ตอนที่ 123 แค่ไม่กี่ล้านเอง
เดือนสิงหาคม เมืองหางโจว อากาศร้อนเหมือนจะหลอมโลหะให้ละลาย
ฝนเพิ่งตกไป ท้องฟ้ากลับมาแจ่มใสอีกครั้ง ในวันที่แดดร้อนระอุ ไอน้ำจากพื้นดินระเหยขึ้นมาพร้อมความชื้นอบอ้าว ทำให้วิวทิวทัศน์รอบข้างดูไม่เหมือนจริง
แม้สภาพอากาศไม่ค่อยเอื้ออำนวย แต่ตอนเที่ยงทะเลสาบซีจื่อยังมีผู้คนมากมายหลั่งไหลมาเป็นสาย
เมืองหางโจวเป็นหนึ่งในเจ็ดเมืองโบราณ และยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สวยงามแห่งหนึ่งด้วย ทุกปีได้ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวมากถึงเจ็ดสิบล้านคนขึ้นไป โดยเฉพาะเมื่อถึงวันหยุดเทศกาล แต่ละสถานที่ท่องเที่ยวมีผู้คนหลั่งไหลมามากมาย
ทั้งเบียดเสียดและสวยงาม เป็นเมืองบ้านเกิดที่น่าประทับใจที่สุดของลู่เฉิน
ที่นี่ เขาเคยมีความทรงจำอันสวยงามนับไม่ถ้วน
ห่างกันแค่เดือนกว่าที่เขาได้กลับมาเมืองหางโจวอีกครั้ง ลู่เฉินรู้สึกว่ามันแปลกตาไป
โชคที่ดีที่เขายังจดจำทางที่ไปร้านอาหารได้ดี ไม่เช่นนั้นคงต้องขายหน้าเพื่อนๆ แล้ว
ทะลุผ่านซอยยาวๆ ไป ด้านหน้าปรากฏอาคารทรงโบราณหลังหนึ่ง กำแพงสีขาวและกระเบื้องสีเขียว ต้นไม้เขียวชอุ่ม ประตูบานใหญ่สีแดงเปิดอ้า โคมไฟสีแดงอันใหญ่สี่อันถูกแขวนลงมาจากขื่อใต้หลังคา แต่ละอันเขียนตัวอักษรสีดำบนพื้นหลังสีขาว
ร้านอาหารไป๋ลู่
แต่เห็นคำกลอนที่เสาประตูด้านซ้ายขวาเขียนว่า :นกหวงหลีสองตัวขับขาน นกกระยางฝูงหนึ่งบินขึ้นฟ้า
“พี่ลู่เฉิน ที่นี่เป็นร้านอาหารเหรอ?”
มู่เสี่ยวชูมองซ้ายขวาอย่างสงสัย ดวงตาดำขลับปรากฏแววตกใจ
ไม่แปลกที่เธอตกใจ เพราะที่นี่ดูไม่เหมือนร้านอาหารเลย อาคารทรงโบราณที่มีสวนดอกไม้ มองดูเหมือนบ้านของบัณฑิตคงแก่เรียนสักคนมากกว่า
ลู่เฉินหัวเราะ “ที่นี่เป็นบ้านเก่าของบัณฑิตเมื่อสมัยก่อน ปรับปรุงมาเป็นร้านอาหาร”
ร้านอาหารไป๋ลู่เป็นชื่อของสถานที่นี่ มาเป็นร้อยปีแล้ว จุดเด่นอยู่ที่อาหารท้องถิ่นของหางโจว มีสาขาอยู่หลายแห่งทั่วเมือง
แต่ร้านต้นตำรับคือร้านไป๋ลู่ที่อยู่ข้างทะเลสาบซีหูแห่งนี้ พ่อครัวที่ทำอาหารเป็นระดับปรมาจารย์ชั้นหนึ่ง
อยู่ๆ ก็มาถึงที่นี่ แน่นอนว่าไม่มีที่นั่ง ลู่เฉินบังเอิญยังมีบัตรสมาชิกพิเศษของร้านอยู่หลายใบ ด้วยเหตุนี้เขาจึงจองได้ห้องอาหารส่วนตัว
ตั้งแต่บ้านของเขาเกิดเรื่อง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้มารับประทานอาหารที่ร้านไป๋ลู่
