ตอนที่ 12 ผู้ฟังเสียงแรก
ตอนที่ลู่เฉินอยู่บนเวที เสี่ยวหมี่นั่งห่างออกไปไม่ไกลที่โต๊ะเบอร์ 035
เธอใช้ฟันขบเบาๆ บนหลอดในแก้วน้ำแข็ง ดวงตาของเธอมองไปที่ใบหน้าเพื่อนสาวทั้งสามที่นั่งร่วมโต๊ะเดียวกัน ด้วยท่าทางสื่อว่า ‘ฉันนั่งฟังเฉยๆ ไม่ออกความเห็น’
แต่ดวงตาปราดเปรียวของเธอฉายแววดื้อรั้นและซุกซน เผยให้เห็นถึงตัวตนที่แท้จริงของเธอที่ซ่อนอยู่
เสี่ยวหมี่มีชื่อเต็มว่าหมี่เซวียน ชื่อเล่นของเธอได้พี่สาวรูมเมทของเธอตั้งให้ เธอเป็นนักศึกษาชั้นปีหนึ่งของมหาวิทยาลัยครูปักกิ่ง หลายวันก่อนเพิ่งฉลองวันเกิดอายุครบ 19 ปี
คืนนี้เธอตั้งใจจะไปทบทวนหนังสือที่ห้องสมุด ผลคือถูกพี่ใหญ่ พี่รอง และพี่สามที่เป็นรูมเมทลากไปที่ย่านทะเลสาบโฮ่วไห่ บอกว่าจะไปเลี้ยงอำลาชีวิตปีหนึ่งให้เธอ และเพื่อดูหนุ่มหล่อสักหน่อย!
บาร์แห่งนี้ชื่อบาร์เดย์ลิลลี่ บรรยากาศในร้านไม่เลวเลย
เสี่ยวหมี่เคยไปที่บาร์ในย่านซานหลี่ถุนมาแล้ว แต่ที่นั่นบรรยากาศบ้าคลั่ง มืดหม่น และร้อนรุ่ม ทำให้เธอที่เคยชินกับการแสร้งทำสงบเสงี่ยมเรียบร้อยแต่ความจริงเป็นเด็กวัยรุ่นที่มีจิตใจต่อต้านตกอกตกใจ
บาร์ในย่านโฮ่วไห่แน่นอนว่าต้องเงียบและสงบ พวกใช้ชีวิตแบบสมัยใหม่ย่อมมากเป็นธรรมดา
แต่ถ้าพูดถึงพี่ชายรูปหล่อ? พี่ชายรูปหล่ออยู่ที่ไหน?
นักร้องที่เพิ่งลงจากเวทีไปยังดูหนุ่มมาก ร้องเพลงน่าจะถือว่าใช้ได้ น่าเสียดายที่ดูขี้เก๊กไปหน่อย คงจะคิดว่าตัวเองหล่อเหลาน่าหลงใหล ชอบส่งสายตาหว่านเสน่ห์ไปที่สาวๆ…แหวะ!
เธอดูดจิบเครื่องดื่มเบาๆ กำลังคิดว่าจะทำอย่างไรให้พี่ใหญ่ พี่รอง และพี่สามที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานหันมาทำอะไรสนุกๆ กับเธอแก้เบื่อ
ตอนที่กำลังคิดหาวิธีพิเรนทร์ๆ ได้ และกำลังจะเริ่มแสดงออกมา เสี่ยวหมี่ก็ได้ยินเสียงเพลงที่ดังมาจากเวที
“พรุ่งนี้เธอจะนึกออกไหม ไดอารี่ที่เธอเขียนไว้เมื่อวาน”
“พรุ่งนี้เธอจะจำได้ไหม เธอที่ชอบร้องไห้เป็นที่สุด…”
เธอนิ่งอึ้งไปทันใด
เสียงร้องใสบริสุทธิ์ เจือด้วยความเศร้ารางๆ เป็นคำร้องและท่วงทำนองที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน
แต่ว่าเพราะมากจริงๆ!
