ตอนที 146 ทะนงตัว
ฉากใหญ่โตอลังการจริงๆ!
ลู่เฉินคิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าจะมีคนอยู่ในห้องทดสอบเสียงเยอะขนาดนี้ จึงรู้สึกตกใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เขาใช้สายตาสงสัยมองไปที่เวินจื้อหย่วน…นี่ทำบ้าอะไรกัน
เวินจื้อหย่วนปาดเหงื่อ และอธิบายว่า “อาจารย์ลู่เฉิน ผมขอแนะนำให้คุณรู้จักก่อน คนนี้คือ…”
เขาแนะนำซ่งซุนให้ลู่เฉินรู้จักเป็นคนแรก จากนั้นก็คือว่านซิงกั๋ว ผู้จัดการฝ่ายจัดหานักแสดง ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์เป็นต้น
ส่วนจางฉงและจางซูฮุ่ย เวินจื้อหย่วนข้ามผ่านไปโดยตรง ทำเหมือนมองไม่เห็น
แม่งมึงเหยียบหน้าฉัน คิดว่าฉันเป็นดินเหนียวหรือไง!
จางฉงคิ้วขมวดด้วยความโกรธ แต่ผู้บริหารระดับสูงก็อยู่ที่นี่หลายคน ถึงเธอจะโกรธก็ไม่กล้าแสดงออกมา
ส่วนคนอื่นๆ ไม่ว่าจะคิดอะไรอยู่ในใจ ต่างก็ให้ความเกรงใจแก่ลู่เฉิน
ในวงการเพลงป็อปหรือวงการบันเทิง นักแต่งเพลงที่มีความสามารถก็ยังได้รับความนับถือจากคนอื่น ถึงสถานะของพวกเขาจะไม่ต่ำกว่าดาราไอดอล แต่ชื่อเสียงที่อยู่นอกวงการกลับแย่มาก
คนทั่วไปเวลาฟังเพลงก็จะจำแต่นักร้อง มีคนน้อยมากที่จะมาสนใจว่าคนแต่งเพลงคือใคร
แต่ในแวดวงภายใน ตำแหน่งนักแต่งเพลงของลู่เฉินสูงกว่านักร้องมาก ดังนั้นถึงแม้จะเป็นซ่งซุนรองผู้จัดการทั่วไปของบริษัทแผ่นเสียงอีเอ็มไอ ก็ยังต้องยิ้มแย้มเป็นฝ่ายเข้ามาจับมือกับลู่เฉินก่อน
แน่นอนมันไม่ได้หมายความว่า พวกเขาจะคิดว่าเพลงที่ลู่เฉินมอบให้ถังเฉียวเฉี่ยวจะต้องมีราคาสูงถึงสองแสนห้าหมื่น
แต่เนื่องจากตำแหน่งดาราดังของลู่เฉินเพิ่งจะเริ่มต้น ยังไม่มั่นคงพอ
หลังจากพูดจาพอเป็นพิธีแล้ว ว่านซิงกั๋วจึงถามอย่างอดใจรอไม่ไหว
“คุณลู่เฉิน ได้ยินว่าคุณเขียนเพลงใหม่ให้กับอีเอ็มไอ”
ลู่เฉินแปลกใจเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงกระตือรือร้นขนาดนี้
ที่ปรึกษาทางดนตรีของเทียนไล่เวิร์กชอปคนนี้ ถือว่าเป็นคนนอกในที่นี้ แต่เวินจื้อหย่วนก็ให้ความเคารพเขามาก
ลู่เฉินทำสีหน้านิ่งเฉย แล้วยิ้มพูดว่า
“ใช่ครับ กำลังจะเตรียมทดสอบร้องเพลง ยังไงก็ขอคำชี้แนะจากอาจารย์ว่านด้วยนะครับ”
ว่านซิงกั๋วก็ไม่เกรงใจ รีบพยักหน้าพูดทันที
“ได้ครับ”
สำหรับลู่เฉินแล้ว เขาอยู่ในวงการถือว่าเป็นรุ่นพี่ จึงมีคุณสมบัติในการชี้แนะลู่เฉิน
ลู่เฉินหมุนตัวมา แล้วพูดกับถังเฉียวเฉี่ยวที่ทำหน้างุนงง