คนที่มาด้วยนอกจากมู่เสี่ยวชู ยังมีหลี่เฟยอวี่และสมาชิกผู้เข้าแข่งขันของรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’
จางจวิ้นหวาและหลินหลาง
จางจวิ้นหวาโตกว่าลู่เฉินหนึ่งปี เรียนจบจากวิทยาลัยเป่ยอินสาขาดนตรียุคปัจจุบัน ในผู้เข้าแข่งขันเขตปักกิ่งทั้ง10 คน เขาอาศัยเพลง ‘รักล้นมหาสมุทร’ ได้คะแนนอันดับสูงสุดของกระดาน ต่อมาถูกลู่เฉินได้คะแนนนำไป
แม้เป็นเช่นนี้ จางจวิ้นหวาก็ยังเป็นนักร้องวัยรุ่นที่มีความสามารถ เขาได้เซ็นสัญญากับบริษัทค่ายเพลงแห่งหนึ่งแล้ว
หลินหลางเป็นผู้เข้าแข่งขันของเขตเซิ่งจิง การแข่งขันในทัวร์ครั้งแรก เขาเอาชนะจั่วชิงชิว เข้าสู่รอบต่อมา
หลินหลางและมู่เสี่ยวชูอายุเท่ากัน ยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย นิสัยร่าเริงไม่อยู่นิ่ง ถนัดการร้องเพลงแร็ปทั้งยังร้องและเต้นเก่ง มีผลงานเพลงของตัวเอง จึงเป็นนักร้องที่ได้รับคะแนนนิยมสูง
รายการทัวร์การแข่งขันของรายการขับร้องให้ก้องจีนระดับประเทศ ได้ผู้เข้ารอบ 10 คนจากเขตปักกิ่งมาแล้ว ผ่านสถานีแรกเมืองเซิ่งจิง สถานีที่สองเมืองฮู่ไห่ และสถานีที่สามเมืองหางโจวแล้ว จนตอนนี้เหลือเพียงลู่เฉิน จางจวิ้นหวาและมู่เสี่ยวชูสามคน
ผู้เข้าแข่งขัน 10 คนจากแต่ละเขตล้วนแข็งแกร่ง การแข่งขันจึงเป็นไปอย่างเข้มข้นโหดร้าย!
เมื่อคืนการแข่งขันของเมืองหางโจวเพิ่งจบสิ้นลง วันนี้ทีมรายการและผู้เข้าแข่งขันต่างหยุดพักในเมืองเป็นเวลาหนึ่งวัน พรุ่งนี้ค่อยออกเดินทางต่อไปเมืองเทียนฝู่
ดังนั้นการเป็นคนท้องถิ่น ลู่เฉินจะต้องเป็นเจ้าบ้านที่ดี โดยการพาจางจวิ้นหวาและมู่เสี่ยวชูออกมาเที่ยว
ผ่านรายการทัวร์การแข่งขันมาสามรอบแล้ว ทั้งสามคนสนิทกันมากขึ้น ถือว่าเป็นเพื่อนกัน
หลี่เฟยอวี่ใช้ตำแหน่งผู้ช่วยของลู่เฉินคอยติดตามลู่เฉิน
ส่วนหลินหลาง เจ้าหนุ่มคนนี้นิสัยเข้ากับคนง่าย ทั้งยังแสดงออกว่าชอบมู่เสี่ยวชู จึงตามมาด้วย
ลู่เฉินไม่ได้ใส่ใจนัก แค่เพิ่มที่นั่งกับชามตะเกียบอีกชุดเท่านั้น
หลังจากแสดงบัตรสมาชิกพิเศษของตัวเองแล้ว ทั้งห้าคนก็มาถึงห้องส่วนตัวที่จองไว้
ห้องอาหารส่วนตัวนี้ไม่ได้ใหญ่นัก ตกแต่งแบบโบราณดูประณีต เมื่อผลักหน้าต่างออกไปจะมองเห็นวิวสวนไผ่สีเขียวด้านนอกและสระน้ำ ลมโชยเข้ามาแผ่วๆ ไม่ร้อน
“พี่เฉิน ที่นี่ไม่เลวจริงๆ!”
