ประมาณ 5 โมงครึ่ง
ข้าวสีขาว ซุปมิโซะกับหัวหอมและเต้าหู้
สเต็กแฮมเบอร์เกอร์สไตล์ญี่ปุ่น (หัวไชเท้าขูด, เห็ดย่าง, บรอกโคลี่ต้ม)
ผักต้ม.
ปลาซาร์ดีนผักโขม
ไข่ม้วน.
เต้าหู้เย็น.
และมื้ออาหารก็หรูหรากว่าที่ฉันคิดไว้
มีอีกสองจานเพิ่มขึ้นเมื่ออาริสะทำให้ฉันกิน
“อย่างไรก็ตาม …เธอบอกว่าเธอมักจะทำเครื่องเคียงอย่างน้อยสี่อย่างใช่ไหม”
ฉันพึมพำ
คำพูดของเธอในตอนนั้นมันไม่ใช่เรื่องโกหก แต่เธอมักจะทำซุปและผักอีกสามชนิดกับอาหารอีกสองสามจาน
ฉันรู้สึกทึ่งกับมัน แต่อาริสะกลับดูไม่แต่กลับไม่รุ็สึกอะไรเลยราวกลับว่ามันเรื่องปกติ
“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก ฉันแค่ซื้อเต้าหู้มาและเสิร์ฟเอง”
แม้จะไม่มีแต่มัน ก็ยังมีเครื่องเคียงสี่อย่าง
เมื่อพูดถึงการทำสิ่งที่เธอทำเป็นประจำ… มันน่าจะงานหนังมาก?
อย่างไรก็ตาม ฉันก็ไม่เคยพูดไรเกี่ยวกับมันเลย
“ฉันต้องขอโทษเธอนะ ที่ต้องให้เธอทำอาหารอร่อยๆ หน้าตาน่ากินให้กับฉันหน่ะ”
“ไม่หรอก ฉันสิต้องขอบคุณสำหรับเค้กและเกม อย่างไรก็ตามอาหารที่ฉันทำหน่ะ ฉันเองก็จะกินมันได้เหมือนกัน และฉันก็ชอบที่จะทำมันอยู่แล้ว…… ดังนั้นไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก”
“ไม่ได้สิ…เค้กกับเกมเป็นแค่คำขอบคุณที่ดูแลฉัน ดังนั้นฉันจะลำบากใจนะ ถ้าหากเธอตอบแทนกลับคืนมาหาฉันหน่ะ”
ฉันตอบด้วยรอยยิ้มขมขื่น
ฉันรู้สึกว่าสิ่งต่าง ๆ ไม่เกี่ยวข้องเนื่องจากมันเป็นแต่การแลกเปลื่ยนและการยืม
“อย่างไรก็ตาม ปกติเธอทำอาหารใช่ป่าว? …แล้วถ้าเธอไม่อยู่ครอบครัวของเธอโอเคมั้ย”
จู่ๆฉันก็ถามเธอเพราะเป็นห่วงเกี่ยวกับเธอ
อาริสะได้แจ้งให้พ่อแม่บุญธรรมของเธอทราบแล้วว่าเธอจะเตรียมอาหารมื้อเย็นให้ฉันและทานร่วมกับฉัน
ฉันอยากทานอาหารของอาริสาอีกครั้งและดื่มด่ำกับรสชาติ …แต่ฉันกังวลว่าพ่อแม่บุญธรรมของเธอจะโกรธเธอ
“เมื่อฉันบอกพวกเขาว่าอยากจะให้อาหารทาคาเสะกาวะซัง พวกเขาสั่งให้ฉันเติมเต็มท้องของนายแล้วมัดใจนาย บางทีพวกเขาอาจจะต้องการเงินหมั้นหมายละมั้ง?”
เธอพูดอย่างนั้น ขณะที่หัวเราะด้วยมุมปากของเธอยกขึ้นเล็กน้อย และพ่นจมูกด้วยจมูกเล็กๆ ของเธอ
เป็นรอยยิ้มแบบนั้น ทั้งเยาะเย้ยและคงดูถูกตัวเอง
“ฉันไม่รู้เกี่ยวกับหัวใจของฉัน แต่ท้องของฉันหน่ะถูกเติมเต็มแล้วหล่ะ”
“เธอพูดเล่นใช่มั้ย”
“ไม่ มันเป็นเรื่องจริง ฉันได้รับความทุกข์ทรมานจากยูกิชิโระมาระยะหนึ่งแล้ว”
“มันเป็นเรื่องที่ไม่ดีเลย …รีบกินกันเถอะ เดี๋ยวมันจะเย็นซะก่อน”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาด้วยสีหน้าขบขัน
บรรยากาศหนาวเย็นได้ก่อตัวขึ้นแม้กระทั่งก่อนอาหาร
ฉันประสานมือแล้วหยิบตะเกียบ
ตอนนี้ฉันจิบซุปมิโซะ
“ใช่ คราวนี้ก็อร่อยเหมือนกัน”
“ก็ฉันไม่ได้เปลี่ยนวิธีการทำหนิ ธรรมดาที่จะมีรสชาติเหมือนกัน”
“การที่รสชาติดีสม่ำเสมอแสดงว่าเธอเป็นแม่ครัวที่ดีใช่มั้ย”
“จะประจบเกินไปแล้วนะ แต่มันไม่สำคัญหรอก ตราบใดที่นายจำปริมาณที่จะใส่ได้หน่ะ”
อาริสะตอบตามความเป็นจริง ยูซูรุตัดสินใจว่าการใช้คำพูดจะทำให้ดูเหมือนไร้สาระมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงหยุดให้ข้อเสนอแนะโดยละเอียดเกี่ยวกับรสชาติของอาหารของอาริสะ
ยูซูรุขยับตะเกียบ และคิดถึงความอร่อยแม้ว่าเขาจะไม่พูดอะไรก็ตาม
จากนั้น…
“…เป็นยังไงอร่อยมั้ย?”
หลังจากทานอาหารไปครึ่งทางแล้ว อาริสะก็ถามขึ้น
ฉันสงสัยว่าทำไมเธอถึงถามเรื่องนี้ตอนนี้
“ฉันไม่ได้บอกเธอไปก่อนหน้านี้แล้วเหรอ”
“ไม่… นายดูเหมือนกำลังสนุกกับการกินอาหารของฉัน ดังนั้น”
หลังจากพูดอย่างนั้น อาริสะก็หันมามองจานของฉัน ซึ่งอาหารส่วนใหญ่ก็หมดแล้ว
แล้วเธอก็ถามฉันด้วยน้ำเสียงที่สงบของเธอ
“นายต้องการเติมเพิ่มมั้ย? ยังมีแฮมเบิก ผักลอก และซุปมิโซะเหลืออยู่บ้าง”
“ได้สิ”
“เข้าใจแล้ว”
อาริสะรับจานเปล่าจากฉันแล้วลุกขึ้นยืน
จากนั้นเธอก็หันกลับมาหาฉันและมุ่งหน้าไปที่ห้องครัว
ฉันไม่สามารถยืนยันการแสดงออกของเธอได้ แต่…
ฉันมั่นใจ เธอเข้าใจว่าคราวนี้ไม่ใช่การประจบอีกแล้ว