คำพูดของโหจื่อ ทำให้ใจของเฉินเสี่ยว สั่นสะท้านขึ้นมาทันที
ดูไปแล้ว โหจื่อก็กำลังจะถูกตัวเองฆ่าตายแล้ว แต่ว่า คนที่ความตายมาเยือนถึงที่อย่างโหจื่อนั้น ทำไมถึงพูดคำพูดเช่นนี้ออกมาได้ล่ะ?
เป็นการยอมรับโชคชะตาเหรอ? หรือว่ามีความหมายอื่นแอบแฝงอยู่?
เฉินเสี่ยวมองดูท่าทีชอบกลของโหจื่อ ในใจก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที และในเวลานี้เอง ในปากของโหจื่อก็คายบางสิ่งที่เหมือนถุงพลาสติกออกมา
“ถุงเลือด?”
เฉินเสี่ยวมองดูของที่อยู่บนพื้น เบิ่งตากลมโตขึ้นมาทันที
โหจื่อหัวเราะ ทันใดนั้นในมือก็มีมีดสั้นปรากฏขึ้น ในขณะที่เฉินเสี่ยวกำลังเหม่อลอยอยู่นั้น มีดสั้นในมือโหจื่อก็ปาดออกไปทันควัน ถึงแม้เฉินเสี่ยวหลบพ้นไปได้หลายครั้งหลายหนก็ตาม แต่ว่าสุดท้ายแล้วก็ถูกมีดบาดเข้าคอหอยจนได้
เฉินเสี่ยวนึกไม่ถึงเลยว่า ความเร็วของโหจื่อนั้นจะไวถึงขั้นนี้แล้ว
อีกทั้ง มีดในมือของโหจื่อนั้น ราวกับลอยมาจากอากาศ
เลือดสาดกระจายแดงเต็มหน้าของโหจื่อ
เฉินเสี่ยวกดคอหอยของตัวเองไว้ทันที ส่วนใบหน้าของโหจื่อนั้น ก็ปรากฏรอยยิ้มที่โหดเหี้ยม “ทุกคนที่ออกมาหากิน สิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องการรักษาคำพูด บอกแล้วว่าคนที่ตายต่อไปเป็นแก งั้นคนที่ฉันจะฆ่าเป็นคนต่อไป ก็คือแกแน่นอน”
“แก……แกเลวทรามต่ำช้ามาก” เฉินเสี่ยวพูดพลางมองดูโหจื่อด้วยสีหน้าที่สิ้นหวัง
ใครจะคิดว่า โหจื่อจะเลวทรามต่ำช้าได้ถึงขั้นนี้เชียวเหรอ?
เมื่อกี้ตอนที่สู้กับจางหลงนั้น โหจื่อต่อสู้ด้วยความหนักแน่น ซ่อนเร้นพละกำลังของตัวเองไว้ รอให้จางหลงเผยจุดอ่อนออกมา จึงได้สังหารเขาภายในชั่ววินาที
แต่ว่า เฉินเสี่ยวคิดว่า เมื่อกี้โหจื่อก็ได้แสดงพละกำลังที่แท้จริงของตัวเองออกมาจนหมดแล้ว
แต่หารู้ไม่ว่า โหจื่อก็ยังคงแอบซ่อนพละกำลังที่แท้จริงของตัวเองอยู่ รวมทั้งเมื่อครู่ที่ต่อสู้กับตัวเอง เขาก็ยังคงแอบซ่อนอยู่
วินาทีนี้ สีหน้าของเฉินเสี่ยว นอกจากไม่อยากจะเชื่อแล้วยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้อีก
ต่อให้ต่อสู้ด้วยความยุติธรรมก็ตาม เฉินเสี่ยวรู้สึกว่า ตัวเองก็ยังไม่แน่ใจที่จะเอาชนะได้
ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ยังตกหลุมพรางของโหจื่ออีกด้วย?