หลินหลางรำพึงออกมา “เมื่อก่อนพี่ต้องมาบ่อยแน่เลย? ค่าอาหารต้องแพงมากใช่ไหม”
วันนี้ที่ออกมาได้คุยกันแล้วว่าลู่เฉินเป็นคนเลี้ยง แต่ใครก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะพามาที่ร้านแบบนี้
หลินหลางยังไร้เดียงสา จึงรู้สึกไม่เคอะเขิน
ลู่เฉินหัวเราะ “ฉันเคยมาครั้งสองครั้ง บัตรสมาชิกมีคนให้มา ค่าอาหารที่นี่ก็ไม่ได้แพงมาก”
ร้านอาหารไป๋ลู่แม้จะมีชื่อเสียงมาเป็นร้อยปี แต่ราคาล้วนอยู่ในเกณฑ์ทั่วไป แค่ไม่สั่งอาหารราคาแพง พนักงานเงินเดือนทั่วไปมารับประทานได้โดยไม่รู้สึกลำบากกระเป๋า ดังนั้นกิจการจึงดีเป็นพิเศษ
ร้านดั้งเดิมสาขาแรกข้างทะเลสาบซีหูนี้ราคาอาจจะสูงกว่าเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในขอบเขตที่รับได้
สิ่งสำคัญคืออาหารที่นี่รสชาติเป็นแบบท้องถิ่นดั้งเดิม ลู่เฉินเลี้ยงทั้งทีต้องให้เพื่อนๆ ได้รับประทานอาหารรสชาติต้นตำรับอยู่แล้ว
บัตรสมาชิกพิเศษของลู่เฉินใบนี้ เพื่อนทางธุรกิจของลู่ชิ่งเซิงมอบให้เป็นของขวัญ
เขาเคยพาแฟนสาวมารับประทานหลายครั้ง
เสียดายที่ของอยู่แต่คนไม่อยู่แล้ว บิดาจากไป แฟนสาวก็เลิกรา
มีเพียงร้านอาหารไป๋ลู่ที่ยังไม่เปลี่ยน
นึกถึงเรื่องราวในอดีตแล้วสะเทือนใจ ลู่เฉินเรียกบริกรมาสั่งอาหาร
ระหว่างรออาหาร หลี่เฟยอวี่หยิบเครื่องบันทึกวีดีโอออกมาเปิด แล้วเล็งไปที่ลู่เฉินเป็นคนแรก
เขาติดตามมาด้วยสถานะผู้ช่วยของลู่เฉิน ความจริงแล้วหน้าที่หลักคือการอัดคลิปและออกอากาศสดลู่เฉินลงในเว็บไซต์จิงอวี๋ทีวี ตลอดทั้งรายการทัวร์แข่งขัน เพื่อแฟนคลับหลายแสนคนได้ดู
สำหรับเหล่าแฟนคลับแล้ว นี่เป็นเรื่องที่แปลกใหม่มาก ทุกคืนมีผู้ติดตามชมมากกว่าห้าแสนคนเฝ้าอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อดูความเคลื่อนไหวของลู่เฉินทั้งในและนอกการแข่งขัน และได้รายได้เป็นรางวัลมากมาย
ความจริงแล้วอยู่ข้างนอกใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายทอดสดก็ได้ แต่เพื่อรับประกันคุณภาพของเนื้อหา ดังนั้นตอนกลางวันหลี่เฟยอวี่จะอัดคลิปไว้ กลับไปแล้วค่อยใช้โปรแกรมตัดต่อ
ถ้ามีเวลาว่างลู่เฉินจะถ่ายทอดสดด้วยตัวเอง ถ้าต้องออกไปแข่งขันร้องเพลง ก็จะเป็นหน้าที่ของหลี่เฟยอวี่ออกอากาศสดแทน
ด้วยการผลัดเปลี่ยนกันแบบนี้ จำนวนแฟนคลับยิ่งมากขึ้น กองทัพขุนศึกตระกูลลู่เพิ่มจำนวนมหาศาล
แฟนคลับที่น่ารักเหล่านี้ แน่นอนว่าเป็นหนึ่งในพื้นฐานสำคัญที่ทำให้ลู่เฉินได้ยืนหยัดอยู่ในวงการบันเทิงได้!