เสี่ยวหมี่อดเงยหน้าขึ้นไปมองบนเวทีไม่ได้ เห็นเพียงชายหนุ่มที่สวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้ากับกางเกงยีนส์นั่งอยู่บนเก้าอี้กำลังกอดกีตาร์บนตักดีดสายกีตาร์พร้อมกับร้องเพลง
เพลงนี้ชื่อเพลงว่าอะไร? พี่ชายรูปหล่อคนนี้ชื่ออะไร?
เสี่ยวหมี่จ้องมองฝ่ายนั้นอย่างไม่วางตา อยู่ๆ ความอัดอั้นตันใจที่มีก็หายไปหมดสิ้น!
จนกระทั่งเสียงร้องเพลงจบลง เธอถึงสะดุ้งตื่นขึ้น คนแรกปรบมือให้
“เสี่ยวลู่ ร้องอีกรอบหนึ่ง!”
ตามด้วยเสียงปรบมือกึกก้อง มีคนตะโกนขึ้นว่า “เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉัน!”
ตอนนี้เองเสี่ยวหมี่ถึงได้รู้ชื่อนักร้องและชื่อเพลง แม้ยังรู้ไม่หมด แต่ข้อเสนอของคนอื่นเธอก็เห็นด้วยเป็นที่สุด…เมื่อครู่ยังฟังไม่พอเลย!
“สาวน้อย วิญญาณกลับเข้าร่างเดี๋ยวนี้…”
มือขาวๆ ข้างหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ โบกไหวๆ เพื่อดึงสายตาของเธอกลับมา
พี่ใหญ่รูมเมทหัวเราะอย่างมีเลศนัย “หรือว่าจะชอบสุดหล่อคนนั้นเข้า? จิตใจหวั่นไหวเลยใช่ไหม?”
“พี่ใหญ่!”
พวงแก้มของเสี่ยวหมี่แต้มไปด้วยสีชมพูระเรื่อ “พี่พูดอะไรของพี่น่ะ!”
พอเห็นท่าทางเขินอายของเธอ พี่ใหญ่ พี่รองและพี่สามต่างหัวเราะชอบใจ หัวเราะจนเกือบทำแก้วเหล้าหก
โชคยังดีที่บรรยากาศในร้านคึกคัก มีทั้งคนปรบมือชื่นชม มีทั้งคนเป่าปาก ไม่อย่างนั้นพวกเธอจะต้องตกเป็นที่สนใจของคนอื่นในร้านแน่ แบบนั้นจะยิ่งขายหน้ายิ่งกว่านี้
คนรูปหล่อบนเวทีไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง เขายิ้มแล้วรับคำ ร้องเพลงเดิมอีกครั้ง
เสี่ยวหมี่จิตใจหวั่นไหว อาศัยจังหวะที่ทุกคนหันไปทางเวที แอบหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าออกมาเปิดกล้องวิดีโอ แล้วบันทึกภาพบนเวทีไว้
ตอนที่ถ่ายไปเกินครึ่ง เธอรู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไป จึงหันไปมอง
พบว่ามีบริกรคนหนึ่งยืนอยู่ด้านข้าง กำลังจ้องโทรศัพท์มือถือของเธอ สีหน้าไม่ค่อยเป็นมิตร
“คุณผู้หญิงท่านนี้ ในบาร์ของเราไม่อนุญาตให้ถ่ายวิดีโอนะครับ ขอความร่วมมือด้วย ขอบคุณครับ!”
