ตอนที่ 136 สองฝ่าย
ตอนที่ลู่เฉินกลับมาถึงอพาร์ทเม้นท์ก็ดึกมากแล้ว
หลังจากจบการแข่งขันในรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ และคว้าแชมป์ระดับประเทศมาเรียบร้อย ลู่เฉินและทุกคนก็ไปดื่มฉลองกันที่บาร์เดย์ลิลลี่ต่ออย่างรื่นเริงสนุกสนานถึงเที่ยงคืน
เขาผ่อนคลายตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่รู้ว่าดื่มเหล้าไปกี่แก้ว จากนั้นจึงถูกลู่ซีพากลับมาบ้านอย่างงุนงง
พอมาถึงอะพาร์ทเมนท์ ลู่เฉินก็ได้สติแล้วไม่น้อย
“พี่ พาผมกลับมาบ้านได้ยังไงครับ”
ลู่ซีบ่นอย่างไม่สบอารมณ์ “ถ้าไม่พาแกกลับมาบ้าน งั้นก็ต้องปล่อยแกให้อยู่ที่สตูดิโอคนเดียวเหรอ”
อันที่จริงคนเมาจำเป็นต้องได้รับการดูแลมากจริงๆ ดังนั้นเธอไม่กล้าทิ้งลู่เฉินไว้คนเดียวแน่นอน
คิดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะคอแข็งขนาดนี้ ไม่เมาถึงขั้นขาดสติ
ตอนที่อยู่ในบาร์ เธอเห็นน้องชายของตัวเองถูกรินเหล้าใส่แก้วครั้งแล้วครั้งเล่า แต่คืนนี้ทุกคนมีความสุขมากๆ เธอจึงไม่อยากขัดจังหวะทำลายบรรยากาศ ได้แต่รู้สึกสงสารนิดหน่อย
ตอนนี้ลู่เฉินได้สติแล้ว พี่สาวถึงวางใจในที่สุด
รู้อย่างนี้ทิ้งเขาให้อยู่ที่สตูดิโอเสียดีกว่า!
ลู่เฉินหัวเราะฮิๆ แล้วกล่าวว่า “อย่างนั้นผมนอนที่โซฟาก็ได้ครับ”
เดิมทีลู่เฉินเป็นคนเช่าห้องพักแบบสตูดิโอนี้ไว้ หลังจากที่ลู่ซีมาปักกิ่ง เขาจึงปล่อยให้เธอใช้
ลู่ซีบีบจมูกแล้วพูดว่า “ไปอาบน้ำก่อน กลิ่นเหล้าบนตัวแกเหม็นมาก!”
ลู่เฉินยกเสื้อขึ้นมาดม แต่ก็ไม่ได้กลิ่นเหล้า
“เอ่อ เสื้อผ้าที่ซักแล้วของผมอยู่ที่สตูดิโอน่ะ”
ลู่ซีพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ฉันซื้อให้แกใหม่ระหว่างทางกลับบ้านแล้ว…”
ตอนที่เธอกลับมาก็นึกได้พอดี โชคดีที่กิจการค้าขายในเมืองหลวงมีพัฒนาการสูงมาก ดึกดื่นเที่ยงคืนก็ยังมีร้านซูเปอร์มาร์เก็ตเปิดให้บริการ
ลู่เฉินเกาศีรษะแกรกๆ เขารู้สึกมึนนิดหน่อยจริงๆ
ลู่ซียัดถุงกระดาษใส่อ้อมแขนของเขาอย่างหมดความอดทน แล้วผลักเขาไปที่ห้องน้ำ “รีบไปอาบน้ำ!”
