บนใบหน้าของตงฟางเย่นไม่มีความรู้สึกหวาดกลัวใด ๆ เลยสักนิด ณ เวลานี้ หลี่ฝางสามารถดูออก ต่อให้หลี่ฝางลงมือฆ่าเธอ เธอก็ไม่มีทางที่จะขอร้องอ้อนวอนตัวเอง
เป็นอย่างที่คิดไม่ผิด เมื่อตงฟางเย่นได้ยินดังนั้น เธอก็กล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าเย้ยหยัน: “ฆ่าฉันเถอะ ฉันไม่มีทางเป็นทาสรับใช้ของนายหรอก”
ยอมตายแต่ไม่ยอมศิโรราบ?
หลี่ฝางหัวเราะเหอะ ๆ ขึ้นมา เขารู้สึกสนใจขึ้นมาทันทีทันใด ยิ่งเป็นผู้หญิงแบบนี้ หลี่ฝางรู้สึกว่า เมื่อพิชิตปราบปรามขึ้นมา ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถของลูกผู้ชายอย่างแท้จริง
หลี่ฝางย่อตัวลง เขามองตงฟางเย่นจากด้านบน แล้วหัวเราะเหอะ ๆ ขึ้นมา: “พูดแล้วคืนคำเหรอ? ฉันว่านะระหว่างคนและคน จะมีความน่าเชื่อถือหน่อยไม่ได้หรือไง?”
“เมื่อกี้ยังพูดอย่างมั่นใจอยู่ไม่ใช่เหรอว่า ขอเพียงแค่ฉันเอาชนะเธอได้ ฉันจะให้เธอทำอะไร เธอก็ยอมทั้งนั้น?”
หลี่ฝางมองตงฟางเย่นด้วยใบหน้าที่มีความสุขเมื่อเห็นคนอื่นเป็นทุกข์: “ไม่ทันไรก็ลืมแล้วเหรอ อายุยังน้อยก็ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมแล้ว?”
“หรือว่า เธอแพ้ไม่เป็น?”
หลี่ฝางฮึอย่างเย็นชา แล้วหัวเราะเหอะ ๆ ขึ้นมา: “คนตระกูลตงฟางนี่ช่างตลกจริง ๆ”
“ห้ามนายดูหมิ่นตระกูลตงฟางของพวกเรานะ” ทันใดนั้นจู่ ๆ ตงฟางเย่นก็โมโหขึ้นมา
“ฉันไม่ได้พูดแล้วคืนคำ แต่นายให้ฉันเป็นทาสรับใช้ของนาย ถึงเป็นการใช้ฐานะของฉัน มาเหยียดหยามตระกูลตงฟางของพวกเรา ดังนั้น ฉันยอมตาย ก็ไม่ยอมเป็นทาสรับใช้ของนาย”
ตงฟางเย่นกล่าวด้วยท่าทางหนักแน่น
หลี่ฝางหัวเราะเหอะ ๆ จ้องมองตงฟางเย่น: “เมื่อกี้เธอพูดเองนี่ว่าอะไรก็ได้ ความหมายของคำว่าอะไรก็ได้นั่นก็คือให้ทำอะไรก็ได้หมด แน่นอนว่าจะมีการเป็นทาสรับใช้ของฉันรวมอยู่ด้วย”
“เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อย่างหน้าด้าน ๆ อยู่”
หลี่ฝางส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เขาก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วกล่าว: “งั้นเอาอย่างนี้พวกเรามาทำข้อตกลงกัน ในเมื่อเธอแพ้ให้กับฉัน งั้นต่อไปเธอก็ถือว่าเป็นทหารที่พ่ายแพ้ในเงื้อมมือของฉัน ภายในข้อตกลงที่ไม่ดูถูกเหยียดหยามตระกูลตงฟางของพวกเธอ เธอต้องฟังคำสั่งทุกอย่างจากฉัน”
“รวมถึง ช่วยฉันฆ่าคน ช่วยฉันทำงาน”
หลี่ฝางกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง: “เป็นยังไง?”
ตงฟางเย่นครุ่นคิดอยู่สักครู่จากนั้นก็ตอบตกลง: “ได้ ฉันช่วยนายฆ่าคน หรือว่าช่วยนายทำงานได้ แต่ว่าฉันไม่ใช่ทาสรับใช้ของนาย”
ในชั่ววินาทีที่ตงฟางเย่นและหลีฟังบรรลุข้อตกลงนั่นเอง รถยนต์หลายคัน ก็ได้ขับเข้ามาจากด้านนอก รถยนต์พวกนั้นได้จอดลงตรงหน้าของหลี่ฝางและตงฟางเย่น
ไม่นาน หมาจื่อก็ได้ลงมาจากรถ และบนรถคันอื่น ๆ ก็ได้มีคนกลุ่มหนึ่งเดินลงมา
คนพวกนี้ต่างก็สวมชุดสูทสีดำทั้งหมด หลังจากที่ลงมาแล้ว หมาจื่อก็รีบวิ่งเข้ามา และกล่าวกับตงฟางเย่น: “คุณหนูใหญ่ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?”