“ผมจะใส่เทปเพลงประกอบ แล้วคุณค่อยลองนะ”
ก่อนหน้านี้ในออฟฟิศของเวินจื้อหย่วน ลู่เฉินได้วิเคราะห์โน้ตเพลงให้ถังเฉียวเฉี่ยว รวมทั้งสไตล์พิเศษของผลงานเพลงของตัวเอง และรายละเอียดที่ต้องระวังขณะร้องเพลง
ถังเฉียวเฉี่ยวมีพรสวรรค์ในด้านการร้องเพลงอยู่แล้ว บวกกับระดับความยากของเพลงนี้ไม่เยอะมาก เธอจึงเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นเธอจึงมาที่ห้องทดสอบเสียงเพื่อฝึกร้องจริง
ในฐานะงานชิ้นแรกของการเปิดสตูดิโอ ลู่เฉินยอมเสียกำลังและเวลาเล็กน้อย เพื่อสร้างชื่อเสียงในวงการธุรกิจของตัวเอง
แต่คิดไม่ถึงว่า จะมีคนมารอฟังผลงานของเขามากมายขนาดนี้ และยังเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทแผ่นเสียงอีเอ็มไออีกด้วย
ถังเฉียวเฉี่ยวตกใจยิ่งกว่า
คำพูดของลู่เฉินทำให้เธอได้สติกลับมา รีบเดินไปตรงหน้าไมค์ ด้วยสีหน้าที่ไม่สบายใจเล็กน้อย
ลู่เฉินหยิบแฟลชไดร์ฟที่เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วออกมา เสียบไปที่อุปกรณ์เล่นเสียงแล้วกดปุ่มเล่น
ดนตรีบรรเลงเริ่มต้นขึ้น
เพลงเขียนเสร็จนานแล้ว ส่วนเพลงประกอบลู่เฉินเพิ่งใช้โปรแกรมเครื่องสังเคราะห์เสียงทำขึ้นมาด้วยตัวเองเมื่อวาน แต่ไม่ได้เพราะอะไรมาก ถึงอย่างไรก็แค่เอามาให้ถังเฉียวเฉี่ยวทดสอบร้องเพลงจึงไม่มีปัญหา
การเรียบเรียงเพลงที่แท้จริง ต้องให้ฝ่ายบริษัทแผ่นเสียงอีเอ็มไอช่วยแก้ไขให้ตัวเอง เพราะในสัญญาไม่ได้รวมเงื่อนไขข้อนี้
ตามจังหวะดนตรี ถังเฉียวเฉี่ยวได้แต่อ้าปาก แต่กลับไม่มีเสียงร้องเพลงออกมา
สีหน้าของเธอแดงก่ำขึ้นมาทันที
ในฐานะนักร้องแจ้งเกิดจากการแข่งขันประกวดคนหนึ่ง การแสดงออกของถังเฉียวเฉี่ยวไม่ควรจะแย่ถึงเพียงนี้ แต่เพลงนี้ฝากความหวังกับเธอมากเกินไป ความกดดันที่อยู่ในใจจึงหนักมากเป็นธรรมดา
และคนที่นั่งฟังเพลงของเธอ ก็เป็นผู้บริหารระดับสูงอีก เธอจึงตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
จางซูฮุ่ยที่นั่งอยู่ในห้องทดสอบเสียงเผยสีหน้าเยาะเย้ยออกมาอย่างช่วยไม่ได้
เดิมทีจางซูฮุ่ยก็ไม่เคยมองถังเฉียวเฉี่ยวคนนี้อยู่ในสายตา ต่อให้คนหลังจะอยู่ทีมเดียวกับเธอก็ตาม
ถังเฉียวเฉี่ยวกลับซื้อเพลงจากลู่เฉิน เธอจึงไม่พอใจเป็นอย่างมาก…ต่อให้เธอไม่ต้องการ ใช่ว่าเธอจะเอาได้ เธอมีค่าพอกับเพลงราคาสองแสนห้าหมื่นเหรอ
เพราะฉะนั้นเธอจึงตามคุณน้ามา เพื่ออยากดูความหน้าแตกของถังเฉียวเฉี่ยว
ผลสรุปคือถังเฉียวเฉี่ยวก็ทำตัวเป็นตัวตลกจริงๆ!