ลู่เฉินหัวเราะคิกคัก คว้าถุงกระดาษแล้วเข้าไปอาบน้ำ
หลังจากอาบน้ำชำระล้างกลิ่นเหล้าและความเมาออกไปจากตัวด้วยน้ำร้อนในห้องอาบน้ำอย่างสบายใจ เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดออกมาแล้ว ลู่เฉินรู้สึกมีสติสดใส สบายตัวเป็นอย่างมาก
ปกติไม่ว่าจะงานยุ่งแค่ไหน ต่อให้มีการแข่งขันข้างนอก เขาก็จะออกกำลังกายทุกวัน ลมฝนก็ห้ามไม่อยู่
ด้วยความตั้งมั่น สองสามเดือนที่ผ่านมาร่างกายของลู่เฉินจึงแข็งแรงมากขึ้น กล้ามเนื้อปรากฏขึ้นมาตรงส่วนหน้าท้องของเขา ไม่เพียงแต่มีร่างกายที่แข็งแรงกำยำ แถมยังดื่มเก่งขึ้นอีกด้วย
“มากินมื้อดึกสิ…”
ตอนที่ลู่เฉินอาบน้ำ พี่สาวของเขาก็เตรียมอาหารมื้อดึกไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
อาหารมื้อดึกคือบะหมี่หนึ่งชาม ใส่มะเขือเทศกับไข่อย่างง่ายๆ เพิ่มต้นหอมหั่นเป็นท่อน น้ำซุปใสพริกแดงสดหัวไชเท้ากับเส้นบะหมี่สีเหลือง กลิ่นหอมเตะจมูก เห็นแล้วน่ากินมากๆ
ตอนเย็นลู่เฉินดื่มเหล้าจนเต็มท้อง ตอนนี้ย่อยไปหมดแล้ว และอยู่ในช่วงที่หิวมากพอดี เขาจึงหยิบตะเกียบขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด กินบะหมี่กับน้ำซุปหมดชามภายในเวลาอันรวดเร็ว!
เขาเอามือตบท้อง แล้วเรอออกมาด้วยความพอใจสุดๆ
“อิ่มแล้ว”
มีบ้าน มีคนในครอบครัวอยู่ข้างกาย ช่างดีจริงๆ!
ลู่ซีมองเขากินจนอิ่ม จากนั้นจึงเอ่ยว่า “งั้นแกก็ไปพักผ่อนเถอะ พี่จะล้างชามเอง”
ลู่เฉินพยักหน้า “พี่ ขอบคุณนะ”
ลู่ซีไม่พูดอะไร แต่สายตากลับมีความอ่อนโยนเพิ่มมากขึ้น
ทันใดนั้นลู่เฉินรู้สึกเก้ๆ กังๆ รู้สึกคันในหูอีกแล้ว จึงอดไม่ได้เอานิ้วก้อยเข้าไปแคะ
ตอนที่แข่งขัน หูข้างนี้ใส่หูฟังไร้สายอยู่
“คันหูเหรอ”
ลู่ซีกล่าว “เดี๋ยวพี่ช่วยแคะให้ ไปนั่งที่โซฟาสิ”
เดิมทีลู่เฉินอยากจะพูดว่าไม่อยากรบกวน แต่พี่สาวลุกขึ้นแล้ว เขาจึงได้แต่กลืนน้ำลายแล้วเดินตามไป
ลู่ซีหยิบอุปกรณ์ออกมาจากกระเป๋าของตัวเอง เธอให้ลู่เฉินนอนลงไป กดศีรษะของคนหลังให้อยู่บนขาของตัวเอง จากนั้นก็ส่องไฟแคะหูให้ลู่เฉิน
ตอนที่เริ่มแคะ ลู่เฉินรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก เพราะว่าพี่สาวไม่เคยอ่อนโยนกับตัวเองแบบนี้มานานแล้ว
แต่ในไม่ช้าเขาก็ผ่อนคลายลง
เขานึกถึงตอนเป็นเด็ก พี่สาวก็ชอบแคะหูให้ตัวเองแบบนี้
เพียงแต่พี่สาวกับน้องชายคู่นี้ห่างเหินกัน เกิดความคับข้องใจกันตั้งแต่เมื่อไรนั้น ลู่เฉินจำไม่ได้จริงๆ
แต่เวลาที่ถูกแคะหูสบายมากจริงๆ!