กล่าวไป หมาจื่อก็เตรียมที่จะยื่นมือไปพยุงตงฟางเย่น แต่ตงฟางเย่นกลับได้ตะคอกด่าเขาขึ้นมา กล่าว: “หลีกไป”
ตงฟางเย่นพูดจบ ก็ยืนขึ้นมาด้วยตัวเอง
กลุ่มชายในชุดสูทที่นำหน้า คว้าปืนออกมา แล้วเล็งไปที่หลี่ฝาง
“คุณหนูใหญ่ ต้องการให้ฆ่าเขาไหมครับ”
ชายที่คว้าปืนออกมาคนหนึ่ง จ้องมองหลี่ฝางพลางเอ่ยถามตงฟางเย่น
หมาจื่อทำตามองบนให้กับชายคนนั้น พลางด่า: “แกแม่งโง่รึไงวะ คำถามที่ปัญญาอ่อนแบบนี้ยังจะถามอีก ลั่นไกไปก็จบ ยังจะพูดมากอะไร”
หลังจากที่หมาจื่อพูดจบ ก็ได้แย่งปืนมาจากมือของชายคนนั้นทันที และเตรียมที่จะยิงหลี่ฝาง
ลูกเหล็กลูกแล้วลูกเล่า กลิ้งออกมาจากปลายแขนเสื้อของหลี่ฝาง มาตกอยู่ในระหว่างนิ้วมือทั้งห้าของหลี่ฝาง
นี่เป็นวิชาที่เขาได้เรียนมาจากส้าวส้วย เคล็ดวิชาชุดนี้ หลี่ฝางยังใช้ได้ไม่คล่องแคล่วเหมือนกับส้าวส้วย
แต่ว่า ระยะห่างที่ใกล้แบบนี้ หลี่ฝางมั่นใจว่าก่อนที่หมาจื่อจะลั่นไกลปืน เขาสามารถคว้างลูกเหล็กตีปืนให้หลุดจากมีของหมาจื่อได้ นี่ถ้าเกิดส้าวส้วยเป็นคนลงมือล่ะก็ ต่อให้หมาจื่อได้ลั่นไกปืนแล้ว ก็สามารถหยุดเอาไว้ได้
แต่ในขณะที่หมาจื่อกำลังจะลั่นไกปืนนั่นเอง จู่ ๆ ตงฟางเย่นก็ได้เอ่ยขึ้น: “ปล่อยเขาไป”
หมาจื่อเรากับว่าฟังไม่ชัดเท่าไหร่นัก เขาเอ่ยถามตงฟางเย่น: “คุณหนูใหญ่ คุณพูดอะไรนะครับ?”
จ้องมองตงฟางเย่น หมาจื่อชะงักงันไปชั่วขณะ
ตงฟางเย่นในเวลานี้ ที่มุมปากยังมีรอยเลือดเหลืออยู่เล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก อีกทั้งขาก็เดินกะเผลก เห็นได้ชัดว่าได้ถูกหลี่ฝางตีจนหัก
หลี่ฝางได้ทำเรื่องแบบนี้ หรือว่า ยังจะไม่ฆ่าเขา?