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ โหจื่อได้ใส่ถุงเลือดไว้ในปากของตัวเอง
ถุงเลือดพวกนี้ ก็คือคนที่ถ่ายภาพยนตร์เหล่านั้น เมื่อถูกทำร้ายจนกระอักเลือด ในปากก็อมถุงเลือดนี้ไว้ก่อนแล้ว
ใครจะไปคิดว่า ในปากของโหจื่อ ก็ได้แอบซ่อนถุงเลือดนี้ไว้ก่อนแล้ว
นั่นมันเป็นการถ่ายทำภาพยนตร์ แต่นี่มันคือการต่อสู้กันที่แท้จริง
แม้กระทั่งหลี่ฝางก็ยังนึกไม่ถึง หลี่ฝางในขณะนี้ทั้งดีใจและโมโห ดีใจที่โหจื่อได้ชัยชนะ แต่โกรธที่โหจื่อไอ้หมอนี่ โกหกตัวเองอีกแล้ว
เมื่อครู่ที่ผ่านมา ทำให้หลี่ฝางเป็นห่วงแทบตาย
โหจื่อแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันตัดเส้นเลือดใหญ่ของแกขาดแล้ว ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้แล้วล่ะ”
ตอนนี้ ในมือของเฉินเสี่ยวเต็มไปด้วยเลือด ในไม่ช้าใบหน้าของเขาก็ขาวซีดขึ้นมา
เลวทรามต่ำช้าเหรอ?
โหจื่อต่ำช้าจริงๆ วิธีสกปรกอะไรก็เกือบจะเอามาใช้จนหมดแล้ว
เฉินเสี่ยวและจางหลง ก็ล้วนตายในเงื้อมมือของโหจื่อ
นี่ทำให้สีหน้าของหม่าเฟิง โกรธจนระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่ พี่น้องของเขาสามคน ตายไป
แล้วสองคน ความรู้สึกเหมือนสูญเสียญาติพี่น้องเช่นนี้ มากพอที่จะทำให้หม่าเฟิง เกิดบ้าคลั่งขึ้นมาได้
หม่าเฟิงไม่ได้พูดอะไรไร้สาระทั้งสิ้น พุ่งตัวออกไป กำหมัดไว้แน่นแล้วชกไปยังโหจื่อ
ส่วนโหจื่อดูเหมือนก็รู้ว่าหม่าเฟิงจะแอบลอบทำร้ายตัวเอง เขารีบจับมีดสั้นขึ้นมา มุ่งหน้าเข้าไปตั้งรับ
โหจื่อในเวลานี้ จะไม่ออมแรงอีกแล้ว เพราะว่าหม่าเฟิงที่อยู่ตรงหน้านั้น พละกำลังแข็งแกร่งเหลือล้น
ถ้าหากยังออมแรงเอาไว้อีกละก็ เช่นนั้นแล้ว คนที่ตายก็ต้องเป็นตัวเองอย่างแน่นอน
หวางเชามาถึงตรงหน้าเฉินเสี่ยว หลังจากที่ประคองร่างเขาไว้แล้ว ใบหน้าแสดงออกถึงความรู้สึกเจ็บปวด “พี่รอง พี่ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“เสี่ยวเชา ฉันไม่ไหวแล้ว วันหลังอาซ้อรองก็ต้องไหว้วานให้แกช่วยดูแลด้วยนะ หรือไม่ก็ให้เงินเธอไปก้อนหนึ่ง แล้วส่งเธอไปที่อื่น” เฉินเสี่ยวพูดจบ ร่างก็อ่อนพับลงไปทันที
ดวงตาของเฉินเสี่ยวหรี่ลง ก็ยังมีลมหายใจเฮือกสุดท้าย แต่ว่าเขาก็ไม่อยากพูดอะไรอีกแล้ว
ส่วนหวางเชาในเวลานี้ กอดร่างของเฉินเสี่ยว มองไปยังท้องฟ้า แล้วร้องไห้โหเสียงดังออกมา
เสียงร้องที่โหยหวนน่าสังเวชนี้ ทำให้ผู้คนได้ยินแล้วรู้สึกสิ้นหวังและหวาดกลัว
“ฉันจะฆ่าพวกแก”
หวางเชามองดูลุงเฉียน และหลี่ฝาง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
ลุงเฉียนมองหน้าหวางเชา แล้วพูดว่า “แกคิดว่าแกสามารถฆ่าพวกเราได้งั้นเหรอ?”
