ตอนที่ 7 การตรวจสุขภาพของบ้านเดอะเมดิซิสและงานแรก
————-
ฟาร์มาได้เฝ้าสังเกตผู้คนในคฤหาสน์ วันนี้ไม่มีการเรียนการสอนจากเอเลนเนื่องจากเป็นวันหยุด
แม้ว่าเอเลนจะเรียกดวงตาของฟาร์มาว่าเป็นจักษุเทพ แต่เขาตัดสินใจที่เรียกมันว่า [ดวงตาวินิจฉัย] ตามความสามารถในการของเห็นโรคต่างๆ ของมันนั่นเอง มันเป็นความสามารถที่ไม่มีใครรู้นอกจากอาจารย์ของเขาเอเลน แม้กระทั่งลอตเต้ก็ไม่ทราบเรื่องนี้เช่นกัน
ความสามารถนี้จะเปิดใช้งานได้ด้วยการทำวงกลมที่นิ้วมือซ้ายด้วยนิ้วโป้งกับนิ้วชี้และส่องผ่านวงนั้นด้วยดวงตาของเขาและทำการตรวจผู้ป่วยด้วยวิธีนี้แต่การกระทำแบบนั้นมันเป็นจุดสนใจมากเกินไป บางทีผู้ป่วยอาจจะคิดว่าเขากำลังเล่นตลกอะไรอยู่หรือเป็นบ้ากันแน่ บางทีอาจจะถูกหัวเราะเยาะใส่ด้วยซ้ำจากพวกที่มีตำแหน่งสูงกว่าเขา ดังนั้นเขาจึงต้องทำการทดลองบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้และพบว่าเขาสามารถเปิดการใช้งานดวงตาวินิจฉัยได้ด้วยการวางนิ้วมือสองนิ้วให้อยู่ระหว่างดวงตา แม้ว่าจะดูดีขึ้นมาบ้างแต่มันก็ดูแปลกๆ อยู่ดี
แม้ว่ามันจะช่วยทำให้เขาเห็นสัญลักษณ์ขึ้นตามร่างกายของผู้คนได้ แต่เขาก็ต้องระวังเรื่องจากการใช้งานอยู่ดี
แม่ของเขามีอาการปวดบริเวณส่วนหลังเขาจึงได้มอบยาบดประคบให้กับแม่ของเขาเหมือนที่ทำให้เอเลน
น้องสาวของเขามีลำไส้ที่ค่อนข้างอ่อนแอเขาจึงได้ให้ยาที่มีผลเหมือนยาระบาย
ในขณะที่เขาเดินไปรอบๆ คฤหาสน์พร้อมกับวินิจฉัยหลายๆ คนที่เขาพบตามทาง
เขาพบว่าเมื่อเขาใช้ตาวินิจฉัยกับผู้ที่มีอาการป่วยเขาจะมองเห็นแสงสีฟ้าอ่อนออกมาจากตัว แต่หลังจากที่เขาได้เริ่มวินิจฉัยอาการของโรคได้ถูกต้องแสงที่ออกมาจากตัวผู้ป่วยนั้นจะเปลี่ยนเป็นสีขาว แต่ถ้าเขาวินิจฉัยไม่ถูกต้องแสงที่ส่องออกมาจะไม่เปลี่ยนแปลง
นอกจากนั้นหากเขาบอกชื่อยาที่จะสามารถรักษาอาการดังกล่าวได้ถูกต้องแสงสีขาวก็จะหายไป นั่นสามารถทำให้เขาจ่ายยาได้ถูกต้องอย่างแน่นอน
ถึงแม้ว่าตัวเขาจะฝึกฝนและเพิ่มความสามารถในการวิเคราะห์มากขึ้นแล้ว แต่เขาก็ยังต้องพบกับความลำบากในการวินิจฉัยอยู่ดี
ชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้นเป็นนักเภสัชวิทยาอัจฉริยะชั้นนำของโลก จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะมีความรู้ทางด้านการแพทย์อยู่พอสมควร แต่เขาไม่ใช่หมอ ดังนั้นตอนวินิจฉัยโรคบางครั้งเขาต้องกล่าวชื่อโรคออกมาหลายๆ โรคอย่างบ้าคลั่งเหมือนการสุ่ม ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องวินิจฉัยด้วยความอดทนและเตรียมยารักษาหลายๆ อย่างให้พร้อมกับอาการของผู้ป่วย
“เป็นยังไงบ้างคะ นายน้อยสบายดีหรือเปล่าคะ?”