ถึงแม้หมาจื่อจะได้สัมผัสกับตงฟางเย่นเพียงไม่กี่วัน แต่ก็รู้ว่าเธอนั้นเป็นคนที่ฆ่าคนอย่างโหดเหี้ยมเด็ดขาด
แม้กระทั่งว่า หมาจื่อกลัวตงฟางเย่น ยิ่งกว่ากลัวตงฟางจัว อีกหลายเท่า
หลี่ฝางหัวเราะเหอะ ๆ ตงฟางเย่นคนนี้ ก็นับว่าเป็นคนที่รักษาคำพูดคนหนึ่ง
จริง ๆ แล้วในเวลานี้ ตงฟางเย่นสามารถที่จะคืนคำได้ เพราะถึงยังไงลูกน้องของเธอ ก็ได้มาเยอะซะขนาดนั้น ถ้าพวกเขาต่างก็มีปืน หลี่ฝางจะหนีไปได้ไหม ก็ยังไม่แน่นอน
เพราะว่ายังไง หลี่ฝางในเวลานี้ ยังไม่ใช่ยอดฝีมือกำลังภายในที่แท้จริง เขายังคงต้องใช้เวลาฝึกฝนอีกสักระยะ
ตงฟางเย่นมองหมาจื่ออย่างเย็นชาพลางกล่าว: “ฉันบอกว่า ปล่อยเขาไป ถ้าหากนายยังฟังไม่ชัดล่ะก็ ฉันจะตัดหูของนายออกซะ”
ตงฟางเย่นพูดจบ ก็ม้วนตัวเข้าไปนั่งในรถทันที แล้วพูดกับคนขับ: “ขับรถ พาฉันไปส่งที่โรงพยาบาล”
คำพูดที่ตงฟางเย่นพูดนั้น ทุกคนต่างก็ได้ยินอย่างชัดเจน คำพูดของเธอก็ไม่มีใครกล้าขัด
ต่อให้คนพวกนี้ต่างก็อยากจะยิงดีหลี่ฝางให้ตาย แต่ว่า ตงฟางเย่นได้พูดแล้ว พวกเขาก็ได้เพียงแค่ทำตาม
คนพวกนี้ม้วนตัวเข้ารถไป จากนั้นก็ขับรถจากไป ส่วนหมาจื่อ เขากำปืนกระบอกหนึ่งไว้ในมือ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูกขึ้นมา
หลี่ฝางหัวเราะเอิ๊กอ๊ากขึ้นมา และเดินเข้าไปหาหมาจื่ออย่างช้า ๆ : “หรือว่าแกจะลองลั่นไกปืนดู”
“หลี่ฝาง แกอย่าอวดดีมากจนเกินไป พลังอำนาจของตระกูลตงฟาง แข็งแกร่งกว่าที่แกคิดอีกเยอะ แกทำให้คุณชายและคุณหนูของตระกูลตงฟางได้รับบาดเจ็บ ต่อให้ฉันไม่ฆ่าแก คนของตระกูลตงฟาง ก็จะไม่ปล่อยแกไปง่าย ๆ แน่”
พูดจบหมาจื่อก็มุดตัวเข้าไปในรถ และรีบเกล่าวกับคนขับทันที: “ขับรถ”
หลังจากที่รถสตาร์ทเครื่องยนต์ บนใบหน้าของหมาจื่อ ก็มีเหงื่อแห่งความหวาดหวั่นไหลออกมา เขาไม่เข้าใจ ว่าทำไมเมื่อสักครู่ตัวเองถึงได้หวาดกลัวแบบนี้?
ในมือของตัวเองมีปืนอยู่นี่นา?
แต่ว่า ทำไมบนใบหน้าของหลี่ฝาง ถึงได้ไม่มีความเกรงกลัวเลยสักนิด ทั้งยังมีความมั่นใจอย่างเปี่ยมล้น
นั่นทำให้หมาจื่อหวาดกลัวขึ้นมาทันทีทันใด
หมาจื่อขมวดคิ้ว เขาบ่นกับตัวเองอยู่ในใจ: “หรือว่าหลี่ฝางในตอนนี้ แม้แต่ปืนยังฆ่าเขาไม่ได้?”
คิดมาถึงตรงนี้ หมาจื่อก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ นี่พึ่งผ่านมานานเท่าไหร่กันเชียว หลี่ฝางจากคนธรรมดาคนหนึ่ง กลายเป็นยอดฝีมือระดับสูง
ตอนนั้นที่อยู่ในKTV ตอนที่หลี่ฝางฆ่าอะรี่อะเยว่ด้วยมือเปล่า หมาจื่อก็ได้รู้สึกช็อกมากพอแล้ว
แต่ว่า ตงฟางเย่นและตงฟางจัว ในตอนที่ทั้งสองก็ถูกหลี่ฝางทำร้ายจนบาดเจ็บ หมาจื่อก็ได้สงสัยชีวิตโดยสิ้นเชิง
ที่ฝีมือของตงฟางจัวและตงฟางเย่น หมาจื่อเคยได้พบเห็นมาแล้ว ร้ายกาจซะขนาดนั้น ไม่ใช่คนชัด ๆ แต่ทว่าคนแบบนี้ ยังคงแพ้ให้กับหลี่ฝาง
ขับรถไปที่โรงพยาบาลเดียวกัน เข้าสู่ห้องคนป่วยห้องเดียวกัน
ตงฟางจัวเห็นพี่สาวของตัวเองเดินขากะเผลกเข้ามา ทันใดนั้น สีหน้าของตงฟางจัว ก็ซบเซาลงมา: “พี่ครับ พี่ก็แพ้ให้เขาเหมือนกันเหรอครับ?”