ลูกค้าประจำที่มาบ่อย มีหลายคนที่เป็นระดับเจ้าของธุรกิจ คนทำงาน คนในวงการบันเทิง หรือแม้แต่ดารานักแสดงก็มีไม่น้อย พวกเขาส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว ขณะที่มาเที่ยวผ่อนคลายย่อมไม่ชื่นชอบการถูกคนอื่นแอบถ่าย
ดังนั้นหน้าประตูทางเข้าของบาร์เดย์ลิลลี่จะมีป้ายประกาศติดในตำแหน่งที่เห็นชัดเจนว่า ‘ห้ามถ่ายวิดีโอ’
เสี่ยวหมี่แลบลิ้น แล้วรีบเก็บโทรศัพท์ พูดว่า “ขอโทษค่ะ…”
เธอหน้าตาสวยน่ารัก อีกทั้งรีบพูดขอโทษแล้ว บริกรจึงไม่กล้าว่าอะไรอีก เพียงพยักหน้าแล้วเดินจากไป
“คุณหนูเสี่ยวหมี่!”
พี่ใหญ่ถลึงตาใส่เธอดุๆ เป็นทำนองว่า…แม่พาเธอมาเที่ยวเล่น อย่าทำให้แม่ต้องขายหน้า!
คืนนี้กลับไปต้องลงโทษให้หนัก!
เสี่ยวหมี่ก้มหน้าอย่างละอาย ราวกับว่าเสียใจที่ตัวเองทำผิด แต่จริงๆ แล้วในมือเธอยังถือโทรศัพท์อยู่ นิ้วมือรัวกดบนหน้าจออย่างว่องไว พิมพ์ข้อความยาวเหยียดอย่างชำนาญ
‘คืนนี้ที่บาร์แถวโฮ่วไห่ เจอพี่ชายรูปหล่อคนหนึ่ง ร้องเพลงเพราะมาก!’
ข้อความแรกถูกส่งออกไปบนฟอรัมเป่ยไห่เฉิงที่เธอชอบเข้าไปเล่นเป็นประจำ ในข้อความของเสี่ยวหมี่ที่ส่งออกไป เธอแนบคลิปวิดีโอที่ถ่ายเมื่อครู่ไปด้วย
ฟอรัมเป่ยไห่เฉิง คือเว็บบอร์ดฟอรัมที่นักศึกษามหาวิทยาลัยทั่วทั้งปักกิ่งชอบเข้าไปสนทนาแลกเปลี่ยนในหัวข้อต่างๆ ปกติจะมีจำนวน IP[1] และ PV[2]สูงมาก ในนั้นเป็นศูนย์กลางของเหล่านักศึกษามหาวิทยาลัยในเมืองหลวง มหาวิทยาลัยใดมีข่าวอะไรเกิดขึ้น จะถูกส่งเข้าไปในหน้าเว็บบอร์ดอย่างรวดเร็ว
เสี่ยวหมี่คิดเพียงแต่ว่าเล่นเพื่อความสนุก ถึงส่งข้อความออกไปด้วยชื่อบัญชีของตัวเอง
โดยทั่วไปข้อความประเภทนี้มักอยู่ในฟอรัมเป่ยไห่เฉิงเป็นเวลาสั้นๆ แล้วจะถูกข้อความอื่นที่มีเป็นจำนวนมากกลืนไป ในที่สุดก็จะหายไปจากสายตาผู้ชม
อาจมีบางช่วงเวลาที่มีคนอื่นเปิดขึ้นมาดูบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็จะหายไปอยู่ดี
แต่เสี่ยวหมี่ไม่ได้สนใจ เธออยากจะแสดงความชอบในเพลงนี้ของเธอ ส่วนคนร้องก็…
ก็ชอบนิดหน่อย!
ตอนนี้ลู่เฉินยังไม่รู้ว่าเขามีแฟนคลับเพิ่มขึ้นมาอีกคน
เขาตั้งใจร้องเพลงเธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉันรอบที่สอง แล้วเขาก็ได้รับเบียร์เป็นรางวัลเพิ่มมากมาย
แขกที่มาเยือนบาร์มีคู่รักนักศึกษาอยู่ไม่น้อย หากเปรียบกับพวกพนักงานบริษัทแล้ว ฐานะทางการเงินของพวกเขาค่อนข้างจำกัด ดังนั้นจะไม่ใช่ผู้ที่มอบรางวัลกลุ่มหลัก อย่างมากก็ให้แค่ขวดหรือสองขวดเป็นการแสดงความชื่นชม
แต่ในคืนนี้ไม่เหมือนกัน เพลงเธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉันร้องจบไปสองรอบ เขาได้รางวัลเป็นเบียร์มากกว่า100 ขวด ถ้าเทียบตามส่วนแบ่ง 70% ก็เท่ากับเงินประมาณ 1,500 หยวน!