“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณมาริอาเน่”
มาริอาเน่กำลังแบกเสื้อผ้าจำนวนมาก พวกเขาพบกันบริเวณทางเดินขณะเดินสวนกัน เธอเป็นหญิงสาววัยกลางคนที่รับหน้าที่ในการดูแลเรื่องทำความสะอาดเสื้อผ้าพ่อแม่ของเขา เธอมักจะพูดคุยกับผู้อื่นด้วยความร่าเริงเสมอแม้จะซักผ้าอยู่ก็ตาม ดูเหมือนเธอจะไม่มีอาการผิดปกติอะไร
“ท่านฟาร์มาครับ กรุณาลองออกไปสูดอากาศข้างนอกดูนะครับ วันนี้อากาศค่อนข้างดีเลยทีเดียว”
“ครับ คุณซีซาร์”
ซีซาร์เป็นชายวัยกลางคนที่รับหน้าที่เป็นคนสวนของคฤหาสน์นี้เขามักจะมาพูดคุยกับฟาร์มาและชวนออกไปข้างนอกเป็นประจำ ตัวเขาก็สุขภาพแข็งแรงด้วยเช่นกัน
(ทุกคนต้องสุขภาพดีมาเป็นอันดับแรก)
ฟาร์มาได้พยักหน้าให้กับความคิดนั้นและรู้สึกขุ่นเคืองกับเรื่องบางอย่าง
เขายังคงไล่ตรวจสอบสุขภาพข้ารับใช้ของเขาและมอบยารักษาที่เหมาะสมให้กับพวกเขาอย่างต่อเนื่องด้วยความสามารถในการสร้างสสารของเขา เหล่าข้ารับใช้ต่างหลังน้ำตาด้วยความปิติยินดี ได้ยินพวกเขาพูดกันว่าพวกเขาไม่เคยได้รับยาใดๆ ทั้งสิ้นจากคุณท่านเลย
ตอนนั้นก็เหมือนกันพ่อบ้านไซมอนที่ยืนต้อนรับเขากับพ่อแม้จะมองผ่านๆ ก็เห็นว่าเขามีฟันที่ผุ
ฟาร์มาที่กำลังรักษาอาการฟันผุนั้นพลางคิดถึงเรื่องนี้ตามไปด้วย
“นึกไม่ถึงเลยครับว่า ท่านพ่อจะไม่สนใจอาการเหล่านี้ของคนในคฤหาสน์นี้เลย”
เขาพูดกับลอตเต้ขณะที่กำลังเดินเล่นกันตามทางเดินของคฤหาสน์
ฟาร์มามีความเชื่อที่ว่าข้ารับใช้ก็เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของเขาเช่นเดียวกัน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แนวทางปฏิบัติติที่ปกติของโลกใบนี้
“เพราะคุณท่านเป็นแพทย์โอสถประจำราชสำนักซึ่งมีหน้าที่ในการรักษาพวกชนชั้นสูง ท่านจึงไม่มีเวลาที่จะมาสนใจเหล่าสามัญชนหรอกค่ะ”
“แม้ว่าจะเป็นคนในบ้านของแพทย์โอสถก็ตามเนี่ยนะ?”