ในสายตาของลุงเฉียน แอบแฝงไปด้วยความเย้ยหยัน
“ถึงแม้พวกแกจะเก่งกาจก็จริง แต่ว่าถ้าเปรียบเทียบกับคนที่อยู่เบื้องหลังในสี่ตระกูลใหญ่แล้ว ก็ไม่สามารถที่จะเทียบกันได้เลย แม้แต่พวกเขาพวกเรายังไม่กลัวเลย แกนึกว่า พวกเราจะกลัวพวกแกเหรอ? ท่านจวนนี้ก็น่าขำดีนะ ส่งพวกแกแค่สี่คน ก็จะมาถล่มสถานตากอากาศของพวกเราแล้ว มันเป็นการส่งพวกแกมารนหาที่ตายชัดๆ”
ลุงเฉียนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
ใบหน้าของลุงเฉียน ก็ไม่เคยกังวลอะไรเลยตั้งแต่แรก
“เจ้าเฉียน ฉันจะฆ่าแกก่อนละกัน” หวางเชาพูด
ลุงเฉียนไม่ได้พูดอะไร แต่กลับมองหน้าหวางเชาอย่างสงบนิ่ง หวางเชากระโจมเข้ามาทั้งตัวราวกับเสือที่ดุร้าย ส่วนลุงเฉียนนั้น ก็เหมือนกับก้อนหิน ยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ขยับเขยื้อนเลย เพียงแต่ตอนที่หวางเชามาถึงแล้ว ลุงเฉียนจึงลงมือจู่โจม
ทั้งสองคนก็ตกอยู่ในวังวนของการต่อสู้
ส่วนโหจื่อนั้น ถึงแม้จะเป็นมือปืนขั้นเทพแห่งยุค แต่ว่าการบุกจู่โจมของหม่าเฟิงมันแข็งแกร่งเกินไป ทำให้โหจื่อไม่มีจังหวะในการชักปืนออกมาเลย
แม้เวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที หม่าเฟิงก็ยังไม่ยอมให้เขาเลย
อาจเป็นเพราะว่า หม่าเฟิงเข้าใจสถานภาพของโหจื่อดี นี่กลับทำให้หลี่ฝางเข้าใจแล้วว่าการอาศัยพลังที่อยู่ภายนอกทั้งหลาย ก็สู้ตัวเองพยายามยกระดับความสามารถให้สูงขึ้นไม่ได้
หลี่ฝางยืนดูอยู่ข้างๆ ไม่รู้จะช่วยใครดี
พละกำลังที่หม่าเฟิงระเบิดออกมานั้น มันช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน ถึงแม้หลี่ฝางสามารถเห็นท่าทางของเขาอย่างชัดเจน แต่กลับรู้สึกหวาดผวามาก
ส่วนหวางเชานั้น หลี่ฝางไม่เป็นห่วงเท่าไหร่นัก
การควบคุมสภาพจิตใจของหวางเชาไม่ค่อยดีนัก ถึงแม้เขาใช้พละกำลังทั้งหมด และระเบิดพลังที่น่ากลัวออกมา แต่ว่าเขาถูกความโกรธแค้นปิดบังตาทั้งคู่ไว้แล้ว
ช่องโหว่ในตัวของเขามีมากมาย ลุงเฉียนสามารถที่จะรับมือได้ทั้งนั้น
ส่วนตอนนี้ หลี่ฝางรู้สึกสงสัยขึ้นมาทันที คราวนี้ท่านจวนส่งคนมาแค่สี่คนนี้ แล้วยังมีพวกนักฆ่าที่ถูกฆ่าตายเท่านั้นเองเหรอ?
“ท่านลู่?”
ทันใดนั้น หลี่ฝางก็ขมวดคิ้ว โหจื่อและลุงเฉียน ก็ล้วนออกมารับมือการสู้รบ แล้วภายในสถานตากอากาศ ก็เหลือเพียงแค่ลูกน้องตัวเล็กตัวน้อย ถ้าหากตอนนี้มีคนเข้าไปอยู่ในสถานตากอากาศแล้ว ใครจะอยู่รับมือล่ะ?
