่รู้จัก ไอ้หมอนี่มากินฟรีดื่มฟรีที่ผมทุกวัน และก็ไม่จ่ายเงินด้วย ตอนนี้ยังเป็นหนี้ค่าข้าวผมก้อนใหญ่อยู่เลย” หวงว่างโก๋พูดเหมือนกับกำลังล้อเล่นอยู่
ได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าหวางเห้ากลับขรึมขึ้นมา พูดขึ้นมาอย่างจริงจัง
“พี่หวง ชางสู่เป็นหนี้โรงแรมพวกคุณเท่าไหร่ ผมจ่ายแทนเขา” หวางเห้ารีบพูดขึ้นมาทันที
“เหอะๆ ผมรอให้ชางสู่กลับมาใช้หนี้ผมดีกว่า” หวงว่างโก๋พูดพร้อมหัวเราะเหอะๆ
“ชางสู่พี่น้องผมอาจจะกลับมาไม่ได้แล้ว” หวางเห้าพูดด้วยความรู้สึกเศร้าเสียใจเล็กน้อย
“วางใจเถอะ ชางสู่จะกลับมาอยู่” หวงว่างโก๋ตบบ่าของหวางเห้า พูดว่า: “คุณคิดจริงๆหรือว่าที่ชางสู่หนีไป เพราะคดีฆาตกรรมดดีนั้น?”
“คดีฆาตกรรมเก่าๆไร้สาระแบบนั้น หนึ่งไม่มีหลักฐาน สองไม่มีพยาน ถึงแม้จะถูกรื้อฟื้นออกมา ชางสู่ก็ไม่เป็นไรหรอก” หวงว่างโก๋พูด
ได้ยินคำพูดนี้ หวางเห้าเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“พี่หวง ความหมายของคุณคือ การจากไปของชางสู่ ไม่ได้เป็นเพราะถูกคนรื้อฟื้นคดีฆาตกรรมออกมา?”
หวางเห้าถามด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล: “พี่หวง คุณต้องรู้สาเหตุที่แท้จริงที่ชางสู่จากไปแน่ บอกผมหน่อยได้ไหม?”
“ในเมื่อตอนที่ชางสู่จากไปไม่ได้บอกความจริงกับคุณ แสดงว่าเขาไม่อยากให้คุณรู้”
หวงว่างโก๋ยิ้มออกมาอย่างคนขี้เล่น: “แล้วคุณจะไปขัดความประสงค์ของชางสู่ทำไมล่ะ?

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

พ่อแม่ที่หายตัวไปหลายปีจู่ๆ ก็โทรมา บอกว่าตัวเองเป็นบุคคลที่รวยที่สุดของดูไบ………….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset