ตอนที่ 114 ทนไม่ได้
มีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ได้ดี ขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด
ลู่เฉินโทรศัพท์ติดต่อเฉินเจี้ยนหาว มากน้อยต้องมีการไต่ถามเอาเรื่องอยู่ ผลกลายเป็นว่าถูกฝ่ายตรงข้ามชิงอบรมเขาก่อน
ตอนที่เขารู้ข่าวดูจะสายไปหน่อย
แม้ตอนนี้สำหรับลู่เฉิน ช้าเร็วก็ต้องรู้ว่าที่ตัวเองถูกใส่ร้ายนั้นไม่ได้ส่งผลเสียมากนัก แต่อนาคตเมื่อเขาเป็นศิลปินจริงๆ แล้ว ถ้าปฏิกิริยายังช้าอยู่แบบนี้ จะต้องตกที่นั่งลำบากแน่นอน!
เพราะความเคลื่อนไหวของดาราคนหนึ่ง ทั้งคำพูดและการกระทำล้วนถูกถ่ายทอดให้สาธารณชนรับรู้ หากอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดี รู้ตัวได้ยิ่งเร็วยิ่งดี แก้ไขจัดการได้ยิ่งเร็วยิ่งดี
ทั้งหมดทั้งมวลคือลู่เฉินไม่มีที่พึ่ง ในเมื่อเขาเลือกจะเดินบนเส้นทางนี้คนเดียว จำเป็นต้องส่งทีมที่อยู่เบื้องหลังคอยสนับสนุน ไม่เช่นนั้นจะอยู่ได้ไม่นาน
เฉินเจี้ยนหาวบอกว่า “นายไม่ใช่ว่าตั้งสำนักงานแล้วเหรอ? รีบรับสมัครคนเก่งๆ เข้ามา”
อดีตเจ้านายของเขามีประสบการณ์สูง ลู่เฉินต้องฟังคำแนะนำให้เข้าหู แต่เขาไม่ถูกดึงให้ไขว้เขวจากเรื่องหลักไปได้ง่ายๆ จนลืมเรื่องที่สำคัญที่สุด
“พี่เจี้ยนหาว ผมรับสมัครพนักงานแล้ว เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่า”
เฉีนเจี้ยนหาวหัวเราะแหะๆ “ฉันรู้ว่านายอยากจะถามอะไร ไม่ผิดหรอก โพสต์ของแมวจรจัดนั่นฉันเป็นคนให้คนไปเผยแพร่เอง ข้อมูลที่เขาได้ไป มาจากฉันเอง นายพอใจหรือยัง”
เป็นแบบนี้จริงๆ ด้วย!
ได้คำตอบแล้วลู่เฉินไม่ได้โกรธ เพราะเขาเชื่อว่าเฉินเจี้ยนหาวไม่ทำร้ายเขาแน่นอน
ลู่เฉินกลับสงสัยเส้นสายของฝ่ายนั้นมากกว่า
“คนนี้เป็นเพื่อนกับพี่เหรอ”
แมวจรจัดอยู่ในเว็บบล็อกหลางเฉาระดับ V เล็ก ในเว็บบล็อกเทียนคงเป็นชื่อไอดีที่มีชื่อเสียง ถนัดในเรื่องการปล่อยข่าวในวงการบันเทิง
เฉินเจี้ยนหาวเป็นเจ้าของบาร์ ยังสนิทสนมกับเขามากเช่นนี้
ลู่เฉินถามเพิ่มอีกเล็กน้อย ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจจะต้องขอร้องให้ท่านเทพคนนี้ลงมาช่วย
“นายอย่าคิดฝันไปไกล…”
เฉินเจี้ยนหาวตอบ “ฉันกับคนคนนั้นไม่ได้สนิทกัน เขาอยู่ต่างประเทศ ยังมีเพื่อนคนอื่นช่วยได้”
“เอาเป็นว่าตอนนี้นายไม่ต้องกังวล เรื่องนี้ยังไม่จบ ส่วนในบล็อกของนายไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น อยู่เงียบๆ เอาไว้ รอดูของดีต่อไป!”
เฉินเจี้ยนหาวราวกับว่ากุมไม้เด็ดเอาไว้อยู่ จึงกล่าวด้วยความมั่นอกมั่นใจ
ลู่เฉินเลือกที่จะเชื่อ
“อย่างนั้นก็ดี ผมจะรอดูเรื่องสนุกต่อไปก็แล้วกัน!”
สิ้นสุดการสนทนากับเฉินเจี้ยนหาว เขาบอกกับหลี่เฟยอวี่ที่ตั้งตาคอยอยู่ว่า “ไม่ต้องไปสนใจแล้ว”
เสี่ยวเฟยอวี่ผู้กระเหี้ยนกระหือรือเต็มทีแล้ว เหมือนลูกโป่งที่ถูกปล่อยลมออกมา ห่อเหี่ยวลงทันที
ลู่เฉินตบบ่าปลอบใจเขาว่า “พวกเราไม่ได้ยอมแพ้ ตอนนี้ตั้งใจทำงานของตัวเองไปก่อน”
เพิ่งพูดจบ ก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก
โต๊ะกับเก้าอี้สำนักงานและเคาน์เตอร์ โซฟาได้มาส่งแล้ว นอกจากของชิ้นใหญ่ยังมีพนักงานติดตั้งอีกสองคน มาประกอบติดตั้งให้ทันที
เพื่อความรวดเร็ว ลู่เฉินและหลี่เฟยอวี่ลงมือช่วยด้วย
ยุ่งจนถึงตอนเที่ยง ทั้งโต๊ะและเก้าอี้ถูกประกอบจนเสร็จวางประจำที่
เคาน์เตอร์ด้านหน้าของออฟฟิศ ห้องรับแขก และในห้องทำงานตกแต่งเสร็จสมบูรณ์แล้ว แม้ไม่ได้ตกแต่งอย่างหรูหรา แต่สะอาดและเป็นระเบียบ ดูใหม่เอี่ยม
มื้อกลางวันเรียกอาหารเดลิเวอรี่มาส่ง ตอนบ่ายประกอบคอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์และการตั้งระบบอินเทอร์เน็ต ไม่ได้อยู่ว่าง
ตอนที่ลู่เฉินกำลังยุ่งกับการประกอบโต๊ะสำนักงาน ในเว็บบล็อกหลางเฉา เพราะสาเหตุที่แมวจรจัดปล่อยบทความที่ทำให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่เพียงแต่ผู้ที่ถูกกระทำจะเงียบไม่ตอบโต้ กลับเป็นการ ยิ่งทำให้ข่าวโหมสะพัดมากขึ้น
เหล่าแฟนคลับของหลิงเสี่ยวซูพากันบุกโจมตีบล็อกของลู่เฉินเป็นการใหญ่ ยังมีบุคคลอื่นที่ผ่านไปมาอีกมหาศาล ที่ทำให้เว็บบล็อกของเขาเละเทะไปหมด นอกจากถ้อยคำประชดประชันหรือคำด่าหยาบคายแล้ว ยังมีบางคนจงใจใช้ข่าวเสียหายนี้ทำให้แอดมินของเว็บบล็อกออกมาปิดล็อคบัญชีผู้ใช้ไปหลายบัญชี
จากเดิมลู่เฉินกับหลิงเสี่ยวซูไม่รู้จักกัน ลู่เฉินไม่มีคำพูดใดต่อหลิงเสี่ยวซู ทั้งสองเหมือนคนที่อยู่บนเส้นขนาน ไม่มีทางมาบรรจบกันได้
บทความหนึ่งของแมวจรจัดทำให้ลู่เฉินแขวนอยู่บนเส้นด้ายภายในค่ำคืนเดียว วรรคสุดท้ายเขานำหลิงเสี่ยวซูมาเปรียบเทียบกับลู่เฉิน ผลลัพธ์คือลู่เฉินเป็นผู้บริสุทธิ์ที่โดนลูกหลง กลายเป็นเป้าหมายโจมตีจากกลุ่มแฟนคลับของหลิงเสี่ยวซู
แต่กระแสข่าวไปถึงขั้นนี้ได้ไม่ธรรมดา เรื่องราวทั้งหมดไม่ได้เกิดจากลู่เฉิน ตอนนี้ทำให้เขากลายเป็นหัวหน้าโจรไปแล้ว กลายเป็นเป้าให้ประชาชนประณาม คนที่มีตาจะมองออกว่าในเรื่องราวนี้มีปัญหา
โดยไม่มีข้อสงสัย เบื้องหลังเรื่องนี้ต้องมีคนสนับสนุน สร้างกระแสให้หลิงเสี่ยวซูกดข่มลู่เฉิน!