จางฉงหัวเราะมีเสียงออกมาโดยตรง
หลี่จื้อเกาหน้าย่นเป็นมะระ พยายามส่งสายตาให้ถังเฉียวเฉี่ยว เพื่อบอกให้อีกฝ่ายใจเย็นๆ
ความจริงเขามีความกดดันมากกว่าถังเฉียวเฉี่ยว
ซ่งซุนกับว่านซิงกั๋วและคนอื่นๆ ต่างขมวดคิ้ว รู้สึกว่าสภาพจิตใจของถังเฉียวเฉี่ยวแย่มาก
การมอบเพลงที่ดีให้กับเด็กใหม่คนนี้ จะสามารถสนับสนุนขึ้นมาได้จริงๆ ใช่ไหม
เวินจื้อหย่วนหัวเราะออกมาแต่ดูยังไงก็น่าเกลียดกว่าร้องไห้!
ช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ถ้าถังเฉียวเฉี่ยวตกม้าตายตอนนี้ เขาจะเอาหน้าไปวางไว้ที่ไหนเล่า!
ลู่เฉินตาไว มือไว รีบกดปุ่มหยุดทันที
เขาพูดกับถังเฉียวเฉี่ยวว่า “คุณไม่ต้องตื่นเต้น เพลงนี้เขียนให้คุณโดยเฉพาะ คุณจะต้องร้องได้ดีแน่นอนครับ ไม่ต้องรู้สึกกดดันอะไร ร้องอย่างผ่อนคลายเป็นธรรมชาติ ถึงยังไงก็เพิ่งเริ่มฝึก”
เขียนให้ถังเฉียวเฉี่ยวโดยเฉพาะเหรอ
ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทที่นั่งอยู่สองสามคนแอบส่ายหน้า กระทั่งเบะปากอย่างดูถูก
ขี้โม้จริงๆ เวลาแค่สองวัน ลู่เฉินก็สามารถเขียนเพลงที่ดีพิเศษเฉพาะให้กับถังเฉียวเฉี่ยวได้แล้วเหรอ
เกรงว่าจะเอาเพลงที่แต่งไว้นานแล้วมาประสมประเสให้เป็นเพลงล่ะไม่ว่า แล้วก็เร่งทำผลงานออกมาชั่วคราว
วิธีการพูดของลู่เฉิน ไม่มีอะไรมากไปกว่าการแสดงให้เห็นว่าบริษัทแผ่นเสียงอีเอ็มไอไม่ได้เสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์
ลูกไม้ตื้นๆ พวกนี้ ในสายตาของพวกเขาไม่ควรค่าแก่การพูดถึงเลยสักนิด
ถังเฉียวเฉี่ยวจึงผ่อนคลายลง
ถึงอย่างไรเธอก็ไม่ใช่เด็กใหม่ที่เพิ่งเดบิวต์แล้ว แต่ก่อนตอนที่แข่งขันในรายการก็โชว์ความสามารถได้ไม่เลว แค่ทำใจให้สงบก็รู้สึกเป็นธรรมชาติมากขึ้น จากนั้นเธอจึงยื่นมือไปจับไมค์อีกครั้ง
ลู่เฉินเห็นดังนั้น จึงเปิดเพลงประกอบขึ้นอีกครั้ง
ครั้งนี้ถังเฉียวเฉี่ยวไม่ได้ตกม้าตายอีก แล้วนักร้องคอนเสิร์ตก็ขึ้นเวทีอีกครั้งตามเสียงเพลงประกอบ
“คิดเพ้อเจ้อทั้งคืน คืนนี้สวยจัง
ทำให้ฉันนอนไม่หลับ
ทำไมคุณคิดหนีตลอด
หากความคิดถึงรักษาไม่หาย
คงต้องโทษที่ฉันหายารักษาไม่เจอ
คุณไม่เคยบอกสัญญาณรักกับฉัน
แย่แล้ว ฉันตกหลุมรักคุณก่อน
ฉันรักคุณมากกว่า
หากเป็นเช่นนี้ฉันคงต้องทนทรมาน
ไม่ดีแล้ว ความสง่างามหายไป
หัวใจเต้นแรงไม่เป็นสุข
ได้ยินไปทั่วทั้งโลก~
…”
แค่เนื้อเพลงท่อนแรก ก็ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ยกเว้นลู่เฉินต่างรู้สึกประทับใจ!