ดังนั้นไม่ว่าสัญญาที่เซ็นมาจะเป็นอย่างไร ลู่เฉินไม่ยอมปล่อยงานออกอากาศสดออนไลน์หลุดมือไปง่ายๆ
เขาจะต้องหาวิธีการออกอากาศสดที่ดีกว่านี้
หลี่เฟยอวี่ผู้ถือกล้องถ่ายวีดีโอไว้หัวเราะพูดว่า “โอกาสแบบนี้มีน้อย ต้าเฉิน นายทักทายกับทุกคนหน่อย แล้วฉันค่อยถ่ายเพื่อนๆ ว่าที่ซูเปอ์สตาร์ในอนาคต!”
ลู่เฉินโบกมือยิ้มให้กล้อง “สวัสดีครับทุกคน ผมคือผู้ออกอากาศลู่เฉิน วันนี้พวกเรามาอยู่ที่เมืองหางโจว ร้านอาหารไป๋ลู่ข้างทะเลสาบซีหู เพื่อรับประทานอาหารกับเพื่อนๆ ผู้เข้าแข่งขันทั้งสามคน”
“คนนี้คือน้องเสี่ยวชูที่ทุกคนชื่นชอบ!”
กล้องหันไปจับที่มู่เสี่ยวชูทันที ฝ่ายหลังเขินหน้าแดง ยิ้มแล้วโบกมือให้กล้อง
“สวัสดีค่ะทุกคน”
วันนี้มู่เสี่ยวชูสวมชุดกระโปรงสั้นสีขาว ดูเหมือนดอกไม้สีขาวน่าทะนุถนอมและสวยงาม
ลู่เฉินรู้สึกดีกับน้องสาวขี้อายคนนี้ แต่ไม่ใช่ความรู้สึกแบบหญิงชาย เป็นความรู้สึกของพี่ชายที่อยากปกป้องน้องสาว ดังนั้นจึงช่วยดูแลเธอตลอดทาง
ถ่ายมู่เสี่ยวชูแล้ว จากนั้นเป็นรอบของจางจวิ้นหวาและหลินหลาง ทั้งสองให้ความร่วมมือเต็มที่
หลี่เฟยอวี่ถ่ายจบแล้ว หลินหลางถามอย่างสงสัยว่า “พี่เฉิน พี่ถ่ายแล้วเอากลับไปเผยแพร่เหรอ?”
ลู่เฉินอธิบายว่า “ไม่ใช่หรอก คืนนี้เอาไปออกอากาศให้คนอื่นๆ ผู้ออกอากาศในโลกออนไลน์ นายรู้จักไหม?”