สถานีโทรทัศน์เซียงหนานไม่ได้แหย่กันง่ายๆ?
ในเว็บบล็อกหลางเฉาลู่เฉินยังมีแฟนคลับมากมาย เมื่อเห็นข่าวแบบนี้ต้องออกมาตอบโต้แน่ แต่การตอบโต้ของพวกเขาอ่อนแรงไม่มีกำลัง สู้ทีมที่อยู่เบื้องหลังของหลิงเสี่ยวซูไม่ได้
ลู่เฉินไม่ได้ตอบโต้ สถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง ก็ไม่ได้ตอบโต้เช่นกัน ส่วนตัวต้นเหตุอย่างแมวจรจัดนั้นหายเงียบเป็นใบ้ ให้คนอื่นปั่นกระแสให้หนักขึ้นโดยที่ตัวเองไม่ส่งเสียง ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าผู้เชี่ยวชาญในการปล่อยข่าวคนนี้กลัวความผิดไม่กล้าเปิดปาก
เมื่อถึงเวลาหนึ่งทุ่ม กรรมการท่านหนึ่งในรายการนักร้องนักแต่งสุดสตรองก็ลงบทความในบล็อก
กรรมการคนนี้คือจางเสี่ยวอัน ผู้ควบคุมรายการบันเทิงของสถานีโทรทัศน์เซียงหนาน เป็นคนมีชื่อเสียงคนหนึ่งในวงการ แฟนคลับของบล็อกมีมากกว่าห้าล้านคน เขาเข้าร่วมเป็นกรรมการในการแข่งขันรอบออดิชั่น แต่การแข่งขันรอบต่อไปเขาไม่ได้แสดงตัว
เขาเป็นที่ยอมรับในบล็อก ตัวเองเป็นหนึ่งในกรรมการที่คัดลู่เฉินออกในรอบออดิชั่น เหตุผลเพราะลู่เฉินตอนนั้นแสดงได้ไม่ดี การร้องเพลงเล่นดนตรีขาดความเป็นมืออาชีพ ส่วนผลงานเพลงที่นำมาแสดงเป็นเพียงแค่ครึ่งเดียว
เมื่อเทียบกันแล้ว ลู่เฉินเข้ารอบ 16 คนของรายการขับร้องให้ก้องจีน การแสดงของเขาดีมาก ผลงานเพลงก็สมบูรณ์ ถ้าตอนนั้นไม่ใช่เพราะผลงานเพลงครึ่งๆ กลางๆ เขาก็ให้ผ่านแล้ว
บล็อกบทความนี้ของจางเสี่ยวอัน ปัดความรับผิดชอบให้กับตัวเองและให้กับรายการนักร้องนักแต่งสุดสตรอง…ไม่ใช่พวกเราไม่อยากได้ แต่ลู่เฉินร้องเพลงได้แย่มาก!