“ก็เป็นเช่นนั้นแหละค่ะ”
ได้ยินว่าแพทย์โอสถระดับสูงนั้นจะไม่รักษาพวกสามัญชน เมื่อเหล่าข้ารับใช้มีอาการป่วยจากโรคร้ายจะมีการเรียกแพทย์โอสถระดับสามจากกิลด์แพทย์โอสถเพื่อตรวจสอบอาการป่วย เขารู้สึกประหลาดใจกับอัตราการเสียชีวิตในหมู่สามัญชนที่สูงมาก จากยาที่มีราคาแพงและการรักษาก็ดูน่าสงสัยด้วย
ค่าเฉลี่ยอายุขัยของคนในโลกนี้ต่ำมาก จากการสำรวจกลุ่มของผู้ใหญ่มีเพียงคนส่วนหนึ่งเท่านั้นที่มีวิธีการบางอย่างในการยืดอายุขัยของพวกเขา
“กับท่านฟาร์มาที่ไม่เลือกปฏิบัติและมีเมตตากับพวกเราอย่างมากนั้น ฉันมั่นใจเลยค่ะว่าในอนาคตท่านต้องเป็นแพทย์โอสถที่ยอดเยี่ยมแน่นอนค่ะ”
ลอตเต้ได้ขอบคุณฟาร์มาแทนเหล่าข้ารับใช้ทุกคน ฟาร์มาได้ยิ้มกลับมาเหมือนเป็นการตอบรับ
“มันเป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดีเลย ที่จะมาเลือกปฏิบัติติต่อผู้ป่วยเพียงเพราะชนชั้นทางสังคมของพวกเขา”
มันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับฟาร์มาที่เป็นคนมาจากยุคสมัยใหม่ที่รักษาผู้ป่วยอย่างเท่าเทียมกันทุกคนอย่างเต็มความสามารถ
ถึงจะเป็นอย่างนั้นเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามการกระทำบางอย่างก็ไม่อาจเป็นที่ยอมรับในสังคมตอนนี้ได้และตอนนี้ฟาร์มาเองก็ได้ค้นพบความสามารถที่ซ่อนอยู่ในมือขวาของเขาเมื่อทำมันเป็นวงกลม
เขาสามารถขยายสิ่งที่เขาเห็นผ่านวงกลมของนิ้วมือด้านขวาเหมือนแว่นขยาย!
จึงสรุปความสามารถในปัจจุบันของเขาได้ดังนี้:
มือซ้าย – มีความสามารถสร้างสสารที่เขารู้องค์ประกอบธาตุของมันได้
ทำมือซ้ายเป็นรูปวงกลม – ดวงตาวินิจฉัยที่สามารถเห็นโรคและอาการผิดปกติได้
มือขวา – ความสามารถในการลบสสารที่เขารู้องค์ประกอบธาตุของมันได้
ทำมือขวาเป็นรูปวงกลม – ความสามารถขยายทัศนวิสัยภายในวงกลมเหมือนแว่นขยาย
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเราเริ่มห่างไกลความเป็นมนุษย์เข้าไปทุกที”
ตามที่เอเลนสงสัยว่าฟาร์มาคือร่างสถิตแห่งเทพโอสถอาจจะไม่ใช่เรื่องที่พูดเกินจริงเลยเพราะตอนนี้เขาก็เริ่มจะเชื่อแบบนั้นแล้วเหมือนกัน
ฟาร์มาควรจะดีใจที่มีความสามารถที่สะดวกสบายก็จริง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็กลับทำให้เขาต้องระวังตัวมากกว่าเดิม อีกทั้งเขายังรู้สึกลำบากใจเรื่องที่เขาไม่มีเงาด้วย มันอาจจะเป็นค่าแลกเปลี่ยนสำหรับความสามารถนี้ก็ได้ ถึงตอนนี้คนในคฤหาสน์จะยังไม่มีใครสังเกตเห็นแต่มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น ตอนนี้เขาต้องระวังตัวโดยการเดินในที่ร่มไปก่อน
ทำแบบนี้ยังพอสามารถปิดเรื่องที่ว่าเขาไม่มีเงาไปได้
“แต่ว่าหลังจากนี้ล่ะ?”