พวกเขาเป็นคนในวงการ ถึงแม้จะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ แต่ความสามารถชื่นชมเพลงขั้นพื้นฐานก็มีอยู่แล้ว
ง่ายที่สุดก็คือเพลงนี้เพราะหรือไม่ มีศักยภาพแฝงที่จะดังได้หรือเปล่า
ลู่เฉินเขียนเพลงนี้ให้ถังเฉียวเฉี่ยวมีความพิเศษมาก ฟังสบาย มีสไตล์ มีสีสัน มีความเป็นตัวเองที่เด่นชัด ไม่เหมือนกับเพลงรักหรือเพลงเร็วทั่วไป ให้กลิ่นอายความรู้สึกที่น่าประทับใจอยู่ในนั้น
แค่ได้ฟังก็รู้สึกถึงความสดชื่นแปลกใหม่!
สิ่งที่ทำให้คนรู้สึกชื่นชมก็คือ คุณลักษณะพิเศษในเส้นเสียงของถังเฉียวเฉี่ยวถูกเปิดเผยออกมาผ่านบทเพลงนี้ เสียงขึ้นจมูกเล็กน้อยให้ความรู้สึกของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยความทะนงตัวและภาคภูมิใจ รวมถึงอารมณ์ของวิญญาณที่ไร้ตัวตนหลุดเข้าไปในโลกของมนุษย์
ถ้าจะพูดถึงข้อเสียก็คือ เธอยังร้องไม่ลื่นไหลพอ
แต่เธอก็เพิ่งเริ่มฝึกเท่านั้นเอง
“…
อย่าทะนงตัวนักเลย
ฉันจะไปเมื่อไหร่ก็ได้
คุณยังไม่ได้จับมือของฉันเลย!
คืนที่ยาวนานพระจันทร์ต้องเดียวดายแน่นอน
จะทำยังไงดี
คุณยังติดหนี้กอดฉันอยู่
แต่ฉันก็ยังยิ้มให้คุณเหมือนเดิม
ทำไมคุณยังไม่เห็นความดีของฉันสักที~
…”
ถังเฉียวเฉี่ยวเพิ่งร้องท่อนฮุกจบไป ว่านซิงกั๋วก็ตบขาตัวเองแล้วพูดว่า “ดี!”
ท่อนฮุกนี้เยี่ยมจริงๆ ยกระดับของเพลงให้เร็วขึ้นอย่างรวดเร็ว จุดสุดยอดของเพลงก็ทำได้ดี
นี่คือเพลงที่เขียนให้ถังเฉียวเฉี่ยว และยังเขียนให้กับผู้หญิงอายุยี่สิบกว่าปีอีกหลายพันคน!
จากประสบการณ์หลายปีของว่านซิงกั๋ว ถ้าอยากทำให้ผลงานเพลงนี้ดังเปรี้ยงปร้างก็ยากพอสมควร แต่ถ้าจะทำให้ดังพอประมาณนั้นไม่มีปัญหา หากทำการตลาดให้เหมาะสม ก็มากพอที่จะเป็นดาวดวงใหม่ได้เหมือนกัน
ซ่งซุนเผยรอยยิ้มบนใบหน้า เขาชอบเพลงนี้
ถึงแม้ตอนนี้ถังเฉียวเฉี่ยวจะยังร้องไม่ชิน และเพลงประกอบจะหยาบมาก แต่ท่วงทำนองดนตรีที่ไพเราะของผลงานชิ้นนี้ได้แสดงออกมาแล้ว เหลือเพียงการเรียบเรียงตัดต่อภายหลังและฝึกฝนเท่านั้น
เพลงดีหายาก เพลงนี้คุ้มค่าต่อการซื้อ!