ตงฟางเย่นพยักหน้าด้วยสีหน้าแข็งทื่อ: “พวกเราประเมินเขาต่ำไป”
“พี่ครับ พี่พูดไม่ใช่เหรอว่า พี่เคยฆ่ายอดฝีมือกำลังภายในอายุน้อยคนหนึ่ง หรือว่า หลี่ฝางจะแข็งแกร่งกว่ายอดฝีมือกำลังภายในคนนั้น?” ตงฟางจัวรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อ ถึงแม้ว่าความจริงจะได้วางอยู่ตรงหน้าของเขาแล้วก็ตาม
“เป็นไปไม่ได้ หลี่ฝางสำเร็จขั้นกำลังภายในเพิ่งจะกี่วันเอง พี่ครับ พี่ออมมือให้มันหรือเปล่า หรือว่าพี่ประมาทมากเกินไป?” ตงฟางจัวสงสัยเป็นอย่างมาก
ตงฟางเย่นมองดูน้องชายของตัวเอง เธอโมโหเล็กน้อย: “หรือว่าการที่ต้องยอมรับว่าคนอื่นเก่งกว่าพวกเรา มันยากขนาดนั้นเชียวเหรอ? แพ้ก็คือแพ้ ไม่ว่าจะเพราะประมาท หรือประเมินศัตรูต่ำไป ต่างก็ได้พ่ายแพ้แล้ว”
“อีกอย่าง ฉันแพ้ให้กับเขา แพ้อย่างราบคาบ บนตัวของเขายังมีไพ่ใบสุดท้ายที่ยังไม่ได้แสดงออกมา”
ตงฟางเย่นส่ายหัว กล่าว: “ไม่เพียงเท่านี้ กระบวนท่าที่ฉันใช้ฆ่ายอดฝีมือกำลังภายในอายุน้อยเมื่อครั้งที่แล้ว นำมาใช้กับหลี่ฝาง หลี่ฝางล้วนสามารถรับเอาไว้ได้ ถึงแม้จะได้รับบาดเจ็บ แต่กลับไม่มีอันตรายถึงชีวิต”
“ยังมี เขาเป็นคนบ้าคนหนึ่ง วิธีการต่อสู้ของเขา ไม่มีกฎเกณฑ์อะไรเลยสักนิด พลังเท้าของฉันหนักแค่ไหน คิดว่านายเองก็น่าจะรู้ดี และเขาก็ได้สัมผัสมาแล้ว แต่ว่า เขาเพื่อที่จะหักขาของฉัน ได้ฝืนรับไว้ซึ่ง ๆ หน้า พลังโจมตีของเท้านั่น มากพอที่จะเอาชีวิตนาย และมากพอที่จะทำให้เขาบาดเจ็บหนัก แต่ว่า สมรรถภาพทางร่างกายของเขา เหมือนว่าจะแข็งแกร่งเป็นพิเศษ เพียงแค่กระอักเลือด แต่กลับไม่ล้มลงไป”
“พี่ครับ งั้นแบบนี้ ต่อให้พี่ใช้พลังทั้งหมด ก็ยังคงไม่สามารถเอาชนะไอ้หมอนั่นได้เหรอครับ?” เมื่อฟังถึงตรงนี้ ตงฟางจัวเม้มปากเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยอยากจะยอมรับ
และตงฟางเย่นก็ได้พยักหน้า กล่าว: “ไม่ใช่เพียงเท่านี้ ยิ่งไปกว่านั้นหลี่ฝางไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด ในตอนที่หมาจื่อพาคนของเรามานั้น หมาจื่อใช้ปืนจ่อไปที่เขา แต่ทว่าหลี่ฝางกลับไม่กระวนกระวายเลยสักนิด ในมือของเขา เหมือนจะมีอาวุธชนิดหนึ่งอยู่”
“บางที อาวุธในมีของเขา สามารถทำให้เขาหลบพ้นจากลูกกระสุนของหมาจื่อได้” ตงฟางเย่นกล่าว
NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 805 พวกเราประเมินเขาต่ำไป
Posted by ? Views, Released on September 29, 2021
, NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง
พ่อแม่ที่หายตัวไปหลายปีจู่ๆ ก็โทรมา บอกว่าตัวเองเป็นบุคคลที่รวยที่สุดของดูไบ………….
Recommended Series
Comment
Facebook Comment