มู่เสี่ยวชู จางจวิ้นหวาและหลินหลางพากันพยักหน้า
ลู่เฉินยิ้ม “ฉันเป็นผู้ออกอากาศออนไลน์ที่เซ็นสัญญาไว้ ดังนั้นที่ถ่ายไปนี่ถือว่าเป็นเนื้อหาธรรมดา”
นี่ไม่ได้เป็นเรื่องลับที่เปิดเผยให้ใครรู้ไม่ได้ บอกไปไม่เสียหาย
หลินหลางเบิกตาโต
“พี่เฉิน ผมยังคิดว่าพี่เซ็นสัญญากับบริษัทค่ายเพลงใหญ่ซะอีก! ทำไมพี่ยังคิดจะทำงานแบบนี้ เป็นผู้ออกอากาศออนไลน์หาเงินได้เยอะเหรอ”
แม้ไม่ได้ตั้งใจ แต่เมื่อเอ่ยถึงเรื่องผู้ออกอากาศออนไลน์ น้ำเสียงของเขายังทำให้คนอื่นรู้สึกไม่พอใจ
จางจวิ้นหวาแสดงสีหน้าไม่เห็นด้วย
ผู้ออกอากาศออนไลน์เป็นอาชีพใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาสองปีนี้ เนื่องจากหลักเกณฑ์ต่ำและการแข่งขันที่รุนแรง ในสายอาชีพนี้จึงมีข่าวฉาวโฉ่มากมาย เช่นผู้ออกอากาศสาวขายเนื้อขายตัว บางทีเกิดเรื่องที่ไร้ขอบเขตบรรทัดฐานทางสังคมด้วย
รายงายของสื่อต่างๆ ที่มีความลำเอียง ทำให้คนอื่นมักมีแนวคิดไม่ดีกับสายอาชีพนี้
ทั้งสองคิดไม่ถึงว่า อาชีพของลู่เฉินในตอนนี้เป็นเพียงผู้ออกอากาศออนไลน์ระดับรากหญ้าเท่านั้น คิดว่าคนที่เก่งและฉลาดอย่างเขา จะต้องเซ็นสัญญากับบริษัทค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ ไม่จำเป็นต้องกดข่มตัวเองเลย
ลู่เฉินมองเห็นสีหน้าของทั้งสองแล้วหัวเราะ
“ฉันเป็นศิลปินอิสระ ไม่คิดจะเซ็นสัญญากับบริษัทไหนหรอก ความจริงโลกของการออกอากาศออนไลน์นั้นน่าสนุกมาก ไม่ใช่แค่ร้องเพลงเล่นดนตรี เล่าเรื่องตลก แล้วก็ได้รู้จักกับเพื่อนมากมาย”
“ถ้ามีโอกาส พวกนายลองดูบ้างก็ได้”
ลู่เฉินไม่ได้ตั้งใจปรับมุมมองอันเอนเอียงของทั้งสอง เพราะในการออกอากาศออนไลน์ยังมีแง่มุมที่ไม่ค่อยดีงามอยู่
ตัวเขาไม่ทำผิดต่อศีลธรรมก็พอแล้ว
จางจวิ้นหวาทนไม่ได้พูดออกมา
“นี่จะหาเงินได้สักเท่าไหร่เชียว ได้ข่าวว่าโม้เอาไว้มากเกิน”
คนๆ นี้มีจิตใจตั้งแง่กับลู่เฉิน ความจริงเขาไม่อยากยอมแพ้มาโดยตลอด
ถือโอกาสนี้กล่าวโจมตี
ลู่เฉินเอ่ยเสียงเรียบว่า “คนที่โม้ถึงเรื่องรายได้นั้นมีอยู่ อย่างฉันที่มีเงินเดือนประจำบวกกับเงินรางวัล ปีหนึ่งได้แค่ประมาณไม่กี่ล้านเอง”
เขายังพูดจำนวนน้อยกว่าความจริง
แป้ก!
ตะเกียบในมือของหลินหลางตกลงบนโต๊ะ จางจวิ้นหวานิ่งทึ่ง
เป็นล้าน? คำว่าไม่กี่ล้าน?
จริงหรือหลอก?
มู่เสี่ยวชูสรรเสริญเขา
“พี่ลู่เฉิน พี่เก่งจริงๆ!”
ประโยคนี้ฟังดูคลุมเครือ!
ลู่เฉินกระแอม
“กับข้าวมาแล้ว ทุกคนเริ่มกินกันเถอะ กินให้อิ่มท้องก่อนค่อยว่ากัน!”
ฟ้าดินกว้างใหญ่ แต่เรื่องกินข้าวใหญ่ที่สุด
เพียงแต่มีบางคนเหมือนกินข้าวไม่ลง
ถ้าอย่างนั้นลู่เฉินก็ไม่สนใจแล้ว
……………………………………….