น่าเสียดายที่เรื่องดีๆ แบบนี้ไม่ได้มีทุกวัน วันหยุดสุดสัปดาห์มีลูกค้าเยอะ จะมีการใช้จ่ายเงินมากหน่อย ไม่อย่างนั้นอาศัยรางวัลหนักแบบนี้ ลู่เฉินจะได้ลืมตาอ้าปากบ้าง ไม่ต้องกังวลเรื่องหนี้สินของที่บ้านอีกต่อไป
เบียร์ 100 กว่าขวดที่ได้เป็นรางวัลมาจากคู่รักนักศึกษาไม่น้อย ส่วนใหญ่นักศึกษาหญิงจะให้นักศึกษาชายเป็นคนซื้อให้
มีนักศึกษาชายบางคนที่ไม่ยินยอม แต่สุดท้ายก็ต้องยอมเพราะถูกแฟนสาวออดอ้อนและตัดพ้อ
ประเภทออดอ้อน: “เธอไม่รักฉันเหรอ?”
ประเภทเย็นชา: ”ช่างเถอะ ฉันซื้อเองก็ได้”
ประเภทที่ปากอย่างใจอย่าง: ”เหอะๆ เธอคงไม่ได้หึงหรอกนะ? อย่าคิดมากสิ ฉันก็แค่ชอบเพลงนี้เท่านั้นเอง!”
ประเภทเจ้าเล่ห์: “ขวดเดียวไม่พอหรอก! เอาอีกสองขวดไปเลย!”
……
หากเป็นผู้ชายที่มีความฉลาดทางอารมณ์สูงหน่อย ถ้าไม่อยากเป็นหนุ่มโสดพวกเขาต้องยอมควักเงินซื้อให้สถานเดียว
ต่อให้พรุ่งนี้ต้องกินข้าวกับผักดองก็ตาม
ขณะที่ลู่เฉินได้รางวัลมากมาย ยังได้ความเคืองแค้นมาจากพวกนักศึกษาชายไม่น้อยด้วย
หน้าตาหล่อแล้วอย่างไร?!
ความแค้นเคืองของพวกเขาค่อนข้างรุนแรง แม้แต่ลู่เฉินที่นั่งอยู่บนเวทียังรู้สึกได้
คิดไปคิดมา เขาพูดใส่ไมโครโฟนว่า “ขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนนะครับ ต่อไปผมจะร้องเพลงเพลงหนึ่ง เป็นผลงานของผมอีกเช่นเดียวกัน แล้ววันนี้เป็นครั้งแรกที่ผมนำออกมาร้องในบาร์เดย์ลิลลี่เป็นที่แรกด้วย เพราะฉะนั้นทุกคนจะได้เป็นผู้ฟังเสียงแรกของเพลงนี้!”
ว้าว!