ถ้าอย่างงั้นแล้ว ท่านลู่ก็จะถูกช่วยออกไปได้อย่างง่ายดายหรือไม่?
หลี่ฝางคิดดูแล้ว ช่างมันเถอะ ช่วยออกไปก็ช่วยไปสิ……
หลี่ฝางจ้องมองหวางเชาไม่ละสายตา ถึงแม้ลุงเฉียนสามารถตั้งรับได้อย่างเหลือเฟือก็ตาม แต่ว่า ภายใต้การจู่โจมที่แข็งแกร่งของหวางเชานั้น ถึงแม้พบเห็นจุดอ่อนในตัวของหวางเชาแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่มีโอกาสที่จะลงมือได้
หลี่ฝางรอแล้วรอเล่า
ในที่สุด หลี่ฝางก็รอโอกาสนั้นมาถึง เขาถือมีดไว้ในมือ แล้วพุ่งตรงเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนลุงเฉียนเมื่อเห็นหลี่ฝางบุกเข้ามา ก็ไม่ได้ใช้วิธีการตั้งรับแบบเดิมอีกแล้ว
ทันใดนั้นลุงเฉียนเปลี่ยนจากเฝ้าระวังเป็นการจู่โจม หวางเชานั้นเผชิญกับการบุกจู่โจมที่แข็งแกร่งของลุงเฉียน ก็ย่อมต้องรับมืออย่างเต็มที่
ข้างหลังของเขา ก็เปิดเผยทั้งหมดให้กับหลี่ฝาง อีกทั้งยังไม่ทันที่จะระวังตัวเลย
หวางเชาไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะกลับหลังหันไป เขากลับรู้สึกความเจ็บปวดแผ่ซ่านเข้ามา จากนั้นก็รู้สึกข้างหลังเย็นวาบขึ้นมา
หวางเชารู้แล้วว่าถูกลอบทำร้ายจากข้างหลัง เขาใช้ขาเตะไปข้างหลังอย่างแรง แต่หลี่ฝางกลับเตะคืนไปอย่างง่ายดาย
ส่วนลุงเฉียนอาศัยจังหวะนี้ เตะเข้าไปหน้าท้องของหวางเชา
หวางเชาถูกเตะลงไปกับพื้น แล้วลุงเฉียนก็ไม่รอช้าแม้แต่นิดเดียว มองไปยังหลี่ฝาง แล้วพูดว่า “แกจัดการเขาเลยนะ ฉันจะไปช่วยโหจื่อ”
ในนาทีนี้เอง โหจื่อก็กำลังเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
หม่าเฟิงในฐานะที่เป็นหัวหน้าใหญ่ของสี่ผู้พิทักษ์ พละกำลังไม่ควรจะประมาณอย่างยิ่ง
แน่นอนที่ว่าโหจื่อต่อสู้ติดต่อกันมาสองรอบแล้ว อีกทั้งในตัวก็ได้รับบาดเจ็บ หม่าเฟิงจึงฉวยโอกาสจังหวะเช่นนั้น
ลุงเฉียนรู้ว่าโหจื่อเริ่มจะอ่อนล้าแล้ว
“เข้ามารนหาที่ตายเหรอ?”