ตอนนี้ไม่มีปัญหาอะไรถ้ามันเป็นเรื่องที่เขามีพลังเหมือนกับของเทพเจ้า แต่ถ้ามันดันเป็นของปีศาจขึ้นมาล่ะ? ฟาร์มากังวลเรื่องนี้เป็นอย่างมากเพราะมันจะยากมากที่จะบอกใครสักคนเกี่ยวกับสิ่งนี้
(อ๊ะ! จริงด้วยสิ)
เขารู้สึกตัวทันทีหลังจากที่นึกถึงความสามารถของตัวเอง เขาเข้าไปหาของบางอย่างภายในกล่องเครื่องประดับ ภายในนั้นมีเครื่องประดับหลายอย่างที่ดูมีราคาแพง ทั้งเข็มกลัด แหวนและอัญมณีอื่นๆ มากมาย แต่เขากลับสนใจเพียงพวกเครื่องแก้วเท่านั้น
“นี่แหละ! แบบนี้ใช้ได้เลย”
เขาเก็บเครื่องประดับชิ้นอื่นๆ ออกไปแล้ว ทำเครื่องแก้วให้แตกเป็นเหมือนลูกบอลชิ้นเล็กๆ จากนั้นเขาก็ทำการหลอมมันเหนือกองไฟและหมุนมันให้โค้งมนจนเป็นลูกปัด
นี่เป็นงานสำคัญอย่างหนึ่งของวันนี้ ฟาร์มาได้สร้างบางอย่างจากลูกปัดแก้วและแผ่นโลหะในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ผลงานชิ้นเล็กๆ และเรียบง่ายที่เขาโปรดปรานเป็นงานอดิเรกในโลกเดิมของเขา เขาจะรู้สึกไม่สงบใจหากไม่ได้ทำสิ่งนี้
“อืมประมาณนี้คงพอได้แล้วล่ะนะ ถึงอยากจะทำมันให้ดีกว่านี้ก็เถอะ”
ถึงแม้เขาจะยังไม่ค่อยพอใจกับงานฝีมือนี่มากนัก แต่ตอนนี้มันก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว
งานฝีมือของบนมือของเขานั้นได้สะท้อนแสงเป็นประกายวิบวับออกมา
“ท่านฟาร์มาครับ คุณท่านเรียกท่านเข้าพบครับ”
หลายวันที่ผ่านมานี้ฟาร์มาเริ่มคุ้นเคยกับชีวิตภายในคฤหาสน์และเขาก็สามารถจำหน้าเหล่าข้ารับใช้ของเขาได้ทั้งหมดแล้ว เขาตอนนี้พึ่งทานอาหารกลางวันเสร็จและกำลังอ่านหนังสือเป็นการผ่านคลายและเฝ้ามองลอตเต้ที่อยู่ภายในสวน พ่อบ้านไซม่อนก็ได้เดินเข้ามาเรียกเขา พ่อบ้านนั้นเป็นตำแหน่งสูงสุดในฐานะข้ารับใช้ของตระกูลเดอะเมดิซิส
“สงสัยจริงๆ ว่าเป็นเรื่องอะไร รู้สึกสังหรใจไม่ค่อยดีเลย”
ทุกๆ ครั้งที่พ่อของฟาร์มาเรียกเขาเข้าไปพบมันมักจะไม่ค่อยเป็นเรื่องที่ดีนัก
ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการทดสอบความสามารถทางด้านแพทย์โอสถของเขาโดยพ่อของเขามักจะตั้งคำถามขึ้นมากะทันหัน เขาจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับเรื่องนี้พอสมควร
ถ้าหากเป็นอย่างนั้นก็คงดีอยู่หรอก
เขากลับมานึกถึงเรื่องที่พ่อของเขาเรียกเขามาในคืนพระจันทร์เต็มดวง พวกเขาเดินไปตามทางเดินจนถึงสวนสมุนไพรซึ่งมีสิ่งที่เหมือนวงเวทอยู่ใจกลางของสวน แล้วพ่อของเขาก็เข้าไปในวงเวทนั้นและโบกมือสวดมนต์ไปมาอย่างบ้าคลั่งรวมถึงกล่าวบทสวดบางอย่างที่เหมือนพูดถึงการขอยืมพลังของเทพโอสถ
ฟาร์มาผู้ถูกฝูงยุงรุมตอมก็ได้แต่คิดว่านี่มันเป็นประสบการณ์ที่น่าอเนจอนาถใจเหลือเกิน ถึงขนาดคิดว่าพ่อของเขาเป็นแพทย์โอสถชื่อดังจริงๆ งั้นหรือ
“นี่เป็นงานของท่านในฐานะแพทย์โอสถหลวงฝึกหัดครับ”
งาน..นี่เป็นครั้งแรกที่ไซม่อนพูดกับฟาร์มาแบบนี้
“มันคืองานตรวจพระอาการขององค์จักรพรรดินีครับ”
ฟาร์มาถึงกับตัวสั่นเมื่อสิ้นเสียงนั้น
———–