ทั้งสองคนไม่พูดอะไรกัน ห้องรับแขกเล็กๆ อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความอบอุ่นจางๆ
ลู่ซีแคะขี้หูออกมาอย่างระมัดระวัง จู่ๆ ก็ถามเบาๆ “แกกับเยี่ยจื่อเลิกกันแล้วใช่ไหม”
ผ่านไปสักพักลู่เฉินถึงได้สติกลับมา แล้วพูดอย่างขมขื่นว่า “พี่ครับ พวกเรายังไม่เคยเป็นแฟนกันเลย”
เขากับเยี่ยจื่อถงมีความรู้สึกที่ดีต่อกันก็จริง แต่ความรู้สึกที่ดีแบบนี้ไม่เคยเปลี่ยนเป็นความรักที่แท้จริง นอกจากนี้ด้วยเวลาที่ล่วงเลยไปและระยะห่างที่แยกจากกัน จึงกลายเป็นความระทมทุกข์และความทรงจำสีจาง
รู้สึกเสียดายแต่ไม่เสียใจ เพราะยังไม่ได้ถลำลึกลงไปขนาดนั้น
เมื่อผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากมาย ลู่เฉินสงสัยว่าตัวเองไม่มีความกล้าพอที่จะรักอย่างลึกซึ้งหรือเปล่า
เขาพูดว่า “ตอนที่การแข่งขันสิ้นสุดลง เธอส่งข้อความมาหาผม แสดงความยินดีที่ผมได้เป็นแชมป์”
ลู่ซีเงียบไปพักหนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “เยี่ยจื่อเป็นผู้หญิงที่ดี แกไม่ได้ทำร้ายเธอก็ถูกแล้ว”
เธอรู้ดีว่าลู่เฉินยุ่งมากๆ จึงไม่มีเวลาคบใครทั้งนั้น
หรือจะพูดให้ถูกก็คือ ตัวของลู่เฉินไม่คิดอยากมีความรัก
หนี้ที่หนักอึ้งของครอบครัวเหมือนกับยอดเขาขนาดใหญ่ กดทับร่างกายของเขาอยู่
และกดทับร่างกายของลู่ซีในขณะเดียวกันด้วย
เธอเข้าใจความกังวลใจของลู่เฉิน แค่รู้สึกเสียดายนิดหน่อยเท่านั้นเอง
เยื่อจื่อเป็นผู้หญิงที่ดี
ลู่ซีแคะหูอย่างอ่อนโยนมากขึ้น
“ครับ”
ลู่เฉินขานรับหนึ่งที ความเหนื่อยล้าที่ซ่อนอยู่ภายในร่างกายเข้ามาโจมตีอย่างเงียบๆ ทำให้หนังตาของเขาหนักขึ้น
ลู่เฉินหลับตาแล้วผล็อยหลับไป เสียงกรนเบาๆ ดังออกมาในไม่ช้า
เขาเหนื่อยมากจริงๆ
ลู่ซีนั่งรออยู่พักหนึ่ง รอจนลู่เฉินหลับสนิท
จากนั้นเธอจึงหยิบหมอนหนึ่งใบมาแทนที่ขาที่ใช้ต่างหมอนของตัวเอง
จากนั้นเอาผ้าห่มบางๆ มาคลุมให้ลู่เฉิน แล้วพี่สาวของเขาถึงค่อยปิดไฟกลับไปที่ห้องของเธอเพื่อพักผ่อน
ดึกมากแล้ว
ห้องรับแขกจมดิ่งสู่ความมืด แสงไฟข้างนอกส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง เป็นแสงรางๆ
ท่ามกลางความมืด ลู่เฉินนอนพลิกตัวบนโซฟาเพื่อให้ตัวเองนอนสบายยิ่งขึ้น
เขานอนหลับสนิทและผ่อนคลายมาก
ท่ามกลางความมืดสลัว มีเสียงที่คุ้นเคยกำลังบอกลู่เฉินว่าระหว่างเขากับพี่สาวคืนดีกันแล้วจริงๆ…
ดังนั้นเขาจึงสบายใจแล้ว
…
เช้าตรู่ เมืองปินไห่
ฟางอวิ๋นตื่นขึ้นมาแต่เช้า หลังจากล้างหน้าแปรงฟันอย่างลวกๆ แล้ว เธอทานอาหารเช้าอย่างเร่งรีบก่อนเตรียมตัวไปซูเปอร์มาร์เก็ต
วันนี้เป็นวันเสาร์ ซูเปอร์มาร์เก็ตต้าไป่ฝูที่อยู่ไม่ไกลจากเขตชุมชนตงผิงกำลังจัดโปรโมชั่นลดพิเศษ ราคาของผักสดและเนื้อสัตว์มากมายถูกกว่าในตลาดสดไม่น้อย บรรดาแม่บ้านทั้งหลายจึงวิ่งมาที่นี่บ่อยๆ เพื่อแย่งกันกักตุนสินค้า