เมื่อเห็นลุงเฉียนเข้ามา หม่าเฟิงไม่มีความกังวลและเกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น เหมือนว่าเขามีความมั่นใจที่เขาคนเดียวสามารถจัดการทั้งโหจื่อและลุงเฉียนในเวลาเดียวกันได้
ลุงเฉียนหัวเราะ มองไปยังโหจื่อ แล้วพูดว่า “ใช้ปืน”
“ได้”
โหจื่อพยักหน้า
หลังจากที่ลุงเฉียนเข้าไปแล้ว ไม่ได้จะไปร่วมมือกับโหจื่อเพื่อสู้กับหม่าเฟิง เป้าหมายของลุงเฉียนมีอย่างเดียว ก็คือเพื่อหาเวลาให้กับโหจื่อ จะได้มีโอกาสชักปืนออกมา
ขณะที่โหจื่อชักปืนออกมานั้น หม่าเฟิงก็เริ่มคิดที่จะหนีแล้ว
ได้ยินเสียงดังปั้งขึ้นหนึ่งนัด โหจื่อเหนี่ยวไกลปืน ยิงไปถูกแขนของหม่าเฟิง
หม่าเฟิงยังคิดที่จะหนี โหจื่อก็ยิงไปอีกหนึ่งนัด เล็งไปยังขาของหม่าเฟิง
“อย่าขยับ ขืนขยับอีกที ฉันฆ่าแกแน่”
โหจื่อยกปืนขึ้นมา พูดพลางมองหน้าหม่าเฟิง
หม่าเฟิงหันหลังกลับมามองโหจื่อ พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ยิงเลยสิ โหจื่อ พวกเราสี่คนพี่น้องคืนนี้ก็จบชีวิตในเงื้อมมือของแกแล้ว”
“พวกแกไม่สมควรที่จะมาตั้งแต่แรกแล้ว อย่างน้อยที่สุด พวกเราก็เคยสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาด้วยกัน เคยไปกินเหล้าด้วยกัน เคยเรียกพี่เรียกน้องกัน ยิ่งไปกว่านั้น พวกเราก็ยังเคยร่วมเป็นร่วมตายกันมาก่อน แต่ว่าตอนนี้ เพียงเพราะคำพูดคำเดียวของท่านจวน พวกแกสี่คน ก็วิ่งเข้ามาฆ่าคนถึงที่นี่แล้ว”
ลุงเฉียนมองดูหม่าเฟิง แล้วพูดว่า “หรือว่าในใจพวกแก ไม่เคยมีความรู้สึกอะไรกับพวกเราเลยเหรอ?”
“ทุกสิ่งทุกอย่างของพวกเรา ท่านจวนเป็นคนให้ทั้งนั้น พวกเราเป็นลูกกำพร้า อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าถูกรังแกสารพัด หากไม่ใช่เพราะท่านจวน เกรงว่าพวกเราชั่วชีวิตนี้ ก็ไม่มีโอกาสที่มีชีวิตสุขสบายอย่างนี้ได้ ท่านจวนรับเลี้ยงดูพวกเราจนเติบโตมา พวกเราก็ต้องทำงานถวายชีวิต แน่นอน พวกเราเคยเป็นเพื่อนร่วมต่อสู้มาด้วยกัน เป็นเพื่อนกัน แต่ว่า ตั้งแต่ที่พวกแกประกาศเป็นศัตรูกับท่านจวนเป็นต้นมา พวกเราก็ไม่ใช่เป็นเพื่อนกันอีก แต่เป็นศัตรูกันแล้ว” หม่าเฟิงพูด
ลุงเฉียนขมวดคิ้ว “พวกเราไม่เคยคิดที่จะเป็นศัตรูกับท่านจวนเลย ท่านจวนต่างหากที่เห็นพวกเราเป็นศัตรู”
“ฉันไม่อยากจะพูดอะไรมาก แพ้แล้วก็คือแพ้แล้ว พวกแกไม่ต้องออมมือหรอก พวกเราไม่ต้องการ ฆ่าพวกเราเสียเถอะ พวกเราสมควรตายแล้ว” หม่าเฟิงพูด
ลุงเฉียนมองดูหม่าเฟิง “หรือว่าแกไม่มีอะไรที่จะพูดอีกแล้วเหรอ?”