ในบาร์เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ลูกค้าหลายคนนั่งหลังตรงอย่างไม่รู้ตัว สีหน้าท่าทางจริงจังขึ้นมาทันที อีกหลายคนเผยอาการตื่นเต้นคึกคัก
ที่เรียกว่าผู้ฟังเสียงแรก เดิมทีเป็นตัวละคร NPC ในเกมออนไลน์เกมหนึ่ง ผู้เล่นเพียงร้องเพลงเสียงดังออกไมโครโฟนให้ฟัง ก็จะได้รับรางวัลที่แตกต่างกันไป
ต่อมาถูกคนนำไปใช้อย่างแพร่หลาย หมายความถึงผู้ที่ได้ชมผลงานเพลงหรือผลงานดนตรีเป็นคนแรกหรือกลุ่มแรก
“ผู้ฟังเสียงแรก…”
ด้านหลังเวทีในห้องใหญ่ เยี่ยเจิ้นหยางเบะปากอย่างไม่ชอบใจ สายตาของเขามองไปทางห้องเล็กที่ประตูปิดสนิท พูดเสียงเบาว่า “แม้แต่พี่ฉินยังไม่กล้าพูดแบบนี้เลย!”
หากใช้ผู้ฟังเสียงแรกเป็นชื่อฉายา อย่างนั้นฉายานี้ก็เอาไปใช้กับใครก็ได้ เพราะมันยังสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองไปพร้อมกัน
นักร้องผู้เขียนเพลงมือสมัครเล่นมีมากมาย หากไม่มีความมั่นใจและความสามารถมากพอ คงไม่มีใครกล้าพูดว่าคนแรกที่ได้ฟังผลงานเพลงของตัวเองได้ชื่อว่าเป็นผู้ฟังเสียงแรก เพราะฉายาแบบนี้คู่ควรจะใช้กับผลงานชั้นสูงที่แท้จริงเท่านั้น ไม่เช่นนั้นจะถูกหัวเราะเยาะเอาได้!
ลู่เฉินมีคุณสมบัติอะไร ถึงกล้าพูดได้ถึงเพียงนี้?
ต่อให้เป็นพี่ใหญ่ตัวจริงของนักร้องในบาร์เดย์ลิลลี่…ฉินฮั่นหยางผู้นำจิตวิญญาณของวงเฮสิเทชั่น ร้องผลงานของตัวเองในบาร์ตั้งกี่ครั้ง ยังไม่เคยเอ่ยถึงชื่อแบบนี้มาก่อน!
ในที่นั้นหลี่หงและหวังเสี่ยวไซว่ต่างทำท่าเห็นด้วย แต่พี่น่ายิ้มอ่อนพูดว่า “เสี่ยวลู่เก่งจริงๆ เพลงเธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉันเมื่อกี้จะต้องโด่งดังมีชื่อเสียงแน่ เชื่อว่าเพลงใหม่นี้จะไม่ทำให้ใครผิดหวังเหมือนกัน”
สีหน้าของเยี่ยเจิ้นหยางกระอักกระอ่วน แต่ไม่กล้าขัด
พี่น่ากับวงเฮสิเทชั่นต่างก็มีห้องพักผ่อนส่วนตัว แต่ปกติแล้วเธอชอบออกมาอยู่ห้องใหญ่ด้านนอกพูดคุยกับนักร้องคนอื่น ฟังเสียงพวกเขาร้องเพลงและเสียงจากในบาร์มากกว่า
ถ้าลู่เฉินไม่ได้ใช้เพลงเธอผู้เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของฉันพิสูจน์ฝีมือของตัวเอง พี่น่าอาจจะไม่เห็นด้วย แต่ตอนนี้เธอตั้งความหวังกับเพลงใหม่ที่ลู่เฉินกำลังจะร้องไว้อย่างสูง!
แม้แต่ตัวเธอเองยังไม่สังเกตเห็นว่าความคาดหวังนี้ได้เหมารวมไปถึงเจตนาอื่นด้วย
ด้านนอกบนเวที ลู่เฉินเริ่มบรรเลงจังหวะท่อนแรกของเพลงใหม่
ทั้งบาร์เงียบเสียงลงอีกครั้ง
……………………………………………………………….
[1] IP ย่อมาจาก Internet Protocol เป็นการวัดจำนวนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เข้ามาร่วมในเว็บบอร์ด
[2] PV ย่อมาจาก Page View เป็นจำนวนหน้าของเว็บบอร์ดที่ถูกเรียกออกไปดูโดยผู้ชม