ลูกเล่นพลิกดำเป็นขาวพลิกขาวเป็นดำของจางเสี่ยวอันนั้นหลักแหลม เพราะบล็อกของแมวจรจัดมีคลิปวีดีโอของลู่เฉินที่ขึ้นร้องเพลงบนเวทีในรายการขับร้องให้ก้องจีน อีกอย่างเนื้อเพลงในฤดูใบไม้ผลิเขาเป็นคนเขียน ถ้าบอกว่าเขาเป็นคนไม่มีความสามารถแล้ว คงจะเป็นการดูถูกสติปัญญาของคนอื่น
สองประโยคสุดท้ายในบล็อกของจางเสี่ยวอัน บอกเป็นนัยว่าลู่เฉินตั้งใจใช้รายการนักร้องนักแต่งสุดสตรองสร้างกระแส
ไม่แน่ว่าที่ลู่เฉินออกจากการแข่งขันรายการนักร้องนักแต่งสุดสตรอง เพราะได้วางแผนล่วงหน้าแล้วที่จะสร้างกระแส!
ไม่ยอมรับไม่ได้ว่า ผู้มีอำนาจของรายการวาไรตี้คนนี้เลวอย่างมีระดับ เรียกร้องความเห็นใจจากเหล่าแฟนคลับได้มาก
ยิ่งพากันแห่ไปรุมด่าในบล็อกของลู่เฉินมากขึ้นอีก!
เวลา 19.20น. กรรมการอีกคนของรายการนักร้องนักแต่งสุดสตรอง เฉินเจินหนี ออกมาเขียนบล็อก
เทียบกับข้อความมีเลศนัยของจางเสี่ยวอันแล้ว นักแสดงผู้มาจากต่างประเทศคนนี้รุนแรงกว่ามาก เธอกล่าวอย่างตรงไปตรงมาถึงสาเหตุที่ลู่เฉินถูกคัดออก นอกจากผลงานส่วนหนึ่งแล้ว เหตุผลสำคัญคือไม่เคารพผู้อาวุโส ในรอบออดิชั่นได้พูดจาไม่ดีกับกรรมการ!
เฉินเจินหนี ยังเอ่ยในบล็อกอีกว่า นักร้องหน้าใหม่คนหนึ่ง ต้องบ่มเพาะความเคารพต่อผู้อาวุโส Sorry ฉันมองไม่เห็นสิ่งนั้นในตัวคนๆ นี้เลย หรืออาจเป็นเพราะเขาจะแสดงความเคารพต่อหน้านักแสดงรุ่นใหญ่ซูเปอร์สตาร์เท่านั้น แต่นี่ทำให้ฉันยิ่งรู้สึกขัดแย้ง ถ้าให้ฉันเลือกอีกครั้ง ฉันก็จะกดปุ่มสีแดงเหมือนเดิม!
ในบรรทัดล่างสุด เฉินเจินหนีแอดถึงจวงเฮ่า หรือก็คือกรรมการคนที่สามของรอบออดิชั่น
ตอนนั้นลู่เฉินงัดข้อกับจวงเฮ่าจนเกือบลงจากเวทีไม่ได้
จวงเฮ่าตอบกลับอย่างรวดเร็ว ‘คนหนุ่ม ต้องให้โอกาสพวกเขา เพลงของเขาเขียนได้ดีจริงๆ’
ทั้งสองคนคนหนึ่งร้องคนหนึ่งรับ ย้ำโทษทัณฑ์ของการไม่เคารพผู้อาวุโสลงบนหัวของลู่เฉิน
ทั้งยังบอกเป็นนัยกับเหล่าแฟนคลับว่า…ลู่เฉินยะโสโอหัง ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ อย่ามองว่าเขาดูนอบน้อมถ่อมตนในรายการขับร้องให้ก้องจีน ความจริงแล้วเขาเสแสร้ง
เพราะกรรมการของรายการขับร้องให้ก้องจีนคือเฉินเฟยเอ๋อร์กับถานหง!
มีคนหน้าใหม่ที่ไหนกล้าทำท่าโอหังต่อหน้าคนทั้งสองล่ะ?