หม่าเฟิงส่ายหน้า “ถึงเวลานี้แล้ว ยังมีอะไรจะต้องพูดอีกล่ะ? เป็นเพราะพวกเราฝีมือสู้คนอื่นไม่ได้”
ลุงเฉียนถอนหายใจ แล้วพูดว่า “แกรู้ไหม? หม่าเฟิง ตอนที่อยู่เมืองนอกสามปีนั้น หลอซ่าเขาคิดถึงพวกแกมากเลยนะ อีกทั้งยังตั้งป้ายวิญญาณของพวกแกเอาไว้ด้วย”
“ป้ายวิญญาณเหล่านี้ ตอนนี้ก็ยังย้ายมาอยู่ห้องลับชั้นใต้ดินของสถานตากอากาศนี้เลยหลอซ่าเกือบจะเว้นวันสองวัน ก็มาจุดธูปให้พวกแก เขาไม่เคยลืมการตายของพวกแกเลย แล้วก็ยังไม่เคยลืมที่จะช่วยแก้แค้นให้พวกแกด้วย หลอซ่า เห็นพวกแกเป็นพี่น้องมาโดยตลอด”
ลุงเฉียนส่ายหน้า แล้วพูดว่า “ฉันจำได้ว่าเขายังพูดเสมอเลย ถ้าพวกแกยังไม่ตาย มันคงจะดีขนาดไหน ฉันคิดว่า เขาไม่มีทางที่จะคิดได้เลยว่า พวกแกไม่เพียงแต่ยังไม่ตาย อีกทั้งยังหันกลับมาฆ่าพวกเราอีก”
ใบหน้าหม่าเฟิง เริ่มเปลี่ยนสีเล็กน้อย “หลอซ่าเป็นลูกพี่ใหญ่ที่ดีคนหนึ่ง เพียงแต่ว่าโชควาสนาไม่ดี เป็นเพราะท่านจวนให้ฉันทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เช่นนั้นละก็ ฉันก็คงเหมือนพวกแก ติดตามหล่อซ่าตลอดไปแล้ว”
“เจ้าเฉียน ไม่ต้องลังเลแล้ว ฆ่าพวกเราเถอะ ถ้าหลอซ่ายังมีชีวิตอยู่ ไม่ต้องบอกเขาว่าพวกเรายังมีชีวิตอยู่ ให้เขาเข้าใจว่าพวกเราได้ตายไปเมื่อสามปีที่แล้ว ฉันไม่อยากให้เขาเสียใจ เขาเป็นคนที่มีน้ำใจประเสริฐคนหนึ่ง”
หม่าเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงที่สับสน “ฉันผิดต่อเขา”
“เขายังบ่นอยู่ตลอดเลยว่า แกยังติดค้างที่จะเลี้ยงเหล้าเขาหนึ่งมื้อ แกยังจำได้หรือเปล่า?” ลุงเฉียนพูด “ถ้าแกตกลงกับฉัน หยุดทำงานขายชีวิตให้กับท่านจวนไอ้สาระเลวคนนั้นอีกต่อไป ฉันก็จะปล่อยแกไป รอให้หลอซ่ากลับมา แกจะได้ไปดื่มเหล้าที่ติดค้างเขาไว้ให้จบ”
“ดีไหมล่ะ?” ลุงเฉียนถามพลางมองหน้าหม่าเฟิง
“การตายของจางหลงกับเฉินเสี่ยว ฉันก็ไม่อยากจะเห็นเหมือนกัน แต่ว่า นี่มันก็โทษพวกเราไม่ได้”
ลุงเฉียนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า “สูญเสียเลือดมากเกินไปแล้ว พวกเราไม่อยากจะนองเลือดอีกต่อไปแล้ว”
“กลับมาคราวนี้ แท้จริงแล้วพวกเราหวังที่จะมาเพื่อสังหาร แต่ว่า พวกเราจะฆ่าพวกคนที่สมควรจะฆ่า อย่างพวกแก……..” ลุงเฉียนส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เดิมทีก็ไม่ได้อยู่ในรายชื่อที่พวกเราต้องการฆ่า”
“แกเลือกมาเถอะ” ลุงเฉียนพูดพลางมองหน้าหม่าเฟิง
NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 776 แกเลือกเอาเองเถอะ
Posted by ? Views, Released on September 29, 2021
, NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง
พ่อแม่ที่หายตัวไปหลายปีจู่ๆ ก็โทรมา บอกว่าตัวเองเป็นบุคคลที่รวยที่สุดของดูไบ………….
Recommended Series
Comment
Facebook Comment