แต่ถ้าไปสาย ราคาสินค้าลดราคาจะถูกคนแย่งไปหมด ต่อให้มีของเหลือก็ไม่ใช่ของดีเท่าไร
วันนี้ฟางอวิ๋นอารมณ์ดีมาก ดังนั้นเธอจึงอยากจะซื้อของเยอะหน่อย จึงเตรียมถุงชอปปิงใบใหญ่สองใบมาเป็นพิเศษ
ก่อนจะออกจากบ้านเธอไม่ค่อยวางใจนิดหน่อย จึงผลักประตูห้องเล็กเข้าไป
ภายในห้องยังคงเปิดแอร์ อุณหภูมิค่อนข้างต่ำ ลู่เสวี่ยกำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง ตัวครึ่งหนึ่งโผล่ออกมานอกผ้าห่ม เหมือนกับหมูน้อยขี้เซาตัวหนึ่ง
“ลูกคนนี้…”
ฟางอวิ๋นบ่นออกมา หารีโมทปรับอุณหภูมิให้ใหม่ จากนั้นก็ดึงผ้าห่มไปห่มบนตัวลู่เสวี่ย
เธอยื่นมือตีก้นน้อยๆ ของลู่เสวี่ยด้วยแรงกำลังพอดีหนึ่งที
คนหลังทำเสียง ‘ฮึดฮัด’ ไม่พอใจสองที แล้วจึงขดตัวเข้าไป
ฟางอวิ๋นกลั้นหัวเราะไม่อยู่ หมุนตัวออกมาจากห้อง
เธอปิดประตูห้องอย่างเบามือมาก
ฟางอวิ๋นเจอเพื่อนบ้านคนหนึ่งบนทางเดินขึ้นบันไดชั้นล่าง ซึ่งก็คือจางเหม่ยหลันภรรยาของหัวหน้าฝ่ายจัดเก็บภาษีที่ดิน
ฝ่ายจัดเก็บภาษีที่ดินเป็นหน่วยงานสำคัญของสำนักงานกิจการภาษีท้องถิ่น หัวหน้าหลินอยู่แผนกนี้ถือว่าเป็นบุคคลที่มีอำนาจกึ่งหนึ่ง ภรรยาของเขาคนนี้จึงค่อนข้างหยิ่งยโส ไม่เคยสนใจฟางอวิ๋นเลยสักนิด
ทว่าเหตุการณ์ในวันนี้กลับไม่เหมือนเดิม จางเหม่ยหลันเผยรอยยิ้มทันทียามที่เห็นฟางอวิ๋น และเป็นฝ่ายทักทายว่า “พี่อวิ๋น วันนี้ตื่นเช้าจัง จะไปซื้อผักที่ต้าไป่ฝูใช่ไหม”
ฟางอวิ๋นตกตะลึง ตอบเมื่อได้สติกลับมา “ใช่ เธอก็ตื่นเช้ามากนะ”
จางเหม่ยหลันยิ้มพูด “ฉันตื่นมาออกกำลังกายตอนเช้าทุกวันจนเคยชินแล้ว แต่วันนี้ฉันอยากไปซูเปอร์มาร์เก็ตกับพี่ด้วย”
ฟางอวิ๋นรู้สึกงงกับเธอมาก แต่ก็ไม่อยากทำให้เสียหน้า ดังนั้นจึงตอบตกลง
ระหว่างที่ไปซูเปอร์มาร์เก็ต จางเหม่ยหลันเอ่ยว่า “พี่อวิ๋น เมื่อคืนเห็นลู่เฉินลูกชายของพี่ในโทรทัศน์ด้วย เขาเก่งขึ้นทุกวันเลยนะ คว้าแชมป์ไปครอง แบบนี้จะได้เป็นซูเปอร์สตาร์ดังแล้วน่ะสิ!”
พอพูดถึงการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศของรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ เมื่อคืนนี้ ฟางอวิ๋นอดเผยรอยยิ้มออกมาไม่ได้
การแสดงโชว์ที่สุดยอดในการแข่งขันนัดสำคัญของลู่เฉิน ไม่เพียงแต่ชนะคะแนนสูงสุดของกรรมการทั้งสี่คน แต่ยังชนะใจคนดูทั้งในงานและนอกงานจำนวนนับไม่ถ้วน สุดท้ายจึงชนะผู้เข้าแข่งขันทุกคนด้วยคะแนนสูงขาดลอย
ในฐานะแม่ของลู่เฉิน ฟางอวิ๋นรู้สึกภูมิใจมาก
หลังจากการแข่งขันสิ้นสุดลง ลู่เฉินโทรศัพท์มาหาเธอ จากนั้นก็มีญาติและเพื่อนสนิทจำนวนไม่น้อยที่โทรมาหาอีก
แน่นอนว่ายามอยู่ต่อหน้าคนอื่นเธอจะต้องถ่อมตัวเข้าไว้
“ซูเปอร์สตาร์ดังเป็นง่ายที่ไหนกัน ลู่เฉินก็แค่โชคดี อนาคตจะเป็นยังไงก็ยังไม่รู้เลย!”