ผู้จัดการและหัวหน้าสองสามคนมองหน้ากันเลิกลั่ก พูดไม่ออก
เดิมทีพวกเขาอยากมาดูเรื่องตลก แต่ผลกลับตรงกันข้ามกลายเป็นสักขีพยานแทน
ร่วมเป็นสักขีพยานกับความสามารถที่โดดเด่นของเด็กใหม่
ความรู้สึกของเวินจื้อหย่วนกับหลี่จื้อเกาเหมือนออกจากขุมนรกกลับสู่สวรรค์
โดยเฉพาะเวินจื้อหย่วนที่สบายใจสุดๆ
เขารู้ว่าความเสี่ยงของตัวเองประสบความสำเร็จแล้ว เงินก้อนนี้ไม่ได้เสียเปล่า ตำแหน่งของเขายังคงนั่งได้มั่นคงเหมือนเดิม
ส่วนจางฉง…
เวินจื้อหย่วนหันไปมองอีกฝ่าย และเห็นสีหน้าตกตะลึงดูไม่ได้ของคนหลังโดยที่ไม่แปลกใจ
เหมือนเขากำลังใช้ขวดน้ำเย็นสามขวดราดตัวเองท่ามกลางแสงอาทิตย์ร้อนแรง รู้สึกสบายสดชื่อตั้งแต่หัวจรดเท้า
ความรู้สึกหดหู่ที่เดิมทีสะสมอยู่ภายในใจมลายหายไปหมดแล้ว!
ถ้าหากผู้บริหารระดับสูงไม่ได้อยู่ที่นี่ เวินจื้อหย่วนอยากจะหัวเราะเสียงดังฮ่าๆ เพื่อประกาศชัยชนะของตัวเอง
และจางซูฮุ่ยที่นั่งข้างๆ จางฉง กลับรู้สึกแย่อย่างถึงที่สุด
เธอบีบนิ้วตัวเองอย่างแรง กัดริมฝีปากแน่นจ้องตาเขม็งไปที่ถังเฉียวเฉี่ยวที่กำลังร้องเพลงดีขึ้นเรื่อยๆ ราวกับมีงูพิษมากมายนับไม่ถ้วนกำลังฉกหัวใจของเธอ
เดิมทีเพลงนี้เป็นของเธอ และเธอก็สมควรที่จะยืนอยู่ตรงนั้น!
แต่ผลที่ได้คือเพลงที่เธอตัวเองไม่ชอบกลับถูกถังเฉียวเฉี่ยวแย่งไป แบบนี้ไม่ยุติธรรมจริงๆ!
วินาทีนี้ จางซูฮุ่ยเริ่มรู้สึกโกรธแค้นจางฉงขึ้นมา
ถ้าหากไม่ใช่เพราะการคัดค้านของคุณน้า เธอจะพลาดโอกาสนี้ไปได้อย่างไร
“…ทำให้ฉันนอนไม่หลับ ทำไมคุณคิดหนีตลอด”
เมื่อร้องเพลงนี้จบแล้ว ใบหน้าของถังเฉียวเฉี่ยวจึงเต็มไปด้วยความมั่นใจมากขึ้น สายตาของเธอสว่างเป็นประกายสุดๆ พร้อมกับความตื่นเต้นดีใจ
หลังจากร้องเพลงนี้จบไปหนึ่งรอบ ถังเฉียวเฉี่ยวจึงเข้าใจความงดงามของเพลงนี้อย่างแท้จริง
เธอชอบเพลงนี้ มันสร้างขึ้นมาเพื่อตัวเธอเองจริงๆ
สามารถได้ผลงานชิ้นนี้ คือความโชคดีของเธออย่างไม่ต้องสงสัย!
แปะๆๆ!
เสียงปรบมือดังขึ้นกะทันหันภายในห้องทดสอบเสียง
และเห็นเพียงซ่งซุนที่ปรบมือด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เขาลุกขึ้นแล้วถามว่า “เพลงนี้ชื่อว่าอะไร”
ถังเฉียวเฉี่ยวมองตาอีกฝ่าย แล้วพูดอย่างมั่นใจ “ทะนงตัวชื่อของมันคือทะนงตัวค่ะ!”
จากนั้นสายตาของถังเฉียวเฉี่ยวก็มองไปที่ลู่เฉิน เผยแววตาซาบซึ้งออกมา
เป็นเพราะเขาที่ทำให้เธอรู้สึกภูมิใจในตัวเอง!
…………………………………………………………………………