เอาเถอะ บนหัวของลู่เฉินแบกรับโทษทัณฑ์อีกหนึ่งคือ “หน้าไหว้หลังหลอก”
จางเสี่ยวอัน เฉินเจินหนี และจวงเฮ่าร่วมมือกันเป็นกระบวนการ บวกกับทีมผู้จัดรายการที่เผยแพร่แถลงการณ์อีกสามฉบับในเบื้องต้น ทำให้ภาพลักษณ์ของลู่เฉินในสายตาของคนที่ไม่ใช่แฟนคลับกลายเป็นคนแย่มาก
นอกจากโจมตีลู่เฉินและแมวจรจัดอย่างต่อเนื่อง ยิ่งกว่านั้นคนพวกนี้ยังเข้าไปถึงบล็อกของเฉินเฟยเอ๋อร์และถานหงด้วย บอกให้ซูเปอร์สตาร์ทั้งสองที่ตัดสินรายการขับร้องให้ก้องจีนเขตเมืองหลวง และการคัดเลือกรอบ 16 คนเหลือ10 คน ให้ลู่เฉินออกจากการแข่งขัน เหตุผลคือเป็นคนนิสัยห่วยแตก!
เฉินเฟยเอ๋อร์และถานหงไม่ได้ตอบกลับ และไม่ให้คำวิจารณ์
ทั้งสองอยู่ในวงการมานานมีมรสุมครั้งใดบ้างที่ไม่เคยประสบ แล้วจะถูกคนเพิกเฉยใส่ได้ยังไง จึงไม่ลดตัวลงมา
เรื่องราวยิ่งใหญ่โตแค่ไหน ครั้งนี้ลู่เฉินถือว่าโด่งดังในบล็อกแล้ว
เสียดายที่เป็นชื่อเสียงแบบเสียหาย
ตอนสองทุ่ม หลี่ไป๋หรือหลี่มู่ไป๋โทรศัพท์หาลู่เฉิน
“แม่ทัพลู่ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? นายถูกคนให้ร้ายในบล็อกฉาวโฉ่ไปทั่ว!”
เขาบ่นอย่างร้อนใจ แม้แต่คำหยาบคายก็สบถออกมาด้วย “กลุ่มขุนศึกตระกูลลู่ของเราแทบจะระเบิดแล้ว พี่เสี่ยวเฟยขอให้ทุกคนใจเย็นเอาไว้ แต่ทุกคนทนไม่ไหว จะให้พวกเรายอมเสียเปรียบฝ่ายเดียวเหรอ!”
ลู่เฉินเพิ่งจัดห้องทำงานเสร็จ กำลังเหนื่อยจนเหงื่อออกทั้งศีรษะ
ได้ยินเสียงของหลี่มู่ไป๋โวยวาย เขาหัวเราะ
“นายบอกให้ทุกคนไม่ต้องใจร้อน เพราะตอนนี้ยังไม่ใช่โอกาสจะตอบโต้ เรารอดูกันต่อไปก่อน”
“ยังต้องรออีกเหรอ?”
หลี่มู่ไป๋เอ่ยอย่างไม่พอใจ
“ถูกคนอื่นเหยียบหัวปาขี้ใส่ขนาดนี้ ผมทนไม่ได้หรอก!”
ลู่เฉินก็ไม่ได้อยากทน เพียงแต่ฝ่ายเฉินเจี้ยนหาวยังไม่มีความคืบหน้า ถึงเขาอยากตอบโต้แต่ไม่มีอาวุธ
แต่ลู่เฉินไม่อาจทำให้เลือดร้อนของหลี่มู่ไป๋กับกลุ่มขุนศึกตระกูลลู่สงบลง เขาคิดแล้วพูดว่า “เอาอย่างนี้ ให้เวลาผมอีกหนึ่งชั่วโมง คุณบอกให้ทุกคนเตรียมตัวไว้ ถึงเวลาแล้วพวกเราลงมือพร้อมกัน!”
ถ้าก่อนเวลาสามทุ่ม แมวจรจัดยังเงียบอยู่ ลู่เฉินก็ต้องออกตัวเองแล้ว
ต่อให้อยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ เขาก็จะสู้จนถึงที่สุด
เมื่อทนไม่ได้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องทน!
……………………………………………………………………………………..