จางเหม่ยหลันเม้มปากแล้วพูดว่า “คุณพี่อย่าถ่อมตัวแทนเขาเลยค่ะ ในคอมเมนต์เฟยซิ่นของฉันต่างพูดกันไปทั่วแล้ว บอกว่าลู่เฉินลูกชายของพี่เป็นอัจฉริยะทางดนตรี และก็เป็นความภาคภูมิใจของเมืองปินไห่ของพวกเราด้วย ในอนาคตเขาจะต้องประสบความสำเร็จมากแน่นอน!”
จากนั้นเธอก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา ถามอย่างอ้อมๆ ว่า “ตอนนี้ลู่เฉินลูกชายของพี่มีแฟนหรือยังคะ”
ฟางอวิ๋นเริ่มเข้าใจทันที “ดูเหมือนจะยังไม่มีนะ”
จางเหม่ยหลันประหลาดใจ “ลู่เฉินทั้งเก่งทั้งหล่อ ทำไมถึงยังไม่มีแฟนล่ะ เดี๋ยวฉันจะช่วยแนะนำให้เขาดีไหมคะ หลานสาวของพี่สาวของฉันเรียนอยู่ที่ปักกิ่ง นิสัยและหน้าตาก็ดีมาก…”
ฟางอวิ๋นพูดไม่ออกจริงๆ เธอรู้ว่าอีกฝ่ายมาประจบประแจงโดยไม่รู้สาเหตุ แสดงว่าต้องมีจุดประสงค์อย่างแน่นอน
เธอจึงทำเป็นพูดขอไปทีกับจางเหม่ยหลัน จนมาถึงซูเปอร์มาร์เก็ตในไม่ช้า
คนรู้จักในซูเปอร์มาร์เก็ตกลับมีมากกว่าเดิม
“สะใภ้ลู่มาแล้ว!”
“อ้าว พี่อวิ๋นมาซื้อผักเหมือนกันเหรอ บังเอิญจัง!”
“นักบัญชีฟาง ยินดีกับคุณด้วยจริงๆ ที่คุณมีลูกชายดี ช่วยสร้างเกียรติให้กับเมืองปินไห่ของพวกเรา!”
“ลู่เฉินเก่งจริงๆ ลูกชายของฉันก็เลื่อมใสเขามาก!”
“ลู่เฉินลูกชายของคุณจะดังใหญ่แล้ว!”
เมืองปินไห่เป็นเมืองเล็กๆ ระดับมณฑล แวดวงคับแคบมาก เวลาที่เกิดเรื่องอะไรมักจะแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
อีกทั้งฟางอวิ๋นก็พักอยู่ในเขตชุมชนตงผิงซึ่งเป็นที่ตั้งของหอพักเจ้าหน้าที่สำนักงานกิจการภาษีท้องถิ่นและสำนักงานการเงิน เรื่องที่ลู่เฉินลูกชายของเธอเข้าร่วมการประกวดในรายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ จึงถูกเล่าต่อกันนานแล้ว
มีเพื่อนร่วมงานหลายคนที่รู้จักลู่เฉิน จึงให้ความสนใจการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศเมื่อคืนเป็นพิเศษ
ผลสรุปคือลู่เฉินชนะคว้าแชมป์ไปครองไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง!
ดังนั้นพอเจอฟางอวิ๋นอยู่ที่นี่ ทุกคนจึงเข้ามาโอบล้อมและพูดแสดงความยินดีกับเธอด้วยความจริงใจ
พวกเขาเบียดจางเหม่ยหลันไปอยู่อีกฝั่ง
ฟางอวิ๋นถูกคนโอบล้อมจนทำตัวไม่ถูก ในใจของเธอยิ่งรู้สึกภูมิใจและซาบซึ้งใจอีกครั้ง!
…………………………………………………………………………